ให้ตาย ดื่มยังไงให้ปวดหมดทั้งเนื้อทั้งตัว ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าวะเนี่ยยัยดรีม...
"อื้อ~"
ฉันค่อย ๆ ขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างยากลำบากเพราะแสงแดดอุ่นอ้าวที่ลอดผ่านเข้ามาจากม่านสีขาวบ่งบอกว่าตอนนี้คงสายแล้ว แต่ทั้ง ๆ ที่ตื่นสายขนาดนี้กลับรู้สึกราวกับว่ายังไม่ได้นอนเลยสักนิด
ทั้งเมื่อยทั้งเหนื่อยล้า
ฉันขยับตัวลุกขึ้นจากที่นอนทั้งอย่างนั้น คิดทบทวนว่าเมื่อคืนกลับมายังไงแต่ก็จำแทบไม่ได้แล้ว แน่ล่ะเมื่อคืนฉันดื่มหนักด้วยมีเหตุผลสำคัญคือจะต้องลืมผู้ชายที่ชื่อ 'คีตะ' ให้ได้ แล้วมองผู้ชายคนอื่นสักที
แล้วถามว่าทำได้ไหม
คำตอบคือ ไม่...
ตอนที่ลุกขึ้นจากที่นอนถึงได้รู้ว่าบนร่างกายของฉันไร้เสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียวก็ไม่มีติดกาย จึงรีบดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาพันตัวแล้วกวาดสายตามองรอบห้อง ทว่าภายในห้องพักขนาดสามสิบสองตารางเมตรนี้กลับมีเพียงความว่างเปล่า
พบเพียงชุดเดรสสั้นสีขาวที่ใส่ไปเที่ยวเมื่อคืนกับชุดชั้นในสองชิ้นวางอยู่ด้วยกัน นี่ฉันเมาจนถึงขั้นถอดเสื้อผ้านอนเลยหรือไง
คงเมาจนเสียสติไปเลยสินะ
ใช่ มันใช่แน่ ๆ
ฉันหลอกตัวเองแล้วขยับตัวเพื่อจะลงจากเตียง แต่กลับต้องทรุดตัวลงนอนอีกครั้งเพราะทั้งเจ็บระบมไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะ 'ตรงนั้น' ที่มันไม่ควรมาเจ็บป่วยเวลานี้
ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้ ไม่เห็นจะจำได้เลยว่าเมื่อคืนทำเรื่องน่ากลัวแบบนั้น
ฉันยกฝ่ามือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองแล้วพยายามคิดว่าเมื่อคืนทำอะไรไปบ้าง แต่ก็คิดอะไรไม่ออกนอกจากเห็นหน้าพี่คีตะที่เพิ่งจะฝันถึง มันเป็นฝันที่เหมือนความจริงมาก ๆ
ฉันก้มสำรวจร่างกายตัวเองยิ่งรู้สึกว่าหัวใจมันเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นรอยแดงเป็นจ้ำบนผิวที่เคยขาวเนียนไร้ตำหนิ ทั้งเนินอกและหัวไหล่ สิ่งที่เห็นเริ่มทำใจฉันสั่นไหว
เมื่อคืนฉันมีอะไรกับพี่คีตะจริงเหรอ !
ครืด~
ตอนที่กำลังคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมารบกวนจนนึกอะไรไม่ออก จึงยื่นมือไปหยิบมันขึ้นมา
"ฮัลโหล ธัญญ่า" ฉันกดรับสายจากเพื่อนสนิทแล้วกรอกเสียงใส่คนปลายสายทันที ตั้งใจจะถามมันว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่มันกลับเอ่ยคำหนึ่งขึ้นมา เล่นเอาฉันขาอ่อนแรงแทบล้มพับ
(“เป็นไง แซ่บไหมพี่คีตะ”)
"แกว่าไงนะ"
(“ก็เมื่อคืนแกไปกับเขา สรุปไปจบที่ไหนห้องแกหรือบ้านเขา”)
ความเจ็บปวดทุกสัดส่วนชัดเจนมากขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนสนิทพูดออกมา สิ่งที่ฉันคิดว่ามันเป็นความฝันบางช่วงบางตอนนั้นกลายเป็นเรื่องจริง
"อยากจะเป็นลม" เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ของฉันเริ่มผุดขึ้นมาทั่วขมับแถมหัวใจยังเต้นแรงมากจนน่ากลัว เมื่อคิดถึงสิ่งที่ฉันทำไปเมื่อคืน ถึงแม้จะจำไม่ได้แต่ร่างกายมันเฉลยแล้วว่าเป็นเรื่องจริง
