บทที่ 8
“พี่เลิฟคะ”
เปรมาเงยหน้าขึ้นจากแผ่นแป้งที่กำลังรีดด้วยเครื่องรีดแป้งเพสตี้สำหรับทำครัวซองเพื่อส่งไปยังบริษัทของแซคซึ่งผ่านไปหลายวันกว่าที่บริษัทติดต่อกลับมาและตกลงให้เธอเข้าไปเซ็นสัญญา
“จ้า ลิฟมีอะไรหรือเปล่า พี่ยุ่งนะวันนี้”
มือเรียวสะบัดแป้งบนแผ่นรีดอีกครั้งก่อนจะตลบแป้งอีกด้านให้เข้าเครื่องรีดแล้วใช้มือช่วยรองรับ แม้มือจะยุ่งระวิงหากยังชำเลืองมองน้องสาวที่ยืนทำหน้าเศร้า
เธอปิดเครื่องรีดยกแป้งที่รีดครบสี่ครั้งมายังโต๊ะยาวสำหรับขึ้นรูป เปรมาคลี่แผ่นแป้งวางบนโต๊ะหยิบไม้บรรทัดยาวสามฟุตขึ้นวัดแล้วใช้มีดเล็ก ๆ ทำเครื่องหมายเป็นจุด
“ยืนเป็นหมาง่อยเลยลิฟ มีอะไรพูดมาสิพี่ฟังอยู่นะ”
เธอกลิ้งลูกกลิ้งตัดแป้งสำหรับตัดแป้งพายโดยเฉพาะขึ้นวางบนแผ่นแป้งแล้วกดแรงกลิ้งลงตามรอยที่ทำไว้
“พ่อแซมจะให้แซมกลับไปเรียนต่อที่อเมริกาค่ะ”
“แปะ!”
เสียงวางลูกกลิ้งกับโต๊ะสแตนเลสดังขึ้นตามแรงอารมณ์ของคนวาง ใจนึกโมโหชายตัวโตหนุ่มใหญ่ที่เล่นกับความรู้สึกของลูกชายตัวเองเพียงเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองพอใจ ที่สำคัญมันเกี่ยวกับน้องสาวของเธอด้วย
“น้องกลัวค่ะพี่เลิฟ ถ้าแซมไปอยู่ที่อเมริกาแล้วเกิดเปลี่ยนไป น้องจะทำยังไงดีคะ”
“ไม่ต้องทำยังไง ถ้าแซมเปลี่ยนไปก็แสดงว่าแซมน่ะเป็นคนตาบอดที่ไม่เลือกน้องสาวของพี่”
เปรมาจับแผ่นแป้งที่ตัดออกมาเป็นสามเหลี่ยมแล้วม้วนยืดและม้วนจนถึงปลายยอดนำไปวางไว้บนถาดเพื่อเตรียมรอหมักขนมปังให้ขึ้นฟูเป็นสองเท่า
เธอทำซ้ำอย่างว่องไวเพื่อจะได้มีเวลาคุยกับน้องสาว รีบนำถาดทั้งหมดเข้าตู้หมักขนมปังตั้งอุณหภูมิยี่สิบเจ็ดองศา
“พี่เลิฟคะ”
“เรียบร้อยแล้ว มาเราไปคุยกันข้างนอก”
เปรมาล้างมือให้เรียบร้อยก่อนจะเดินตามน้องสาวออกไปยังส่วนหน้าร้าน ช่วงสายวันนี้ลูกค้าบางตาต้องรอให้เที่ยงเสียก่อนจึงจะเริ่มมีลูกค้าทยอยเข้ามา
“เล่าให้พี่ฟังใหม่อีกทีสิ”
เปรมาหยิบขวดน้ำมาจากหลังเคาน์เตอร์ติดมือมาด้วยและยกขึ้นดื่มขณะที่รอฟังน้องสาว
“เมื่อวานนี้แซมกลับมาจากบ้านของพ่อที่ชานเมือง แล้วก็บอกว่าพ่อจะให้แซมกลับอเมริกาเพื่อไปเรียนต่อที่โน้น แล้วจะให้กลับเลยค่ะพี่เลิฟ เห็นว่าอาทิตย์หน้าเลยค่ะ”
“แล้วแซมว่าไง”
“โธ่พี่เลิฟ แซมจะว่ายังไงได้ล่ะคะ พ่อของแซมดุออกอย่างนั้น แซมก็ต้องกลับสิคะ”
“ไม่ แล้วแซมไม่แสดงจุดยืนสักหน่อยเหรอ เช่น เรื่องของน้องที่ว่าจะแต่งงานกัน”
อันที่จริงตามที่แซมเล่า เรื่องมันเริ่มต้นมาจากแซมไปขอซื้อแหวนแต่งงานค่ะ พ่อของแซมก็เลยฉุนขาดยื่นคำขาดให้แซมกลับอาทิตย์หน้าค่ะ”
“กร๊อบ!!”
