ตอนที่ 7
“หน็อย นังนี่ กลับมานะ!” ว่าตามหลังเธอที่กำลังวิ่งออกจากบ้านแล้ววิ่งตาม วันนี้เขาจะต้องได้เชยชมลูกเลี้ยงตัวดีคนนี้ให้ได้ เพราะแม่ของเด็กนี่นานที จะไม่อยู่บ้าน คงมีแต่เวลานี้ที่เหมาะสม
“กลับมานี่นะ!” ยิ่งเสียงดังใกล้เข้ามาเท่าไหร่เธอยิ่งต้องเร่งฝีเท้า เธอรับหูหลับตาวิ่งไม่ได้ดูทาง จนไปชนเข้ากับอกแกร่งของชายตัวสูงคนหนึ่ง ทำให้ร่างของเธอจมอบยู่ในอ้อมแขนของชายคนนี้ ตากลมโตสบเข้ากับตาคมที่ดูดุดันแต่ก็มีความลึกลับแฝง เธอขยับตัวจนเขาปล่อย
“แบบฝัน!” เสียงเรียกทำให้ร่างบางสะดุ้งไปทั้งตัว คณิณมองท่าทางแปลกประหลาดของเธอ พิษไข้เริ่มที่ทำงานจนร่างกายของเธอเซ เธอไม่มีแรงจะวิ่งหนีพ่อเลี้ยงต่อแล้ว
“ช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ” เธอมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน ใบหน้าซีดเผือดจากพิษไข้และมีหยาดเหงื่อซึมตามขอบหน้าผาก ทำให้เธอเหมือนกระต่ายตัวน้อยกำลังร้องขอชีวิตจากราชสีห์ก็ไม่ปาน
คณิณหันหน้าไปตามเสียงด้านหลังเพื่อปะติดปะต่อเรื่องราว เขาเข้าใจเพียงแค่ว่าหญิงสาวกำลังหนีคนที่กำลังวิ่งตามมา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่คืออะไรเขายังไม่อาจคาดเดาได้ คงต้องเอาไว้ถามทีหลัง ร่างสูงตัดสินใจอุ้มเธอในท่าเจ้าสาวพาไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกลมากนัก
เมื่อมาถึงรถซีดานหรูสีดำ เขาค่อยๆ เปิดประตูแล้ววางเธอตรงที่นั่งข้างคนขับ แล้วคาดเข็มนิรภัยให้เธอเสร็จสรรพ ตาคมมองไปด้านหลังก็พบว่าชายคนนั้นไม่ได้ตามเธอมาอีกแล้ว เขาไม่นิ่งนอนใจรีบเปิดประตูเข้าไปที่นั่งคนขับแล้วเคลื่อนรถไป
ยามรถเคลื่อนเขาลอบมองคนด้านข้างตลอดทาง ใบหน้าซีดเซียว ริมฝีปากที่เคยสดใสกลับซีดและแห้งผาก บ่งบอกได้ว่าเธอไม่สบายตามคำบอกเล่าของพนักงานในร้านอาหาร แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจคือท่าทางหวาดกลัวของเธอต่อชายคนนั้น ทำไมเธอถึงต้องวิ่งหนีออกมาด้วย
“ขอบคุณมากนะคะ” เสียงแหบพร่าเปรยออกมาอย่างยากลำบาก พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลแต่ก็ทำไม่ได้ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดเมื่อขึ้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอโดนพ่อเลี้ยงลวนลาม สามีใหม่ของแม่เธอมักจะชอบหาโอกาสลวนลามเธอ ทางกายและวาจาตอนที่แม่ของเธอไม่อยู่ ซึ่งเธอเคยบอกเรื่องนี้ให้มารดาทราบแล้ว แต่ผู้เป็นแม่กลับต่อว่าเธอรุนแรง ที่ใส่ร้ายสามีตน จนเธออดนึกไม่ได้ว่าแม่เคยรักและเป็นห่วงเธอบ้างไหม ทำไมถึงเลือกที่จะเชื่อใจสามีใหม่มากกว่าลูกของตัวเอง เพียงแค่คิดก็อดน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาไม่ได้ หากพ่อของเธอยังอยู่ เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น เธออาจจะได้เรียนจนจบมหาวิทยาลัยโดยที่ไม่ต้องดรอปมาหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ด้วย
“เกิดอะไรขึ้น” เขาเอ่ยถามเสียงเรียบ มีแค่เสียงสะอื้นเป็นคำตอบ
“อยากให้ไปส่งที่ไหน” เขาเลือกที่เปลี่ยนคำถาม เพราะไม่อยากคะยั้นคะยออีกคนมากนัก
“โรงแรม The XXX ค่ะ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันทีที่ได้ยินคำตอบ
“จะไปทำงานเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“ไม่สบายทำงานได้หรือไง” เสียงเข้มดุ
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ”
“เกิดเธอเอาเชื้อโรคไปติดลูกค้าคนอื่นจะทำอย่างไง” เธอหันหน้ามองเขาด้วยความสงสัย
“คุณรู้เหรอคะว่าฉันทำงานอะไร”
“ก็พอเดาได้” เขาตอบข้าง ๆ คู ๆ
เธอระบายยิ้มกับสภาพของตัวเอง นั่นสินะคนอย่างเธอจะไปทำงานอย่างอื่นได้อย่างไง
“ไปโรงพยาบาลไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก จอดตรงป้ายรถข้างหน้าก็ได้ค่ะ” เธอชี้ไปยังป้ายรถประจำทางไม่ไกลด้านหน้า อย่างน้อยตอนนี้ก็พอจะประวิงเวลาไม่ต้องอยู่กับพ่อเลี้ยงสองคนได้แล้ว
“แน่ใจ?”
