Share

ตอนที่ 7 รอยสัก

last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-25 07:43:51

            “เห็นนะรูปที่ลงในไอจีอะ” มนเอ่ยแซวยามที่ลงมานั่งที่โต๊ะเรียนข้าง ๆ กับฉัน ฉันได้แต่ส่งยิ้มอย่างอวดดี

           “ถือว่าเป็นเดตแรกเลยปะเนี่ย” นิดาเอ่ยต่อ “พี่เขาชวนถ่ายรูปเองจริงปะ”

           “พี่เขาบอกว่าขอถ่ายไว้เป็นความทรงจำอะ”

           “ความทรงจำหรือว่ามีใจอะ” มนกล่าวพลางอมยิ้มกรุ้มกริ่ม

           “บ้า” ฉันก้มหน้าลงด้วยความเคอะเขิน ก็มันอดคิดไม่ได้จริง ๆ เนี่ย

           “แล้วแกไม่คิดจะจีบพี่ธีร์หรือไง โอกาสมาถึงแล้วนะเว้ย” นิดาเอ่ย

           “เราไม่จีบอะ”

           “อ้าว ไม่ใช่เวลามาเขินนะเว้ย เดี๋ยวก็โดนคาบตัดหน้าไปหรอก”

           “เราไม่ชอบจีบเองอะ เราถนัดเอาตัวเองไปอยู่ในสายตาเขามากกว่า” ฉันยักไหล่พลางพูดกับเพื่อนสาว

           “แผนนี้ต้องมั่นใจว่าเขาจะชอบกลับนะถึงกล้าทำ” นิดาว่าพลางหัวเราะคิกคัก

           “แต่ฉันมั่นใจนะว่าพี่หมอต้องแอบมีใจให้ยายวิแน่ ๆ ดูจากการเป็นห่วงเป็นใย ใส่ใจโคตร ๆ”

           “เขาอาจจะแค่เป็นสุภาพบุรุษเฉย ๆ ก็ได้ไง”

           “ขอบคุณนะที่พูดให้เราใจชื้นขึ้นช่วยได้เยอะเลย” ฉันประชดเพื่อนสาว

           “นี่เพิ่งเริ่มต้นเอง ถ้าแกอยากรู้ว่าพี่หมอชอบแกหรือเปล่าอะนะ” มนว่าพลางกระดิกมือให้ฉันเอาหูเข้ามาใกล้ “แกต้องทำให้เขาเสียอาการ”

           “ทำยังไง”

           “ก็ทำอะไรก็ได้ให้เขาเขินอะ ถ้าเขาออกแนวรังเกียจก็แปลว่าไม่ใช่ละ” ฉันหรี่ตามองมนด้วยสายตาเอือมระอา

           “แล้วถ้าพี่เขาเกลียดเราอะ”

           “ใครจะกล้าเกลียดแกวิ ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเห็นใครเกลียดแกเลยสักครั้ง”

           “ไหนการบ้านที่พี่สั่ง” พี่ธีร์แบมือเป็นอันดับแรกเมื่อฉันเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามในห้องสมุดตึกคณะแพทย์ฯ ที่รายล้อมไปด้วยนักศึกษาที่พากันนั่งอ่านหนังสืออย่างขยันขันแข็ง

           “เสร็จแล้วค่ะ” ฉันวางสมุดในมือหนา “หนูนั่งทำตั้งนานแน่ะ”

           “ไหนดูสิครบหรือเปล่า” พี่ธีร์ว่าก่อนจะเปิดสมุดออกดู “หัวข้อครบแต่เนื้อหาเดี๋ยวพี่ค่อยไปดูอีกที”

           “ไม่ต้องตรวจละเอียดมากก็ได้ค่ะ หนูเรียนวิศวะคอมฯ นะ ไม่ได้เรียนวิศวะฯ เคมี”

           “แล้วทำไมถึงดูจริงจังกับวิชาเคมีนัก” ดวงตาคมจ้องมาที่ฉันอย่างจับผิดจนฉันรีบหลบสายตาทันที ในหัวพลันคิดข้ออ้างมากมายเพื่อไม่ให้พี่เขารู้ว่าฉันหาทางเข้าใกล้เขา

