LOGIN“โธ่เว้ย! ทำไมไม่รับสายวะ” ทางด้านคิลเลียนเขาพยายามกระหน่ำโทรหาพิมพ์ดาวหลายสายแต่ไร้การตอบกลับจากคนตัวเล็กทำเอาหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ก่อนจะสบถด้วยคำหยาบคายอย่างหัวเสีย
“พี่คิลเลียนขา อาหารเสร็จแล้วค่ะ” เสียงของนิรินทำให้ผละจากหน้าจอโทรศัพท์แล้วก้าวเดินไปหาเจ้าของห้อง
“อาหารน่าทานจัง” ปรายตามองอาหารเต็มโต๊ะแต่เขาไม่รู้สึกอยากกินสักนิดเดียวเพราะมัวแต่พะวงถึงพิมพ์ดาว
“ของโปรดพี่คิลเลียนทั้งนั้นเลย นั่งสิคะ” เธอลากเก้าอี้ให้ชายหนุ่มนั่ง
“ไม่กินด้วยกันเหรอ” ช้อนตามองนิรินซึ่งยังคงยืนนิ่งข้างหลังตัวเอง ไม่มีท่าทีจะนั่งทำเอาอดสงสัยไม่ได้
“กินค่ะ” พูดพร้อมหย่อนก้นนั่งลง แต่นิรินไม่ได้ตักอาหารกินทันใดยังคงจับจ้องมองคิลเลียนอย่างรอลุ้น
หลังจากชายหนุ่มรับประทานอาหารคำแรก นิรินเผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ที่ไปเป็นตามความคาดหวัง
“อร่อยไหมคะ”
“อืม”
“ทานเยอะ ๆ เลยนะคะ” พูดพร้อมตักอาหารใส่จานของเขา
“ไม่กินเหรอ” เหลือบมองคนข้างกายเอาแต่ตักอาหารให้ตัวเอง
“นิรินไม่ค่อยหิวค่ะ แค่เห็นพี่คิลเลียนกินก็อิ่มแล้ว”
“อืม” ชายหนุ่มไม่ได้เซ้าซี้มากนักยังคงนั่งรับประทานอาหารต่อเรื่อย ๆ กระทั่งผ่านไปสักพักเริ่มรู้สึกร้อนรุ่มทั่วกายแกร่ง ก่อนจะมองอาหารตรงหน้าและเหลือบมองนิริน
เขาเพิ่งตระหนักได้เดี๋ยวนี้เองในอาหารมีบางอย่างผิดปกติ ถึงกระนั้นไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ให้นิรินเห็น พยายามอดกลั้นต่อความรู้สึกขณะนี้
“พี่คิลเลียนเป็นอะไรคะ เหงื่อออกเยอะเลย”
“ขอตัวกลับก่อนละกัน” เขาทนต่อไม่ไหวแล้วจึงเด้งตัวลุกขึ้นพรวดและก้าวเท้าเดินไปอย่างไว
“อย่าเพิ่งไปสิคะ” นิรินวิ่งไปสวมกอดคิลเลียนจากด้านหลัง มือไม้ลูบไล้ตามแผงอก ส่งผลให้ชายหนุ่มครางต่ำในลำคอ
“จะกลับจริงเหรอคะ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยั่วยวน นิรินยังคงไม่หยุดลูบคิลเลียน
“ขอตัวก่อนละกัน” แกะแขนเธอออกจากเอวสอบและก้าวจากไป ขืนยังปล่อยให้นิรินรั้งอยู่อย่างนั้นมีหวังความอดทนคงได้หมดกันพอดีจนอาจทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด เขาไม่ปรารถนาให้เป็นอย่างนั้น
“พี่คิลเลียนอย่าเพิ่งไป” นิรินตะโกนไล่หลังชายหนุ่มแต่อีกคนกลับไม่สนใจ
คิลเลียนออกจากคอนโดของนิรินอย่างไว แล้วตรงไปยังรถคันหรูก่อนขึ้นและขับไปทันทีด้วยความเร็วเกินมาตรฐานกำหนด
ระหว่างมุ่งหน้าไปยังคอนโดของตัวเองเพื่อไปหาพิมพ์ดาว เขาต้องพยายามข่มความรู้สึกมากมายขณะขับรถเพื่อไม่ให้ระเบิดออกมาเสียก่อนซึ่งทรมานเหลือเกิน
“โธ่เว้ย!” เขาหัวเสียเป็นอย่างมาก คาดไม่ถึงนิรินจะเล่นกันแบบนี้ คิดแล้วก็อดโมโหไม่ได้
เวลานี้รถไม่ค่อยติดทำให้ชายหนุ่มถึงคอนโดเร็วกว่าปกติ เขารีบเข้าไปหาคนตัวเล็กในห้องนอนแต่เมื่อกดสวิตช์ไฟพบว่าเธอนอนแล้ว
คิลเลียนไม่อยากรังแกเธอ เลยจำใจเลี่ยงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อดับความร้อนรุ่มในกายขณะนี้
เสียงดังในห้องน้ำราวกับมีใครบางคนอยู่ในนั้น ปลุกคนตัวเล็กตื่นจากการนอนหลับ ดวงตากลมโตปรือตาขึ้นทีละนิดเนื่องจากแสงแยงตา
“คิลเลียนกลับมาเหรอ” เหลือบมองประตูห้องน้ำก่อนพลิกกายไปอีกด้าน
แอ๊ด!