“ค่ะ” เธอยิ้มเจื่อน เขาถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะเหยียบคันเร่งขับเลยจุดหมายที่อีกคนบอกให้ไว้
“คุณจะพาฉันไปไหนคะ” เธอถามเสียงสั่นเจือความระแวง
“ฉันไม่อยากเป็นบาปปล่อยคนป่วย ให้เป็นอะไรข้างทางหรอกนะ” เขาว่าก่อนจะหยิบโทรศัพท์โทรไปหาใครบางคน
“ฮัลโหล ว่างไหม... ช่วยดูคนให้หน่อย... อืม ไม่ต้องรู้หรอก เดี๋ยวเข้าไปหา... โอเค” เขาว่างสายก็พบกับสายตาหวาดหวั่นของเธอ
“ฉันไม่ใช่พวกบ้ากามตัณหากลับ สบายใจได้” เขาตอบกลับราวกับอ่านใจเธอได้
เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำเพียงนั่งมองวิวด้านนอกรถเงียบ ๆ ไม่รู้ทำไมเธอถึงไม่ได้รู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่กับชายแปลกหน้าคนนี้
ไม่นานรถคันหรูก็เคลื่อนมายังบ้านสีขาวหลังไม่ใหญ่มากนัก ด้านหน้ามีป้ายคลินิกเวชกรรมตัวหนังสือสีเขียวติดไว้
“ไม่เจอกันนานเลยนะคะพี่” สาวผมสั้นใส่แว่นหน้าตาน่ารักเอ่ยทักคนที่เพิ่งมาถึง คนตัวสูงเพียงตอบรับในลำคอ
“คนนี้เหรอ” คุณหมอคนสวยชะเง้อหน้ามองคนข้างหลังร่างสูง เมื่อเห็นสีหน้าไม่ค่อยไว้วางใจของผู้หญิงคนนี้ เธอจึงรีบแนะนำตัว
“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นแพทย์นะคะ เดี๋ยวเชิญเข้าข้างไหนก่อน”เธอแนะนำตัวอย่างเป็นมิตรแล้วเข้าไปประคองแบบฝันเข้าไปด้านในคลินิก ทำการซักถามอาการ ตรวจร่างกาย และจ่ายยาให้ตามอาการ เมื่อจ่ายยาเสร็จคณิณก็เรียกคุณหมอเข้าไปคุย
“คลินิกปิดอยู่ใช่ไหม”
“ใช่ ทำไมเหรอ”
“ให้เธอนอนพักที่นี่ได้ไหม”
“นอนพักอ่ะได้ แต่ถามก่อนว่าพี่กับเธอเป็นอะไรกันเหรอ” คุณหมอคนสวยอดแซวลูกพี่ลูกน้องของเธอไม่ได้ เพราะตั้งแต่ที่คณิณเลิกกับพี่สาวคนนั้น เธอก็ไม่เคยเห็นเขาพาใครมาให้เธอรู้จักเลยสักครั้ง
“ไม่ต้องรู้หรอกน่า” เสียงเข้มเอ็ด
“แหม กับน้องกับนุ้งก็ไม่เคยคิดจะบอก” เธอบ่นกระปอดกระแปด
“สรุปได้หรือไม่ได้”
“ได้ค่า”
“คืนนี้เธอพักที่นี่ละกัน” ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่หน้าร่างบาง
“ไม่เป็น-” แบบฝันกำลังจะปฏิเสธ แต่โดยคณิณพูดตัดบท
“ไม่ต้องปฏิเสธ อยู่ใกล้มือหมอจะได้รีบหาย รีบกลับไปทำงาน”
“แต่ว่า-” เธอพยายามจะพูดแต่ก็โดนหมอสาวรีบพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้องกังวลนะคะ นอนพักได้ตามสบายเลย เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของคลินิกค่ะ ไม่มีคนไข้แน่นอน” ญาดาแย้มยิ้ม
“ฝากดูแลเธอด้วยนะ” คณิณหันหน้าไปทางลูกพี่ลูกน้องก่อนจะขอตัวกลับก่อน ทิ้งคนป่วยไว้กับคุณหมอแล้วจับรถออกไป
“รับทราบค่า” หมอสาวรับปากเสียงดังฟังชัด
