ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ร่ำลาจบก็ถูกดึงลงมาจูบอีกครั้งพร้อม ๆ มือเล็ก ๆ ที่ประคองใบหน้าคมไว้ดึงรั้งให้คนตัวโตเดินตามเข้ามาภายในประตูที่ถูกเปิดอ้าซ่าอยู่
นาทีนั้นรังสิมันตุ์ไม่ได้คิดจะกลับอีกแล้ว เขาบดจูบขบเม้นเรียวปากสวยอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดพร้อม ๆ กับที่รวบเอาคนที่สูงเกือบจะเท่าแต่ก็ยังดูผอมบางเอาไว้และปิดประตูราวกับจะไม่สนใจเรื่องภายนอกอีกแล้ว
แม้จะประคองสติมาได้จนถึงตอนนี้แต่สติสัมปชัญญะของชายหนุ่มก็ไม่ได้เต็มร้อยพอได้สัมผัสริมฝีปากอ่อนนุ่มและหอมหวานเขาก็ควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป
ยิ่งเป็นเธอ ระบบความคิดก็เหมือนจะถูกปิดไปชั่วขณะ...
คนตัวเล็กกว่าถูกพามาวางลงบนเตียงขนาดคิงไซส์พร้อมกับที่คนตัวโตกว่าทิ้งกายลงมาค่อมทับไว้
ชายหนุ่มผละจูบมาจ้องมองใบหน้าหวานเยิ้มจากทั้งฤทธิ์น้ำเมาและฤทธิ์จูบด้วยสายตาอ่อนโยนก่อนจะโน้มลงมาฉกจูบอีกครั้งอย่างแผ่วเบา เป็นการฉกฉวยที่ไม่ได้เนิ่นนาน ศศิรินทร์มองคนที่ผละจูบอย่างรวดเร็วด้วยความเสียดายก่อนที่เขาจะมองด้วยสายตายากจะคาดเดา
“หยุดมั้ย...ถ้าคุณบอกให้ผมหยุด ผมก็จะหยุด” เขาถามและบอกทว่าดวงตาคู่สวยก็ยังมองมาที่เขาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยดีต่อหัวใจและการควบคุมของเขาสักเท่าไหร่
“ถ้าคุณไม่หยุดตอนนี้...มาขอร้องให้ผมหยุดทีหลัง ผมก็ไม่หยุดแล้วนะ”
“ก็ไม่ต้องหยุดสิ” น้ำเสียงหวานพูดก่อนที่แขนทั้งสองข้างจะเอื้อมมาคล้องคอเขาเอาไว้และพูดต่อด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ฉันโสดแล้วจะทำอะไรก็ได้...แต่คุณมีใครรออยู่ที่บ้านมั้ยล่ะ”
“ก็ไม่” เขาตอบก่อนที่ประโยคต่อมาจะแผ่วเบาราวกับไม่ได้พูด “ไม่เคยมีใคร”
“ก็คือคุณโสด ส่วนฉันก็โสด จะทำอะไรมันก็ไม่ผิดบาปไม่ใช่เหรอ มันเป็นสิทธิ์ของคนโสดไม่ใช่เหรอ”
“ถ้าคุณแค่คิดจะประชดเขา ไม่ดีหรอกนะ” ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะออกไปจากห้องนี้ แต่ถ้าเธอไม่คิดจะหยุดเขาเพื่อประชดอดีตคนรักคนนั้น เขาก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น...ถ้าจะเริ่มความสัมพันธ์กับเขา มันก็ไม่ควรจะมีเหตุผลมาจากการประชดประชันใคร
ไม่ควรเลย
ศศิรินทร์เงียบอยู่เพียงครู่เดียวก็มองสบตาคู่คมด้วยประกายความหนักแน่น “ฉันไม่มีความคิดทำอะไรเพื่อประชดใคร ก็อย่างที่คุณพูด ฉันอาจจะไม่ได้รักเขา ทำไมจะต้องประชดเขาละ”
“ฉันก็แค่...ไม่อยากให้คุณไป”
“แต่ถ้าคุณไม่โอเค ก็แค่ลุกออกปะ...อื้อ” ไม่ทันที่คนใต้ร่างจะได้พูดจบริมฝีปากอุ่นร้อนก็ทาบทับลงมาอีกครั้งและแทรกลิ้นเข้ามาคลุกเคล้าในโพรงปากหวานอย่างอ่อนโยนปนร้อนแรง