           “หนูลงวิชาทางเลือกเสรีค่ะ เลยต้องสอบให้ผ่าน”

           “ไม่ชอบแล้วไปลงทำไม ทำไมไม่เลือกวิชาที่ตัวเองถนัดล่ะ” พี่ธีร์เอ่ยถาม

           “ก็หนูอยากลองนี่คะ พี่ธีร์อย่าถามเยอะสิ” ถ้าถามเยอะกว่านี้คงจะหลุดว่าเพราะอยากอยู่ใกล้พี่นั่นแหละ

           “อ่า ๆ ไม่เซ้าซี้แล้ว งั้นวันนี้เรามาติวเรื่องนี้ต่อแล้วกัน พื้นฐานเลยโครงสร้างของอะตอม”

           “ค่ะ” ฉันตั้งใจฟังที่พี่ธีร์อธิบายออกมาอย่างสนอกสนใจ ในแววตาของคนพี่มันบ่งบอกว่าเขามีความสุขเมื่อได้พูดถึงวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามกับฉันเสียมากกว่า

           หลังจากที่พวกเราเรียนมาจนเกือบจะครบหนึ่งชั่วโมง ฉันเริ่มที่จะอ่อนล้าเต็มทีก่อนที่พี่ธีร์จะบอกว่าวันนี้พอก่อนก็ได้ ฉันเลยถือโอกาสเอนกายพิงพนักเก้าอี้เพื่อพักผ่อน

           “วันนี้ดูมีสมาธิขึ้นนะ ที่พี่พาไปติวนอกสถานที่คงจะได้ผลสินะ” พี่ธีร์ยกยิ้ม

           “เลือกได้คงอยากไปเที่ยวบ่อย ๆ มากกว่าค่ะ” ฉันเอนตัวกลับมานั่งหลังตรงพลางทอดสายตาหนุ่มรุ่นพี่ที่กำลังก้มเก็บของบนโต๊ะใส่กระเป๋าเป้สะพายหลังของตน

           มีบางอย่างแปลกตาไป ตรงท้ายทอยเหนือคอปกเสื้อเชิ้ตสีขาวของชุดนักศึกษากลับมีรอยแดง ๆ ราวกับผิวระคายเคืองและบางสิ่งที่หายไป รอยสักรูปตาข่ายดักฝันร้าย

           “พี่ธีร์ไปลบรอยสักมาเหรอคะ”

           “อ๋อ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบท้ายทอยของตัวเอง ใบหน้าแสดงออกถึงความเสียใจเล็กน้อย “ปีหน้าพี่ต้องเข้าเวรแล้วเลยคิดว่ารอยสักนอกร่มผ้ามันไม่ค่อยดูน่าเชื่อถือสักเท่าไร”

           “น่าเสียดายจัง หนูชอบรอยสักของพี่มาก ๆ เลย” ฉันว่าอย่างเสียดาย ต่างจากหนุ่มรุ่นพี่ที่มองฉันค้างไปเลย

           “ชอบเหรอ”

           “ค่ะ ทำไมเหรอคะ มันก็สวยดีออก อีกอย่างสักตรงนั้นก็คงจะเจ็บมากมันก็คงจะมีความหมายกับพี่มากเหมือนกันใช่ไหมคะ” ชายหนุ่มกลืนน้ำลาย

            “พี่ลบไปแค่จุดเดียวน่ะ อีกจุดยังอยู่”

            “รูปดอกไม้ที่ต้นแขนน่ะเหรอคะ ถึงหนูจะไม่รู้ก็เหอะว่ามันคือดอกอะไร”

            “จำได้ด้วยเหรอ” พี่ธีร์มองฉันด้วยความตกตะลึง พอฉันเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหนุ่มรุ่นพี่ก็ถึงได้คืนสติว่าตัวเองนั้นพูดอะไรออกไป

            จำได้ทุกรายละเอียดขนาดนี้ ไม่ต่างอะไรจากการบอกชอบเลยไม่ใช่หรือไง

            “เอ่อ... หนู... หนูเป็นคนชอบรอยสักน่ะค่ะ” ฉันรีบเฉไฉไปด้วยกลัวว่าจะถูกจับได้ ถ้าเกิดว่าพี่เขาไม่ได้ชอบฉันขึ้นมา มีหวังแผนล่มไม่เป็นท่า

            “ดอกโบตั๋นน่ะ”

            “คะ?”

