Share

ตอนที่ 6 เดต(?)แรก

last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-25 07:28:23

              เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนเช้า ฉันรีบเอื้อมมือปิดมันทันทีแล้วลุกขึ้นมานั่งด้วยท่าทีงัวเงีย ฉันแทบจะเปิดเปลือกตาสู้แสงยามเช้าขึ้นมาไม่ได้ ก็เมื่อคืนเอาแต่เลือกชุดแล้วถามรูมเมตจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน

             “พร้อมแล้ว” ฉันให้กำลังใจตัวเองก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงนอนเพื่อนไปอาบน้ำแล้วแต่งตัว

             ฉันตั้งใจเลือกชุดเอี๊ยมขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาว ถักเปียสองข้างให้ความรู้สึกเหมือนเด็กมอต้นมาก

             แล้วถ้าเกิดพี่ธีร์ชอบสาว ๆ เหมือนที่สนามแข่งรถล่ะ

             ฉันยืนครุ่นคิดกับตัวเองอยู่หน้ากระจกก่อนจะส่ายหน้าเพื่อไล่ความคิดแต่งตัวเซ็กซี่ออกไปจากหัว

             ถ้าพี่เขาจะชอบ เขาก็ต้องชอบที่เป็นตัวฉันสิ

             ฉันหยิบเครื่องสำอางขึ้นมาทาไปตามใบหน้าแค่เพียงบาง ๆ ตามคอนเซปต์เมกอัปโนเมกอัปอย่างที่มนเคยบอก ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะแต่งไปทำไมให้เหมือนไม่แต่งแต่พอแต่งแล้วก็น่ารักไปอีกแบบ

             ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลาเมื่อเห็นว่าใกล้เวลานัดแล้วฉันเลยเลือกที่จะลงไปรอด้านล่างของหอพัก ไม่นานนักรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ก็มาจอดเทียบตรงหน้าฉัน

             หนุ่มรุ่นพี่เปิดหน้ากากบังลมของหมวกกันน็อกขึ้นก่อนจะเพ่งมองฉันตั้งแต่หัวจดเท้าด้วยความแปลกใจ

             “มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ธีร์”

             “เปล่าครับ พี่ว่าแบบนี้เหมาะกับเธอมากกว่านะ” ฉันแอบลอบยิ้มก่อนจะรับหมวกกันน็อกมาจากมือของพี่ธีร์แล้วสวมใส่มันบนศีรษะก่อนจะขึ้นไปซ้อนท้ายบนรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งของพี่ธีร์

             “เราจะไปไหนกันเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามก่อนที่พี่ธีร์จะออกตัว

             “ไปดูเอาเองแล้วกัน” พี่ธีร์ออกตัวไปฉันเลยรีบคว้าบ่ากว้างของรุ่นพี่หนุ่มเอาไว้กันตก ก่อนพวกเราจะมุ่งหน้าสู่ถนนใหญ่

             ฉันถอดหมวกกันน็อกออกแล้วส่งคืนให้เจ้าของ สายตามองไปยังสถานที่ตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น

             “ศูนย์วิทยาศาสตร์นี่”

             “คิดไว้แล้วว่าเธอคงจะถูกใจอะไรแบบนี้” พี่ธีร์หัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะดับเครื่องยนต์แล้วถอดหมวกกันน็อกตามฉันลงมา

             “พี่นี่ขยันเลือกจริง ๆ เลยนะคะ”

             “พาเธอมาเรียนก็ถือว่าอยู่ในติวถูกไหม พี่เดาว่าเธอคงชอบมาเห็นเองมากกว่าที่จะท่องในตำรา”

             “ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำด้วยใช่หรือเปล่าคะ หนูอยากไปพี่ธีร์พาหนูไปหน่อยน้า” ฉันพูดเสียงยาวออดอ้อนหนุ่มรุ่นพี่

             “นั่นเป็นที่เที่ยวหลังจากติวเสร็จ โอเคนะ”

            “รับทราบค่ะ” ฉันยกมือขึ้นมาตะเบ๊ะอย่างเคยตัวจนต้องหุบยิ้มลงยามที่เผลอสบตากับใบหน้าหล่อที่มองมาด้วยความแปลกใจ ฉันรีบจับมือตัวเองลงมาขนาบข้างตัวเหมือนเดิม

            “เราเริ่มเรียนกันเลยนะ ตามมา”

