เดอะชายน์ แกรนด์ โอเรียนเต็ลเป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่เรียกได้ว่าหรูเกินกว่าที่นายตำรวจเงินเดือนน้อยอย่างรังสิมันตุ์จะกล้าเหยียบย่างเข้ามาก็ว่าได้ ที่นี่หรูยิ่งกว่าโรงแรมณิวาลัยที่เป็นต้นทางของการเดินทางซะอีก ทันทีที่เข้ามาภายในโถงทางเดินของโรงแรมชายหนุ่มก็ต้องพิจารณาแล้วพิจารณาอีก เป็นคนระดับไหนกันนะ ถึงได้คิดจะพักในโรงแรมหรูระดับไฮโซแบบนี้
ส่งไว้แค่นี้ดีมั้ยเนี่ย ที่นี่มันช่างไม่เข้ากับเขาเอาซะเลย...
แต่ถ้าปล่อยไว้แล้วมีใครมาพาไปทำเรื่องไม่ดีล่ะ...
แบบนั้นไม่ดีแน่...
ขณะที่กำลังคิดไม่ตกคนที่ชายหนุ่มเป็นกังวลถึงก็ลืมตาขึ้นมามองทั้งที่ยังไม่ส่างดีและพึมพำถาม “งืม...ที่หนายเนี่ย”
“เดอะชายน์ แกรนด์ โอเรียนเต็ลไง”
“เหรอ...งืม ขี่หลังหน่อย” คนเมาตอบอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะพยายามปีนป่ายขึ้นหลังอีกฝ่าย รังสิมันตุ์ร้องเสียงหลงแต่สุดท้ายก็ยอมให้สาวเจ้าขี่หลังและเดินเข้าไปในโรงแรมอย่างเสียมิได้
ก็เล่นล็อคไว้แบบนี้จะทิ้งไว้ก็คงไม่ได้
เอาวะ กระเป๋าฉีกก็ต้องยอมแล้วล่ะ
“ปายที่ลิฟต์ ทางน้าน” คนที่เริ่มส่างบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่ถึงกับประคองสติได้ดีพึมพำก่อนจะชี้ไปที่ลิฟต์อย่างคนรู้จักมักคุ้นกับสถานที่เป็นอย่างดี
สิ่งที่ชายหนุ่มรู้คือที่นี่คือโรงแรมหรูราคาระดับไฮโซ แต่สิ่งที่ไม่รู้ก็คือคนที่ขี่หลังอยู่ก็คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของโรงแรมแห่งนี้ที่มักจะใช้ในการถ่ายละครและจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวละครของบริษัทที่ร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์ช่องดังที่อยู่ในย่านเดียวกัน ที่นี่ศศิรินทร์มีห้องสำหรับพักอยู่แล้วโดยที่ไม่ต้องเปิดห้องให้เสียเวลา
ทั้งที่ไม่รู้อะไรแต่ชายหนุ่มก็ทำตามอย่างว่าง่ายเพราะคนเมาไม่เพียงแค่ชี้ไปที่ลิฟต์ยังคงดึงคอเขาให้หันไปทางนั้นแทนที่จะตรงไปยังเคาน์เตอร์ ขืนไม่ไปตามสาวเจ้าบอกเห็นทีได้ตายเพราะหายใจไม่ออก
เข้ามาภายในลิฟต์ไม่ทันจะสอบถามใด ๆ หญิงสาวก็กดเลือกชั้นซะแล้วและก็ดิ้นลงจากหลังมาคุ้ย เอ้ย ค้นหาของในกระเป๋าโดยที่เขาได้แต่มองด้วยความไม่เข้าใจ
จะบอกว่ามีห้องอยู่แล้วอย่างนั้นหรือ?
