‘พะ พี่โขง พี่เข้อย่ากระแทกแรงสิ นะ หนูเจ็บ!’ ตะโขง อายุ28 ปี ตะเข้ อายุ28 ปี พลอยใส อายุ 19 ปี
View More@หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ณ กระท่อมกลางป่า
พั่บๆๆ! ปั่ก! ปั่ก!
“ซี้ดดด อ้า..กูจะแตกแล้ว มึงใกล้ยัง!?” เสียงคำรามของชายหนุ่มร่างสมส่วนเอ่ยถามแฝดน้องเมื่อตอนนี้เขากำลังเสพหาความสุขจากเรือนร่างของหญิงสาวใต้ร่าง เช่นเดียวกับแฝดน้องที่เสพความสุขจากเรียวปากของเธอ
ปึ่กๆๆ! เสียงลำแก่นกระทบกับริมฝีปากบางจนเธอไม่สามารถที่จะส่งเสียงครางออกมาได้ ปั่กๆๆ! ไม่ต่างจากท่อนล่างที่แท่งเทียนแท่งใหญ่กำลังขยับผลุบเข้าออกในรูถ้ำสวาท
“กูก็จะแตกแล้ว อ้า! จะแตกแล้ว พร้อมกันนะ!!”
“อืม อ้าส์!!” จากนั้นพวกเขาก็พากันกระตุกเกร็งก่อนจะนำแท่งร้อนออกมาปล่อยน้ำคาวใส่ตัวของหญิงสาวตัวเล็กที่นอนหอบหายใจโดยที่เนื้อตัวของเธอนั้นนอกจากจะมีรอยแดงเป็นจ้ำๆ จากการกระทำของสองหนุ่มก็ยังมีน้ำขาวเปรอะเปื้อนไปตามตัวของเธออีก
“พี่เข้พี่โขง พอแค่นี้นะจ๊ะพรุ่งนี้ฉันมีเรียน เดี๋ยวไปเรียนไม่ไหว” เสียงของหญิงสาวแรกรุ่นเอ่ยบอกกับชายหนุ่มทั้งสองเมื่อเขากำลังจะเข้ามาในตัวของเธออีกครั้ง สองหนุ่มจึงส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมาในลำคอแล้วเป็นแฝดพี่ที่ปัดมือไล่เธอให้แต่งตัวแล้วออกไปจากกระท่อมของเขา
“เงินฉันล่ะจ๊ะ?” หลังจากแต่งตัวเสร็จและเดินออกจากกระท่อมไปแล้ว แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ค่าตอบแทนจึงเดินกลับมาเข้าแบมือให้สองหนุ่ม ชายหนุ่มคนที่มีรอยสักเต็มตัวจึงเดินไปหยิบเงินจากกระเป๋ากางเกงมายื่นให้หล่อนที่พอได้เงินก็รีบวิ่งออกจากกระท่อมปั่นจักรยานออกจากป่าไป
“เหนื่อยยิ่งกว่าไปทำงานอีก” เมื่อหญิงสาวคนนั้นกลับไปแล้วตะโขงจึงเดินเปลือยไปนอกกระท่อมเพื่อยืนสูดอากาศ ไม่ต่างจากแฝดน้องที่ก็เดินตามหลังเขาออกไปพร้อมกับตะกร้าสบู่ยาสีฟันยาสระผมและเขาก็เดินนำพี่ชายไปนั่งลงบนก้อนหินขนาดใหญ่ข้างริมลำธารเพื่อฟังเสียงน้ำไหล
ตะเข้-ตะโขง แฝดหนุ่มอายุยี่สิบแปดปีที่ชอบอาศัยอยู่ในกระท่อมกลางป่า ใช้ชีวิตในป่าไปกับการทำงานที่โรงงานลับๆ ของพวกเขา ตะเข้แฝดน้องมีส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบสอง ในขณะที่ตะโขงพี่ชายมีส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบหก ถึงแม้หน้าตาของพวกเขาจะเหมือนกันทุกอย่างแต่การมีส่วนสูงที่ต่างกันจึงทำให้ผู้คนแยกแยะพวกเขาออก
