ตอนที่ 6
“เป็นอะไรอีกล่ะ” ชินกรเอ่ยทักคณิณที่มัวแต่จับมีดกับส้อมแต่ไม่ลงมือหั่นเนื้อสเต๊กตรงหน้า กินเสียที เนื่องจากวันนี้เขามาทำธุระละแวกใกล้เคียงกับเจ้าเพื่อนหน้านิ่ง เลยชวนอีกคนมากินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารด้วยกัน
“สมัยนี้ค่าเทอมมหา’ลัยเท่าไหร่วะ”
“ฮั่นแน่! สนใจสาวมหา’ลัยเหรอคุณชาย” ชินกรแซว เพราะผู้หญิงที่แม่ของเจ้าเพื่อนไร้หัวใจหามาให้ มีแต่วัยทำงานทั้งนั้น เลยไม่เข้าตาเพราะสนใจสาวมหาวิทยาลัยนี่เอง
“พูดบ้าอะไร” คณิณส่งสายตาค้อนใส่
“แซวนิดแซวหน่อยไม่ได้” คนผมประบ่าทำปากเบะบ่นอุบอิบ
“แล้วถามทำไม”
“เปล่า แค่สงสัย” เขาตอบเสียงเรียบสีหน้ายากเกินกว่าจะคาดเดา
“อืม ก็แล้วแต่คณะที่เรียนนะ ชื่อเสียงของมหา’ลัยก็มีส่วนด้วย” เจ้าของใบหน้าทะเล้นทรงเสน่ห์ว่าไปพลางเคี้ยวอาหารไป
“ทำงานแบบนั้นจะได้เงินเท่าไหร่กัน” คณิณพูดลอย ๆ เสียงเบา เสียงเบาจนชินกรไม่สามารถปะติดปะต่อเป็นประโยคได้
“มึงพูดว่าอะไรนะ” เขาเงี่ยหูฟังใกล้ ๆ
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“มีลับลมคมในจริง” ชินกรว่าพลางจิ้มสเต๊กส่งเข้าปากอย่างเซ็ง ๆ ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำภารกิจของตัวเองกันต่อ
ตะวันบ่ายคล้อยวันหนึ่ง เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของร่างสูงสง่าราวกับกับนายแบบ จนพนักงานและลูกค้าในร้านต่างพากันจับจ้อง
“ยินดีต้อนรับค่ะ” เสียงพนักงานต้อนรับเอ่ยขึ้นเมื่อเขาก้าวเข้ามาในร้าน เขาเลือกที่นั่งริมกระจกร้าน
“รับอะไรดีคะ” พนักงานสาวเดินมารับรายการอาหาร แต่เมื่อเขาเงยหน้าจากเมนูก็พบว่าหญิงตรงหน้า ไม่ใช่พนักงานสาวคนนั้น หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปมเล็กน้อย ก่อนจะละความสนใจแล้วสั่งเมนูอาหารอย่างไม่ใส่ใจนัก
ระหว่างนั่งอยู่ในร้าน ดวงตาคมเฉียบพยายามกวาดตามองหาหญิงสาวที่คาดว่าชื่อ แบบฝัน ตามข้อมูลบาร์เทนเดอร์คนนั้นบอก แต่มองจนทั่วร้านก็ยังไม่พบเธอสักที น่าแปลกที่เขาไม่เจอคนที่ขยันทำงานอย่างเธอ หรือว่าวันนี้เธอจะไม่มาทำงาน...
“ค่าอาหารค่ะ” พนักงานส่งใบเสร็จให้ตรวจสอบก่อนจ่ายเงิน
“เอ่อ พนักงานที่ชื่อแบบฝันไม่อยู่เหรอครับ” เขาชั่งใจอยู่นาน แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาพูดอย่างนั้นออกไป พนักงานแคชเชียร์สาวทำหน้าสงสัยคล้ายประมวลผลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบคำถาม
“อ่อ วันนี้แบบฝันลาป่วยน่ะค่ะ”
“ป่วย? ”
“ใช่ค่ะ คุณลูกค้ามีธุระอะไรกับแบบฝันหรือเปล่าคะ” เธอเลิกคิ้วถามคนตรงที่ดูตกใจกับสิ่งที่เธอพูด
“เอ่อ.. ผมเป็นรุ่นพี่ครับ” เพราะไม่อยากให้ผิดสังเกตเขาจึงเลือกที่จะโกหก “เห็นว่าเธอไม่อยู่เลยลองถามดู...”