            “รอยสักที่ต้นแขนพี่ มันคือดอกโบตั๋น”

            “ดอกโบตั๋น เท่จังเลย” ฉันว่าด้วยดวงตาเป็นประกาย

            “ไว้พี่จะเล่าให้ฟังวันหลังนะ แต่วันนี้พี่ต้องไปทำงานที่บาร์ก่อน” พี่ธีร์ว่าก่อนจะลุกขึ้นยืนพลางทอดสายตาลงมองต่ำมาทางฉันที่นั่งอยู่

            “มีอะไรหรือเปล่าคะ”

            “ไม่กลับพร้อมพี่เหรอ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

            “ไปค่ะ” ฉันตอบรับทันทีก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วเดินตามคนพี่ออกไป

             หลังจากที่พี่ธีร์พาฉันมาส่งที่หอตามเดิม ฉันส่งคืนหมวกกันน็อกคืนให้กับเจ้าของ

            “สู้ ๆ นะคะพี่ธีร์”

            “ขอบใจนะ” พี่ธีร์ยิ้มรับยิ่งส่งให้ใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์เข้าไปอีก “เธอก็อย่านอนดึกมากล่ะ”

            “พี่เองก็อย่าลืมพักผ่อนบ้างนะคะ ทำงานหนักจนจะเป็นหมีแพนด้าอยู่แล้ว” ชายหนุ่มหัวเราะ

            “ครับ พี่ไปก่อนนะ ฝันดีล่ะ”

            “ค่ะพี่ธีร์” พี่ธีร์ขี่รถออกไปจากหน้าหอก่อนที่ฉันจะหันหลังกลับเข้ามา

            “โอ้โห หวานเจี๊ยบ” มนยืนเท้าเอวอยู่ตรงหน้าหอด้วยสีหน้าหมั่นไส้

            “ฟีลแฟนขนาดนี้ เรียกไม่ชอบกันได้เหรอคะ” นิดาเสริมทัพยิ่งทำเอาฉันใบหนาแดงก่ำด้วยความเขินอาย

            “พวกแกมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”

            “ก็อยากมาเห็นกับตาว่าตอนเขามาส่งแกมันหวานแค่ไหน เพราะป้าดูแลหอเขาเม้าท์มาว่าพวกแกแอบคบกันชัวร์” มนว่าพลางพยักพเยิดหน้าไปทางป้าเฝ้าหอพักที่กำลังนั่งทาแป้งขาวเตรียมเข้านอน

            “หวานอะไรกัน ก็แค่ตามมารยาทปะ”

            “แหม ทีกับฉันไม่เห็นทำเสียงหวานแบบนั้นบ้าง” นิดาว่าน้ำเสียงตัดพ้อตีหน้าเศร้าอย่างกับลูกหมาหูตก

            “เราง่วงแล้วอะ ขึ้นไปนอนก่อนนะ พวกแกก็อย่ากลับดึกให้มันมากนอนดึกเดี๋ยวก็หน้าแก่ไวหรอก”

            “แล้วแกว่าพี่หมอแกน่าแก่บ้างปะล่ะ”

            “ไม่อะ นั่นเขาเรียกว่าหน้าหล่อ” ฉันยักคิ้วใส่เพื่อนรักทั้งสองก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไปหลบฝ่ามืออรหันต์ของมนที่เตรียมง้างตีอย่างเช่นทุกที

             “ยายวิ เดี๋ยวนี้แก่แดดนักนะเรา”

             พาร์ตพี่ธีร์

            “มึงทำอะไรวะ” ลินเพื่อนสาวผมเอ่ยถามขณะที่ในปากยังคงอมอมยิ้มเพื่อเติมความหวานให้ร่างกาย

            “ทำชีตสรุปอะ”

            “ปกติมึงอ่านแค่เลกเชอร์ก็ทำข้อสอบได้แล้ว ไม่เห็นต้องสรุปอย่างนี้เลย” อชิเพื่อนชายเจ้าของแว่นหนาเตอะว่าอย่างสงสัย