เสียงประตูดังขึ้น พิมพ์ดาวเอี้ยวคอไปมองเห็นเขานุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบเอวสอบ เส้นผมเปียกชุ่ม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาด ๆ
“ฉันทำให้เธอตื่นเหรอ”
“เปล่า” พิมพ์ดาวลุกขึ้นนั่งพิงหลังกับหัวเตียงพลางขยี้ตา
“นอนต่อสิ”
หญิงสาวไม่โต้ตอบ เธอเหลือบมองเขาซึ่งเห็นสีหน้า ท่าทางอีกฝ่ายไม่ค่อยสบอารมณ์ จากนั้นก้าวเท้าลงจากเตียงหมายจะเดินไปยังประตูก่อนหยุดชะงักกับเสียงทุ้ม
“ไปไหน”
“ข้างนอก”
“ไปทำไม”
“ฉันจะไปนอนที่โซฟา นายดูไม่ค่อยมีอารมณ์เลยคิดว่าน่าจะอยากนอนคนเดียวมากกว่า” จบคำพูดคนตัวเล็กก้าวเดินต่อ
คิลเลียนไม่ยอมให้คนตัวเล็กทำตามความปรารถนา ชายหนุ่มโอบกอดคนตัวเล็กจากด้านหลัง จากนั้นช้อนร่างเล็กในท่าเจ้าสาวพาไปจับกดลงกับที่นอน
“คิลเลียน!” มองเขาด้วยสายตาโกรธเคือง
“อย่าคิดอะไรแทนฉัน” เขาอุตส่าห์หักห้ามใจไม่อยากรังแกคนตัวเล็กในคืนนี้ แต่เธอดื้อเหลือเกิน
ขณะอาบน้ำเขาใช้แม่นางทั้งห้าช่วยตัวเอง ทว่าไม่สามารถดับความร้อนรุ่มในกาย ยิ่งมาเจอเธอทำท่าทางเมินเฉยต่อกัน อารมณ์พลุ่งพล่านมากขึ้นจนไม่สามารถยับยั้งได้อีกต่อไปอยากปลดปล่อยกับเธอตอนนี้
“ปล่อยนะคิลเลียน” คนตัวเล็กพยายามดิ้น
ชายหนุ่มไม่สนใจต่อคำพูดของเธอ เขาโน้มหน้าหล่อเหลาซุกไซ้ซอกคอระหง ดูดเลียตามลำคอขาวเนียนให้สาสมกับความอดอยากมาหลายวัน กลิ่นกายเฉพาะจากตัวเธอบวกกับยาปลุกเซ็กซ์ที่ได้รับทำให้เขาเผลอรุนแรงกับคนตัวเล็ก
ทั่วลำคอระหงเต็มด้วยรอยแดงมากมายจากฝีมือคนเอาแต่ใจ
“อื้อ อ๊ะ รุนแรงไปแล้วนะคิลเลียน”
“ฉันทำให้เธอเจ็บเหรอ” ผงกศีรษะมองหน้าหวานพลางเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
“ใช่สิ” ตอบอย่างแง่งอน
“ขอโทษนะ แต่ฉันคิดถึงเธอมาก” จุมพิตหน้าผากเกลี้ยงเกลาด้วยความอ่อนโยน
“เราไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย นายจะคิดถึงฉันทำไม” เบือนหน้าหลบสายตาคู่คมจ้องมองอย่างอ่อนโยน