อีกอย่างตะโขงนั้นมีรอยสักแทบจะเต็มตัวต่างจากตะเข้ที่มีรอยสักเพียงเล็กน้อยและมีแค่บางจุดเท่านั้น ถึงแม้จะชอบอยู่กลางป่าแบบนี้แต่ฐานะที่จริงของพวกเขาก็ไม่ได้ธรรมดาเพราะมีพ่อเป็นถึงกำนันกรดผู้ทรงอิทธิพลแห่งหมู่บ้านโขงเข้กับคุณใบไม้คุณแม่คนสวยที่เป็นถึงคุณหมอประจำอนามัยหมู่บ้าน
“อีกเดี๋ยวอาบน้ำเสร็จเป็นเพื่อนกูไปรับสาวสวยด้วย”
“ใครอีก เพิ่งเอาไปเมื่อกี้อย่าบอกนะไม่พอ?” ตะโขงเดินมานั่งลงในน้ำข้างตะเข้พร้อมกับเอ่ยถามเพราะยังไม่ทันได้หายใจโล่งๆ เจ้าน้องชายก็เตรียมหาผู้หญิงมาสนองตัณหาตัวเองอีกแล้วทั้งที่เพิ่งทำเสร็จไปยังไม่ถึงชั่วโมง
“ก็คนที่พ่อบอกว่ามาจากในกรุงเทพนั่นไง กูอยากรู้ว่าสาวกรุงจะเด็ดแค่ไหน”
“มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ เขามีพ่อมีแม่มึงก็จะไปเอาเขามาเหมือนเขาเป็นตุ๊กตาไปได้”
“มึงพูดเหมือนว่ามึงไม่อยากได้เลยนะ”
“ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากได้แต่มึงก็ช่วยๆ เลือกหน่อยเถอะ” หากเจอผู้หญิงถูกใจไม่ว่าจะเป็นใครถ้าให้เจ้าตะเข้ก็คือเอาหมดทุกคน ทุกคนจริงๆ! ส่วนตัวเขาก็เอาแต่เอาแค่รอบเดียวเป็นการเช็คของว่าควรไปต่อมั้ยหากไม่ก็หยุด แต่ตะเข้นี่ไม่เลือกเลยขย่มเอามันส์อย่างเดียวอ่ะ
“กูก็ใส่ถุงยางปะ”
“ใส่ถุงยางถ้ามันเป็นเอดส์ขึ้นมาแล้วถุงรั่วพอดีล่ะ”
“มึงคิดมากไปพี่ชาย มาถูหลังให้กูดิ๊” หยิบสบู่ในตะกร้าใบเล็กยื่นให้แฝดพี่แล้วก็นั่งหันหลังให้ตะโขงที่ก็รับสบู่มาถูหลังให้แฝดน้อง
เพราะไม่ชอบความวุ่นวายในหมู่บ้านหรือในเมืองพวกเขาสองคนจึงเลือกที่จะเข้ามาอยู่ในป่า และไม่ใช่ชายป่าหลังไร่แต่มันคือกลางป่าที่ห่างออกมาจากหมู่บ้านของเขาไกลพอสมควร
แต่ถึงแม้จะมาอยู่กลางป่าเช่นนี้แต่พวกเขาก็ใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินหรือแม้แต่ผู้หญิงที่มักจะไปลากมาจากในหมู่บ้านเพื่อมาเอาที่กระท่อมเสพหาความสุขจากตัวพวกเธอ ส่วนผู้หญิงที่พวกเขาเพิ่งเอาเสร็จนั้นคือคนส่งอาหารให้พวกเขาเองแหละ
แม่สาวน้อยนั่นมีอายุแค่สิบแปดปีแต่ก็ถูกพวกเขาหลอกมาเอาบ่อยๆ จนพักหลังเธอเริ่มที่จะเก็บเงินค่าบริการซะแล้ว แต่ยังไงก็ถือว่าคุ้มอยู่เพราะเธอทั้งยังสาวยังเต่งตึงไปทุกส่วนถือเป็นค่าที่เธอมาให้ความสุขแก่พวกเขาก็แล้วกัน