            “นั่นดิ จัดโคตรเป็นระเบียบ โคตรไม่สมกับธีร์เลย” ลินว่าทั้งที่สายตาไม่ละไปจากหน้ากระดาษสรุปของผมที่ผมตั้งใจนั่งทำเมื่อคืนจนใต้ตาหมองคล้ำ

            “คนที่กูติวให้เขาดูไม่รู้เรื่องอะ”

            “มึงรับติวให้ใคร รุ่นน้องตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ที่มาหามึงเมื่อวันนั้นปะ” ลินถามด้วยแววตาเป็นประกายก่อนที่ผมจะแย่งกระดาษมาจากมือของเพื่อนสาวก่อนจะจัดให้เรียบร้อยแล้วเก็บใส่กระเป๋า

            “คนนั้นแหละ แล้วอย่าไปคิดหม้อน้องเขาด้วย”

            “มึงมองเพื่อนมึงเป็นคนยังไงว้า ของเพื่อนกูไม่ยุ่งนะเว้ย นอกเสียจากว่ามึงจะไม่ชอบน้องเขา” ผมช้อนสายตามองค้อนใส่หญิงสาว ผมรู้ดีว่าเพื่อนผมมันเป็นไบเซ็กชวลแต่เอนเอียงมาทางชอบผู้หญิงมากกว่า เห็นมันสวย ๆ แบบนี้แม่งจ้องแต่ผู้หญิงน่ารัก ๆ อย่างน้องวินี่ก็ตรงสเป็กมันเลย

            “ไอ้อชิ มึงมาเก็บเมียมึงเลย” ผมหันไปมองอีกคนที่นั่งหน้านิ่งภายใต้กรอบแว่น

            “อะไรใครเมียมัน อย่างมันเนี่ยนะ” ลินถามเสียงสูง

            “เขาว่าเกลียดยังไงก็ได้อย่างนั้นแหละ กูไปก่อนนะ” ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะสะพายกระเป๋าพาดบ่า

            “มึงยังไม่ตอบกูเลยว่ามึงชอบน้องวิไหม”

            “ต่อให้กูจะชอบหรือไม่ชอบ แต่คนนี้กูว่ามึงอย่ายุ่งเลย เสียเวลาเปล่า”

            “ไม่ลองก็ไม่รู้ปะ” ลินยักคิ้ว

            “แต่น้องเขาชอบไอ้...” หญิงสาวรีบเอามือมาปิดปากของหนุ่มเนิร์ดไว้

            “ชอบใครวะ?” ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัยจากที่กำลังจะก้าวเดินออกไปก็ชะงักฝีเท้าหันหน้ากลับมามองเพื่อนทั้งสองที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ

             “สนใจอย่างนี้ มีใจอะดิใช่ปะ” ลินจ้องมองผมอย่างจับผิด

             “ไม่คุยกับมึงแล้ว จะทำอะไรก็ทำก่อนที่จะโดนคาบไปกิน”ประโยคหลังผมตั้งใจหันมามองไอ้อชิที่เอาแต่นั่งตีหน้าซื่อไม่รู้สึกรู้สาอะไร

             “เออน่า” ลินปล่อยมือออกจากอชิ ผมเลยถอนหายใจแล้วเดินออกไปจากตึกเรียน

             วันนี้ผมปวดเมื่อยไปทั้งตัว คงจะเป็นอาการล้าสะสมจากการทำงานอย่างหนักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ร่างกายผมคงใกล้ถึงลิมิตแล้วจริง ๆ

             ฟุบ

             ร่างสูงของใครบางคนตั้งใจเดินชนไหล่ของผมอย่างแรงจนผมต้องหันหน้าไปมอง ใบหน้ายียวนของคนที่ผมคุ้นหน้าเป็นอย่างดียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

            “ขอโทษว่ะ พอดีมองไม่เห็นนึกว่าไม่มีใคร” รันเวย์พูดพลางปั้นสีหน้ายั่วโมโห

            “ชนก็ดี จะได้หัดใช้ตาให้มีประโยชน์บ้าง” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแล้วหันกลับไปเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กที่ต้องต่อกรกับไอ้ลูกบ้านรวยเอาแต่ใจอย่างไอ้รันเวย์ มันทำได้แค่ปากเก่งเพื่อข่มเรื่องที่มันมักจะแพ้ผมไปเกือบทุกด้าน