“พี่เลิฟ!”
ปาริมาตกใจเมื่อเห็นพี่สาวกำขวดน้ำพลาสติกแน่นจนมันบุบคามือด้วยความโมโห
“มันจะมากเกินไปแล้วนายฮิวส์”
“น้องจะทำยังไงดีคะพี่ลิฟ น้องเองก็ไม่อยากทำให้พ่อกับลูกทะเลาะกัน แต่น้องก็รักแซมมากค่ะ ไม่อยากให้เขาจากไปไหนเลย”
ปาริมาน้ำตาไหลเมื่อคิดว่าแซมต้องจากเธอไปไกลถึงอเมริกา และอีกหลายปีถึงจะกลับมา แล้วเมื่อถึงเวลานั้นแซมจะยังรักเธออยู่หรือเปล่า
“ลิฟ ไม่ต้องร้อง เดี๋ยวเรื่องนี้พี่จะจัดการเอง บ่ายนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ รีบเตรียมตัวไปเรียนเถอะ ไม่ต้องกังวลใจไป”
เปรมาอ่อนยวบลงตามเคยเมื่อเห็นน้ำตาของน้องสาว เธอเคยสาบานต่อหน้ารูปหน้าศพพ่อกับแม่ไว้แล้วว่า เธอจะดูแลน้องคนนี้อย่างดี จะไม่ให้น้องสาวต้องเสียใจ
“กริ๊ง กริ๊ง”
เปรมารีบต่อสายหาพ่อของแซมทันทีเมื่อปาริมาเดินออกจากร้านไปเรียน เธอยืนเคาะเท้ากับพื้นเป็นจังหวะด้วยความร้อนใจ มืออีกข้างเคาะกรอบประตูระหว่างรอให้เขารับสาย
บ้าจริง นายแซค นี่ฉันต่อสายครั้งที่สองแล้วนะ
ร่างสูงใหญ่เอนกายพิงพนักเก้าอี้ด้านหลังโต๊ะทำงาน มองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะที่เขาตั้งเรียกสายแบบระบบสั่น ริมฝีปากหยักยิ้มพอใจที่เห็นชื่อของคนโทรศัพท์เข้ามาหาเขา เลิฟ
“เลิฟ”
“คุณจะเอายังไงคุณฮิวส์”
“จุ๊ ๆ ๆ ยังไม่ทันอะไรเลยขู่ผมเสียแล้ว”
เปรมาเหลือบตามองบนสะกดกลั้นลมหายใจแห่งความโกรธไว้แล้วกลืนมันลงท้องไปก่อนที่จะลืมตัวพ่นคำด่าออกมา ลดน้ำเสียงลงให้นิ่งเข้าไว้
“ลิฟมาบอกฉันแล้วเรื่องที่คุณจะให้แซมไปเรียนต่อเมืองนอก คุณทำแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“ผมทำไปก็เพื่ออนาคตของลูกชายผม กลับอเมริกาไปเรียนต่อที่โน้นไม่ดีกว่าเหรอไง”
ให้ตายสินายฮิวส์!