และแล้วเขาก็ได้คำตอบเมื่อคีย์การ์ดแผ่นสีทองบ่งบอกระดับวีไอพีถูกหยิบขึ้นมาด้วยใบหน้าภาคภูมิใจเป็นที่สุด
“ในที่สุดก็เจอ ภูมิจายนายตัวเองจรีง ๆ”
ได้เห็นคนเมายิ้มภูมิใจกับเรื่องเล็ก ๆ และได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวชัด ๆ เต็ม ๆ ตาชายหนุ่มก็ชะงักนิ่งไปราวกับถูกสาป โลกทั้งใบราวกับถูกหยุดเวลาไว้ชั่วขณะ
ความรู้สึกที่จางหายไปหลายปีก็ค่อย ๆ กลับมาอีกครั้งพร้อมกับชื่อของใครคนนึงจะชัดเจนขึ้นในใจของรังสิมันตุ์
ซอโซ่?
ชายหนุ่มขมวดคิ้วครู่นึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วและส่ายหน้า ไม่ดีแล้วสิ ขืนไม่แยกตัวไปตอนนี้ไม่ดีแน่
ทำไมถึงมาเจอกันในสภาพนี้นะ เราควรเจอกันในสถานการณ์ที่ดีกว่านี้...ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจะดี
ชายหนุ่มมองท่าทีของหญิงสาวอีกครั้งอย่างไม่วางตา ภาวนาอยากให้เวลาที่อยู่ในลิฟต์มันนานสักชั่วโมงสองชั่วโมงเพื่อที่จะได้พิจารณาเธอชัด ๆ ทว่าความคิดเพ้อเจ้อก็ถูกขัดขวางด้วยเสียงสัญญาณแจ้งเตือนของลิฟต์ที่ดังขึ้นในชั่วพริบตาต่อมา
ติ่ง!
ถึงชั้นที่ต้องการแล้ว และก็ถึงเลาที่ต้องแยกจาก เขามองใบหน้าแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์น้ำเมาก่อนจะตัดใจ
“ผมส่งคุณตรงนี้นะ”
“อืม” คนเมาตอบรับแล้วก็ก้าวเดินออกจากลิฟต์ ทว่าแค่ก้าวแรกก็เซจนเสียหลักซะแล้ว ท่อนแขนแข็งแรงรีบยื่นไปรับไว้ก่อนที่คนเมาจะได้ลงไปกองกับพื้น เพียงชั่ววินาทีนั้นความรู้สึกราวกับโลกทั้งใบหยุดอยู่ตรงนั้นก็เกิดขึ้นกับทั้งเขาและเธอ
ศศิรินทร์แทบลืมหายใจเมื่อถูกโอบเอวเอาไว้ ความอบอุ่นราวกับแสงแดดในเช้าที่อากาศกำลังพอดีทำให้หญิงสาวแทนจะคิดอะไรไม่ออก สติสตังค์ที่ไม่เต็มร้อยยังคงไม่เต็มร้อยอยู่เช่นเดิม
ติ่ง!
แล้วเสียงแจ้งเตือนของลิตฟ์ก็ดังขึ้นตอีกครั้งเรียกสติให้คนทั้งคู่ให้กลับมา...แม้ว่าจะยังไม่เต็มร้อยเพราะฤทธิ์ของน้ำเมาก็ตาม
“เอ่อ...ให้ไปส่งที่ห้องมั้ย?”