.
.
.
บ้านไม้ขนาดเล็กมีใต้ถุนยกสูง ภายในถูกแบ่งเป็นห้องพื้นที่แคบ ๆ สำหรับใช้สอยหลายห้อง แบบฝันนอนพักในห้องนอนที่ยามเช้าแสงแดดจะส่องผ่านรู ยามฝนตกน้ำก็มีน้ำรั่วซึมจากรูนั้น ใบหน้าและริมฝีปากของเธอซีดเผือดอ่อนแรงจนไม่สามารถไปทำงานได้ เธอจึงแจ้งลาป่วยกับพี่กานต์เจ้าของร้านอาหาร
เนื่องจากเธอทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมงเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายของเธอเริ่มจะต่อต้าน บวกกับช่วงนี้อากาศเริ่มเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายตก เธอจึงทำได้แค่กินยาแล้วนอนพัก แต่...
“จะนอนถึงแม้ไหร่ฮะ!” เสียงหญิงวัยกลางคนโวยวายจนเสียงดังออกมานอกบ้าน
“งานการไม่ไปทำหรือไงนังลูกคนนี้” ผู้มาเยือนยืนเท้าเอวจ้องถลึงตาใส่จนคนนอนป่วยตัวสะดุ้งโหยง
“วันนี้ฝันไม่สบาย เลยลาป่วยจ้ะแม่” เธออธิบายเสียงแหบพร่าด้วยสภาพที่ไม่สู้ดีนัก
“ป่วยอะไร ฉันยังเห็นแกสบายดีอยู่เลย ลุกไปทำงานได้แล้ว เงินยังไม่มีจะกินยังมานอนกินบ้านกินเมืองอีก” ผู้เป็นแม่เท้าเอวชี้หน้าลูกสาวที่นอนซมบนฟูกแล้วเฉดเข้าที่หัวอย่างแรง
“แม่แต่ฝัน-” เธอเปล่งเสียงอธิบาย
“ไม่ต้องมาพูดเลย ลุกไปอาบน้ำอาบท่าทำงานไป” ว่าพลางฉุดกระชากร่างเล็กให้ลุกออกจากที่นอน
“ที่รักจ๋า ใจเย็นก่อนนะ ลูกดูไม่สบายจริงๆ ให้ลูกพักผ่อนเถอะ” ชายวัยกลางคนผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นผแฟนใหม่ของแม่ หรือพ่อเลี้ยงของเธอเอามือลูบแขนภรรยาพลางพูดหว่านล้อมให้ใจเย็น ก่อนจะหันไปยิ้มให้เธอด้วยสายตาไม่น่าไว้วางใจ
“ดูพ่อแกใจดีกับแกขนาดนี่ แกยังชอบมาว่าร้ายเขาเอง หัดสำนึกซะบ้าง” เธอโดนแม่ผลักหัวจนล้มพับไปกับพื้น
“เดี๋ยวฉันจะไปซื้อของ ที่รักไปด้วยกันไหม” ภรรยาหลังไปถามสามีด้วยน้ำเสียงหวานใส
“ที่รักไปเลยจ้ะ เดี๋ยวฉันอยู่ดูแลลูกดีกว่า” รอยยิ้มและแววตามีเลศนัยถูกส่งมาทางเธออีกครั้ง ถ้าแม่ออกไปกลายเป็นว่าเธอจะต้องอยู่กับพ่อเลี้ยงสองต่อสอง ซึ่งไม่ปลอดภัยต่อเธอจริง ๆ หลังจากแม่ออกไปซื้อของ เธอตัดสินใจลุกออกจากที่นอน แล้วจัดการตัวเองออกไปข้างนอกยังจะดีกว่าต้องอยู่กับพ่อเลี้ยงที่เคยพยายามลวนลามเธอ
“ไปไหนจ๊ะลูกรัก”
“ไปทำงาน” เธอตอบเสียงนิ่งแล้วเบนตัวออก
“แต่ลูกยังป่วยอยู่เลยนี่” มือหยาบจับเขาที่ต้นแขน มืออีกข้างลูบไล้ผิวเนียน เธอพยายามแกะมือสกปรกออกจากแขนของเธอ
“ปล่อยฉันนะ”
“พ่อว่าลูกเข้าไปนอนพักดีกว่า”
“ไม่! ปล่อยฉัน” เธอตลาดดังลั่น ก่อนจะใช้เท้ากระทืบเหยียบเท้าของพ่อเลี้ยงหื่นเต็มแรง แล้วรีบวิ่งออกมายังหน้าบ้าน