            “ค่ะ” ฉันรีบเดินตามหลังพี่ธีร์เข้าไปในศูนย์วิทยาศาสตร์แห่งนี้ พี่ธีร์พาเดินไปตามโซนต่าง ๆ พลางอธิบายเรื่องราวชวนให้น่าสนใจ

            “อันนี้เป็นกฎของเมนเดลจำได้ไหม” พี่ธีร์ชี้ไปทางตู้กระจกหนึ่งที่อธิบายเกี่ยวกับการถ่ายทอดพันธุกรรมของเมล็ดถั่วเขียว

            “ที่เขาเอาเมล็ดถั่วเขียวมาทดลองน่ะเหรอคะ มันเป็นบทเรียนของมัธยมต้นไม่ใช่เหรอ”

            “แต่มันก็เป็นเรื่องที่อยู่ในชีวิตประจำไม่ใช่เหรอ เคมีเองก็เหมือนกัน ธาตุแต่ละธาตุก็อยู่รอบตัวเราทั้งนั้น”

            ฉันมองตามยามที่ชายหนุ่มอธิบายทฤษฎีต่าง ๆ ให้ฉันฟัง มันดูเหมือนว่าพี่ธีร์กำลังหลงใหลและมีความสุขไปกับมันจริง ๆ จนฉันเผลอระบายรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

            “ที่แท้ พี่ก็ชอบวิชาวิทยาศาสตร์นี่เอง ดูท่าคงจะชอบเคมีมากเป็นพิเศษด้วย”

            “รู้ดีนะเธอเนี่ย” พี่ธีร์อมยิ้มเล็กน้อย

            “แล้วทำไม พี่ธีร์ไม่เรียนวิทยาศาสตร์ล่ะคะ ทำไมถึงมาเรียนหมอ หนักก็หนัก”

            “เพราะพี่ตั้งใจทำเพื่อใครคนหนึ่งน่ะ แล้วก็ถ้าพี่ไม่รีบคว้าทุนนี้ไว้ ไม่แน่ว่าพี่ก็คงจะไม่ได้คลุกคลีกับวงการนี้อีกแล้ว” ดวงตาคมทอดสายตามองผ่านตู้กระจกด้วยแววตาเศร้าหมอง

            “ดีจังที่พี่รีบคว้าทุนไหว” คนฟังเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉัน “ไม่งั้นไม่รู้ว่าหนูจะมีโอกาสได้เจอพี่ไหม”

            “ยายเบ๊อะ” พี่ธีร์ดีดหน้าผากฉันเบา ๆ

            “โอ๊ยพี่ธีร์คะ หนูเจ็บนะ”

            “เราเจอกันที่มหาวิทยาลัยที่ไหน เราเจอกันที่ร้านเหล้าต่างหากจำได้ไหม”

            “จำได้สิคะ แต่หนูไปมองหาพี่ที่ตึกเรียนทุกวันเลยนะ อุ๊บ” ฉันรีบยกมือขึ้นปิดปากเมื่อเผลอพูดอะไรออกไป

            “ทำไมต้องไปมองหาพี่ด้วยล่ะ” ชายหนุ่มทำท่าสงสัย

            “ติวเสร็จแล้วใช่ไหมคะ งั้นหนูขอไปดูพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำก่อนนะ” ฉันยกยิ้มเจื่อนก่อนจะรีบก้าวเท้าเดินออกไปแต่กลับถูกฝ่ามือหนาจับศีรษะเอาไว้ให้หยุดฝีเท้าลง

            “เดี๋ยว” พี่ธีร์ลากเสียงทุ้มยาว

            “อะไรอีกล่ะคะ” ฉันถามด้วยความร้อนรน

            “มันไปอีกฝั่งหนึ่ง”

            “พี่ธีร์ก็นำทางสิคะ” ฉันแอบเห็นว่าหนุ่มรุ่นพี่แอบอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะปล่อยมือออกจากหัวฉันแล้วเดินนำออกไป

            “ตามมาสิ”

            “ค่ะ ๆ” ฉันรีบรับคำแล้วเดินตามหลังชายหนุ่มไปทันที

            “พี่ธีร์เคยมาที่นี่มาก่อนหรือเปล่าคะ” ฉันเอ่ยถามขณะที่พวกเรากำลังยืนมองตู้ปลาขนาดใหญ่ที่มีปลาแหวกว่ายไปมาในตู้ที่เต็มไปด้วยสีสันสวยงาม

