LOGINจากวันนั้นผ่านมาสองสัปดาห์ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาเรียกได้ว่าค่อนข้างดีมากสำหรับพิมพ์ดาวเพราะไม่เคยได้รับการเอาใจใส่แบบนี้มาก่อนจึงเคลิ้ม
ชีวิตของเธอในตอนนี้ดีกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ตั้งแต่มีเขาอะไรหลายอย่างเปลี่ยนไป จนกลัววันหนึ่งถ้าแยกจากกันเธอจะทำใจลำบาก
“พิมพ์ดาว”
“หืม” คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงตื่นจากภวังค์ ก่อนแหงนหน้ามองคนตัวโต
“เหม่ออะไรของเธอ”
“เปล่า” เผยยิ้มอ่อน
“ฉันจะไปทำงานแล้ว” คิลเลียนรวบเอวคอดพร้อมกับดึงคนตัวเล็กเข้าสู่วงแขน จากนั้นจุมพิตหน้าผากมนด้วยความอ่อนโยนแล้วกดจูบแก้มขาวเนียน
“ไปทำงานดี ๆ นะ” โบกมือลาคนตัวโตก่อนปิดประตูห้อง หมุนตัวเดินไปนั่งยังโซฟาหรูกลางห้อง
ทุกวันช่วงเช้าคิลเลียนมักรบเร้าให้พิมพ์ดาวไปส่งเขาเป็นประจำ บ่อยครั้งทำเอาใจสาวหวั่นไหวกับการกระทำอีกฝ่ายอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ย่อมทราบดีตอนจบเป็นเช่นไรแต่ไม่วายเผลอไผลและหลงใหลไปกับสิ่งนั้น
“เฮ้อ…” เธอรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปไวเหลือเกิน แค่ไม่เท่าไรผ่านมาแล้วสองสัปดาห์
รถคันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาข้างในรั้วคฤหาสน์ แล่นไปจอดยังโรงรถก่อนเจ้าของจะเปิดประตูก้าวลงมา เผยให้เห็นร่างของคิลเลียน
นัยน์ตาคมกริบจ้องมองเบื้องหน้าครู่หนึ่ง จากนั้นยกเท้าหนาเดินเข้าไปหาคนข้างในบ้านซึ่งกำลังรอคอยตัวเองอยู่
“มาแล้วเหรอ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นเมื่อคิลเลียนปรากฏ
“ครับ แม่สบายดีไหม” พูดพร้อมหย่อนก้นนั่งลงตรงข้ามแม่บุญธรรม
“สบายดี”
“พ่อล่ะครับ” ว่าพลางกวาดสายตามองรอบบริเวณ
“ไม่อยู่ออกไปข้างนอก”
“อ๋อ” พยักหน้ารับรู้
“คิลเลียนล่ะสบายดีหรือเปล่า หายหน้าหายตาไปเลย” รัตนาถามพลางสังเกตปฏิกิริยาของชายหนุ่ม
แม้คนตรงหน้าจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่เธอรักดั่งลูกในไส้เพราะเธอมีลูกไม่ได้จึงรับคิลเลียนมาอุปการะเมื่อสิบห้าปีที่แล้วจากบ้านเด็กกำพร้า
“สบายดีครับ”
“คิลเลียน เรื่องนั้นแม่ขอได้ไหม แม่อยากให้ลูกปล่อยวาง”
“ถ้าเป็นเรื่องนั้นคงไม่ได้หรอก” แววตาคมกริบฉายด้วยความเด็ดเดี่ยว ในเมื่อเป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจจะทำไม่มีทางล้มเลิกเด็ดขาด
เพราะความทุกข์ที่ได้รับตลอดมายังคงตราตรึงในใจ ยากจะสลัดทิ้งง่ายดายต้องเอาคืนเท่านั้นถึงจะสาสมกับความรู้สึกเคียดแค้น
“เฮ้อ” รัตนาไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมชายหนุ่มอย่างไรดีอีกคนรั้งจะแก้แค้นให้ได้ เธอแค่อยากให้คิลเลียนปล่อยวางแล้วเริ่มต้นใหม่กับชีวิตใหม่ เลิกจมปลักกับอดีตแสนเจ็บปวด
“แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่ทำให้ครอบครัวเราเดือดร้อนเด็ดขาด” แม้จะไม่ใช่พ่อแม่แท้ ๆ เขาก็รักคนให้ชีวิตใหม่กับตัวเอง แต่ความแค้นและเกลียดที่มีในใจก็ต้องสะสาง ไม่มีทางปล่อยวางง่ายดาย
“แล้วผู้หญิงที่อยู่คอนโดกับลูกคือใครล่ะ”
“แม่รู้เหรอครับ”
“อืม”
“คงปิดบังแม่ไม่ได้สินะครับ” ไม่แปลกใจเลยทำไมรัตนาถึงรู้เรื่องพิมพ์ดาว เพราะเรื่องของเขาคงไม่มีทางเล็ดลอดพ้นสายตาหญิงวัยกลางคน เนื่องจากรัตนาและสามีของเธอเป็นคนมีอิทธิพลมาก
“คนรักของลูกเหรอ”
“เปล่าครับ”
“แล้วเป็นอะไรกัน ปกติลูกไม่ชอบให้ใครอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ” รัตนาถามด้วยความสงสัย เลี้ยงดูอีกฝ่ายตั้งหลายปีย่อมทราบนิสัยใจคอดีจึงค่อนข้างแปลกใจอยู่ ๆ ลูกชายพาผู้หญิงไปอยู่ด้วย
“เพื่อนครับ”
“เพื่อนแน่เหรอ”
“ครับ เป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนม.ปลายด้วยกัน”
“งั้นเหรอ แม่ไม่เห็นรู้จักคนนี้เลย” รัตนายังคงไม่คลายความสงสัย เธอก็อยากรู้เช่นกันคิลเลียนจะกล้าพูดตรง ๆ หรือเปล่า
“เพื่อนเก่าไม่ค่อยสนิทกันครับ พอดีเธอมีปัญหานิดหน่อยผมเลยให้มาอยู่ด้วย”
“อ๋อ แบบนี้เหรอ” รัตนาพูดพลางอมยิ้มกับถ้อยคำของชายหนุ่ม จากแหล่งข่าวที่ทราบมาทั้งคู่เป็นมากกว่าเพื่อน แต่กระนั้นไม่ได้เซ้าซี้มากนัก คิลเลียนอยากบอกเมื่อไรเดี๋ยวบอกเอง
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“อย่าลืมลงมากินข้าวด้วย” เอ่ยบอกไล่หลังชายหนุ่มก่อนเขาจะตอบกลับมาเสียงดังฟังชัด
ยามค่ำคืนภายในห้องนอนขนาดใหญ่ คิลเลียนมองพระจันทร์และดวงดาวเปล่งประกายบริเวณระเบียง
ความเงียบช่วงในตอนกลางคืนทำให้พานคิดถึงคนตัวเล็ก ไม่รู้ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าไม่ใช่เพราะแม่สั่งให้นอนบ้านคืนนี้ยังคงอยู่กับพิมพ์ดาว
“คิดถึงชะมัด”
เกือบครึ่งชั่วโมงเขายืนริมระเบียง ก่อนหันหลังเข้าข้างในไปล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดคิงไซซ์ซึ่งค่อนข้างว่างเปล่ายิ่งนัก ปกติทุกคืนจะนอนกับพิมพ์ดาว เมื่อต้องนอนคนเดียวไม่ค่อยชินเอาเสียเลย
“เฮ้อ…เธอทำอะไรกับฉันกันแน่ พิมพ์ดาว” แขนกำยำยกขึ้นก่ายหน้าผากอย่างครุ่นคิด แม้พยายามข่มตาหลับแค่ไหนก็ไม่สามารถสลัดภาพพิมพ์ดาวออกจากหัว กระทั่งตีหนึ่งกว่าหนังตาเริ่มหย่อนจนปิดในที่สุด
ร่างอรชรของพิมพ์ดาวกำลังเลือกซื้อของยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งบริเวณโซนอาหารอย่างเหงาหงอย
สามวันผ่านมาแล้วคิลเลียนไม่กลับมาหากันเลย วันแรกที่หายไปเขาโทรบอกจะไปนอนบ้านแต่สองวันให้หลังเขาไม่ได้บอกอะไรหายไปอย่างดื้อ ๆ