เปรมาใช้มือยกขึ้นปิดตูดโทรศัพท์เมื่อสบถออกมา ได้ยินเสียงทุ้มยังพูดอยู่ในสาย
“คุณจะทำกับเด็กสองนั้นแบบนี้ไม่ได้นะคุณฮิวส์ พวกเขารักกัน ถ้าคุณให้แซมไปอเมริกาก็ให้พวกเขาแต่งงานกันสะ”
เธอได้ยินเสียงทุ้มต่ำหัวเราะในลำคอเบา ๆ มาตามสาย ผู้ชายคนนี้เป็นคนโหดเหี้ยมขนาดลูกชายของตัวเองยังไม่ใส่ใจความรู้สึกเลยสักนิด
“ตอบตกลงสิเลิฟ เจ็ดวัน แล้วน้องสาวของคุณจะได้สองปี”
เปรมาสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อข้อเสนอเจ็ดวันออกมาจากปากของแซคอีกครั้ง น้ำเสียงคาดหวังปนกระเส่า และบ้าจริงมันทำให้เธอร้อน
“ภายในข้อตกลงมีอะไรอื่นแอบแฝงอีกไหม”
ดวงหน้างามเห่อร้อน กัดฟันพูดประโยคนั้นออกไปและรู้สึกได้ว่าแซคกำลังยิ้มกว้าง
ใช่ เขาชนะเกมนี้แล้วอย่างง่ายดาย
“ก็แค่เล็กน้อย คุณอาจต้องเซ็นสัญญาไม่เปิดเผยความลับ”
ริมฝีปากบางเม้มแน่น พยายามไม่นึกถึงใบหน้าคมเข้มที่กำลังยิ้มกว้าง
“ตกลง เริ่มเมื่อไร”
บทพิเศษกริ๊งงงง!!เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นยามเช้า แสงอาทิตย์ยังทอแสงรำไรขอบฟ้าของคฤหาสน์ชานเมือง“อืมมมม”ร่างอวบอิ่มบิดกายพลิกหาความอบอุ่นข้างกายทันทีเอื้อมมือออกข้ามลำกายแกร่งไปยังโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียงมือเล็กพยายามควานหาทั้ง ๆ ที่ยังหลับตา ร่างอวบทับบนอกแกร่งตะเกียกตะกายไปมา“เลิฟ”เสียงแหบพร่ากดต่ำดังขึ้นทำให้เปรมาปรือตามองอย่างสงสัย แล้วหยิบนาฬิกาปลุกกดปิดได้ในที่สุด“ขอโทษค่ะ เลิฟตั้งปลุกไว้ต้องรีบกลับคาเฟ่แต่เช้า”“มานี่ก่อน”แซคคว้าร่างอวบไว้ได้ทันก่อนที่เปรมาจะก้าวลงจากเตียงใหญ่ ดึงรั้งกระทั่งล้มลงบนกายแกร่งอีกครั้ง“แซค!! เลิฟกำลังจะสายนะคะ”“สายอะไรกัน วันนี้ผมเหมาร้านคุณให้แล้วกัน อยู่กับผมอีกวัน”เปรมาดันตัวขึ้นมองหน้าคมเข้ม ผมยังยุ่งเหยิง ดวงตาหรี่ปรือเปี่ยมเสน่ห์ทางเพศมองเธออย่างมาดหมาย“อย่านะ! เปรมาชอกช้ำหมดแล้ว”แซคค่อยคลี่ยิ้มมองสีหน้าเง้างอดและทีท่าขืนตัวหนี“ผมยังไม่ทันทำอะไรเลย คิดทะลึ่งไปเองหรือเปล่า”มือแกร่งยังดึงดันพลิกจนร่างเปรมาตวัดกลับไปนอนหงายโดยมีคนร่างโตทาบทับด้านบน แทรกหัวเข่ากลางหว่างขา“แซค! นี่เลิฟพูดจริงนะคะ ต้องกลับแล้วเช้านี้”“ถ้างั้นมีข้อแ