“รีบอาบเถอะ กว่าจะไปกลับเดี๋ยวจะมืด” ตะโขงเอาสบู่มาถูตัวเองแล้วบอกกับน้องชายที่นั่งผิวปากอย่างสบายอารมณ์เมื่อมีคนถูหลังให้พอเมื่อได้ยินแฝดพี่พูดเช่นนั้นก็ส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมาก่อนจะรีบพากันอาบน้ำและเดินเข้าไปแต่งตัวในกระท่อม
กระท่อมที่มีขนาดกลางไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป ตัวกระท่อมถูกสร้างจากไม้ไผ่ที่เอามาตีกั้นรอบๆ ตัวกระท่อม ส่วนพื้นนั้นมีก้อนกรวดวางเต็มพื้นและถูกปูทับด้วยเสื่อน้ำมันอีกที มีเตียงนอนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านใน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งและเก้าอี้ตัวเล็กสำหรับไว้นั่งคุยกันอีกสองสามตัว
ส่วนครัวนั้นอยู่ด้านนอกโดยใช้เป็นเตาถ่านและโต๊ะสูงที่เอาไว้วางถ้วยชามช้อนที่มีไม่ถึงสิบใบ อุปกรณ์ที่ไว้ใช้ทำกับข้าวก็มีนิดหน่อยเพราะส่วนมากให้คนมาส่งอาหารนานๆ ทีหรอกพวกเขาถึงจะได้ทำกินเอง
“ไอ้โขงเสร็จยัง! ปากบอกว่าเขามีพ่อมีแม่แต่ตัวเองกลับแต่งตัวซะนานจะไปล่อเหยื่อหรือไง!!” ตะเข้ที่ยืนรออยู่หน้ากระท่อมเอ่ยขึ้นเมื่อแฝดพี่ยังแต่งตัวไม่เสร็จสักที แต่ไม่ถึงห้านาทีตะโขงก็เดินออกมาในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงขาสั้นเช่นเดียวกับแฝดน้องหลังจากล็อคกระท่อมเสร็จพวกเขาก็พากันขับมอเตอร์ไซค์คันแก่ที่ถูกจอดไว้ข้างครัวออกไป
หลังจากวิลเลี่ยมถูกจับสองหนุ่มฝาแฝดก็ถูกจับไปพร้อมกับผู้ใหญ่ช้าง ชาวบ้านหรือครอบครัวต่างไม่มีใครคัดค้านหรืออะไรเพราะหลักฐานทั้งหมดมัดตัวพวกเขาไว้แน่นแล้ว ทุกคนจึงต้องหันไปดำเนินชีวิตของตัวเองตามปกติ เช่นเดียวกับพลอยใสที่ตอนนี้ย้ายกลับมาอยู่กรุงเทพได้เดือนกว่าแล้วเรื่องที่ธุรกิจของบ้านล้มละลายไปหมดนั้นคุณพลวัฒน์ก็กอบกู้คืนมาได้ทุกอย่างและตอนนี้พลอยใสก็กำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้งานเพื่อบริหารงานต่อจากผู้เป็นพ่อที่ไปมีแฟนใหม่เป็นชาวต่างชาติที่คอยช่วยเหลือเขามาตลอดและตั้งใจจะปักหลักอยู่ที่นั่นเลยต้องสอนงานเธอไว้ส่วนแม่ของเธออย่างคุณญานีนนั้นล่าสุดเธอได้ข่าวว่าไปมีสามีเป็นชาวต่างชาติอีกแล้ว และก็เลิกกันจากนั้นก็เงียบหายไปสองสามวันจนเมื่อวานสร้อยฟ้าไปเห็นมาว่ากำลังคบกับเจ้าของร้านอาหารและทำงานอยู่ที่นั่น เธอไม่ได้ทิ้งเพียงแต่ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับแม่ตัวเองแล้วแต่หากแม่ลำบากถ้าเธอช่วยได้ก็จะช่วยไม่ทิ้งแน่นอน“สร้อย แต่งตัวเสร็จยังจะสายแล้วนะ?”“เสร็จแล้วจ้า” เสียงหวานของเพื่อนสาวรุ่นน้องเดินออกมากห้องนอนในชุดนักศึกษา ทว่าสภาพผมนั้นชี้ฟูพันกันไปหมด ภายใต้กรอบแว่นสายตานั้นคล้ำเหมือนคนไม่ได้หลับ