ระหว่างหญิงสาวกำลังเดินไปหยิบผักจึงไม่ทันได้มองตรงหน้าเผลอชนเข้ากับใครคนหนึ่ง โชคดีอีกฝ่ายคว้ารับเธอได้ทันทำให้ไม่หกล้มกระทบคาพื้น
“คิลเลียน” เมื่อเงยหน้าขึ้นทำให้รู้ว่าเจ้าของอ้อมกอดคือใคร ไม่วายฉีกยิ้มกว้างให้เขาด้วยความดีใจ
“พิมพ์ดาว” ชายหนุ่มเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึงเธอจะมาอยู่ที่นี่
“พี่คิลเลียนคะ”
เสียงแหลมของใครคนหนึ่งดังขึ้น คิลเลียนรีบปล่อยพิมพ์ดาวทันทีและแสร้งทำเป็นไม่รู้จักคนตัวเล็กตรงหน้า ขณะเดียวกันนิรินเดินมาคล้องแขนกำยำเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
“พี่คิลเลียนมาอยู่ตรงนี้เอง” ส่งยิ้มหวานเยิ้มแก่ชายหนุ่มทำราวกับบริเวณนั้นมีแค่เธอกับเขาเพียงสองคน ไม่สนใจพิมพ์ดาวกำลังมองคนทั้งสองด้วยความเจ็บปวด
“ได้ของที่ต้องการแล้วเหรอ” ปากถามนิรินแต่สายตาชำเลืองมองพิมพ์ดาวเพื่อสังเกตปฏิกิริยา
“ผู้หญิงคนนี้คือใคร รู้จักกันเหรอ” นิรินหันไปจ้องพิมพ์ดาวซึ่งยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน
ด้วยความหึงหวงที่มีต่อคิลเลียน เลยมองพิมพ์ดาวด้วยสายตาไม่เป็นมิตรและกระชับกอดแขนแกร่งแน่นกว่าเดิม
“ไม่รู้จักกัน” เอ่ยตอบเสียงเรียบโดยไม่รู้ตัวสักนิดพิมพ์ดาวมีสีหน้าสลดลงจากคำบอกของเขา
“ไปกันเถอะ เดี๋ยววันนี้นิรินทำอาหารให้ทาน” บอกด้วยเสียงออดอ้อน จากนั้นพาคิลเลียนเดินไปจากบริเวณนั้นด้วยกัน
“ไม่รู้จักกันเหรอ” เสียงหวานพึมพำพลางปรายตามองแผ่นหลังกว้างก่อนก้มหน้าคอตก ครู่ต่อมาหยาดน้ำใสไหลรินข้างแก้มนุ่ม หญิงสาวไม่รู้ตัวขณะเดียวกันคิลเลียนเหลียวหลังมองเธอ
มือเล็กยกขึ้นเช็ดน้ำตาข้างพวงแก้มจนเกลี้ยง สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ พยายามไม่คิดมากกับเรื่องเมื่อสักครู่ ย่อมทราบดีสถานะของเธอมีค่าแค่คู่นอน ไม่มีสิทธิ์หึงหวงหรือล้ำเส้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะอยู่กับใครก็ตาม
พิมพ์ดาวสงบสติอารมณ์พักหนึ่งก่อนไปคว้ารถเข็นแล้วตรงไปชำระเงินทันที นาทีนี้เธอไม่มีอารมณ์จะซื้อของอีกแล้วนอกจากอยากกลับไว ๆ
ต่อให้เข้าใจสถานะระหว่างเธอและเขาดีแต่ก็ไม่สามารถสั่งใจให้หยุดเจ็บได้ คงต้องทนเจ็บอยู่อย่างนั้นและเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ในก้นบึ้งลึกของหัวใจโดยไม่ให้เขาล่วงรู้
“สำหรับนายฉันเป็นได้แค่ไหน” เอ่ยพึมพำกับตัวเองพร้อมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยระหว่างเดินทางกลับคอนโด
หลังจากกลับมาถึงห้องพัก หญิงสาวจัดการเก็บของที่ซื้อมานำไปไว้ในห้องครัวก่อนอาบน้ำให้เรียบร้อย แล้วมาล้มตัวนอนบนเตียง
ดวงตากลมโตจ้องมองเพดานห้องท่ามกลางความมืด เพราะคนตัวเล็กไม่คิดจะเปิดไฟเลย
ครืด!