บทที่ 24**จบ“อือม พูดอะไรคนสวย”เขาเลื่อนลงไปจนกระทั่งถึงเนินทรวงอกใช้ลิ้นตวัดปลายยอดถัน เปรมาเบี่ยงตัวหลบ“ขึ้นมานี่เลย พูดกันก่อนนะคะ”“แล้วคุณจะมีรางวัลอะไรให้ผม”แซคครอบปากบนยอดทรวงดูดแรงจนร่างอวบอิ่มสะท้านแอ่นหยัดรับ“อะไรก็ได้ ขึ้นมานี่นะ หยุดก่อน”รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าคมเข้มทำเธอตาพร่าไปพักหนึ่งเมื่อเขาชะโงกเหนือดวงหน้าของเธอ“จะถามอะไรคนสวย”“คุณจะแต่งงานกับฉันทำไม พูดมานะแซค”“ไม่เห็นยากเลยเลิฟ ผมชอบคุณมากน่ะสิ ไม่สิ ผมรักคุณต่างหาก ใช่ มันต้องเป็นเพราะอย่างนี้ล่ะผมถึงอยากจะแต่งงานกับคุณ”เปรมาถอนหายใจโล่งอกเมื่อแซคยอมพูดคำที่เธออยากจะได้ยิน เปิดปากรับลิ้นที่แทรกเข้าโพรงปาก จูบหนักหน่วงดำเนินไปสักพักจนลมหายใจของเปรมาเริ่มกระชั้น“คุณคิดว่ามันเป็นความรักเหรอคะแซค เรารู้จักกันไม่นานอีกอย่างคุณเคยบอกฉันว่ามันเกิดจากฮอร์โมนในร่างกาย”“เลิฟคนดี ผมอายุปูนนี้แล้ว สามสิบเก้า คุณคิดจริง ๆ หรือว่าผมไม่รู้ว่าความรักมันเป็นยังไง”“อือ แล้วคุณไม่ถามฉันเหรอแซค อา อ่า”เขากัดยอดถันเบา ๆ มือกอบดันขึ้นเหลือบตามองเธอ“ไม่หรอก เพราะคุณต้องรักผมอยู่แล้ว ใช่ไหมคนสวย”“ฮ่า ฮ่า คนหลงตัวเอง”“เอาล่ะ
บทที่ 23“ก๊อก ก๊อก พี่เลิฟคะ สายมากแล้วค่า”แซคคลายอ้อมแขนที่เปรมาหนุนนอนมาตลอดคืน เอนกายไปขอบเตียงตวัดขาลงแล้วจึงคว้าเช็ดตัวของเปรมาสีชมพูสวยพันรอบเอว มือสางเสยผมยุ่งเหยิงพอประมาณ“แอ๊ด”ปาริมาสะดุ้งสุดตัวมองพ่อของคู่หมั้นตาค้าง พ่อของแซมนุ่งผ้าเช็ดตัวสีชมพูของพี่เปรมาเดินออกมาเปิดประตูเพียงผืนเดียว ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนคนเพิ่งลุกจากเตียงปาริมาแทบหาเสียงของตัวเองไม่เจอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น“อะ เออ พ่อคะ พะ พี่เลิฟ เออ จะมาเรียกพะ พี่เลิฟทานข้าวค่ะ”แซคก้มมองว่าที่ลูกสะใภ้ใบหน้าซีดเผือด เขายืนเท้าแขนตรงกรอบประตูใช้มือผลักประตูกว้างออกไปแล้วเบี่ยงตัวเล็กน้อยให้ปาริมาเห็นพี่สาว“ยังไม่ตื่น”ปาริมามองเข้าไปยังเตียงนอนเห็นแต่ผมดำยาวสยายปิดใบหน้า