             “พี่เคยมาตอนยังเด็กน่ะ” คนพี่พูดทั้งที่ไม่ละสายตาไปจากตู้ปลาตรงหน้า “มาตั้งแต่ปลาตัวนั้นยังตัวเล็ก จนมันแก่เกือบจะว่ายไม่ไหวอยู่แล้ว”

             ฉันหลุดหัวเราะออกไปก่อนจะมองยังตู้ปลาตู้นั้น ในห้องนี้หรี่แสงลงเพื่อให้ตู้ปลาโชว์ความสวมงามได้เต็มที่

             “พี่ธีร์ก็เป็นคนตลกเหมือนกันนะคะ ทำไมหนูถึงไม่ค่อยเห็นพี่ยิ้มเลย เพื่อนที่คณะพี่ก็บอกว่าพี่อะเย็นชามาก ๆ”

             พี่ธีร์หรี่สายตามองมาทางฉัน

             “นี่แอบไปสืบเรื่องของพี่มาเหรอ”

             “เปล่านะคะ พี่ลินกับพี่อชิเป็นคนบอกหนูเอง” พี่ลินที่ว่าคือพี่ผู้หญิงที่ฉันเจอที่คณะแพทย์ฯ ส่วนพี่อชิคือพี่ผู้ชายที่ใส่แว่นหนาเตอะท่าทีเนิร์ด ๆ เดินตามพี่ลินต้อย ๆ

             “นี่รู้จักเพื่อนพี่แล้วด้วยเหรอ”

             “พี่เขาเข้ามาแนะนำตัวเองต่างหากล่ะคะ” ฉันว่าอย่างเฉไฉ

            “จริง ๆ เลยสองคนนั้น” พี่ธีร์บ่นอุบอิบก่อนจะหันไปมองด้านหน้าตามเดิน “พี่ไม่ได้เป็นคนหยิ่งหรือว่าเย็นชาอะไรหรอกนะ พี่แค่ไม่มีเวลาได้คุยกับคนอื่นอะ พี่ไม่มีเวลาไปเที่ยวกับเพื่อน ไม่มีเวลาไปกินข้าว หรือทำกิจกรรมอะไรที่เพื่อนเขาทำกัน พี่เลยเป็นเหมือนคนไร้ตัวตนในรุ่นละมั้ง”

            “ไม่หรอกค่ะ วันที่พี่เล่นบาสฯ พี่ก็ฮอตจะตายไป” ฉันว่า

            “เคยเห็นด้วยเหรอ” พี่ธีร์ยกยิ้ม

            “หนูก็ไปเชียร์คณะหนูสิคะ”

            “นั่นเป็นครั้งสุดท้ายเลยที่พี่เล่นให้ทีม เพราะพี่ไม่มีเวลาไปซ้อมเลย เลยโดนปลดจากการเป็นตัวหลัก”

            “เสียดายจัง” ฉันว่าอย่างเซ็ง ๆ

            “แต่ก็ดีแล้วล่ะ ที่จริงพี่ก็ไม่ได้ชอบเล่นหรอกแค่เล่นตามเพื่อนตอนมัธยมปลายน่ะ”

            “แต่พี่เท่มากเลยนะคะ” ฉันหันไปมองกรอบใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่ม สันกรามคมด้านข้างเสริมให้พี่ธีร์ดูมีเสน่ห์จนไม่อาจละสายตาได้

            “ขอบใจนะ เราไปดูตรงอื่นกันต่อเถอะ”

            “ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามหลังของพี่ธีร์ไปยังตู้ปลาตรงอื่น พวกเราพากันเดินลอดอุโมงค์ที่ด้านบนเป็นตู้ปลาเหมือนให้เราเดินอยู่ใต้ท้องทะเลลึกที่เต็มไปด้วยหมู่ปลานานาชนิด

            พี่ธีร์ดูจะหลงใหลไปกับมันมากจนพี่เขาไม่อาจละสายตาไปจากสิ่งรอบข้างได้เลย ส่วนฉันก็ไม่อาจละสายตาไปจากพี่เขาได้เหมือนกัน

            ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนจะกดอัดวิดีโอสิ่งรอบข้างก่อนที่จะไปหยุดอยู่ตรงชายหนุ่มร่างสูงที่กวาดสายตามองสิ่งต่าง ๆ อย่างสนอกสนใจไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยเลยสักนิด

            “วิ มาถ่ายรูปตรงนี้สิ” ฉันแอบสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพี่เขาหันมาสบตากับฉันผ่านกล้อง ฉันรีบกดหยุดแล้วพยักหน้ารับรุ่นพี่ก่อนจะเดินไปหา

            “พี่ถ่ายรูปให้หนูหน่อยได้ไหมคะ” พี่ธีร์พยักหน้าก่อนจะรับโทรศัพท์ไป พี่เขาถ่ายรูปให้ฉันอยู่สองสามรูปก่อนที่จะต้อนให้พี่ธีร์มาถ่ายบ้าง

            “พี่ไม่ชอบถ่ายรูป”

            “เอาเถอะน่า มาเที่ยวทั้งทีนะคะพี่” ฉันกดถ่ายรูปรัว ๆ เมื่อเห็นท่าทีเคอะเขินของชายหนุ่มก่อนที่พี่เขาจะมาชะเง้อมองรูปในมือถือที่ฉันเพิ่งถ่ายไปเมื่อกี้

            “ถ่ายรูปสวยนี่” พี่ธีร์เอ่ยชม

            “เพราะพี่หน้าตาดีต่างหาก”

            “เรามาถ่ายรูปคู่กันไหม”

            “คะ?” ฉันเงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือขึ้นไปมองคนพี่ด้วยความแปลกใจ

            “ไหน ๆ เราก็มาเที่ยวด้วยกันแล้ว ก็เก็บไว้เป็นความทรงจำสักหน่อยดีไหม” ฉันรีบพยักหน้าระรัว

            “ดีค่ะ” ฉันยกกล้องขึ้นมาถ่ายเราสองคนที่ยืนอยู่หน้าตู้ปลา พี่ธีร์โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ฉันเล็กน้อยเพื่อให้อยู่ในเฟรมภาพ แต่หารู้ไม่ว่าฉันกำลังใจสั่นสะท้านเพราะเสียงหายใจที่อยู่ข้างหูของฉันจนหัวใจแทบจะระเบิด

             พวกเราถ่ายรูปเล่นกันอยู่สักพักจนได้รูปมาเป็นอัลบั้ม นี่ขนาดไม่ชอบถ่ายรูปนะเนี่ย

             ตอนเย็นพี่ธีร์ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาส่งฉันที่หอเหมือนเดิม ฉันลงจากรถก่อนจะถอดหมวกกันน็อกคืนให้คนพี่

             “วันนี้สนุกมาก ๆ เลย ขอบคุณพี่มาก ๆ นะคะ” ฉันส่งยิ้มให้เป็นการขอบคุณ

             “ติวครั้งหน้าสรุปสิ่งที่ได้จากการติววันนี้มาส่งพี่ด้วยนะ”

             “นี่มีการบ้านด้วยเหรอคะ นึกว่าเราจะแค่ไปเที่ยวกันเฉย ๆ เอง” ฉันร้องโอดครวญ

             “พี่บอกแล้วไงว่าเราแค่ไปติวนอกสถานที่”

             “โธ่”

             “อย่างโอดครวญ สรุปมาให้ครบห้ามขาดตกบกพร่อง”

             “รับทราบค่ะ” ฉันตอบรับเสียงอ้อยอิ่ง

             “เข้าใจไหม”

             “ค่า” ฉันพยักหน้า

            “ตะเบ๊ะด้วย”

            “รับทราบค่ะ” ฉันตะเบ๊ะตามที่คนพี่บอกด้วยความลืมตัวเรียกเสียงหัวเราะของชายหนุ่มได้อย่างเหลือเชื่อ “มันตลกขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

            “เปล่าซะหน่อย” พี่ธีร์หัวเราะขำขัน “น่ารักดี”

            ความร้อนผ่าวจับพวงแก้มขาวจนลามมาถึงใบหู ฉันรีบหันหน้าไปมองทางอื่นเพื่อบดบังความเขินอายของตัวเองเอาไว้

           “เจอกันครั้งหน้านะ”

           “ค่ะพี่ธีร์ เดินทางปลอดภัยนะคะ” ฉันโบกมือลาก่อนจะเดินหันหลังไปหวังจะเดินเข้าหอพัก