“โกรธเหรอ ฉันพูดแบบนั้นหรือว่าหึงเห็นฉันอยู่กับผู้หญิงคนอื่น” คิลเลียนขบเม้มติ่งหูของคนตัวเล็กแผ่วแต่กลับสร้างความซาบซ่านแก่คนใต้ร่าง
“อ๊ะ คิลเลียน”
“คนอื่นอย่าไปสนใจเลย ตอนนี้สนแค่เรื่องของเราพอ” ฝ่ามือใหญ่ประคองหน้าจิ้มลิ้มพร้อมประสานสายตา เขาพรมจูบทั่วหน้างดงาม กระทั่งหยุดยังกลีบปากอวบอิ่มก่อนลูบไล้ดั่งคนคลั่งไคล้
“ปากเธอเนี่ยไม่ว่าจูบกี่ครั้งไม่เคยเบื่อเลย แถมหวานทุกครั้งที่ได้สัมผัส” ส่งสายตาหวานเยิ้มไปยังคนใต้ร่าง พิมพ์ดาวเขินอายจนหันหน้าหนี
“ขอชิมหน่อยนะ” ถามไปอย่างนั้นแหละ ไม่ได้ต้องการให้เธอตอบอนุญาตสักหน่อย เพราะอะไรที่เขาต้องการก็ต้องได้เสมอ
คิลเลียนจับหน้าจิ้มลิ้มมารับจูบจากเขา ริมฝีปากหยักทาบบนปากนุ่ม ขบเม้มปากบนและปากล่างแล้วสอดลิ้นเข้าในโพรงปากสาว
จูบที่เขามอบให้คนตัวเล็กเต็มด้วยความคะนึงหา หลายวันที่ผ่านมาไม่ได้เจอหน้ากันเต็มด้วยความรู้สึกมากมายยากจะอธิบาย
“อื้อ” เสียงร้องครวญครางของคนทั้งสองดังประสานกัน
ทั้งคู่ยังคงแลกจูบกันอย่างนัวเนียกระทั่งคิลเลียนจำใจถอนจูบออก เนื่องจากกลัวพิมพ์ดาวขาดอากาศหายใจเสียก่อน
“ฉันคิดถึงเธอ เธอล่ะคิดถึงฉันบ้างไหม” เอ่ยถามด้วยเสียงเซ็กซี่พร้อมกับนิ้วแกร่งลูบไล้ข้างพวงแก้มขาวใส นัยน์ตาคมกริบจ้องคนตัวเล็กอย่างรอคอยคำตอบ
“ไม่รู้” พิมพ์ดาวหลุบตาต่ำ เธอไม่อยากเผยความรู้สึกในใจให้ล่วงรู้
“งั้นให้ร่างกายเป็นเครื่องพิสูจน์ละกัน” ไม่พูดเปล่า คิลเลียนกระตุกผ้าขนหนูออกจากเอวสอบแล้วโยนทิ้งแบบไม่ไยดี
พิมพ์ดาวมองการกระทำของคนตัวโตถึงขั้นหน้าแดงระเรื่อ เมื่อเห็นท่อนลำผงาดชี้โด่งพร้อมกระแทก ก่อนหันหน้าหนีด้วยความไวเนื่องจากใจสาวกำลังเต้นตึกตักแทบปะทุออกนอกอก
“มองฉันสิพิมพ์ดาว” คิลเลียนเห็นคนตัวเล็กกำลังเขิน เลยอยากแกล้งสักหน่อยจึงสอดมือเข้าใต้ท้ายทอยเธอและยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อต้องการให้มองสิ่งนั้นของเขา
“คิลเลียน!!” เธอเหลือบมองแก่นลำก่อนจ้องเขม็งหน้าหล่อ
“พิมพ์ดาวฉันต้องการเธอ”
แควก!