สีผิวน้ำผึ้งตัดกับผ้าปูเตียงสีขาวเขามองลำคอระหงของปาริมาขยับกลืนน้ำลายหลายครั้งก่อนจะหน้าแดงซ่านทั่วใบหน้า“งะ งั้นหนูไปก่อนนะคะ”“ปัง”แซคเดินกลับมายังเตียงนอนก่อนจะล้มตัวนอนต่อ เขาขยับเข้าใต้ผ้าห่มโอบวงแขนรอบร่างอวบอิ่มที่ยังสลบไสล ยิ้มมุมปากเมื่อนึกภาพยามเธอตื่นมาแล้วพบว่าเขาเพิ่งจะไล่ว่าที่ลูกสะใภ้ของเขาไป แต่อันที่ก็เป็นว่าที
บทที่ 22***แซคเดินใกล้จนถึงร่างอวบของเธอ โอบแผ่นหลังดึงรูดซิปลง ดวงตาคมไม่ละออกจากดวงหน้า มือร้อนลวกจับสายเสื้อดึงลงต้นแขน ชุดสวยร่วงหล่นกรอมเท้า“ผมขอต่อสัญญาเลิฟ ต่ออีกยาว ๆ”มือใหญ่ปลดตะขอเสื้อชั้นในปล่อยเต้างามให้เป็นอิสระ มือทาบทรวงอกเคล้นคลึงหนักมือ“คุณทำผมแย่ เลิฟ ผมไม่ชอบมันเลยคนสวย ผมไม่ชอบที่มันควบคุมไม่ได้”เปรมายังมองหน้าคมเข้มเมื่อเขาโน้มลงใกล้ ปากหนาครอบครองปากเย้ายวน รสชาติของไวน์คละคลุ้งไปทั้งโพรงปากมือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วร่าง เขาดันเธอแนบกายแกร่งโยกตัวให้ท่อนเนื้อสัมผัสเนินสาว แล้วจึงตวัดแขนโอบร่างอุ้มขึ้นจากพื้นเดินไปยังเตียงแซคมองหญิงสาวที่เขาวางลงบนเตียง ความรู้สึกบางอย่างกระแทกเข้าที่ทรวงอกแรงจนเขาสะเทือน เขายืดกายสูดลมหายใจเข้าแล้วดึงกางเกงในของเปรมาออกจากตัว“พระเจ้า คุณแว็กซ์”เปรมาประหม่าเอียงอาย เธอใช้มือปิดของสงวนไว้ไม่กล้าเปิดออกให้แซคเห็น“มันเป็นคอร์สเพื่อนเจ้าสาวน่ะ”“ไม่ เลิฟ ยกมือออก ผมอยากเห็น”เธอค่อยเปิดออก สายตาเข้มข้นมองเธอนิ่ง เขาหน้าแดงก่ำขึ้นทันทีเมื่อเปรมาเริ่มขยับขายกตั้งชัน“วันนี้เราจะไม่เล่นเกมกันอีกใช่ไหมคนสวย คุณยินยอมพร้อมใจที่จะอยู่กับ
บทที่ 21เปรมามองรอบโต๊ะทรงกลมขนาดใหญ่ มื้อเย็นที่มีแต่คนในครอบครัว แต่นั่นจะเรียกว่ามื้อเย็นก็ไม่ถูกนักเพราะตอนนี้สามทุ่มแล้วเพิ่งจะเริ่มยกจานแรกมาเสิร์ฟ“คุณเลิฟพักที่นี่เป็นยังไงบ้างคะ ขาดเหลืออะไรก็บอกได้นะคะ”เสียงแม่ของแซมบาบาร์ร่าทำให้เปรมาละมือออกจากแก้วไวน์ เธอมองบาบาร์ร่าที่ยังสวยแม้อายุเกือบสี่สิบ ผมบลอนด์ยาวจัดแต่งทรงอย่างดี ชุดเรียบหรูสำหรับทานมื้อค่ำส่งให้บาบาร์ร่าโดดเด่น