ตอนที่ 52ตลอดทั้งวันคณิณไม่ได้กลับไปไหน เขาคอยช่วยยกของและจัดอาหารให้กับเด็กและทุกคน รวมถึงยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมหลาย ๆ อย่างด้วยท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีจากฟ้าใสกลายเป็นม่วงเข้ม เหล่าดาวระยิบระยับเรียงรายเหนือลานกิจกรรม เสียงหัวเราะและการพูดคุยค่อย ๆ เบาลง เมื่อเด็ก ๆ เริ่มทยอยกลับหลังเสร็จกิจกรรมตลอดวันแบบฝันเดินเข้าไปหาคณิณที่ยังนั่งอยู่ใต้แสงไฟสนามเล็ก ๆ เขากำลังคุยเล่นกับเด็ก ๆ ที่ยังไม่กลับบ้าน“น้ำค่ะ” เธอยื่นแก้วน้ำเปล่าส่งให้“ขอบคุณครับ” เขายิ้มดีใจที่เธอยังใส่ใจเขาอยู่“คุณกลับได้แล้วนะคะ มืดกว่านี้จะขับรถกลับลำบาก”“พี่ฝัน นี่ก็ค่ำแล้ว ให้คุณเขาพักกับพวกเราดีกว่าไหมคะ” น้อยหน่ารีบพูด“นั่นสิพี่ แถวนี้ขับรถยากจะตาย กลับตอนนี้มีแต่อันตราย” มาวินเสริมพลางมองหน้าขอความเห็นใจกับเธอแบบฝันมองบรรยากาศโดยรอบก็พบว่าตอนนี้ฟ้ามืด แล้วทางเข้าหมู่บ้านก็ทางโค้งค่อนข้างเยอะ ระยะทางหลายสิบกิโลเมตรกว่าจะเข้าสู่ถนนใหญ่ที่ไฟเริ่มเยอะ“แล้วจะให้เขาพักที่ไหน ห้องพักเต็มหมดแล้ว” เธอว่า“พักกับพี่ฝันไงคะ เดี๋ยวน้อยหน่าย้ายไปนอนกับเจนเอง มีนัดปาร์ตี้บอร์ดเกมกันน่ะค่ะ”“ถ้าเธอไม่สะดวก ฉันไปหาโรงแรม
ตอนที่ 51ณ ห้องประชุมขนาดกลางของคณะ โต๊ะยาวถูกดันต่อกันเป็นแนวยาวเต็มพื้นที่กลางห้อง รอบ ๆ มีแบบฝันและรุ่นน้องกำลังช่วยกันจัดเตรียมอุปกรณ์สื่อการสอน และเกมที่จะใช้ในค่าย พวกเขาตกลงกันว่าจะไปจัดค่ายสอนภาษาอังกฤษให้เด็กนักเรียนด้อยโอกาส ทุกคนขะมักเขม้นกับงานในมือ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสนุกสนานและเสียงหัวเราะ“การ์ดคำศัพท์เราเตรียมกันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” แบบฝันถามขณะเดินตรวจสอบความเรียบร้อย“ใช่ครับ วินกับเพื่อนช่วยกันเช็กดูเรียบร้อยแล้ว” เสียงมาวินดังขึ้นจากอีกฝั่ง เขาชูถุงพลาสติกขนาดใหญ่ที่บรรจุการ์ดคำศัพท์ไว้หลายชุด“ได้แยกคำศัพท์เป็นหมวดหมู่ไหม”“แยกแล้วครับ แถมใส่ซองกันน้ำ เผื่อเจอสภาพอากาศไม่ดีด้วย”“โอเค ดีมากเลย”นอกจากจะเตรียมพวกการ์ดคำศัพท์และรูปภาพประกอบแล้ว พวกเขายังช่วยกันเตรียมเกมภาษาอังกฤษอย่างบิงโกคำศัพท์ และเกมจับคู่กับภาพด้วย“เราไปออกค่ายตั้ง 2 วัน พี่ได้บอกแฟนหรือยังคะ” น้อยหน่ารุ่นน้องกระซิบถาม“ไม่ใช่แฟนสักหน่อย” เธอแก้มแดงแล้วทำเป็นเสียงเข้มใส่“คนจีบก็ได้ค่ะ” คนอายุน้อยกว่าทำหน้าล้อเลียน “แต่จะว่าไปก็ไม่เห็นเขาตั้งหลายวันแล้วนะคะ ไม่ใช่ว่าเขาถอดใจไปแล้วนะ”“ก็เร