ความอดทนของชายหนุ่มเริ่มถดถอยลง คิลเลียนไม่รอช้าฉีกชุดนอนกระโปรงสีขาวขาดเป็นสองชิ้น แล้วกระชากบราเซียร์ออกไปให้พ้นดอกบัวตูมก่อนงับยอดสีถันหวาน
“อื้อ” นัยน์ตาคู่งามหลับพริ้มด้วยความเสียวซ่าน ขณะเดียวกันฝ่ามือใหญ่ล้วงเข้าในแพนตี้น้อยและแหวกเข้าไปทักทายโพรงอ่อนนุ่ม
“อื้อ เสียวเหลือเกิน…คิลเลียน” พิมพ์ดาวร้องครางแทบไม่เป็นภาษา มือเรียวจิกเล็บลงบนท่อนแขนกำยำแน่นพร้อมกับแอ่นอกสวยให้เขาเชยชิมอย่างสะดวก
คิลเลียนก้าวออกจากห้องนอนด้วยสภาพโซซัดโซเซเพื่อตรงไปหาพิมพ์ดาวที่นั่งยังโซฟา แม้ตอนนี้จะปวดหัวมากแต่ยังพยายามจะแบกร่างไร้เรี่ยวแรงไปหาคนตัวเล็กพิมพ์ดาวเหลือบมองคนตัวโตแวบหนึ่งแต่ไม่ได้แยแสนัก หน้าจิ้มลิ้มหันมองบรรยากาศนอกคอนโดที่มีแสงแดดจ้า ก่อนรู้สึกตัวเมื่อคิลเลียนมานอนหนุนตักตัวเอง“ทำอะไรของนาย” ปรายตามองชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังพูดจาไม่ดีใส่เธออยู่เลยแล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นล่ะ“ฉันขอโทษ” คว้ามือเล็กขึ้นมากุมพร้อมกับแหงนหน้ามองเธอ“เฮอะ! ตบหัวแล้วลูบหลังเหรอ” แค่นหัวเราะในลำคอเหตุการณ์ในห้องนอนเมื่อสักครู่ เธอยังจำได้ดีไม่ลืมเลือนเขาพูดอะไรไว้บ้างและทำร้ายจิตใจเธอมากแค่ไหน“เธออย่าเข้าใจฉันผิดสิพิมพ์ดาว ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”“ไม่ต้องสนใจฉันหรอก ไปนอนข้างในเถอะ” เธอทำเป็นไม่แยแสคนป่วย“อย่าไล่กันเลยนะพิมพ์ดาว” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเว้าวอน“ฉันไม่กล้าไล่เจ้าของห้องอย่างนายหรอก”“ฉันปวดหัวมากเลยพิมพ์ดาว” คิลเลียนดึงแขนเล็กมากอดพร้อมทำท่าออดอ้อนหวังให้คนตัวเล็กเห็นใจ“ก็ไปนอนข้างในให้มันดี ๆ สิ”“ฉันอยากอยู่กับเธอ” ช้อนตามองคนตัวเล็กซึ่งสื่อไปด้วยความรู้สึกมากมาย จ
คนตัวเล็กบนโซฟากลางห้องนั่งเหม่อลอย มองวิวนอกคอนโดในยามเช้าด้วยใจล่องลอยก่อนถอนหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความเบื่อหน่ายยิ่งนานวันความรู้สึกที่มีต่อคิลเลียนมากขึ้น จากคำว่าชอบเริ่มผันเปลี่ยนเป็นคำว่ารัก ไม่อยากจินตนาการถึงวันต้องแยกจากกันเลยจะรู้สึกอย่างไร คงเจ็บปวดไม่ใช่น้อย“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย” หน้างดงามซบลงกับหัวเข่ามนพร้อมปรายตามองประตูห้องที่มีคนตัวโตอยู่ในนั้นกำลังหลับใหลเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ไร้ร่างกำยำของคิลเลียนย่างเท้าออกมาจากห้องนอน พิมพ์ดาวเหลือบมองนาฬิกาฝาผนังซึ่งขณะนี้เป็นเวลาเก้าโมง“ทำไมคิลเลียนยังไม่ออกมา ไม่ทำงานเหรอวันนี้” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเชิงสงสัย เธอตัดสินใจหย่อนเท้าเล็กแตะพื้นเข้าไปหาคนในห้องหญิงสาวเดินไปนั่งข้างคนตัวโต ยื่นแขนเล็กแตะหัวไหล่แกร่ง ก่อนรู้สึกถึงความร้อนแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา“ไม่สบายเหรอ” เธอจับพลิกเขาให้นอนหงายพร้อมยื่นหลังมือแตะหน้าผากของคิลเลียน แล้วรีบชักมือกลับอย่างไว “ร้อนจัง”พิมพ์ดาวไม่ปล่อยให้เวลาเดินอย่างไร้ประโยชน์ เธอเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง หายออกจากห้องประมาณสิบนาทีและกลับมาอีกครั้งพร้อมอุปกรณ์เช็ดตัว“อื้อ หนาว”“อดทนห
