เธอไม่สามารถไปโรงพยาบาลได้ พอไปโรงพยาบาล เธอก็จะถูกเปิดเผยความลับอย่างแน่นอน พูดไปก็ตลกดี เธอไม่อยากให้ใครรู้เรื่องลูก เพราะเธอต้องการรักษาศักดิ์ศรีเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวเองเอาไว้ แม้ว่าเสิ่นหยินอู้จะรู้ว่าตั้งแต่วันที่เธอตกลงที่จะแต่งงานปลอม ๆ กับฉินเย่ สิ่งที่เรียกว่าศักดิ์ศรีของเธอก็ได้หมดไปแล้ว ตอนนี้ ต่อหน้าเขา และต่อหน้าคนในใจของเขา เธอจะไปมีศักดิ์ศรีอะไรกัน? แต่ถึงอย่างนั้น.….. เสิ่นหยินอู้หรี่ตาลง ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังไม่สามารถเปิดเผยทุกสิ่งที่สามารถทำให้ผู้คนขบขันกันออกไปได้ หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ ฉินเย่ก็ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะหมุนรถไปรอบ ๆ และจอดอย่างกะทันหันตรงริมถนน เมื่อเสิ่นหยินอู้เห็นแบบนี้ ก็คิดว่าเขาตั้งใจที่จะให้ตัวเองลงจากรถ จึงเอื้อมมือออกไปเปิดประตูรถ คลิก-- วินาทีต่อมา รถกลับถูกล็อคเอาไว้ ฉินเย่มองผ่านกระจกมองหลัง และจ้องมองเธอด้วยเจตจำนงที่ไม่แน่ชัด “ทำไมไม่ไปโรงพยาบาล?” ตั้งแต่กลับมาจากเปียกฝนเมื่อคืนนี้ ก็แปลก ๆ มาโดยตลอด เสิ่นหยินอู้รักษาความนิ่งเอาไว้และพูดว่า "ถ้าไม่สบาย ฉันไปตรวจเองได้ค่ะ" ได้ยินเช่นนี้ ฉินเย่ก็หรี่ตาลงอย่างอันตรา
เสิ่นหยินอู้ลดสายตาลง และครุ่นคิดอยู่ในใจเจียงฉูฉู่ไม่เพียงแต่สวยเท่านั้น แต่ยังเป็นคนที่โดดเด่นมากอีกด้วยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เธอได้ช่วยชีวิตของฉินเย่เอาไว้และหากเธอเป็นฉินเย่ ก็เกรงว่าจะชอบเธอเข้าเช่นกันหลังจากที่เพื่อนของเจียงฉูฉู่มาถึง เธอก็ขึ้นไปคุยกับเพื่อนของเธออยู่นาน ชายหนุ่มนั้นสวมเสื้อคลุมสีขาว และในที่สุดเขาก็จ้องมองไปที่ใบหน้าของเสิ่นหยินอู้ จากนั้นก็พยักหน้า แล้วเดินออกมา"สวัสดีครับ เป็นเพื่อนของฉูฉู่ใช่ไหม? ผมชื่อกู้ตงเฉิงนะครับ"เสิ่นหยินอู้พยักหน้าให้เขา: "สวัสดีค่ะ""มีไข้เหรอครับ?"กู้ตงเฉิงถามเบา ๆ พร้อมกับพยายามวางหลังมือลงบนหน้าผากของเสิ่นหยินอู้การเข้าใกล้อย่างกะทันหันทำให้เสิ่นหยินอู้หลบอย่างลืมตัว ปฏิกิริยาของเธอทำให้กู้ตงเฉิงยิ้มและพูดเบา ๆ ว่า: "แค่วัดอุณหภูมิดูน่ะครับ"หลังจากพูดจบ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่หยิบเทอร์โมมิเตอร์ออกมาแล้วพูดว่า "วัดอุณหภูมิก่อนแล้วกัน"เสิ่นหยินอู้รับมันมาจากนั้นเสียงของฉินเย่ก็ดังขึ้นมาจากข้างหลัง: "ใช้เทอร์โมมิเตอร์เป็นไหม?"เสิ่นหยินอู้:"…..."เธอเพิกเฉยต่อเขา ทำไมแม้แต่เทอร์โมมิเตอร์เธอถึงจะใช้ไม่เป็นด้ว