(“ทำไมวะ ไม่โดนเหรอ อุตส่าห์รอมาห้าหกปี”)
"โดนบ้าบออะไรจำไม่ได้เลยต่างหาก !" ฉันกุมขมับตัวเองเพราะรู้สึกเครียดอย่างบอกไม่ถูก
"เขาเมาไหมแก"
(“ก็น่าจะเมา ไม่งั้นจะไปกับแกเหรอ”) คำตอบของธัญญ่าทำให้ฉันคลายความหนักใจขึ้นมา เพราะนั่นหมายความว่าพี่คีตะก็อาจจะจำอะไรไม่ได้เหมือนกัน
(“แต่เมื่อคืนเขาดูแปลก ๆ นะ มาคนเดียว แถมยังขับรถราคาแพง ๆ มาด้วย ทุกทีขับมอไซค์ไม่ใช่เหรอ”)
“แกเมาเหมือนกันใช่ไหมญ่า” ฉันขำเบา ๆ แล้วถามมันออกไป
“แม่พี่คีตะเปิดร้านน้ำปั่นบังหน้าเหรอ ที่จริงทำธุรกิจมืดแบบนี้หรือเปล่า”
(“ก็ฉันเห็นจริง ๆ ฉันยังจะตามไปส่งแกแต่เขามองตาดุ”)
“จริงก็จริง” ฉันพูดแล้วส่ายหน้ากับตัวเอง ถ้าฉันเมาไม่รู้เรื่องยัยเพื่อนสนิทของฉันมันก็คงจะไม่ต่างกันหรอก
แล้วเมื่อคืนฉันพูดอะไรไปบ้างเนี่ย ให้ตายเถอะ ตอนที่เขาทำ... แบบนั้นฉันทำหน้ายังไง น่าเกลียดไหมนะ แต่ที่แน่นอนและรับไม่ได้คือพี่คีตะเห็นร่างกายของฉันทุกสัดส่วนหมดแล้ว
โดยเฉพาะตรงนั้น...
"กรี๊ด ! จะทำยังไงดี"
(“อะไรของแก ตกใจหมด !”)
"แกว่าเขาจะจำได้ไหมวะ ขนาดฉันยังจำไม่ได้เลยถ้าแกไม่บอก" คนตั้งใจจะตัดใจอยู่แล้วทำไมกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้เล่า
(“แกไม่ดีใจเหรอดรีม นี่มันความฝันสูงสุดของแกเลยนะ บางทีเหตุผลข้อนี้อาจจะรั้งเขาไว้กับแกได้นะดรีม”) ธัญญ่าให้เหตุผลแต่นั่นกลับทำให้ฉันรู้สึกไม่ดี
"ฉันตั้งใจแล้วว่าจะตัดใจจากเขา อีกอย่างเราก็แค่เมาทั้งคู่เขาไม่ได้ชอบฉัน แกเข้าใจไหม"
(“งั้นก็แกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นถ้าเจอพี่เขา แค่นั้นแหละ”)
ฉันเห็นด้วยกับสิ่งที่มันแนะนำ เพราะถ้าเขาเมาจำอะไรไม่ได้ทุกอย่างก็จะกลายเป็นเหมือนเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น ต่อให้จะมีอะไรกัน ถ้าเขาไม่ชอบฉันมันก็คือไม่ชอบ
จะให้ไปเรียกร้องหาความรับผิดชอบก็คงจะน่าเกลียด
ขนาดว่าแอบชอบพี่คีตะมาตั้งแต่ตอนมอต้น เขายังไม่เคยหันมาแลฉันบ้างเลย แล้วจะไปเรียกร้องให้คนเมารับผิดชอบอะไร คบกันไปสุดท้ายก็ไม่มีความสุขอยู่ดี
คิดว่าต่างคนต่างได้กัน แค่นั้นจะได้สบายใจ
สบายใจมากจริง ๆ ...
หลังจากวางสายจากเพื่อนสนิท อาบน้ำ แต่งตัว เก็บกวาดห้อง และซักผ้า แล้วค่อยออกไปหาอะไรทาน ข้าวเช้าก็คงกลายเป็นข้าวกลางวันอีกเช่นเคยในช่วงวันหยุด
“ลืมไว้เหรอ” ฉันพึมพำกับตัวเองเมื่อเดินไปเจอนาฬิกาข้อมือเรือนหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของตัวเอง ดูจากลักษณะแล้วมันเป็นนาฬิกาแบบที่ผู้ชายอย่างแน่นอน พลันหัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาดื้อ ๆ
จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดียัยดรีม พี่คีตะจะคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบไหนกันนะ ตั้งใจจะลืมกลับต้องจำเขาไปจนตาย แล้วยังเป็นความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนอีกต่างหาก เขาคงจะจริงจังด้วยหรอก !