“น้องพลอย พ่อโทรมาหา” หลังจากสองหนุ่มเดินออกไปแล้วคุณใบไม้ก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ของตนให้พลอยใสโดยที่หน้าจอนั้นแสดงการโทรระหว่างคุยแล้ว มือเล็กจึงรับมันมาด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ“คุณพ่อขา…”(น้องพลอย เป็นไงบ้างใบโทรมาบอกว่าลูกเกือบโดนไทเกอร์ข่มขืน น้องพลอยเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?) น้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใยของพลวัฒน์เอ่ยถามบุตรสาวด้วยความกังวล“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ พี่เกอร์ตายและพี่แฝดเขา…ถูกตำรวจจับไปแล้ว”(อ่า ใบบอกพ่อแล้ว ทำไงได้ล่ะหลักฐานมัดแน่นขนาดนั้น)“อืม หนูคิดถึงคุณพ่อที่สุดเลย คุณพ่อขาหนูเจอคุณแม่ที่หมู่บ้านเขาไม่ให้หนูเรียกเขาว่าแม่ด้วย หนูน้อยใจมากเลย” เสียงเจื้อยแจ้วของพลอยใสเอ่ยฟ้องผู้เป็นพ่อเหมือนกับเด็กน้อยไม่มีผิด สร้างรอยยิ้มให้กับคุณใบไม้ขึ้นมาได้บ้าง เธอเดินไปนั่งบนโซฟาปลายเตียงแล้วมองลูกสะใภ้ด้วยสายตาที่อ่อนโยน(น้องพลอย พ่อรักน้องพลอยนะน้องไม่ต้องไปสนใจแม่หรอกเขาก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว รู้แค่ว่าพ่อรักน้องพลอยก็พอ)“หนูรู้ว่าพ่อรักหนู คุณพ่อขาถ้าคุณพ่ออยากมีแฟนใหม่หนูอนุญาตนะคะคุณพ่อมีได้เลย คุณพ่อจะได้ไม่เหงา”(พ่อยังไม่ได้สนใจเรื่องนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อจะอ
@โรงพยาบาลภายในห้องพักฟื้นขนาดกลางร่างเล็กที่ลืมตาตื่นมานานนับหลายนาทีแล้วยังคงนอนมองเพดานอยู่แบบนั้น จนกระทั่งมีคนเปิดประตูเข้ามาเธอจึงหันไปมองก็เห็นว่าเป็นคุณใบไม้ที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก แต่พอเห็นคนบนเตียงฟื้นแล้วหล่อนก็ปรับสีหน้าให้เป็นยิ้มแย้มแทน“ฟื้นแล้วเหรอ นี่แม่ซื้อผลไม้มาฝากหลายอย่างเลยนะ” คุณใบไม้บอกพลางนำถุงผลไม้ที่ซื้อจากด้านล่างโรงพยาบาลวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง พลอยใสจึงหยัดกายลุกขึ้นนั่งแล้วยิ้มหวานให้คนตรงหน้า“ขอบคุณค่ะ แล้วพี่โขงพี่เข้ล่ะคะ?”