           “ฝันดีนะวิ” เสียงทุ้มเอ่ยตามหลังจนฉันหันขวับกลับมามอง

           “ฝันดีค่ะพี่ธีร์” พี่ธีร์ยิ้มรับก่อนจะปิดหน้ากากบังลมลงแล้วขี่รถออกไปจากหน้าหอพักทิ้งให้ฉันยืนนิ่งทั้งที่ข้างในหัวใจเต้นตูมตามไปหมด

           เชี่ย นี่เราเผลอชอบพี่ธีร์ไปแบบเต็มอัตราแล้วปะเนี่ย

           “หนูวิ”

          “คะป้า” ฉันรีบเด้งตัวตรงด้วยความตกใจเมื่อป้าเจ้าของหอเดินเข้ามาหา

          “แฟนเหรอลูกหล่อเชียว”

          “อ๋อ เปล่าค่ะ” ฉันรีบปัดมืออย่างลุกลี้ลุกลน “เป็นรุ่นพี่ที่ติวให้เฉย ๆ ค่ะ หนูขอตัวนะคะ”

          ฉันรีบสับเท้าวิ่งขึ้นบันไดไปในทันที

          “ทรงนี้ ยังไงก็ได้กัน”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนพิเศษที่ 2 เพื่อนเจ้าสาว

    ตั้งแต่งานหมั้นฉันก็ผันตัวมาเป็นแม่บ้านแบบเต็มตัว จะเข้าบริษัทก็ต่อเมื่องานมีปัญหาแล้วทำงานอยู่ที่บ้านแทนเพราะจะได้ใช้เวลาร่วมกับพี่ธีร์มากขึ้น ใช้ชีวิตแบบนี้มาเป็นเวลาเกือบจะเข้าปีที่สาม “กลับบ้านแล้วเหรอคะ” วันนี้พี่ธีร์เลิกเวรค่อนข้างดึก ฉันนั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านของพี่ธีร์เพื่อรอให้แฟนหนุ่มกลับบ้าน พ่อให้พี่ธีร์มาประจำการที่คลินิกใหญ่ในกรุงเทพฯ พวกเราเลยได้ใช้เวลาร่วมกันบ้างเวลาที่พี่ธีร์เลิกงาน “อื้อ นั่งรอพี่เหรอ” “ค่ะ พี่ธีร์ทานอะไรมาหรือยังเดี๋ยวหนูอุ่นกับข้าวให้นะ” “ครับ แต่วิต้องทานเป็นเพื่อนพี่นะ” “อื้อ” ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปอุ่นอาหารในห้องครับโดยมีพี่ธีร์เดินตามเข้ามาเพื่อช่วยก่อนที่พวกเราจะมานั่งทานอาหารที่โต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาในห้องนั่งเล่นด้วยกัน “วันนี้ที่คลินิกเป็นยังไงบ้างคะ” ฉันเอ่ยถามระหว่างที่เรานั่งทานอาหารด้วยกัน “วันนี้คนไข้เยอะเป็นพิเศษเลย เป็นช่วงวันหยุดด้วย ยิ่งเยอะไปใหญ่” พี่ธีร์ถอนหายใจเพื่อไล่ความเมื่อยล้าแล้วตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนพิเศษที่ 1 ลูกเขยคนโปรด

    เวลาผ่านมาเนิ่นนานหลังจากที่เราทั้งสองตกลงคบกัน นี่ก็ปามาปีที่สี่ของการคบกัน ฉันเรียนจบก่อนพี่ธีร์จนออกมาทำงานในบริษัทในเครือของพ่อ ส่วนพี่ธีร์ที่เพิ่งจบออกมาได้หมาด ๆ ก็ต้องไปทำงานเพื่อใช้ทุนตามข้อตกลงที่ต้องไปประจำการที่โรงพยาบาลตามต่างจังหวัด เรามีโอกาสได้เจอกันน้อยลง ถึงแม้แต่จะติดต่อกันไม่ขาด แต่ยอมรับเลยว่าฉันคิดถึงพี่เขาเอามาก ๆจนในที่สุดเวลาเราก็ตรงกัน ไหน ๆ เราก็คิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันแล้วฉันเลยคิดว่าถึงโอกาสแล้วที่พ่อกับแม่จะต้องได้เจอกับพี่ธีร์สักที แม้ที่ผ่านมาพวกท่านจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับพี่ธีร์แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสได้พูดคุยกันอย่างจริงจังเสียที “พี่โอเคหรือยัง” พี่ธีร์เอ่ยถามฉันเป็นรอบที่สิบของวันนี้ ชายหนุ่มแสดงอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ฉันเอื้อมมือไปจัดผมของคนพี่ที่ยุ่งเหยิงเพราะหมวกกันน็อก “ดูดีแล้วค่ะ เข้าบ้านกัน” ฉันสิ่งยิ้มหวานให้อีกคนได้ผ่อนคลายก่อนจะจูงมือพี่ธีร์เดินเข้ามาในตัวบ้าน คุณแม่กำลังจัดโต๊ะอาหารเพื่อเตรียมรอต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยียน แต่ก่อนแม่ก็ไม่โอเคนักที่ฉันไม่ได้ชอบพี่รันเวย์คนที่