ตอนที่ 52ตลอดทั้งวันคณิณไม่ได้กลับไปไหน เขาคอยช่วยยกของและจัดอาหารให้กับเด็กและทุกคน รวมถึงยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมหลาย ๆ อย่างด้วยท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีจากฟ้าใสกลายเป็นม่วงเข้ม เหล่าดาวระยิบระยับเรียงรายเหนือลานกิจกรรม เสียงหัวเราะและการพูดคุยค่อย ๆ เบาลง เมื่อเด็ก ๆ เริ่มทยอยกลับหลังเสร็จกิจกรรมตลอดวันแบบฝันเดินเข้าไปหาคณิณที่ยังนั่งอยู่ใต้แสงไฟสนามเล็ก ๆ เขากำลังคุยเล่นกับเด็ก ๆ ที่ยังไม่กลับบ้าน“น้ำค่ะ” เธอยื่นแก้วน้ำเปล่าส่งให้“ขอบคุณครับ” เขายิ้มดีใจที่เธอยังใส่ใจเขาอยู่“คุณกลับได้แล้วนะคะ มืดกว่านี้จะขับรถกลับลำบาก”“พี่ฝัน นี่ก็ค่ำแล้ว ให้คุณเขาพักกับพวกเราดีกว่าไหมคะ” น้อยหน่ารีบพูด“นั่นสิพี่ แถวนี้ขับรถยากจะตาย กลับตอนนี้มีแต่อันตราย” มาวินเสริมพลางมองหน้าขอความเห็นใจกับเธอแบบฝันมองบรรยากาศโดยรอบก็พบว่าตอนนี้ฟ้ามืด แล้วทางเข้าหมู่บ้านก็ทางโค้งค่อนข้างเยอะ ระยะทางหลายสิบกิโลเมตรกว่าจะเข้าสู่ถนนใหญ่ที่ไฟเริ่มเยอะ“แล้วจะให้เขาพักที่ไหน ห้องพักเต็มหมดแล้ว” เธอว่า“พักกับพี่ฝันไงคะ เดี๋ยวน้อยหน่าย้ายไปนอนกับเจนเอง มีนัดปาร์ตี้บอร์ดเกมกันน่ะค่ะ”“ถ้าเธอไม่สะดวก ฉันไปหาโรงแรม
ตอนที่ 51ณ ห้องประชุมขนาดกลางของคณะ โต๊ะยาวถูกดันต่อกันเป็นแนวยาวเต็มพื้นที่กลางห้อง รอบ ๆ มีแบบฝันและรุ่นน้องกำลังช่วยกันจัดเตรียมอุปกรณ์สื่อการสอน และเกมที่จะใช้ในค่าย พวกเขาตกลงกันว่าจะไปจัดค่ายสอนภาษาอังกฤษให้เด็กนักเรียนด้อยโอกาส ทุกคนขะมักเขม้นกับงานในมือ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสนุกสนานและเสียงหัวเราะ“การ์ดคำศัพท์เราเตรียมกันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” แบบฝันถามขณะเดินตรวจสอบความเรียบร้อย“ใช่ครับ วินกับเพื่อนช่วยกันเช็กดูเรียบร้อยแล้ว” เสียงมาวินดังขึ้นจากอีกฝั่ง เขาชูถุงพลาสติกขนาดใหญ่ที่บรรจุการ์ดคำศัพท์ไว้หลายชุด“ได้แยกคำศัพท์เป็นหมวดหมู่ไหม”“แยกแล้วครับ แถมใส่ซองกันน้ำ เผื่อเจอสภาพอากาศไม่ดีด้วย”“โอเค ดีมากเลย”นอกจากจะเตรียมพวกการ์ดคำศัพท์และรูปภาพประกอบแล้ว พวกเขายังช่วยกันเตรียมเกมภาษาอังกฤษอย่างบิงโกคำศัพท์ และเกมจับคู่กับภาพด้วย“เราไปออกค่ายตั้ง 2 วัน พี่ได้บอกแฟนหรือยังคะ” น้อยหน่ารุ่นน้องกระซิบถาม“ไม่ใช่แฟนสักหน่อย” เธอแก้มแดงแล้วทำเป็นเสียงเข้มใส่“คนจีบก็ได้ค่ะ” คนอายุน้อยกว่าทำหน้าล้อเลียน “แต่จะว่าไปก็ไม่เห็นเขาตั้งหลายวันแล้วนะคะ ไม่ใช่ว่าเขาถอดใจไปแล้วนะ”“ก็เร