               “การแข่งครั้งหน้า มึงอย่าหวังจะได้ลงสนามเลย” ผมเค้นเสียงหัวเราะก่อนจะหันใบหน้ากลับมามองเพียงเสี้ยวหนึ่ง

               “มึงกลัวว่าถ้ากูลง ยังไงมึงก็แพ้มากกว่ามั้ง” ผมเห็นสีหน้าเดือดดาลของมันเพียงครู่เดียวแล้วเดินออกไปอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนพิเศษที่ 2 เพื่อนเจ้าสาว

    ตั้งแต่งานหมั้นฉันก็ผันตัวมาเป็นแม่บ้านแบบเต็มตัว จะเข้าบริษัทก็ต่อเมื่องานมีปัญหาแล้วทำงานอยู่ที่บ้านแทนเพราะจะได้ใช้เวลาร่วมกับพี่ธีร์มากขึ้น ใช้ชีวิตแบบนี้มาเป็นเวลาเกือบจะเข้าปีที่สาม “กลับบ้านแล้วเหรอคะ” วันนี้พี่ธีร์เลิกเวรค่อนข้างดึก ฉันนั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านของพี่ธีร์เพื่อรอให้แฟนหนุ่มกลับบ้าน พ่อให้พี่ธีร์มาประจำการที่คลินิกใหญ่ในกรุงเทพฯ พวกเราเลยได้ใช้เวลาร่วมกันบ้างเวลาที่พี่ธีร์เลิกงาน “อื้อ นั่งรอพี่เหรอ” “ค่ะ พี่ธีร์ทานอะไรมาหรือยังเดี๋ยวหนูอุ่นกับข้าวให้นะ” “ครับ แต่วิต้องทานเป็นเพื่อนพี่นะ” “อื้อ” ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปอุ่นอาหารในห้องครับโดยมีพี่ธีร์เดินตามเข้ามาเพื่อช่วยก่อนที่พวกเราจะมานั่งทานอาหารที่โต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาในห้องนั่งเล่นด้วยกัน “วันนี้ที่คลินิกเป็นยังไงบ้างคะ” ฉันเอ่ยถามระหว่างที่เรานั่งทานอาหารด้วยกัน “วันนี้คนไข้เยอะเป็นพิเศษเลย เป็นช่วงวันหยุดด้วย ยิ่งเยอะไปใหญ่” พี่ธีร์ถอนหายใจเพื่อไล่ความเมื่อยล้าแล้วตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนพิเศษที่ 1 ลูกเขยคนโปรด

    เวลาผ่านมาเนิ่นนานหลังจากที่เราทั้งสองตกลงคบกัน นี่ก็ปามาปีที่สี่ของการคบกัน ฉันเรียนจบก่อนพี่ธีร์จนออกมาทำงานในบริษัทในเครือของพ่อ ส่วนพี่ธีร์ที่เพิ่งจบออกมาได้หมาด ๆ ก็ต้องไปทำงานเพื่อใช้ทุนตามข้อตกลงที่ต้องไปประจำการที่โรงพยาบาลตามต่างจังหวัด เรามีโอกาสได้เจอกันน้อยลง ถึงแม้แต่จะติดต่อกันไม่ขาด แต่ยอมรับเลยว่าฉันคิดถึงพี่เขาเอามาก ๆจนในที่สุดเวลาเราก็ตรงกัน ไหน ๆ เราก็คิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันแล้วฉันเลยคิดว่าถึงโอกาสแล้วที่พ่อกับแม่จะต้องได้เจอกับพี่ธีร์สักที แม้ที่ผ่านมาพวกท่านจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับพี่ธีร์แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสได้พูดคุยกันอย่างจริงจังเสียที “พี่โอเคหรือยัง” พี่ธีร์เอ่ยถามฉันเป็นรอบที่สิบของวันนี้ ชายหนุ่มแสดงอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ฉันเอื้อมมือไปจัดผมของคนพี่ที่ยุ่งเหยิงเพราะหมวกกันน็อก “ดูดีแล้วค่ะ เข้าบ้านกัน” ฉันสิ่งยิ้มหวานให้อีกคนได้ผ่อนคลายก่อนจะจูงมือพี่ธีร์เดินเข้ามาในตัวบ้าน คุณแม่กำลังจัดโต๊ะอาหารเพื่อเตรียมรอต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยียน แต่ก่อนแม่ก็ไม่โอเคนักที่ฉันไม่ได้ชอบพี่รันเวย์คนที่