ยิ่งนั่งข้างแซคทำให้เธอเห็นความเหมาะสมกันทุกประการของคนทั้งคู่มือเรียวของบาบาร์ร่ายังจับแขนแซคไว้เบา ๆ ยามเอ่ยพูด เธอมองไล่ไปยังร่างแกร่งที่ถอดชุดสูทออกแล้ว เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดิมเมื่อกลางวันพับแขนเสื้อขึ้นอย่างเคย“ค่ะ ทุกอย่างดีมากค่ะ”“ถ้าแบบนั้น พักเสียหลาย ๆ วันนะคะ ลิฟจะได้มีเพื่อน”“คงไม่ได้หรอกค่ะ ฉันต้องกลับไปเปิดร้านค่ะ”บาบาร์ร่าส่งเสียงพึมพำเบา ๆ รับรู้ ก่อนจะหันไปคุยกับแซคต่อถึงเรื่องคนในครอบครัวเปรมายกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอีกครั้ง เธอเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรและโทษอาหารที่ทานไปเมื่อกลางวันที่ทำให้เธอมวนในท้องและร้อนไปถึงทรวงอกเสียงหัวเราะทุ้มของแซคดังมาเป็นระยะ ๆ ขณะที่คุยกันกับบา
บทที่ 20เปรมาสำลักน้ำทันทีเมื่อได้ยินคำถามจากเสียงทุ้มเมื่อเขานั่งลงข้างเธอ คริสรีบหยิบผ้าเช็ดปากส่งให้หญิงสาวพรางหัวเราะถูกใจ“นี่สงสัยผมพูดแทงใจดำใช่ไหมครับ”“เปล่าคะ ฉันไม่ได้ชอบเขา”เปรมาปฏิเสธพัลวันหน้าแดงก่ำจากการสำลักน้ำ ประสานสายตาไม่หลบเพื่อแสดงความจริงใจ“ผมไม่เชื่อหรอกครับ พี่ผมละสายตาจากคุณไม่ได้ และคุณก็เช่นกัน”เธอยืดกายขึ้น คิ้วโก่งขมวดมุ่น ถ้าเป็นเช่นที่คริสบอกนั่นหมายความทุกคนก็มองเห็นมันเช่นกัน“อย่าไปเชื่อในสิ่งที่เห็นสิคะ มันอาจจะไม่ใช่แบบนั้นก็ได้”“โอ้ งั้นก็ดีสิครับ ถ้าคุณไม่ได้ชอบพี่ชายของผม ผมก็จะได้สบายใจหน่อย ผมก็ขออนุญาตจีบคุณเลยแล้วกัน”“คริส!!”เธอจ้องดวงตาพราวระยับตรงหน้าและรอยยิ้มกว้างจึงได้รู้ว่าเขากำลังหยอกเธอเล่น เปรมาค่อยผ่อนลมหายใจ“คุณหยอกฉัน”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่แน่หรอกนะครับเลิฟ”มีเสียงพูดคุยดังขึ้นเมื่อแซมและบาบาร์ร่าเดินนำคู่หมั้นทั้งสองไปที่โต๊ะตัวยาวด้านหน้าน้องสาวของเธอสวยกว่าใครและใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มมีความสุข เธอภาคภูมิใจในตัวน้องสาวและอยากจะเห็นลิฟมีความสุขเช่นนี้ตลอดไป“ดูเจ้าแซมสิ ดูมีความสุข”เปรมาเอี้ยวหน้ามองคริส หน้าหวานคมยังยิ้ม