“อ๊า พิมพ์ดาวทำไมถึงหวานทั้งตัวแบบนี้” เสียงทุ้มเอ่ยชมเชยคนตัวเล็กด้วยความหลงใหลกับเรือนร่างงดงามเขาผละออกจากดอกบัวตูมแล้วเลื่อนลงต่ำ ไม่วายกดจูบหน้าท้องแบนราบและไปหยุดยังกลีบกุหลาบงดงามห่อหุ้มด้วยชั้นใน คนใจร้อนอย่างคิลเลียนรีบถอดปราการชิ้นสุดท้ายออกห่างกายสาวอย่างไว“อึก อ๊ะ คิลเลียน” ทันทีที่ปลายลิ้นสากแตะช่องทางรัก พิมพ์ดาวถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความเสียวซ่านพร้อมยกหลังมือขึ้นปิดปาก หน้างดงามส่ายไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงแผ่เต็มหมอน เม็ดเหงื่อค่อย ๆ ผุดขึ้นทีละนิดแม้เครื่องปรับอากาศราคาแพงจะให้ความเย็นมากแค่ไหนก็ไม่อาจดับความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นขณะนี้ระหว่างคนทั้งสอง“พิมพ์ดาว ฉันไม่ไหวแล้ว” คิลเลียนชันเข่าก่อนจับหัวเข่ามนแยกออกจากกันให้กว้าง ๆ สอดแทรกความเป็นชายเข้าในตัวเธอพรวดเดียวจนสุดลำ จากนั้นซอยสะโพกสอบเข้าออกตามจังหวะพิศวาสการร่วมรักครั้งนี้สำหรับพิมพ์ดาวค่อนข้างดิบเถื่อนกว่าที่ผ่านมา จนคนตัวเล็กทนไม่ไหวเปล่งเสียงครวญครางดังลั่นทั่วห้องนอน“อื้อ คิลเลียนรุนแรงเกินไปแล้ว” เธอกำผ้าปูเตียงแน่นพร้อมทั้งดิ้นพล่าน“ฉันคิดถึงเธอ ขอเอาแรง ๆ นะ” คิลเลียนปรายตามองนิ้วเรียวก่อนประสานนิ้วยาว
“โธ่เว้ย! ทำไมไม่รับสายวะ” ทางด้านคิลเลียนเขาพยายามกระหน่ำโทรหาพิมพ์ดาวหลายสายแต่ไร้การตอบกลับจากคนตัวเล็กทำเอาหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ก่อนจะสบถด้วยคำหยาบคายอย่างหัวเสีย“พี่คิลเลียนขา อาหารเสร็จแล้วค่ะ” เสียงของนิรินทำให้ผละจากหน้าจอโทรศัพท์แล้วก้าวเดินไปหาเจ้าของห้อง“อาหารน่าทานจัง” ปรายตามองอาหารเต็มโต๊ะแต่เขาไม่รู้สึกอยากกินสักนิดเดียวเพราะมัวแต่พะวงถึงพิมพ์ดาว“ของโปรดพี่คิลเลียนทั้งนั้นเลย นั่งสิคะ” เธอลากเก้าอี้ให้ชายหนุ่มนั่ง“ไม่กินด้วยกันเหรอ” ช้อนตามองนิรินซึ่งยังคงยืนนิ่งข้างหลังตัวเอง ไม่มีท่าทีจะนั่งทำเอาอดสงสัยไม่ได้“กินค่ะ” พูดพร้อมหย่อนก้นนั่งลง แต่นิรินไม่ได้ตักอาหารกินทันใดยังคงจับจ้องมองคิลเลียนอย่างรอลุ้นหลังจากชายหนุ่มรับประทานอาหารคำแรก นิรินเผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ที่ไปเป็นตามความคาดหวัง“อร่อยไหมคะ”“อืม”“ทานเยอะ ๆ เลยนะคะ” พูดพร้อมตักอาหารใส่จานของเขา“ไม่กินเหรอ” เหลือบมองคนข้างกายเอาแต่ตักอาหารให้ตัวเอง“นิรินไม่ค่อยหิวค่ะ แค่เห็นพี่คิลเลียนกินก็อิ่มแล้ว”“อืม” ชายหนุ่มไม่ได้เซ้าซี้มากนักยังคงนั่งรับประทานอาหารต่อเรื่อย ๆ กระทั่งผ่านไปสักพักเริ่มรู้สึกร้อนรุ่