“จะโทรมาทำไม คิลเลียน” คว้าโทรศัพท์ขึ้นดูเบอร์ปลายทางโดยไม่ได้กดรับสายก่อนนำวางไว้ดั้งเดิม กระทั่งเสียงเงียบลง
หนึ่งปีเท่านั้นเธอจะอยู่ในสถานะความสัมพันธ์อึดอัด หลังจากคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เปลือกตาบางเริ่มหย่อนลงทีละนิดจนในที่สุดพิมพ์ดาวเข้าสู่ห้วงนิทรา
คิลเลียนก้าวออกจากห้องนอนด้วยสภาพโซซัดโซเซเพื่อตรงไปหาพิมพ์ดาวที่นั่งยังโซฟา แม้ตอนนี้จะปวดหัวมากแต่ยังพยายามจะแบกร่างไร้เรี่ยวแรงไปหาคนตัวเล็กพิมพ์ดาวเหลือบมองคนตัวโตแวบหนึ่งแต่ไม่ได้แยแสนัก หน้าจิ้มลิ้มหันมองบรรยากาศนอกคอนโดที่มีแสงแดดจ้า ก่อนรู้สึกตัวเมื่อคิลเลียนมานอนหนุนตักตัวเอง“ทำอะไรของนาย” ปรายตามองชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังพูดจาไม่ดีใส่เธออยู่เลยแล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นล่ะ“ฉันขอโทษ” คว้ามือเล็กขึ้นมากุมพร้อมกับแหงนหน้ามองเธอ“เฮอะ! ตบหัวแล้วลูบหลังเหรอ” แค่นหัวเราะในลำคอเหตุการณ์ในห้องนอนเมื่อสักครู่ เธอยังจำได้ดีไม่ลืมเลือนเขาพูดอะไรไว้บ้างและทำร้ายจิตใจเธอมากแค่ไหน“เธออย่าเข้าใจฉันผิดสิพิมพ์ดาว ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”“ไม่ต้องสนใจฉันหรอก ไปนอนข้างในเถอะ” เธอทำเป็นไม่แยแสคนป่วย“อย่าไล่กันเลยนะพิมพ์ดาว” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเว้าวอน“ฉันไม่กล้าไล่เจ้าของห้องอย่างนายหรอก”“ฉันปวดหัวมากเลยพิมพ์ดาว” คิลเลียนดึงแขนเล็กมากอดพร้อมทำท่าออดอ้อนหวังให้คนตัวเล็กเห็นใจ“ก็ไปนอนข้างในให้มันดี ๆ สิ”“ฉันอยากอยู่กับเธอ” ช้อนตามองคนตัวเล็กซึ่งสื่อไปด้วยความรู้สึกมากมาย จ
คนตัวเล็กบนโซฟากลางห้องนั่งเหม่อลอย มองวิวนอกคอนโดในยามเช้าด้วยใจล่องลอยก่อนถอนหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความเบื่อหน่ายยิ่งนานวันความรู้สึกที่มีต่อคิลเลียนมากขึ้น จากคำว่าชอบเริ่มผันเปลี่ยนเป็นคำว่ารัก ไม่อยากจินตนาการถึงวันต้องแยกจากกันเลยจะรู้สึกอย่างไร คงเจ็บปวดไม่ใช่น้อย“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย” หน้างดงามซบลงกับหัวเข่ามนพร้อมปรายตามองประตูห้องที่มีคนตัวโตอยู่ในนั้นกำลังหลับใหลเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ไร้ร่างกำยำของคิลเลียนย่างเท้าออกมาจากห้องนอน พิมพ์ดาวเหลือบมองนาฬิกาฝาผนังซึ่งขณะนี้เป็นเวลาเก้าโมง“ทำไมคิลเลียนยังไม่ออกมา ไม่ทำงานเหรอวันนี้” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเชิงสงสัย เธอตัดสินใจหย่อนเท้าเล็กแตะพื้นเข้าไปหาคนในห้องหญิงสาวเดินไปนั่งข้างคนตัวโต ยื่นแขนเล็กแตะหัวไหล่แกร่ง ก่อนรู้สึกถึงความร้อนแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา“ไม่สบายเหรอ” เธอจับพลิกเขาให้นอนหงายพร้อมยื่นหลังมือแตะหน้าผากของคิลเลียน แล้วรีบชักมือกลับอย่างไว “ร้อนจัง”พิมพ์ดาวไม่ปล่อยให้เวลาเดินอย่างไร้ประโยชน์ เธอเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง หายออกจากห้องประมาณสิบนาทีและกลับมาอีกครั้งพร้อมอุปกรณ์เช็ดตัว“อื้อ หนาว”“อดทนห