“แหะ ๆ” เธอไม่ตอบ ทำเพียงหัวเราะแห้ง ๆ และยื่นแขนมาคล้องคอชายหนุ่มเอาไว้และบอกเล่าออกไป “เดินไม่หวาย”
ตอนแรกชายหนุ่มคิดลังเลว่าจะไปส่งให้ถึงห้องดีมั้ยหรือว่าควรแยกไปดี แต่แล้วก็ต้องลบความคิดที่จะแยกกลับเมื่อการกระทำและคำพูดของคนเมาไม่ได้มีท่าทีจะให้เขาแยกไปเลย
ผับผ่าสิ ไม่รักษาเนื้อรักษาตัวเอาซะเลย
ไว้ใจอะไรเขาขนาดนั้นกัน...เขายังไม่ไว้ใจตัวเองเลย
นายตำรวจหนุ่มถอนหายใจอย่างคนหมดหนทางก่อนจะช้อนอุ้มคนเมาและก้าวออกจากลิฟต์ก้าวเดินไปจนถึงประตูห้องที่มีหมายเลขอยู่บนคีย์การ์ด เขาเปลี่ยนจากการอุ้มมาเป็นวางหญิงสาวให้ลงยืนและใช้คีย์การ์ดเปิดประตูห้องให้ก่อนจะหันกลับมามองคนที่อาศัยลำตัวซีกซ้ายของเขาเป็นหลักพิงกาย
รังสิมันตุ์สูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบหกเซนติเมตรผู้หญิงหลายคนเมื่อยืนเทียบก็สูงไม่ถึงไหล่ของเขาทว่าเธอคนนี้กลับมีส่วนสูงที่เทียบเท่ากับนักกีฬาทำให้เมื่อหันมอง ใบหน้าแดงระเรื่อของเธออยู่ใกล้แค่คืบมินำซ้ำดวงตาคู่นั้นยังจ้องมองมาที่เขาไม่ยอมละไปไหน
ดวงตาสองคู่สบประสานกันในจังหวะที่ต่างฝ่ายก็ต่างมอง วินาทีนั้นราวกับทุกอย่างบนโลกหายไปจากความคิดอีกครั้ง มีเพียงห้วงความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
นิ้วเรียวสวยยื่นขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากหยักเข้ารูปที่ก่อนหน้านี้เคยยิ้มส่งกำลังใจให้เธอแต่เธอมองเห็นได้ไม่ชัดพลางลูบไล้เคล้าคลึงริมฝีปากนุ่มแต่อุ่นร้อนราวกับพบเจอของเล่น
ทำไมริมฝีปากสวยจัง...
เห็นแล้วอยาก...จูบเลยแฮะ
ไม่คิดเปล่าสองแขนยังยื่นขึ้นไปประคองใบหน้าคมให้โน้มลงมาก่อนจะยื่นเรียวปากจิ้มลิ้มไปทาบทับจูบดั่งที่ใจคิด
รังสิมันตุ์ชะงักนิ่งทว่าเพียงไม่กี่อึดใจก็เปลี่ยนเป็นฝ่ายประกบจูบราวกับกำลังละเลียดชิมของหวาน อ่อนโยน แผ่วเบาแต่ก็แฝงไปด้วยความร้อนแรง
ความนุ่มนุ่มจากริมฝีปากสีสวยกำลังทำให้รังสิมันตุ์ควบคุมตัวเองไม่ได้ เขารีบถอนจูบในทันทีเมื่อขบคิดขึ้นได้ถึงความไม่ถูกไม่ควร
“ผมต้องกลับแล้ว ลากะ...”
ตู้เสื้อผ้าที่ตอนนี้ถูกแบ่งเป็นสองฝั่งเรียงรายไปด้วยเสื้อผ้าที่แตกต่างกัน ฝั่งขวาเป็นเสื้อผ้าของรังสิมันตุ์ที่มีเพียงไม่มาก ส่วนฝั่งด้านซ้ายมือเป็นเสื้อผ้าของศศิรินทร์ที่กินเลนไปเกือบสามของสี่ส่วน หญิงสาวกวาดสายตามองชุดนอนที่เรียงรายกันกินเลนไปในฝั่งของชายหนุ่มหลังจากที่จัดเสื้อผ้าใส่ตู้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะทอดถอนใจ อยู่ ๆ ก็รู้สึกไม่มีตัวไหนน่าพอใจขึ้นมาซะอย่างนั้นเธอกลายเป็นคนเรื่องมากเรื่องชุดนอนตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย!คิดขึ้นมาอย่างหงุดหงิดใจเบา ๆ แต่แล้วสายตาก็มองเลยไปในเขตของเจ้าของห้อง ตาคู่หวานหยุดลงที่เสื้อยืดคอวีสีขาวตัวใหญ่ที่ดูธรรมดาไม่ได้พิเศษที่เรียงกันอยู่ถึงสามตัวก่อนจะหยิบออกมาจากตู้ด้วยแววตาพอใจ...ยืมใส่สักวันก็คงไม่ว่าหรอกมั้งนะคนไม่พอใจกับเสื้อผ้าตัวเองคิดเองเออเองเสร็จสรรพก่อนจะถือเสื้อที่หมายตาเข้าไปในห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี ตอนที่แยกย้ายกั