เสแสร้ง?เสิ่นหยินอู้ นิ่งไปชั่วครู่แล้วเยาะเย้ยในใจ“แน่ล่ะ เรื่องเข้าอกเข้าใจฉันเทียบกับฉูฉู่ของคุณไม่ได้หรอก”ประโยคหนึ่งที่เพิ่งโพล่งออกมาฉินเย่ตะลึงจนพูดไม่ออกเสิ่นหยินอู้เองก็อึ้งไปเช่นกันเธอ……กำลังพูดมั่วอะไรเนี่ย?เสิ่นหยินอู้เสียใจในคำพูดที่ไม่ถูกของเขา คางของเสิ่นหยินถูกฉินเย่ยกขึ้น และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับดวงตาสีเข้มของเขาฉินเย่หรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาของเขาเฉียบคมราวกับดวงตาของนกอินทรี“คุณอิจฉาเธอเหรอ?”คิ้วของเสิ่นหยินอู้กระตุก และรีบปัดมือของเขาออก“คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร?”อย่างไรก็ตาม มือของเธอไม่มีกำลังและเมือสัมผัสเขา นุ่มมนวลและไร้กำลังขัดขืน การกระทำนี้ทำให้ฉินเย่เลิกคิ้ว ยิ้มเยาะและคว้าข้อมือของเธอ"อ่อนแอขนาดนี้เลย?""คุณโง่มาก."เสิ่นหยินอู้ว่าจบประโยค แล้วชักมือกลับ ผลก็คือ เขาเอนหลังโซฟาเพราะออกแรงมากเกินไปหลังจากนั้นก็ลุกไม่ขึนไม่มีแรง.ฉินเย่ยืนอยู่ที่นั่นมองเธอด้วยสายตาที่ซับซ้อน แล้วพูดว่า:"เดี๋ยวก่อน"หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องน้ำ หยิบกะละมังพลาสติกที่มีน้ำและผ้าเช็ดตัวออกมา วางบนเก้าอี้ข้างๆ เธอฉินเย่แช่ผ้าเช็ดตั
ฉินเย่จำต้องยื่นผ้าขนหนูเปียก ๆ ไปให้เธอ"ตงเฉิงบอกวิธีการทั้งหมดมาอย่างละเอียดแล้ว ตรงนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน เย่คุณไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะดูแลหยินอู้ให้เป็นอย่างดีเลยค่ะ"หลังจากได้ยินแบบนี้ ฉินเย่ก็เหลือบมองไปที่เสิ่นหยินอู้ซึ่งกำลังนอนนิ่งเหมือนศพอยู่ตรงนั้น ก่อนจะพยักหน้า: "อืม"จากนั้นเขาก็ออกไปและประตูก็ปิดลงในห้องเงียบสงบ หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นหยินอู้ก็ซักผ้าขนหนูใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็เปิดกระเป๋าแล้วเดินไปหาเธอ“หยินอู้ ฉันช่วยเช็ดตัวให้คุณได้ไหมคะ?”ตอนนี้เสิ่นหยินอู้ไม่มีแรงเลยจริง ๆ และจำเป็นต้องให้คนอื่นช่วยเธอ แต่ว่า…...“ทำไมไม่เรียกพยาบาลล่ะคะ แบบนี้จะรบกวนคุณมากเกินไปหรือเปล่า?” เธอเสนอขึ้นมาเจียงฉูฉู่ยิ้มเบา ๆ : "ไม่รบกวนเลยค่ะ พยาบาลจะเช็ดครอบคลุมแบบฉันได้ยังไงกันคะ? ตราบใดที่คุณไม่รังเกียจที่จะให้ฉันเห็นทุกอย่างก็ได้แล้วล่ะค่ะ"เมื่อพูดแบบนี้แล้ว เธอจะพูดอะไรได้อีก จึงทำได้เพียงกระตุกมุมริมฝีปากและพยักหน้าหลังจากที่เธอตกลง เจียงฉูฉู่ก็เข้ามาและปลดกระดุมเสื้อผ้าให้เธอและเพื่อหลีกเลี่ยงความอาย เสิ่นหยินอู้จึงหลับตาลงและไม่จ้องมองในขณะที่เจียงฉูฉู่ปล
เธอพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำและไม่อ้อมค้อมเหมือนเจียงฉูฉู่จู่ๆ เจียงฉูฉู่รู้สึกเขินอายเล็กน้อย:"ฉัน ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น"เสิ่นหยินอู้เองก็ขี้เกียจจะใส่ใจว่าเธอหมายถึงอะไรก่อนออกเดินทางกู้ตงเฉิง ได้สั่งยาให้เธอและพูดกับเจียงฉูฉู่:"ถึงเพื่อนของคุณไม่อยากดื่มยาแต่เท่าที่ดูอาการถ้าพอไหวก็ดื่มสักหน่อยเถอะที่ผมสั่งคือยาจีนโบราณซึ่งไม่ทำร้ายร่างกาย แค่ดื่มสักหน่อยก็พอ”“ตกลง”เจียง ฉูฉู่รับยาจีน ไปทั้งสามคนออกจากคลินิกและกลับไปที่บ้านของตระกูลฉินณ บ้านตระกูลฉินทันทีที่ประตูรถเปิดออก เสิ่นหยินอู้รู้สึกอึดอัดจนเดินออกไป ตอนนี้เธอแค่อยากกลับขึ้นไปชั้นบนแล้วนอนพักแต่เมื่อเธอลงจากรถ เธอก็โซเซและเกือบจะพุ่งไปข้างหน้า แต่ฉินเย่เอื้อมมือคว้ารับเธอได้ทันเวลาเขาขมวดคิ้วมองดูเธอ:"สภาพแบบนี้แล้วเธอยังไม่อยากกินยาอีก หรือจับฉีดยาเลย เธอนี้จริงๆเลย... "เจียงฉูฉู่ ที่กำลังลงจากรถ เห็นมือของคนสองคนสัมผัสกันจึงรีบเดินเข้าไปช่วยประคองเสิ่นหยิ่นอู้"เย่ ให้ฉันช่วยเถอะ"เจียงฉูฉู่ ช่วยประคองเสิ่นหยิ่นอู้เข้าไปในประตูและทักทายบรรดาคนรับใช้ที่เห็นเมื่อคนรับใช้เห็นเจียงฉูฉู่ สายตาของพวกเขาต
"ค่ะ"ก่อนออกเดินทาง เจียงฉูฉู่ได้มองดูห้องอีกครั้ง และทันใดนั้นก็พบชุดสูทสั่งตัดทำมือของผู้ชายแขวนอยู่บนราวแขวนเสื้อด้านนอกซึ่งมีเพียงฉินเย่เท่านั้นที่จะสวมชุดสไตล์นั้นสีหน้าของเจียงฉูฉู่ก็ซีดลง เธอเม้มริมฝีปากแล้วเดินตามฉินเย่ออกไปอย่างเงียบ ๆหลังจากที่ออกกันไปแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็ลืมตาขึ้น เธอมองไปที่เพดานสีขาวเหมือนดั่งหิมะ และจมอยู่ในความสับสนเรื่องลูก...…เธอควรทำอย่างไรดี?เรื่องท้องก็ไม่ต่างจากเรื่องอื่นใดตัวอย่างเช่นเรื่องที่ชอบเขาอยู่นี้ เธอสามารถปกปิดอารมณ์ของเธอได้เป็นอย่างดี มาเป็นเวลาปี สองปี หรือแม้กระทั่งสิบปีก็ไม่มีปัญหาใด ๆแต่แล้วเรื่องท้องล่ะ?เมื่อครบเดือนท้องก็จะป่องออกมา และเธอก็จะไม่สามารถปกปิดมันได้เลยยิ่งคิด เสิ่นหยินอู้ก็ยิ่งเวียนหัวมากขึ้น และค่อย ๆ ผล็อยหลับลึกไปในความฝันเสิ่นหยินอู้รู้สึกราวกับว่าคอเสื้อของตัวเองถูกปลดออก และมีบางสิ่งที่เย็นสบายปกคลุมร่างกายของเธอเอาไว้ ร่างกายของเธอที่ร้อน ก็รู้สึกสบาย เธอถอนหายใจ และคว้าบุคคลนั้นเอาไว้ด้วยมือและเท้าอย่างไม่รู้ตัวหลังจากนั้น เธอก็ได้ยินเสียงครางอู้อี้และผ่อนลมหายใจอย่างหนัก จากนั้นหลังค