“อ๊า พิมพ์ดาวทำไมถึงหวานทั้งตัวแบบนี้” เสียงทุ้มเอ่ยชมเชยคนตัวเล็กด้วยความหลงใหลกับเรือนร่างงดงามเขาผละออกจากดอกบัวตูมแล้วเลื่อนลงต่ำ ไม่วายกดจูบหน้าท้องแบนราบและไปหยุดยังกลีบกุหลาบงดงามห่อหุ้มด้วยชั้นใน คนใจร้อนอย่างคิลเลียนรีบถอดปราการชิ้นสุดท้ายออกห่างกายสาวอย่างไว“อึก อ๊ะ คิลเลียน” ทันทีที่ปลายลิ้นสากแตะช่องทางรัก พิมพ์ดาวถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความเสียวซ่านพร้อมยกหลังมือขึ้นปิดปาก หน้างดงามส่ายไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงแผ่เต็มหมอน เม็ดเหงื่อค่อย ๆ ผุดขึ้นทีละนิดแม้เครื่องปรับอากาศราคาแพงจะให้ความเย็นมากแค่ไหนก็ไม่อาจดับความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นขณะนี้ระหว่างคนทั้งสอง“พิมพ์ดาว ฉันไม่ไหวแล้ว” คิลเลียนชันเข่าก่อนจับหัวเข่ามนแยกออกจากกันให้กว้าง ๆ สอดแทรกความเป็นชายเข้าในตัวเธอพรวดเดียวจนสุดลำ จากนั้นซอยสะโพกสอบเข้าออกตามจังหวะพิศวาสการร่วมรักครั้งนี้สำหรับพิมพ์ดาวค่อนข้างดิบเถื่อนกว่าที่ผ่านมา จนคนตัวเล็กทนไม่ไหวเปล่งเสียงครวญครางดังลั่นทั่วห้องนอน“อื้อ คิลเลียนรุนแรงเกินไปแล้ว” เธอกำผ้าปูเตียงแน่นพร้อมทั้งดิ้นพล่าน“ฉันคิดถึงเธอ ขอเอาแรง ๆ นะ” คิลเลียนปรายตามองนิ้วเรียวก่อนประสานนิ้วยาว
“โธ่เว้ย! ทำไมไม่รับสายวะ” ทางด้านคิลเลียนเขาพยายามกระหน่ำโทรหาพิมพ์ดาวหลายสายแต่ไร้การตอบกลับจากคนตัวเล็กทำเอาหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ก่อนจะสบถด้วยคำหยาบคายอย่างหัวเสีย“พี่คิลเลียนขา อาหารเสร็จแล้วค่ะ” เสียงของนิรินทำให้ผละจากหน้าจอโทรศัพท์แล้วก้าวเดินไปหาเจ้าของห้อง“อาหารน่าทานจัง” ปรายตามองอาหารเต็มโต๊ะแต่เขาไม่รู้สึกอยากกินสักนิดเดียวเพราะมัวแต่พะวงถึงพิมพ์ดาว“ของโปรดพี่คิลเลียนทั้งนั้นเลย นั่งสิคะ” เธอลากเก้าอี้ให้ชายหนุ่มนั่ง“ไม่กินด้วยกันเหรอ” ช้อนตามองนิรินซึ่งยังคงยืนนิ่งข้างหลังตัวเอง ไม่มีท่าทีจะนั่งทำเอาอดสงสัยไม่ได้“กินค่ะ” พูดพร้อมหย่อนก้นนั่งลง แต่นิรินไม่ได้ตักอาหารกินทันใดยังคงจับจ้องมองคิลเลียนอย่างรอลุ้นหลังจากชายหนุ่มรับประทานอาหารคำแรก นิรินเผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ที่ไปเป็นตามความคาดหวัง“อร่อยไหมคะ”“อืม”“ทานเยอะ ๆ เลยนะคะ” พูดพร้อมตักอาหารใส่จานของเขา“ไม่กินเหรอ” เหลือบมองคนข้างกายเอาแต่ตักอาหารให้ตัวเอง“นิรินไม่ค่อยหิวค่ะ แค่เห็นพี่คิลเลียนกินก็อิ่มแล้ว”“อืม” ชายหนุ่มไม่ได้เซ้าซี้มากนักยังคงนั่งรับประทานอาหารต่อเรื่อย ๆ กระทั่งผ่านไปสักพักเริ่มรู้สึกร้อนรุ่