ตอนที่ 50คณิณยืนใต้ต้นไม้ใหญ่ตำแหน่งเดิมที่เขามักจะมารอเธอ เขามองไปรอบ ๆ อย่างประหม่า พยายามหาจังหวะให้ตัวเองกล้าที่จะเดินเข้าไปหาแบบฝันที่เพิ่งเดินออกจากห้องเรียนพร้อมเพื่อน ๆเมื่อสายตาของเธอสบกับเขา ความแปลกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่เธอพยายามรักษาสีหน้าสงบไว้ เธอบอกลาเพื่อนและเดินตรงมาหาเขา“มาที่นี่ทำไมคะ”คณิณยิ้มเล็กน้อย ยื่นถุงกระดาษที่ใส่กล่องเบนโตะไว้ในมือ“ฉันทำข้าวกล่องมาให้เธอ”แบบฝันมองเขาด้วยสายตาฉงนปนประหลาดใจ“คุณทำเองเหรอคะ”“ใช่” คณิณตอบเสียงเบา พยายามปั้นยิ้มให้ดูมั่นใจ แต่แล้วแบบฝันก็สังเกตเห็นปลาสเตอร์สีเนื้อที่พันรอบนิ้วชี้ข้างซ้ายของเขา เธอเลิกคิ้วด้วยความกังวล“นิ้วคุณไปโดนอะไรมาคะ” เธอถามพลางเอื้อมมือมาจับมือเขาดูเบา ๆ เพื่อดูให้ชัด ๆแม้จะรู้สึกดีใจที่อีกคนเป็นห่วง แต่เขาก็รีบชักมือกลับอย่างเขิน ๆ“ไม่มีอะไรหรอก แค่อุบัติเหตุตอนทำอาหารนิดหน่อย”“อุบัติเหตุนิดหน่อย?” แบบฝันขมวดคิ้วจ้องมองเขาไม่วางตา“ฉันไม่ชินกับอุปกรณ์ในครัวน่ะ เลยมีผิดพลาดบ้าง” คณิณหัวเราะแห้ง ๆ พลางหลบสายตา “แต่ไม่ต้องห่วงนะ ไม่มีเลือดตกลงไปในอาหารแน่นอน”แบบฝันมองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เธ
ตอนที่ 49หลังจากที่เขาไปหาเธอที่มหาวิทยาลัย ซึ่งก็มีนกบ้างไม่นกบ้าง เพราะบางช่วงที่เขาไปเธอไม่มีเรียนในช่วงนั้น เขาจึงตัดสินใจแอบขอตารางเรียนของเธอจากรุ่นน้องกลุ่มเดียวกับเธอ เพราะถ้าต้องขอจากเธอโดยตรง เธอน่าจะไม่ให้แน่นอนวันนี้แบบฝันมีเรียนช่วงเช้า เขาเลยว่าจะทำข้าวกล่องไปฝากเธอช่วงพักกลางวัน เลยกะว่าจะแค่แวะเอาข้าวกล่องไปฝากแล้วรีบกลับ เพราะตอนบ่ายเขามีประชุม แม้จะได้เห็นหน้าเธอแค่ไม่กี่นาทีก็น่าจะพอเยียวยาหัวใจที่เหี่ยวเฉาของเขาได้คณิณยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ในห้องครัว เขาสวมผ้ากันชนเปื้อนสีเข้มที่เพิ่งแกะจากห่อ เพราะปกติเขาไม่เคยทำอาหารทานเอง เลยเพิ่งจะไปซื้อผ้ากันเปื้อนสด ๆ ร้อน ๆ มาไว้ที่คอนโด เขาเปิดตำราอาหารที่เพิ่งลงทุนเดินเข้าร้านหนังสือในรอบหลายปีวางบนเคาน์เตอร์ทำอาหาร พร้อมเปิดไอแพดดูคลิปประกอบ แต่ถึงจะมีตัวช่วยมากมายแต่เขาก็ยังดูเงอะงะในทุกขั้นตอน“เริ่มจากหุงข้าว... ง่าย ๆ” เขาพึมพำให้กำลังใจตัวเองเขาตวงข้าวญี่ปุ่นใส่หม้อหุงข้าวแล้วเดินไปล้างข้าว แต่เผลอเปิดน้ำแรงเกินไปจนข้าวกระเด็นออกจากหม้อไปกว่าครึ่ง“ให้มันได้อย่างนี้สิ” เขาพึมพำพลางกวาดข้าวที่หกกลับมาใส่ในหม้ออย่างทุ