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนที่ 25 The End (NC ส่งท้าย)

    เราทั้งสองนัวเนียกันอยู่ในเต็นท์ ฉันรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อคิดถึงบรรยากาศรอบข้างที่เป็นป่าตีนภูเขายิ่งทำให้หัวใจสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก ฉันกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเพราะกลัวว่าจะมีใครผ่านมาได้ยิน “พี่ธีร์คะตรงนี้จะดีจริง ๆ เหรอ หนูรู้สึกแปลก ๆ” ใบหน้าของฉันเห่อร้อนขึ้นมจนลามมาถึงใบหู ในใจสั่นระรัวราวกับว่าเลือดลมกำลังสูบฉีดเป็นอย่างดี “ตื่นเต้นดีใช่ไหมครับ” พี่ธีร์ไม่รอช้ารีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองด้วยอารมณ์ที่กำลังปะทุอยู่ภายในฉันเองก็ทนไม่ไหวแล้วเลยถอดเสื้อผ้าของตัวเองจนหมดเกลี้ยง ความมืดในเต็นท์ไม่ได้เป็นอุปสรรคของพวกเราเลย แต่ความแคบเนี่ยสิที่เป็นอุปสรรค “ระวังเต็นท์สั่นนะคะ” ฉันแอบเห็นชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากก่อนจะเข้ามาคลอเคลียที่ลำคอขบเม้มเล็กน้อยแล้วไล่ลงมาจนถึงเนินอกขาวไร้อาภรณ์ปิดบัง จังหวะของหัวใจฉันเต้นถี่กระชั้นเสียจนเหมือนจะระเบิดออกมา ลมหายใจที่รินลดบนผิวหนังของฉันย้ำเตือนว่าเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ยอดอกของฉันถูกครอบครองด้วยลิ้นอุ่นก่อนที่สติของฉันมันจะเริ่มขาวโพลนไปหมด ไม่มีอะไรเลยน

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนที่ 24 แคมปิง

    ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าเพราะแสงไฟที่ส่องสว่างจนแยงตา ดวงตาเคลื่อนไปมองบานหน้าต่างที่ถูกเปิดไว้รับลมเพราเมื่อคืนไฟดับจนไม่มีพัดลมคอยเปิดเพื่อระบายความร้อน ฉันยันตัวเองขึ้นมานั่งพลางบิดขี้เกียจจากอาการเมื่อยล้า ความโล่งประหลาดทำเอาฉันต้องก้มหน้ามองเนื้อตัวที่เปลือยเปล่าของตัวเองแล้วหน้าแดงแจ่ขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ทีตอนทำไม่รู้จักอายยายวิเอ๊ย ฉันยกมือขึ้นมากุมขมับก่อนจะเหลือบไปมองชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างกาย พี่ธีร์นอนหลับตาพริ้มอย่างสบายใจฉันได้แต่ถอนหายใจก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่ขึ้นมาสวมใส่แล้วเดินตรงไปอาบน้ำ หลังจากที่ทำร่างกายให้สดชื่นแล้วฉันก็เดินลงบันไดมาที่ห้องครัวแล้วเปิดตู้เย็นออกดู ในตู้เย็นโล่งโจ้งมีเพียงแผงไข่ไก่ อยากซื้อของมาเติมจัง ไม่เป็นไรทำไปก่อนแล้วกัน ฉันหยิบแผงไข่ไก่ออกมาก่อนจะเริ่มทำอาหารเช้าทันที เห็นอย่างนี้ฉันก็ทำอาหารเป็นนะ สกิลเด็กหอไง ผ่านไปสักพักหนึ่งฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเก้าเหยียบลงมาจากบันไดก่อนที่พี่ธีร์จะเดินเข้ามาในห้องครัว “ทำไรกินเหรอ” พี่ธีร์เดินงัวเง