“ฮือออ” ฉันยกฝ่ามือขึ้นมาปิดหน้าของตัวเอง คิดย้อนกลับไปถึงตอนที่ดื่มหนัก แล้วพร่ำเพ้อว่าจะมีแฟน จะลืมพี่คีตะให้ได้ สุดท้ายเป็นยังไง
กลายเป็นผู้หญิงใจง่ายให้เขากินเล่นแล้วก็จากไป…
ตอนพิเศษความลับที่ถูกเฉลยสามปีก่อน“กำไรแบ่งครึ่งแต่มึงมาเดือนละครั้งเนี่ยนะ” เสียงไอ้เจไดที่ดังออกมายังไม่น่าเตะเท่าหน้ากวน ๆ ของมันตอนมองผมเหมือนคนเอือมระอา“เออ แล้วไง” “ชั่วมาก ถ้ากูเป็นแคทกูขอเหนื่อยคนเดียวดีกว่าลากมึงมาแล้วเหนื่อยกว่าเดิม”ตอนนี้ผมอยู่ที่ผับ สถานบันเทิงที่กำลังเป็นแหล่งทำเงินแห่งใหม่ของผมกับแคทซึ่งเป็นลูกของลุงแท้ ๆ แต่ผมเรียกท่านว่าพ่อเพราะท่านเลี้ยงปมมาตั้งแต่เด็กเราสองคนตกลงกันว่าจะลงทุนกันคนละครึ่งและหารกำไรกันคนละครึ่งแต่เพราะบางครั้งผมต้องทำงานให้พ่อเลยไม่ได้เข้ามาที่นี่บ่อย ๆ หรือจะเรียกว่าไม่มาเลยก็ว่าได้“กูงานยุ่ง” ผมตอบแล้วเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์มือถือไปมา หลายดือนแล้วที่ไม่มีข้อความจากผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าแฟนส่งมาหา และผมเองก็ไม่ได้ทักทายเธอไปเพราะไม่อยากเป็นคนโง่หรือแกล้งโง่ จะให้ไปอาละวาดแย่งผู้หญิงมักมากคนหนึ่งก็คงจะไม่ใช่นิสัย ไม่รักก็ไปนอกใจก็เลิกแค่นั้นทว่าตอนนี้คนคนนั้นยังไม่บอกเลิกผมด้วยซ้ำ แต่กลับไปมีความสุขกับผู้ชายคนอื่นอย่างออกนอกหน้าเพราะคิดว่าผมไม่รู้หรือมัวเมาจนลืมผมไปแล้วก็ไม่แน่ใจ ไม่อยากจะเดาให้เสียเวลา “เฟิร์สรู้ยังมึงกลับมา”
EP.47My baby (ตอนจบ) สองปีต่อมา“พอร์ช มาหาพี่ดรีมเร็ว”“ป้าดรีมจ้าลูก”เสียงของยัยธัญญ่าดังขึ้นด้านหลังตอนที่ฉันกำลังจะฟัดเจ้าตัวอ้วนกลมที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูตรงหน้า“อายุเท่าไรแล้วนะลูกแก”“สี่ขวบครึ่ง”เวลาผ่านไปไวมาก รู้ตัวอีกทีลูกของยัยพราวเพื่อนสนิทสมัยมัธยมอีกคนก็โตจนพูดกับฉันรู้เรื่อง และอีกหลาย ๆ อย่างที่เปลี่ยนไปจากเดิม โดยเฉพาะ…ตัวฉัน“ลูกฉันจะอายุน้อยกว่าลูกแกเกือบห้าปีสินะ” ฉันว่าพลางลูบท้องของตัวเองที่โตขึ้นทุกวันจนไม่เหลือหน้าท้องแบนราบอย่างก่อนหน้า มันโตขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มรู้สึกกังวล“ทำไม จะจองลูกชายฉันเหรอ”“พอร์ชหมั้นกับน้องเลยไหมลูก” ฉันไม่ตอบเพื่อนหันไปคุยกับเด็กน้อยที่เอามือลูบท้องป่อง ๆ อย่างสนใจ“ถามพ่อเขาหรือยัง รายนั้นคงไม่ปล่อยให้มดมาไต่มาตอมเลยมั้ง ขนาดแม่ยังหวงเป็นกระดูกเลย” ยัยธัญญ่าพูดติดตลกแล้วเอื้อมมือไปหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปน้องพอร์ชที่กำลังเอาหูแนบกับท้องของฉัน“น้อง…”“พอร์ชอยากเจอน้องไหมครับ”“ครับ” เด็กชายตัวน้อยตอบด้วยรอยยิ้ม“น้องจะออกมาตอนไหน”“รออีกไม่นานก็จะได้เจอแล้วนะ ถ้าน้องออกมาจากท้องป้าเมื่อไหร่ ป้าจะให้เราอุ้มทุกวันเ