จากวันนั้นผ่านมาสองสัปดาห์ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาเรียกได้ว่าค่อนข้างดีมากสำหรับพิมพ์ดาวเพราะไม่เคยได้รับการเอาใจใส่แบบนี้มาก่อนจึงเคลิ้มชีวิตของเธอในตอนนี้ดีกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ตั้งแต่มีเขาอะไรหลายอย่างเปลี่ยนไป จนกลัววันหนึ่งถ้าแยกจากกันเธอจะทำใจลำบาก“พิมพ์ดาว”“หืม” คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงตื่นจากภวังค์ ก่อนแหงนหน้ามองคนตัวโต“เหม่ออะไรของเธอ”“เปล่า” เผยยิ้มอ่อน“ฉันจะไปทำงานแล้ว” คิลเลียนรวบเอวคอดพร้อมกับดึงคนตัวเล็กเข้าสู่วงแขน จากนั้นจุมพิตหน้าผากมนด้วยความอ่อนโยนแล้วกดจูบแก้มขาวเนียน“ไปทำงานดี ๆ นะ” โบกมือลาคนตัวโตก่อนปิดประตูห้อง หมุนตัวเดินไปนั่งยังโซฟาหรูกลางห้องทุกวันช่วงเช้าคิลเลียนมักรบเร้าให้พิมพ์ดาวไปส่งเขาเป็นประจำ บ่อยครั้งทำเอาใจสาวหวั่นไหวกับการกระทำอีกฝ่ายอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ย่อมทราบดีตอนจบเป็นเช่นไรแต่ไม่วายเผลอไผลและหลงใหลไปกับสิ่งนั้น“เฮ้อ…” เธอรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปไวเหลือเกิน แค่ไม่เท่าไรผ่านมาแล้วสองสัปดาห์รถคันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาข้างในรั้วคฤหาสน์ แล่นไปจอดยังโรงรถก่อนเจ้าของจะเปิดประตูก้าวลงมา เผยให้เห็นร่างของคิลเลียนนัยน์ตาคมกริบจ้องมองเบื้อง
นัยน์ตาคมจับจ้องภาพเคลื่อนไหวตรงหน้าบนจอขนาดใหญ่ภายในโรงภาพยนตร์ท่ามกลางแสงริบหรี่และอากาศหนาวเหน็บ แม้สายตาคิลเลียนมองดูสิ่งที่อยู่ข้างหน้าแต่ในใจร้อนรุ่มคะนึงหาถึงพิมพ์ดาวด้วยอาการกระสับกระส่าย“พี่คิลเลียนคะ”“หืม” หันขวับมองคนข้างกาย“นิรินไม่อยากดูแล้ว หิวข้าว”“ขอโทษนะนิรินแต่ฉันต้องไปแล้ว” สิ้นคำพูดชายหนุ่มวิ่งออกจากโรงภาพยนตร์รวดเร็ว ไม่เหลียวหลังมองนิรินสักนิดเดียว จะรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของตัวเอง วินาทีนี้เขาเป็นห่วงพิมพ์ดาวมากราวกับมีลางสังหรณ์บางอย่างกำลังเกิดขึ้นชายหนุ่มใช้เวลาในการขับรถถึงคอนโดประมาณหนึ่งชั่วโมง เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ตัวเองไม่ได้ให้กุญแจห้องกับคนตัวเล็กหลังจากรถจอดสนิทไม่รอช้าวิ่งเข้าข้างในตึก กวาดสายตามองทั่วล็อบบี้แต่กลับพบความว่างเปล่า เลยตัดสินใจไปถามพนักงานแต่คำตอบที่ได้รับคือพิมพ์ดาวยังไม่กลับมา“หายไปไหนของเธอวะ” เอ่ยขึ้นพลางกดโทรหาพิมพ์ดาวถี่รัว ก่อนวิ่งหาคนตัวเล็กบริเวณใกล้เคียงของคอนโดตัดมาทางพิมพ์ดาว เธอไม่รู้ตัวเลยตอนนี้กี่โมงเนื่องจากผล็อยหลับตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ หนำซ้ำแบตโทรศัพท์ดันหมดอีกต่างหาก เมื่อลืมตาขึ้นกลับพบกับความมืดและความเงียบสง