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนที่ 23 ไฟดับ NC

    วันนี้เพื่อน ๆ ของฉันชวนมาเที่ยวส่งท้ายเทอมที่ผับของรุ่นพี่ในคณะที่จบไปแล้ว ซึ่งก็เป็นผับเดียวกันกับที่ที่พี่ธีร์ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ที่นี่ ฉันเลยถือโอกาสมาเช็กซะเลยว่าพี่ธีร์ของฉันจะฮอตสักแค่ไหน “รับอะไรดีครับคุณลูกค้า” พี่ธีร์ส่งยิ้มพราวเสน่ห์มาให้ฉันที่นั่งอยู่ตรงริมสุดของเคาน์เตอร์ แพรวพราวชะมัด “มาตินีหนึ่งแก้วค่ะ” ฉันยกยิ้มมุมปากก่อนที่พี่ธีร์จะหันไปจัดตามที่ฉันบอก ฉันทอดสายตามองชายหนุ่มด้วยความชื่นชม คนอะไรครบเครื่องชะมัด ฉันเดินมาตามทางเดินที่มีแสงไฟหลากสีสาดส่องไปมาเพื่อมุ่งตรงไปเข้าห้องน้ำ วันนี้ผู้คนไม่ค่อยหนาตาเท่าไรเลยไม่ค่อยมีคนเดินพลุกพล่านไปมาชวนปวดหัว แต่แล้วก็มีแรงกระชากที่ข้อมือก่อนจะดันให้ฉันติดกำแพง “พี่รันเวย์” ฉันเรียกชื่อของอีกคนเสียงตื่น แต่คนพี่ก็ยกนิ้วขึ้นมาทาบที่ริมฝีปากของฉันไว้เพื่อบอกใหฉันเงียบลง “น้องวิ พี่วานอะไรหน่อยได้ไหม” พี่รันเวย์มองซ้ายมองขวาราวกับกำลังหวาดระแวงอะไรบางอย่าง “ช่วยแกล้งเป็นแฟนพี่ทีได้ไหม” “พี่ทำบ้าอะไรเนี่ย” ฉันรีบดันให้

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนที่ 22 อาหารมื้อที่ดีที่สุด

    “หงอยเลยอะดิ พี่ธีร์ไปค่ายแค่สามวัน นั่งหงอยเหมือนไม่เคยตัวห่างกันเลยเนอะ” นิดาเอ่นแซวเมื่อเห็นว่าฉันนั่งเขี่ยข้าวในจานด้วยความเบื่อหน่าย พี่ธีร์ไปค่ายอาสากับทางคณะตั้งสามวันแล้ว ขึ้นไปบนเขาไม่มีสัญญาณติดต่อกลับมาก็ไม่ได้ “แผลเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” ฉันบ่นพึมพำกับสองเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงอ้อยอิ่ง “สติค่ะสาวค่ายคณะแพทย์ฯ แปลว่าอะไรคะ แปลว่ามีหมอเต็มไปหมดค่ะ ยิ่งกว่าแขกวีไอพีอีกนะ หมอล้อมขนาดนั้นอะ” มนตอกย้ำสติหลุดลอยของฉันให้กลับคืนมา “จริงด้วย พี่ธีร์เรียนหมอนี่” “แกลืมไปแล้วเหรอว่าแฟนแกเป็นนักศึกษาแพทย์ แล้วแกลืมไปหรือเปล่าว่าแกเรียนวิศวะฯ ไม่ใช่พยาบาล เก่งจังนะดูแลผู้ชายเนี่ย” นิดาเข้ามาซ้ำเติมเพิ่มอีกคน “แล้วเวลาแฟนแกป่วยแกไม่อยากดูแลหรือไง ขนาดพี่คิณเมื่อยยังไปนวดให้เลย แกเป็นหมอนวดเหรอ” “เจ็บแสบมาก รู้เลยว่าได้ความปากแจ๋วมาจากใคร” นิดายกมือขึ้นทาบอกตัวเองก่อนจะแอบชำเรืองหางตามามองทางมนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กับเธอ “นี่ยายวิ พี่ธีร์เขากลับเย็นนี้ไม่ใช่เหรอ ยิ้มหน

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status