ในเมื่อมันเป็นความต้องการของคนสองคนก็ไม่มีความจำเป็นใด ๆ จะต้องหยุด...และสำหรับเขาแล้วเรื่องของเขากับเธอมันไม่หยุดแค่คืนนี้แน่
ในชีวิตศศิรินทร์มีแฟนมาสามคน คนแรกเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่คบหากันได้เพียงเดือนเดียวฝ่ายนั้นก็ค้นพบตัวเองว่าชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิงทำให้ต้องเลิกราและกลายมาเป็นเพื่อนหญิง คนที่สองเป็นรุ่นพี่ต่างคณะสมัยเรียนปริญญาตรีที่คบหากันได้เพียงครึ่งปีก็ต้องเลิกกันเพราะทัศนคติไม่ตรงกัน ส่วนคนที่สามก็คือภานุกานต์อดีตแฟนคนปัจจุบันที่คบหากันตั้งแต่เธอเริ่มเข้ามาคลุกคลีในวงการเบื้องหลังจนกระทั่งสามเดือนก่อน
ภานุกานต์เป็นคนที่เธอคบหามานานที่สุดและวางอนาคตถึงขั้นแต่งงานก็จริงอยู่ทว่าเธอก็ไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยเลยสักครั้ง
แน่นอนว่าจนถึงตอนนี้เธอก็ยังเป็นสาวบริสุทธิ์อายุสามสิบสอง หมาด ๆ ที่ไม่เคยคิดจะมีความสัมพันธ์ทางกายกับใครและไม่เคยโหยหาเรื่องอย่างว่า...แม้ว่าจะชอบอ่านนิยายรักที่มีฉากเลิฟซีนดุเดือดก็ตาม
เธอไม่เคยโหยหายเลยสักนิดทว่าเพียงแค่ได้จูบกับชายแปลกหน้าคนนี้กลับทำให้ความรู้สึกอยากจะปล่อยตัวปล่อยใจเกิดขึ้นมาทันทีทันใด
มันเป็นเพราะเธอเมา หรือเป็นเพราะใจง่าย หรือว่าเขาคนนี้มีอะไรพิเศษเธอก็ไม่สามารถตอบได้ ทว่ายิ่งได้มองใบหน้าของเขาใกล้ ๆ ก็ยิ่งรู้สึกคล้ายกับจะจมไปกับเตียงซะให้ได้
เขาหล่อ หล่อมาก ๆ และรายรอบกายเขาก็มีความอบอุ่นห้อมล้อมในแบบที่เธอไม่ได้สัมผัสมานาน
เพราะสูญเสียครอบครัวไปตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีสอง หลายปีมานี้เธอเลยแทบไม่ได้รู้จักกับคำว่าอบอุ่นแม้ว่าจะมีแฟนหนุ่มและเพื่อนห้อมล้อมก็ตาม แต่เขาคนนี้กลับทำให้เธอนึกถึงคำว่าอบอุ่นขึ้นมาเพียงเพราะนั่งดื่มเหล้าด้วยกันและที่สำคัญเธอก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดเวลาที่ได้สบตาเขา...อย่างกับว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน
ที่ไหนกันนะ เธอเคยเจอผู้ชายบุคลิกหน้าตาแบบนี้ที่ไหนกัน
และเพราะความรู้สึกอบอุ่นนั้นในหัวจึงมีความคิดประหลาด ๆ แว่บเข้ามาและทำให้เธอรั้งเขาเอาไว้...ความคิดที่ว่าไม่อยากจะบอกลากันไปเฉย ๆ
เธอยังอยากอยู่กับเขาต่อ...ทั้งคืน