“เอ่อ สองคนนั้น…ช่วยพ่อที่หมู่บ้านน่ะ ที่หนูบอกเขาไงว่าวิลเลี่ยมจะขโมยพระพุทธรูป เขาเลยต้องช่วยพ่อจัดการ”“เขาถูกตำรวจจับตัวไปแล้วเหรอคะ?” พลอยใสไม่ได้สนใจประโยคที่ไม่จริงของแม่สามีเพียงแต่ถามหล่อนกลับ ซึ่งมันก็ทำให้คุณใบไม้ถึงกลับเม้มปากตัวเองแน่นก่อนจะพยักหน้าให้เบาๆ“น้องพลอยจะไปไหน?” เธอรีบเดินไปกดตัวพลอบใสที่ตั้งท่าจะลงจากเตียงไว้“ไปหาเขา…”“ตอนนี้พ่อกับชาวบ้านช่วยเคลียร์เรื่องให้อยู่ที่โรงพัก หนูเพิ่งเย็บแผลเดี๋ยวแผลจะฉีก”“แต่พวกเขา…”“แม่น่ะ เคยเตือนพวกเขาแล้วว่าหากวันใดถูกตำรวจจับก็ต้องติดคุก เคยบ่นเคยพ
เช้าวันต่อมา“พลอยครับ เช้าแล้วนะ” ตะเข้เขย่าตัวของพลอยใสเบาๆ เมื่อตอนนี้แสงแดดเริ่มส่องแสงลงมาแล้ว พวกเขาตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างแล้วก็ไปจัดการล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว ส่วนตอนนี้ก็มานั่งปลุกเจ้าตัวเล็กที่ยังนอนขลุกอยู่ใต้ผ้าห่ม“ปะ ปวดหัว…”“หื้ม เข้ดูน้องดิ๊ตัวร้อนมั้ย?” ตะโขงที่ยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าประตูถามขึ้น ตะเข้จึงดึงผ้าห่มออกจากตัวของพลอยใสแล้วเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผาก แล้วก็รีบชักกลับมาเมื่อตัวของพลอยใสร้อนจี๋“ตัวร้อน”“ไม่สบายอีกแล้ว รีบพากลับบ้านเถอะ”“ไม่มีรถด้วยนะ แล้วถ้าออกไปเจอตำรวจล่ะ?” น้ำเสียงที่กังวลของตะเข้เอ่ยถามแฝดพี่ ใจนึงก็เป็นห่วงพลอยใสอีกใจก็กลัวว่าตำรวจจะรอจับพวกเขาอยู่ด้านนอก“เจอก็แค่ถูกจับ…” มือหนาโยนบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้มันจนแหลกแล้วหันไปบอกกับแฝดน้องที่มีสีหน้าดูกังวล หนีมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วยังไงก็ต้องกลับบ้านและก็ต้องถูกจับอยู่ดี หนีต่อไปก็เท่านั้น…“มันหลายปีนะมึง”“แล้วจะทำยังไง กูกับมึงก็ช่วยกันทำกันอยู่สองคนมึงจะปฏิเสธว่าไม่ได้ทำเหรอ?”“กูไม่รู้ ถ้าเราโดนจับแล้วน้องพลอยล่ะ น้องไม่มีใครนะมึง”“กูก็ไม่รู้ ตอนนี้รีบพาออกไปที่บ้านเถอะ แผลก็
“มีใครอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า?” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับไฟฉายในมือหนาที่สาดส่องไปตามลำธาร เขาก้มมองสัตว์เลี้ยงตัวใหญ่ที่คืบคลานสวนกระแสสายน้ำขึ้นไปแล้วหันไปมองคนข้างกายแล้วเอ่ยถามขอความเห็น“ตามไปมั้ย?”“ตามไปดิ มันคงไม่พาเราไปหาตำรวจหรอกมั้ง” ตะโขงตอบเรียบๆ แล้วเดินตามควอนไปเรื่อยๆ ไฟฉายในมือก็สาดส่องไปรอบๆ เพื่อดูว่าสิ่งที่ควอนอยากให้พวกเขาไปดูนั้นคืออะไร จนมาหยุดอยู่ที่จุดหนึ่งซึ่งตรงนั้นลึกอยู่พอสมควรและควอนก็ดูเหมือนจะหาอะไรสักอย่างด้วยความตื่นกลัว มันว่ายวนไปบริเวณนั้นจนน้ำกระเพื่อมเสียดัง“ควอนนายไม่ต้องหาแล้ว” ตะเข้ที่ใช้ไฟฉายส่องด้านข้างลำธารเอ่ยขึ้นเมื่อไฟฉายของเขาไปกระทบกับร่างเล็กที่นอนพิงต้นไม้ใหญ่อยู่ พวกเขาไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กทันที ตะโขงยื่นไฟฉายในมือให้ตะเข้ส่วนตัวเขาก็ประคองตัวพลอยใสไว้“พลอย! พลอยตื่น! พลอย!”“น้องมาอยู่ที่นี่ได้ไง รีบพาไปที่พักเถอะ” แล้วตะโขงก็อุ้มพลอยใสก่อนจะพาเดินลุยน้ำกลับไปที่พักของเขาซึ่งเป็นกระท่อมขนาดเล็กที่ไว้นอนเพียงอย่างเดียว ใช้เวลากว่าห้านาทีพวกเขาก็มาถึงกระท่อม“พลอยครับ พลอย!…มึงหัวน้องแตก มือด้วย เข่ากับข้อศอกอีกนั่น!” ตะเข้
ร่างเล็กเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนวิ่งตามหลังมา เธอไม่หันหลังไปมองคนพวกนั้นเลยสักนิดเพราะหากหันไปแล้วเจอคนพวกนั้นเธอคงหมดแรงวิ่งอย่างแน่นอน และที่เธอเลือกวิ่งเข้าป่ามากว่าวิ่งไปตามทางเพราะหากวิ่งไปตามทางไทเกอร์กับลูกน้องก็คงขับรถตามเธอและจับเธอได้เร็วกว่า“แฮ่กๆ เหนื่อยจัง..” มือเล็กยกขึ้นมาปาดเหงื่อบนใบหน้าของตัวเองขณะที่ฝีเท้ายังคงวิ่งอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งเข้ามาลึกแค่ไหนแล้วเพราะมองไปทางไหนก็มีแต่ป่า” พะ พลอย ยอมมากับพี่ดีๆ แฮ่กๆ อย่าให้พี่ใช้ความรุนแรงเลยนะ!!” เสียงของไทเกอร์ตะโกนลั่นป่า น้ำเสียงที่กระท่อนกระแท่นของเขานั้นบ่งบอกถึงความเหนื่อยได้ไม่ต่างจากคนตัวเล็กเลยสักนิดซ่า! แต่แล้วฝนเม็ดใหญ่ก็ตกลงมาสู่พื้นหลังจากที่ฟ้ามืดครึ้มอยู่นาน พลอยใสหยุดวิ่งแล้วขยับไปยืนแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ทั้งที่เมื่อครู่ฟ้ายังสว่างอยู่แต่พอฝนลงเม็ดมาเท่านั้นอยู่ๆ ฟ้าก็มืดจนทำให้ภายในป่าก็มืดตามไปด้วย“พวกมึงหาทางออกจากป่าดิ๊” ไทเกอร์บอกกับลูกน้องเมื่อมองไปรอบตัวแล้วเริ่มสับสนกับทางออกเพราะวิ่งเลี้ยวไปมาจนมันงงไปหมดแล้ว ลูกน้องของไทเกอร์ที่ได้รับคำสั่งก็แยกย้ายกันเดิน
Comments