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนที่ 25 The End (NC ส่งท้าย)

    เราทั้งสองนัวเนียกันอยู่ในเต็นท์ ฉันรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อคิดถึงบรรยากาศรอบข้างที่เป็นป่าตีนภูเขายิ่งทำให้หัวใจสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก ฉันกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเพราะกลัวว่าจะมีใครผ่านมาได้ยิน “พี่ธีร์คะตรงนี้จะดีจริง ๆ เหรอ หนูรู้สึกแปลก ๆ” ใบหน้าของฉันเห่อร้อนขึ้นมจนลามมาถึงใบหู ในใจสั่นระรัวราวกับว่าเลือดลมกำลังสูบฉีดเป็นอย่างดี “ตื่นเต้นดีใช่ไหมครับ” พี่ธีร์ไม่รอช้ารีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองด้วยอารมณ์ที่กำลังปะทุอยู่ภายในฉันเองก็ทนไม่ไหวแล้วเลยถอดเสื้อผ้าของตัวเองจนหมดเกลี้ยง ความมืดในเต็นท์ไม่ได้เป็นอุปสรรคของพวกเราเลย แต่ความแคบเนี่ยสิที่เป็นอุปสรรค “ระวังเต็นท์สั่นนะคะ” ฉันแอบเห็นชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากก่อนจะเข้ามาคลอเคลียที่ลำคอขบเม้มเล็กน้อยแล้วไล่ลงมาจนถึงเนินอกขาวไร้อาภรณ์ปิดบัง จังหวะของหัวใจฉันเต้นถี่กระชั้นเสียจนเหมือนจะระเบิดออกมา ลมหายใจที่รินลดบนผิวหนังของฉันย้ำเตือนว่าเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ยอดอกของฉันถูกครอบครองด้วยลิ้นอุ่นก่อนที่สติของฉันมันจะเริ่มขาวโพลนไปหมด ไม่มีอะไรเลยน

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนที่ 24 แคมปิง

    ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าเพราะแสงไฟที่ส่องสว่างจนแยงตา ดวงตาเคลื่อนไปมองบานหน้าต่างที่ถูกเปิดไว้รับลมเพราเมื่อคืนไฟดับจนไม่มีพัดลมคอยเปิดเพื่อระบายความร้อน ฉันยันตัวเองขึ้นมานั่งพลางบิดขี้เกียจจากอาการเมื่อยล้า ความโล่งประหลาดทำเอาฉันต้องก้มหน้ามองเนื้อตัวที่เปลือยเปล่าของตัวเองแล้วหน้าแดงแจ่ขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ทีตอนทำไม่รู้จักอายยายวิเอ๊ย ฉันยกมือขึ้นมากุมขมับก่อนจะเหลือบไปมองชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างกาย พี่ธีร์นอนหลับตาพริ้มอย่างสบายใจฉันได้แต่ถอนหายใจก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่ขึ้นมาสวมใส่แล้วเดินตรงไปอาบน้ำ หลังจากที่ทำร่างกายให้สดชื่นแล้วฉันก็เดินลงบันไดมาที่ห้องครัวแล้วเปิดตู้เย็นออกดู ในตู้เย็นโล่งโจ้งมีเพียงแผงไข่ไก่ อยากซื้อของมาเติมจัง ไม่เป็นไรทำไปก่อนแล้วกัน ฉันหยิบแผงไข่ไก่ออกมาก่อนจะเริ่มทำอาหารเช้าทันที เห็นอย่างนี้ฉันก็ทำอาหารเป็นนะ สกิลเด็กหอไง ผ่านไปสักพักหนึ่งฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเก้าเหยียบลงมาจากบันไดก่อนที่พี่ธีร์จะเดินเข้ามาในห้องครัว “ทำไรกินเหรอ” พี่ธีร์เดินงัวเง