ตู้เสื้อผ้าที่ตอนนี้ถูกแบ่งเป็นสองฝั่งเรียงรายไปด้วยเสื้อผ้าที่แตกต่างกัน ฝั่งขวาเป็นเสื้อผ้าของรังสิมันตุ์ที่มีเพียงไม่มาก ส่วนฝั่งด้านซ้ายมือเป็นเสื้อผ้าของศศิรินทร์ที่กินเลนไปเกือบสามของสี่ส่วน หญิงสาวกวาดสายตามองชุดนอนที่เรียงรายกันกินเลนไปในฝั่งของชายหนุ่มหลังจากที่จัดเสื้อผ้าใส่ตู้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะทอดถอนใจ อยู่ ๆ ก็รู้สึกไม่มีตัวไหนน่าพอใจขึ้นมาซะอย่างนั้นเธอกลายเป็นคนเรื่องมากเรื่องชุดนอนตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย!คิดขึ้นมาอย่างหงุดหงิดใจเบา ๆ แต่แล้วสายตาก็มองเลยไปในเขตของเจ้าของห้อง ตาคู่หวานหยุดลงที่เสื้อยืดคอวีสีขาวตัวใหญ่ที่ดูธรรมดาไม่ได้พิเศษที่เรียงกันอยู่ถึงสามตัวก่อนจะหยิบออกมาจากตู้ด้วยแววตาพอใจ...ยืมใส่สักวันก็คงไม่ว่าหรอกมั้งนะคนไม่พอใจกับเสื้อผ้าตัวเองคิดเองเออเองเสร็จสรรพก่อนจะถือเสื้อที่หมายตาเข้าไปในห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี ตอนที่แยกย้ายกั
มื้อเย็นวันนี้เป็นมื้อที่ค่อนข้างหายใจหายคอลำบากสำหรับศศิรินทร์ หญิงสาวมองไปยังด้านซ้ายที่มีพิชญาดาและพิชญะก่อนจะเบนสายตามายังด้านขวาถัดไปจากเก้าอี้ของรังสิมันตุ์ที่มีเพื่อนสาวทั้งสามคนนั่งเรียงกันอยู่ ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นว่าทั้งเพื่อนทั้งพี่แท็คทีมกันมาในวันเดียวกันแบบนี้ได้นะสายตาคู่หวานมองเลยเพื่อนสาวทั้งสามคนไปยังภาสกรเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เพื่อนหนุ่มใจสาวกลับไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเลยสักนิด...เสียแรงที่เรียกมาให้ช่วยจริง ๆ ก๊อก ๆ ๆเสียงเคาะจากด้านนอกทำให้บรรยากาศภายในห้องอาหารส่วนตัวที่พิชญาดาซึ่งเป็นเจ้าของภัตตาคารแห่งนี้เปิดเป็นพิเศษเพื่อวันนี้โดยเฉพาะผ่อนคลายลงมาบ้าง ศศิรินทร์ลอบเป่าปากเบา ๆ เมื่อทุกสายตาหันไปสนใจที่ประตู ทว่าเมื่อหญิงสาวหันไปมองตามก็ต้องขมวดคิ้วและหันมามองรังสิมันตุ์ด้วยความรู้สึกสงสัย“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะคุณแพร” น้
อาทิตยะเป็นคนที่จัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแค่สลายทีมงานแต่ยังพุ่งไปชักชวนพิชญะและภาสกรออกไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันด้วย มิหนำซ้ำยังไม่วายคว้ามือพานางเอกและพระเอกของเรื่องไปด้วยภายในห้องจึงเหลือแค่เพียงศศิรินทร์และเจ้าของสถานที่ที่มองมาที่เธอและรังสิมันตุ์ตาแทบไม่กระพริบ“เอ่อ...ขนมคะ” หญิงสาวทนสายตาที่มองมาไม่ไหวต้องรีบหยิบยกเรื่องขนมขึ้นมาพูดจะได้ไม่รู้สึกเขิน “พอดีสั่งมาให้ทีมงาน ก็เลยเอามาฝากทุกคนด้วย ช่วงนี้ก็...รบกวนหน่อยนะคะ”“มะ ไม่รบกวนเลยครับซ้อรอง สำหรับซ้อรองแล้ว ไม่มีอะไรรบกวนเลยครับ”“ใช่ครับ ๆ สำหรับแฟนพี่รองน่ะไม่รบกวนพวกเราหรอกครับ”“เอ่อ ค่ะ” เจอท่าทีคล้ายประจบของเพื่อนร่วมงานของรังสิมันตุ์เข้าไปหญิงสาวก็ไปไม่เป็นต้องเงยหน้ามองชายหนุ่ม ผู้กองหนุ่มรู้ถึงสัญญาณของความช่วยเหลือในทันทีจึงส่งเสียงกระแอมขึ้