ตอนที่ 48วันต่อมา คณิณกลับมายังมหาวิทยาลัยอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้มาตัวเปล่า เขานำดอกไม้ช่อโตพร้อมจดหมายที่เขาเขียนความรู้สึกของตัวเองมาตลอดทั้งคืน ตรงมายังคณะที่แบบฝันเรียนเขานั่งรอเธอที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ ร่มรื่นและเงียบสงบเช่นเคย ดวงตาคมเข้มจ้องไปยังอาคารเรียน รอจนกระทั่งเสียงฝีเท้าของนักศึกษาทยอยออกจากคลาสเริ่มเบาบางลง เขาก็เห็นร่างเล็กของแบบฝันเดินออกมาพร้อมกับเพื่อนร่วมชั้นสองสามคนคณิณรีบลุกขึ้นทันที ก้าวตรงไปหาเธอด้วยหัวใจที่เต้นแรง เมื่อแบบฝันเงยหน้าขึ้นมาเห็นเขา ดวงตาของเธอก็ฉายแววตกใจชั่วครู่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเย็นชา“คุณมาทำอะไรที่นี่อีกคะ” เสียงของเธอเรียบเฉย ราวกับไม่อยากให้ใครบริเวณนี้สังเกตเห็นเหตุการณ์แปลก ๆ“ฉันมาหาเธอ มาง้อเธอไง” คณิณพูดตรงไปตรงมา เพราะจากประสบการณ์สอนให้เขาต้องกล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง เขายื่นช่อดอกไม้ช่อโตให้เธอ แต่เธอกลับไม่ยื่นมือออกมารับ“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้ว” แบบฝันตอบ น้ำเสียงชัดเจนเช่นกันเมื่อคนตรงหน้าดูจะใจแข็งกับเขา เขาจึงหันไปสบตากับนักศึกษาสาวที่เดินออกมาพร้อมกับแบบฝัน ที่กำลังยืนมองดูพวกเขาจากด้
ตอนที่ 47แบบฝันพาคณิณมาหยุดที่ม้านั่งใต้ร่มไม้ใหญ่ จุดที่ค่อนข้างเงียบสงบของมหาวิทยาลัย ใบไม้พลิ้วไหวตามแรงลมพัดอ่อน ๆ เธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาทางเขา“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันคะ” น้ำเสียงของเธอนิ่งเรียบ แฝงไปด้วยความระมัดระวังคณิณยืนนิ่งไปชั่วอึดใจ สายตาของเขาจับจ้องมาที่เธอราวกับพยายามกลั่นกรองคำพูดที่อัดแน่นภายในใจ“แบบฝัน...” เขาเอ่ยชื่อเธอเบา ก่อนจะถอนหายใจยาว “ฉันแค่อยากขอโทษเธอ ขอโทษที่รู้ตัวช้า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันเพิ่งรู้ว่าใครคือคนที่ฉันรัก”แบบฝันชะงัก เธอกะพริบตา พยายามจับความหมายในคำพูดนั้น“คุณหมายความว่าอย่างไง” เธอถาม น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจคณิณก้มหน้าลง มือทั้งสองข้างของเขากำแน่นอยู่ข้างตัว ราวกับพยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี “ฉันหมายความว่า... ไม่ใช่แค่เธอที่รู้สึกดีกับฉัน ที่จริงแล้วฉันก็รู้สึกดีกับเธอเหมือนกัน แต่ฉันมันขี้ขลาด ไม่กล้าพูดความรู้สึกของตัวเองให้เธอรู้ เพราะฉันยังลังเล สับสนกับความรู้สึกที่มีต่อแพรวา”แบบฝันนิ่งไป ใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อย แต่พยายามไม่แสดงออกทางสีหน้า“ฉันมันโง่ที่เพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือคนที่ฉันอยากใช้ชีวิตด้วยใน