ตอนที่ 50คณิณยืนใต้ต้นไม้ใหญ่ตำแหน่งเดิมที่เขามักจะมารอเธอ เขามองไปรอบ ๆ อย่างประหม่า พยายามหาจังหวะให้ตัวเองกล้าที่จะเดินเข้าไปหาแบบฝันที่เพิ่งเดินออกจากห้องเรียนพร้อมเพื่อน ๆเมื่อสายตาของเธอสบกับเขา ความแปลกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่เธอพยายามรักษาสีหน้าสงบไว้ เธอบอกลาเพื่อนและเดินตรงมาหาเขา“มาที่นี่ทำไมคะ”คณิณยิ้มเล็กน้อย ยื่นถุงกระดาษที่ใส่กล่องเบนโตะไว้ในมือ“ฉันทำข้าวกล่องมาให้เธอ”แบบฝันมองเขาด้วยสายตาฉงนปนประหลาดใจ“คุณทำเองเหรอคะ”“ใช่” คณิณตอบเสียงเบา พยายามปั้นยิ้มให้ดูมั่นใจ แต่แล้วแบบฝันก็สังเกตเห็นปลาสเตอร์สีเนื้อที่พันรอบนิ้วชี้ข้างซ้ายของเขา เธอเลิกคิ้วด้วยความกังวล“นิ้วคุณไปโดนอะไรมาคะ” เธอถามพลางเอื้อมมือมาจับมือเขาดูเบา ๆ เพื่อดูให้ชัด ๆแม้จะรู้สึกดีใจที่อีกคนเป็นห่วง แต่เขาก็รีบชักมือกลับอย่างเขิน ๆ“ไม่มีอะไรหรอก แค่อุบัติเหตุตอนทำอาหารนิดหน่อย”“อุบัติเหตุนิดหน่อย?” แบบฝันขมวดคิ้วจ้องมองเขาไม่วางตา“ฉันไม่ชินกับอุปกรณ์ในครัวน่ะ เลยมีผิดพลาดบ้าง” คณิณหัวเราะแห้ง ๆ พลางหลบสายตา “แต่ไม่ต้องห่วงนะ ไม่มีเลือดตกลงไปในอาหารแน่นอน”แบบฝันมองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เธ
ตอนที่ 49หลังจากที่เขาไปหาเธอที่มหาวิทยาลัย ซึ่งก็มีนกบ้างไม่นกบ้าง เพราะบางช่วงที่เขาไปเธอไม่มีเรียนในช่วงนั้น เขาจึงตัดสินใจแอบขอตารางเรียนของเธอจากรุ่นน้องกลุ่มเดียวกับเธอ เพราะถ้าต้องขอจากเธอโดยตรง เธอน่าจะไม่ให้แน่นอนวันนี้แบบฝันมีเรียนช่วงเช้า เขาเลยว่าจะทำข้าวกล่องไปฝากเธอช่วงพักกลางวัน เลยกะว่าจะแค่แวะเอาข้าวกล่องไปฝากแล้วรีบกลับ เพราะตอนบ่ายเขามีประชุม แม้จะได้เห็นหน้าเธอแค่ไม่กี่นาทีก็น่าจะพอเยียวยาหัวใจที่เหี่ยวเฉาของเขาได้คณิณยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ในห้องครัว เขาสวมผ้ากันชนเปื้อนสีเข้มที่เพิ่งแกะจากห่อ เพราะปกติเขาไม่เคยทำอาหารทานเอง เลยเพิ่งจะไปซื้อผ้ากันเปื้อนสด ๆ ร้อน ๆ มาไว้ที่คอนโด เขาเปิดตำราอาหารที่เพิ่งลงทุนเดินเข้าร้านหนังสือในรอบหลายปีวางบนเคาน์เตอร์ทำอาหาร พร้อมเปิดไอแพดดูคลิปประกอบ แต่ถึงจะมีตัวช่วยมากมายแต่เขาก็ยังดูเงอะงะในทุกขั้นตอน“เริ่มจากหุงข้าว... ง่าย ๆ” เขาพึมพำให้กำลังใจตัวเองเขาตวงข้าวญี่ปุ่นใส่หม้อหุงข้าวแล้วเดินไปล้างข้าว แต่เผลอเปิดน้ำแรงเกินไปจนข้าวกระเด็นออกจากหม้อไปกว่าครึ่ง“ให้มันได้อย่างนี้สิ” เขาพึมพำพลางกวาดข้าวที่หกกลับมาใส่ในหม้ออย่างทุ