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนที่ 23 ไฟดับ NC

    วันนี้เพื่อน ๆ ของฉันชวนมาเที่ยวส่งท้ายเทอมที่ผับของรุ่นพี่ในคณะที่จบไปแล้ว ซึ่งก็เป็นผับเดียวกันกับที่ที่พี่ธีร์ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ที่นี่ ฉันเลยถือโอกาสมาเช็กซะเลยว่าพี่ธีร์ของฉันจะฮอตสักแค่ไหน “รับอะไรดีครับคุณลูกค้า” พี่ธีร์ส่งยิ้มพราวเสน่ห์มาให้ฉันที่นั่งอยู่ตรงริมสุดของเคาน์เตอร์ แพรวพราวชะมัด “มาตินีหนึ่งแก้วค่ะ” ฉันยกยิ้มมุมปากก่อนที่พี่ธีร์จะหันไปจัดตามที่ฉันบอก ฉันทอดสายตามองชายหนุ่มด้วยความชื่นชม คนอะไรครบเครื่องชะมัด ฉันเดินมาตามทางเดินที่มีแสงไฟหลากสีสาดส่องไปมาเพื่อมุ่งตรงไปเข้าห้องน้ำ วันนี้ผู้คนไม่ค่อยหนาตาเท่าไรเลยไม่ค่อยมีคนเดินพลุกพล่านไปมาชวนปวดหัว แต่แล้วก็มีแรงกระชากที่ข้อมือก่อนจะดันให้ฉันติดกำแพง “พี่รันเวย์” ฉันเรียกชื่อของอีกคนเสียงตื่น แต่คนพี่ก็ยกนิ้วขึ้นมาทาบที่ริมฝีปากของฉันไว้เพื่อบอกใหฉันเงียบลง “น้องวิ พี่วานอะไรหน่อยได้ไหม” พี่รันเวย์มองซ้ายมองขวาราวกับกำลังหวาดระแวงอะไรบางอย่าง “ช่วยแกล้งเป็นแฟนพี่ทีได้ไหม” “พี่ทำบ้าอะไรเนี่ย” ฉันรีบดันให้

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนที่ 22 อาหารมื้อที่ดีที่สุด

    “หงอยเลยอะดิ พี่ธีร์ไปค่ายแค่สามวัน นั่งหงอยเหมือนไม่เคยตัวห่างกันเลยเนอะ” นิดาเอ่นแซวเมื่อเห็นว่าฉันนั่งเขี่ยข้าวในจานด้วยความเบื่อหน่าย พี่ธีร์ไปค่ายอาสากับทางคณะตั้งสามวันแล้ว ขึ้นไปบนเขาไม่มีสัญญาณติดต่อกลับมาก็ไม่ได้ “แผลเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” ฉันบ่นพึมพำกับสองเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงอ้อยอิ่ง “สติค่ะสาวค่ายคณะแพทย์ฯ แปลว่าอะไรคะ แปลว่ามีหมอเต็มไปหมดค่ะ ยิ่งกว่าแขกวีไอพีอีกนะ หมอล้อมขนาดนั้นอะ” มนตอกย้ำสติหลุดลอยของฉันให้กลับคืนมา “จริงด้วย พี่ธีร์เรียนหมอนี่” “แกลืมไปแล้วเหรอว่าแฟนแกเป็นนักศึกษาแพทย์ แล้วแกลืมไปหรือเปล่าว่าแกเรียนวิศวะฯ ไม่ใช่พยาบาล เก่งจังนะดูแลผู้ชายเนี่ย” นิดาเข้ามาซ้ำเติมเพิ่มอีกคน “แล้วเวลาแฟนแกป่วยแกไม่อยากดูแลหรือไง ขนาดพี่คิณเมื่อยยังไปนวดให้เลย แกเป็นหมอนวดเหรอ” “เจ็บแสบมาก รู้เลยว่าได้ความปากแจ๋วมาจากใคร” นิดายกมือขึ้นทาบอกตัวเองก่อนจะแอบชำเรืองหางตามามองทางมนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กับเธอ “นี่ยายวิ พี่ธีร์เขากลับเย็นนี้ไม่ใช่เหรอ ยิ้มหน

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status