ทั้งที่ศศิรินทร์เดินออกมาแต่ถึงอย่างนั้นภานุกานต์ก็ไม่ได้แยกไปไหนเพราะสถานที่ที่เขาจะมาก็เป็นห้องเดียวกับที่หญิงสาวเดินเข้าไป ชายหนุ่มก้าวเข้าไปภายในห้องอย่างเงียบเชียบทว่ากลับไม่ได้มองหาคนที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่ สายตาคู่นั้นจับจ้องไปที่อดีตคนรักที่นั่งดูการถ่ายทำอยู่กับเพื่อนหนุ่มใจสาวอยู่เงียบ ๆ โดยไม่ละไปไหน“เขามองแกอยู่” ภาสกรส่งเสียงกระซิบพร้อมกับสะกิดให้หญิงสาวได้รู้ตัว ทว่าศศิรินทร์กลับไม่ได้สนใจใด ๆเธอคาดเดาไม่ออกหรอกว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้เอาแต่จ้องมองมา คนคนนี้คาดเดาได้ยากมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และเธอก็ไม่คิดที่จะหาคำตอบอีกแล้ว“คัส...โอเค พักกินข้าวได้” เสียงสั่งของอาทิตยะดังขึ้นในเสี้ยววินาทีต่อมา พร้อม ๆ กับที่คนของบ้านขนมไทยบุษบามาส่งขนม ทีมงานทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าวันเปิดกล้องวันแรกบอสสาวมักจะสั่งขนมไทยร้านประจำมาเลี้ยงเสียงเฮฮาจึงเริ่มต้นขึ้น
วันต่อมารังสิมันตุ์ที่วันนี้สวมเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ที่ศศิรินทร์เลือกให้เมื่อเย็นวานนี้เปิดประตูเข้ามาในห้องประจำทีมและตรงดิ่งมายังมุมชงกาแฟอย่างอารมณ์ดีโดยไม่สนใจทีมงานของกองถ่ายที่เข้ามาเตรียมตัวสำหรับการถ่ายทำอยู่ภายในห้องรวมไปถึงสายตาของเพื่อนร่วมงานที่มองมาราวกับว่าเขากินยาลืมเขย่าขวดหรือไม่ก็ซัดของผิดสำแดงเข้าไป ธัญย์ธิชาและตรัยคุณที่มักจะพูดคุยกันแทบทุกเรื่องจ้องมองไปที่พี่รองของทีมแล้วก็หันมองสบตากันคนแบบนี้มีความรักจริง ๆ สินะ“พี่รองกลับมาแล้วเหรอครับ” บางคนหายตกใจกับอาการอารมณ์ดีผิดปกติของพี่รองได้ไวก็ส่งเสียงทัก คำว่ากลับมาแล้ว ไม่ได้หมายความว่ารู้อยู่แล้วว่ารองหัวหน้าทีมหายไปไหน แต่หมายถึงกลับมาทำงานแล้วเหรอ“อื้อ”แม้ว่าจะดูอารมณ์ดีผิดปกติแต่พี่รองก็ยังคงเป็นพี่รอง ผู้กองรังสิมันตุ์ก็ยังคงเป็นคนพูดน้อย ไม่ได้ม
ตาคู่คมจดจ้องมองเสื้อตัวแล้วตัวเล่าที่ถูกนำมาทาบตัวก่อนจะถอนใจเบา ๆ หลังจากนั่งเล่นจนเกือบค่ำศศิรินทร์ก็ลากเขามาที่ร้านเสื้อผ้าผู้ชายโดยไม่ฟังคำปฏิเสธใด ๆ แล้วยังสนุกกับการหาเสื้อมาให้เขาตัวแล้วตัวเล่า“ตัวนี้ก็ไม่ถูกใจเธอเหรอ”“เปล่า ถูกใจมากต่างหากล่ะ” หญิงสาวตอบก่อนจะแสดงสีหน้าหนักใจให้ได้เห็นก่อนจะพูดต่อ “แต่ถูกใจทั้งหมดเลย เลือกไม่ถูกเลยเนี่ย”“งั้นก็เอาตัวนี้”“เดี๋ยว... เอานี่ด้วย นี่ก็ด้วย” ไม่เพียงแค่พูดหญิงสาวยังหยิบชุดที่เลือก ๆ ไว้ขึ้นมาอีกหลายตัวยื่นให้พนักงานของร้าน“เยอะเกินไป”“ไม่เยอะ เราซื้อไหว”“แต่เราจะซื้อเท่าที่เราซื้อไหว” ชายหนุ่มโต้แย้งพร้อมกับหยิบขึ้นมาเพียงสองตัว “