ในขณะนั้น หัวใจของเสิ่นหยินอู้ก็สั่นไหว และแววตาตื่นตระหนกก็ผุดขึ้นมาในดวงตาของเธอซึ่งรู้สึกเหมือนกับถูกจับได้แต่เธอก็สงบนิ่งลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเม้มริมฝีปากสีชมพูที่ซีดเล็กน้อย แล้วพูดอย่างไม่ปิดบังว่า: "คุณก็เห็นหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?"ทัศนคติที่ตรงไปตรงมาของเธอทำให้การมองอย่างสงสัยในดวงตาของฉินเย่จางลงไปเล็กน้อยเขาเดินเข้ามา และจ้องมองถ้วยยาที่ว่างเปล่าในมือของเธอ“ฉันให้ในครัวทำงานหนักเพื่อปรุงยากัน แล้วเธอเทยาทั้งหมดทิ้ง โดยที่ไม่ได้ดื่มแม้แต่อึกเดียวเลยอย่างงั้นเหรอ?”เสิ่นหยินอู้เหลือบมองเขา“ฉันบอกไปตั้งนานแล้วไงว่าไม่ดื่ม”พูดจบ เธอก็ออกไปพร้อมกับถ้วยเปล่าฉินเย่ตามออกมา และพูดด้วยเสียงที่ชัดเจนว่า: "เมื่อคืนนี้ เธอตั้งใจเปียกฝนหรือเปล่า?"เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว เสิ่นหยินอู้ยุดก็หยุดชะงักไปชั่วครู่ และส่ายหัวเป็นการปฏิเสธ“ไม่ใช่ ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไงคะ?”แต่ฉินเย่ก็ยังคงจ้องมองเธออย่างสงสัย: "ใช่เหรอ? แล้วทำไมเธอถึงปฏิเสธที่จะไปโรงพยาบาล รวมทั้งปฏิเสธที่จะกินยาด้วย?"เสิ่นหยินอู้อธิบายไปอย่างสบาย ๆ ว่า: "ยาขมเกินไป ฉันไม่อยากดื่มค่ะ""แค่นี้เหรอ?" ฉินเย่หรี่ตารา
เย็นเสิ่นหยินอู้เม้มริมฝีปากสีแดงของเธอ และแสงในดวงตาของเธอก็ค่อย ๆ หรี่ลงคนรับใช้ได้นำอาหารและถ้วยยามาให้ตั้งแต่เช้าตรู่เมื่อเธอออกมาหลังจากล้างหน้าเสร็จ เธอก็ได้กลิ่นยาจีนฉุน ๆ และคิ้วของเธอก็ขมวดเข้าหากัน“คุณผู้หญิงคะ ยานี้……”เสิ่นหยินอู้ทนไม่ไหวอีกต่อไป และน้ำเสียงของเธอก็รุนแรงขึ้นมาเล็กน้อย“บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าต้มยานี้อีก? ทำไมถึงยังเอาขึ้นมาให้อีก?”โดยปกติแล้วเธอจะอ่อนโยน แต่ความรุนแรงอย่างกะทันหันของเธอได้ทำให้คนรับใช้ตกใจไปหลังจากที่เสิ่นหยินอู้พูดจบ เธอก็ตระหนักได้ว่าเธอควบคุมตัวเองไม่ได้เล็กน้อย และทันใดนั้นเธอก็กลับเข้ามาสู่ความเป็นจริง แล้วยื่นมือออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว "โทษที ฉันไม่ค่อยสบาย เธอเอายาลงไปเถอะ”คนรับใช้จำต้องลงไปชั้นล่างพร้อมกับยาพอกลับมาในครัว พ่อบ้านก็เห็นถ้วยที่นำกลับมาซึ่งเต็มไปด้วยยา ใบหน้าแก่ ๆ ของเขาก็ย่นลงและพูดว่า "เฮ้อ คุณผู้หญิงยังไม่กินยาอีกเหรอ?"คนรับใช้พยักหน้าแล้วเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้เขาฟังพ่อบ้านได้ยินน้ำเสียงของเธอที่ดูไม่พอใจ จึงพูดด้วยเสียงเข้มว่า: “พวกเธอก็รู้ว่าปกติคุณผู้หญิงปฏิบัติต่อพวกเธออย่างไร คราว