EP.46งานแต่งฉันกับพี่ไคคบกันได้เกือบปีแล้ว เรื่องของยัยเฟิร์สอะไรนั่นก็จบไปตั้งแต่ตอนนั้นโดยพี่ไครับปากอย่างมั่นใจว่ามีฉันเป็นตัวจริงเพียงแค่คนเดียวเราสองคนไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ทะเลาะกันใหญ่โตจะมีก็แต่ปัญหาทั่วไปที่บางทีมันคิดต่างกันบ้าง แต่สุดท้ายเราก็เข้าใจกันได้เสมอ จะมีเรื่องที่เศร้าที่สุดก็คงจะเป็นเมื่อต้นเดือนที่แล้วพี่ไคเสียแม่ของเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายแต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าเขาเองก็เศร้าเสียใจไม่ต่างจาก คนไหนที่เจอกับเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้“นมอุ่น ๆ ค่ะ” ฉันวางแก้วไว้บนโต๊ะทำงาน เป็นค่ำคืนที่เราต้องพักโรงแรมเพราะช่วงสิ้นเดือนพี่ไคจะมีงานต้องตรวจสอบค่อนข้างเยอะ ทั้งเรื่องผลประกอบการและเรื่องพนักงานช่วงนี้พี่แคทก็ยุ่งอยู่กับเรื่องงานแต่งของตัวเอง เลยไม่มีเวลาเข้ามาช่วยทางนี้เท่าไรนัก ส่วนฉันก็ช่วยเขาได้แค่เรื่องการเงินกับทำบัญชีเพราะเรื่องใหญ่ ๆ ฉันจัดการไม่เป็น“ง่วงไหม ถ้าง่วงก็เข้านอนก่อนเลยนะ” พี่ไคเงยหน้าขึ้นมาบอกยิ้ม ๆ เขาในตอนนี้ต่างจากก่อนหน้านั้นลิบลับ เมื่อก่อนมองยังไงก็ดูเหมือนพวกเสเพล ที่ไหนได้บ้างานใช่เล่น“พี่ไคนั่นแหละ ไปนอนกันได
EP.45เจ้าหมีKai talks. หลังจากส่งดรีมกลับบ้านผมก็กลับมานอนที่คอนโดมิเนียม เป็นคอนโดมิเนียมที่ผมซื้อให้น้องนั่นแหละเพราะมันอยู่ระหว่างบ้านและมหาวิทยาลัยพอดีเธอจะได้สะดวกเวลาไปเรียนและกลับบ้านด้วยพอกลับมาถึงห้องมันก็รู้สึกเหงาแปลก ๆ เพราะทุกทีเวลามาที่นี่จะต้องมีดรีมอยู่ด้วย แต่วันนี้เธอดันงอนผมเรื่องแฟนเก่าจึงต้องกลับมานอนคนเดียวเรื่องของเฟิร์สก็เหมือนกับที่ผมเล่าให้ดรีมฟัง แต่…ผมเล่าไม่หมด เพราะบางเรื่องมันก็ไม่สมควรจะเล่าให้ใครฟัง เพราะถึงแม้เขาจะเป็นแฟนเก่าไปแล้ว แต่ผมก็เป็นลูกผู้ชายพอที่จะไม่ขายผู้หญิงไม่ว่าจะคบกันมานานหรือรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมงเราสองคนคบกับตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น เฟิร์สเป็นเพื่อนในกลุ่มเด็กเรียนนอกกลุ่มเดียวกับแคท ซึ่งผมก็รู้จักกับเธอเพราะได้เจอกันบ่อย ๆ และเราคบกันจนเรียนจบ มีทะเลาะกันบ้างตามประสาแต่จุดเปลี่ยนมันอยู่ที่ตอนเฟิร์สกลับมาอยู่ไทย แต่ผมยังเรียนอยู่ที่นู่น ผมเริ่มสงสัยในตัวของเธอเพราะเธอเริ่มเปลี่ยนไป ไม่ค่อยติดต่อมาหา บางทีก็หายไปหลายวัน จนกระทั่งผมให้คนตามสืบถึงรู้ว่าเธอแอบคบกับผู้ชายอีกคนที่อายุห่างกันเกือบสิบปี และเธอยังไ