ตอนที่ 48วันต่อมา คณิณกลับมายังมหาวิทยาลัยอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้มาตัวเปล่า เขานำดอกไม้ช่อโตพร้อมจดหมายที่เขาเขียนความรู้สึกของตัวเองมาตลอดทั้งคืน ตรงมายังคณะที่แบบฝันเรียนเขานั่งรอเธอที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ ร่มรื่นและเงียบสงบเช่นเคย ดวงตาคมเข้มจ้องไปยังอาคารเรียน รอจนกระทั่งเสียงฝีเท้าของนักศึกษาทยอยออกจากคลาสเริ่มเบาบางลง เขาก็เห็นร่างเล็กของแบบฝันเดินออกมาพร้อมกับเพื่อนร่วมชั้นสองสามคนคณิณรีบลุกขึ้นทันที ก้าวตรงไปหาเธอด้วยหัวใจที่เต้นแรง เมื่อแบบฝันเงยหน้าขึ้นมาเห็นเขา ดวงตาของเธอก็ฉายแววตกใจชั่วครู่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเย็นชา“คุณมาทำอะไรที่นี่อีกคะ” เสียงของเธอเรียบเฉย ราวกับไม่อยากให้ใครบริเวณนี้สังเกตเห็นเหตุการณ์แปลก ๆ“ฉันมาหาเธอ มาง้อเธอไง” คณิณพูดตรงไปตรงมา เพราะจากประสบการณ์สอนให้เขาต้องกล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง เขายื่นช่อดอกไม้ช่อโตให้เธอ แต่เธอกลับไม่ยื่นมือออกมารับ“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้ว” แบบฝันตอบ น้ำเสียงชัดเจนเช่นกันเมื่อคนตรงหน้าดูจะใจแข็งกับเขา เขาจึงหันไปสบตากับนักศึกษาสาวที่เดินออกมาพร้อมกับแบบฝัน ที่กำลังยืนมองดูพวกเขาจากด้
ตอนที่ 47แบบฝันพาคณิณมาหยุดที่ม้านั่งใต้ร่มไม้ใหญ่ จุดที่ค่อนข้างเงียบสงบของมหาวิทยาลัย ใบไม้พลิ้วไหวตามแรงลมพัดอ่อน ๆ เธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาทางเขา“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันคะ” น้ำเสียงของเธอนิ่งเรียบ แฝงไปด้วยความระมัดระวังคณิณยืนนิ่งไปชั่วอึดใจ สายตาของเขาจับจ้องมาที่เธอราวกับพยายามกลั่นกรองคำพูดที่อัดแน่นภายในใจ“แบบฝัน...” เขาเอ่ยชื่อเธอเบา ก่อนจะถอนหายใจยาว “ฉันแค่อยากขอโทษเธอ ขอโทษที่รู้ตัวช้า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันเพิ่งรู้ว่าใครคือคนที่ฉันรัก”แบบฝันชะงัก เธอกะพริบตา พยายามจับความหมายในคำพูดนั้น“คุณหมายความว่าอย่างไง” เธอถาม น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจคณิณก้มหน้าลง มือทั้งสองข้างของเขากำแน่นอยู่ข้างตัว ราวกับพยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี “ฉันหมายความว่า... ไม่ใช่แค่เธอที่รู้สึกดีกับฉัน ที่จริงแล้วฉันก็รู้สึกดีกับเธอเหมือนกัน แต่ฉันมันขี้ขลาด ไม่กล้าพูดความรู้สึกของตัวเองให้เธอรู้ เพราะฉันยังลังเล สับสนกับความรู้สึกที่มีต่อแพรวา”แบบฝันนิ่งไป ใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อย แต่พยายามไม่แสดงออกทางสีหน้า“ฉันมันโง่ที่เพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือคนที่ฉันอยากใช้ชีวิตด้วยใน