จากวันนั้นผ่านมาสองสัปดาห์ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาเรียกได้ว่าค่อนข้างดีมากสำหรับพิมพ์ดาวเพราะไม่เคยได้รับการเอาใจใส่แบบนี้มาก่อนจึงเคลิ้มชีวิตของเธอในตอนนี้ดีกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ตั้งแต่มีเขาอะไรหลายอย่างเปลี่ยนไป จนกลัววันหนึ่งถ้าแยกจากกันเธอจะทำใจลำบาก“พิมพ์ดาว”“หืม” คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงตื่นจากภวังค์ ก่อนแหงนหน้ามองคนตัวโต“เหม่ออะไรของเธอ”“เปล่า” เผยยิ้มอ่อน“ฉันจะไปทำงานแล้ว” คิลเลียนรวบเอวคอดพร้อมกับดึงคนตัวเล็กเข้าสู่วงแขน จากนั้นจุมพิตหน้าผากมนด้วยความอ่อนโยนแล้วกดจูบแก้มขาวเนียน“ไปทำงานดี ๆ นะ” โบกมือลาคนตัวโตก่อนปิดประตูห้อง หมุนตัวเดินไปนั่งยังโซฟาหรูกลางห้องทุกวันช่วงเช้าคิลเลียนมักรบเร้าให้พิมพ์ดาวไปส่งเขาเป็นประจำ บ่อยครั้งทำเอาใจสาวหวั่นไหวกับการกระทำอีกฝ่ายอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ย่อมทราบดีตอนจบเป็นเช่นไรแต่ไม่วายเผลอไผลและหลงใหลไปกับสิ่งนั้น“เฮ้อ…” เธอรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปไวเหลือเกิน แค่ไม่เท่าไรผ่านมาแล้วสองสัปดาห์รถคันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาข้างในรั้วคฤหาสน์ แล่นไปจอดยังโรงรถก่อนเจ้าของจะเปิดประตูก้าวลงมา เผยให้เห็นร่างของคิลเลียนนัยน์ตาคมกริบจ้องมองเบื้อง
นัยน์ตาคมจับจ้องภาพเคลื่อนไหวตรงหน้าบนจอขนาดใหญ่ภายในโรงภาพยนตร์ท่ามกลางแสงริบหรี่และอากาศหนาวเหน็บ แม้สายตาคิลเลียนมองดูสิ่งที่อยู่ข้างหน้าแต่ในใจร้อนรุ่มคะนึงหาถึงพิมพ์ดาวด้วยอาการกระสับกระส่าย“พี่คิลเลียนคะ”“หืม” หันขวับมองคนข้างกาย“นิรินไม่อยากดูแล้ว หิวข้าว”“ขอโทษนะนิรินแต่ฉันต้องไปแล้ว” สิ้นคำพูดชายหนุ่มวิ่งออกจากโรงภาพยนตร์รวดเร็ว ไม่เหลียวหลังมองนิรินสักนิดเดียว จะรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของตัวเอง วินาทีนี้เขาเป็นห่วงพิมพ์ดาวมากราวกับมีลางสังหรณ์บางอย่างกำลังเกิดขึ้นชายหนุ่มใช้เวลาในการขับรถถึงคอนโดประมาณหนึ่งชั่วโมง เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ตัวเองไม่ได้ให้กุญแจห้องกับคนตัวเล็กหลังจากรถจอดสนิทไม่รอช้าวิ่งเข้าข้างในตึก กวาดสายตามองทั่วล็อบบี้แต่กลับพบความว่างเปล่า เลยตัดสินใจไปถามพนักงานแต่คำตอบที่ได้รับคือพิมพ์ดาวยังไม่กลับมา“หายไปไหนของเธอวะ” เอ่ยขึ้นพลางกดโทรหาพิมพ์ดาวถี่รัว ก่อนวิ่งหาคนตัวเล็กบริเวณใกล้เคียงของคอนโดตัดมาทางพิมพ์ดาว เธอไม่รู้ตัวเลยตอนนี้กี่โมงเนื่องจากผล็อยหลับตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ หนำซ้ำแบตโทรศัพท์ดันหมดอีกต่างหาก เมื่อลืมตาขึ้นกลับพบกับความมืดและความเงียบสง