EP.44อยู่ห่าง ๆฉันพยายามแสดงออกไปแล้วว่าไม่ได้ล้อเล่นกับเรื่องที่เกิดขึ้น สำหรับความรักการมีคนที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องมันไม่ใช่เรื่องตลกเลยยิ่งคนคนนั้นเป็นแฟนเก่าด้วยแล้ว…“ขอโทษ…” น้ำเสียงของคนตรงหน้าฟังดูอ่อนลง ก่อนจะขยับตัวมาใกล้แล้วดึงฉันลงไปนั่งบนตักของเขา“จะเล่าอยู่นี่ไง แต่สัญญาก่อนว่าจะไม่คิดมาก”“พูดมาเลย ดรีมยังไม่รู้อะไรเลยจะตอบได้ยังไงว่ามันจะไม่ทำให้คิด”แล้วพี่ไคก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มอธิบาย ทีอย่างนี้ล่ะเสียงอ่อน ทีตัวเองหึงเรากับผู้ชายคนอื่นอย่างกับเป็นฟืนเป็นไฟ“ก่อนหน้านี้พี่คบกับเฟิร์ส คบกันเกือบสี่ปี แต่ตอนนั้นเราอยู่ไกลกันเลยทำให้เริ่มห่างเหินกันไปเรื่อย ๆ”“แล้วพี่ไคกับเขาก็ไม่ได้เลิกกันอย่างที่ว่าจริง ๆ เหรอ”“อืม”อยู่ ๆ หัวใจของฉันมันก็เต้นแรงขึ้นมาดื้อ ๆ ทันทีที่ได้ยินคำตอบของเขา แบบนี้ก็แปลว่าเขามาคบกับฉันทั้งที่ตัวเองมีแฟนอยู่แล้วน่ะเหรอ“แต่มันก็เหมือนกับเลิกกันนั่นแหละ เพราะตอนนั้นพี่รู้มาว่าเขาแอบมีคนอื่น ตอนนั้นก็ไม่ค่อยคุยกันอยู่แล้ว เขาก็หายไปอยู่ ๆ ก็กลับมาคุยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ถึงเขาจะอธิบายยังไงเหตุผลมันก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดี“แล้วทำไมไม่บ
EP.43เมียน้อยฉันกับพี่ไคปลีกตัวออกมาจากงานแล้วกลับมาอยู่ที่ห้องส่วนตัวของเราซึ่งอยู่ชั้นล่างถัดลงมาจากชั้นดาดฟ้า“คบกันนานไหม แล้วเลิกกันเพราะอะไร” ฉันถามขึ้นมาตอนที่กำลังหยิบขนมชิ้นหนึ่งเข้าไปในปาก แล้วจึงกอดอกมองผู้ชายที่่เดินผ่านหน้าไปหยิบแก้วไวน์ เพื่อที่จะมานั่งดื่มกันสองคน“อยากรู้ไปทำไม เรื่องมันผ่านไปตั้งนานแล้ว” พี่ไคตอบแล้วขมวดคิ้วมองฉันอย่างหนักใจ“ผ่านไปแล้วแต่ไม่ผ่านเลยไปไง” ฟังจากสิ่งที่ยัยนั่นมาคุยกับฉันดูเหมือนอยากหาเรื่องมากกว่า คงไม่อยากจบง่าย ๆ หรอก“มาปรึกษาปัญหาครอบครัวหรืออยากมาคืนดีกันแน่”“คิดมากเกินไปแล้วครับ” พี่ไคหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ กัน ยื่นมือมาลูบศีรษะฉันอย่างอ่อนโยน สายตาของเขามองฉันอย่างกับมองลูกหมา เหมือนกำลังเอ็นดูอย่างนั้นแหละ“ไม่คิดมากได้ไง ขนาดพี่ไคยังหึงดรีมได้เลย แล้วนี่แฟนเก่านะเว้ย !” ฉันไม่ได้ตั้งใจจะอารมณ์เสียแต่ความรู้สึกมันเป็นไปเองอย่างไม่รู้ตัวจนคนฟังถึงกับเลิกคิ้วมองเหมือนตกใจ“ดรีมขอได้ไหม”“…”“ดรีมไม่ชอบ ถ้ายังแคร์กันอยู่ก็อย่าไปยุ่ง” ฉันจริงจังกับคำพูดนั้นมากและไม่มีแววความล้อเล่นอยู่แน่ ๆ จนพี่ไคเองก็จริงจังไปด้วยเขาไม่ได้ตอบอะไร