มื้อเย็นวันนี้เป็นมื้อที่ค่อนข้างหายใจหายคอลำบากสำหรับศศิรินทร์ หญิงสาวมองไปยังด้านซ้ายที่มีพิชญาดาและพิชญะก่อนจะเบนสายตามายังด้านขวาถัดไปจากเก้าอี้ของรังสิมันตุ์ที่มีเพื่อนสาวทั้งสามคนนั่งเรียงกันอยู่ ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นว่าทั้งเพื่อนทั้งพี่แท็คทีมกันมาในวันเดียวกันแบบนี้ได้นะสายตาคู่หวานมองเลยเพื่อนสาวทั้งสามคนไปยังภาสกรเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เพื่อนหนุ่มใจสาวกลับไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเลยสักนิด...เสียแรงที่เรียกมาให้ช่วยจริง ๆ ก๊อก ๆ ๆเสียงเคาะจากด้านนอกทำให้บรรยากาศภายในห้องอาหารส่วนตัวที่พิชญาดาซึ่งเป็นเจ้าของภัตตาคารแห่งนี้เปิดเป็นพิเศษเพื่อวันนี้โดยเฉพาะผ่อนคลายลงมาบ้าง ศศิรินทร์ลอบเป่าปากเบา ๆ เมื่อทุกสายตาหันไปสนใจที่ประตู ทว่าเมื่อหญิงสาวหันไปมองตามก็ต้องขมวดคิ้วและหันมามองรังสิมันตุ์ด้วยความรู้สึกสงสัย“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะคุณแพร” น้
อาทิตยะเป็นคนที่จัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแค่สลายทีมงานแต่ยังพุ่งไปชักชวนพิชญะและภาสกรออกไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันด้วย มิหนำซ้ำยังไม่วายคว้ามือพานางเอกและพระเอกของเรื่องไปด้วยภายในห้องจึงเหลือแค่เพียงศศิรินทร์และเจ้าของสถานที่ที่มองมาที่เธอและรังสิมันตุ์ตาแทบไม่กระพริบ“เอ่อ...ขนมคะ” หญิงสาวทนสายตาที่มองมาไม่ไหวต้องรีบหยิบยกเรื่องขนมขึ้นมาพูดจะได้ไม่รู้สึกเขิน “พอดีสั่งมาให้ทีมงาน ก็เลยเอามาฝากทุกคนด้วย ช่วงนี้ก็...รบกวนหน่อยนะคะ”“มะ ไม่รบกวนเลยครับซ้อรอง สำหรับซ้อรองแล้ว ไม่มีอะไรรบกวนเลยครับ”“ใช่ครับ ๆ สำหรับแฟนพี่รองน่ะไม่รบกวนพวกเราหรอกครับ”“เอ่อ ค่ะ” เจอท่าทีคล้ายประจบของเพื่อนร่วมงานของรังสิมันตุ์เข้าไปหญิงสาวก็ไปไม่เป็นต้องเงยหน้ามองชายหนุ่ม ผู้กองหนุ่มรู้ถึงสัญญาณของความช่วยเหลือในทันทีจึงส่งเสียงกระแอมขึ้
ทั้งที่ศศิรินทร์เดินออกมาแต่ถึงอย่างนั้นภานุกานต์ก็ไม่ได้แยกไปไหนเพราะสถานที่ที่เขาจะมาก็เป็นห้องเดียวกับที่หญิงสาวเดินเข้าไป ชายหนุ่มก้าวเข้าไปภายในห้องอย่างเงียบเชียบทว่ากลับไม่ได้มองหาคนที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่ สายตาคู่นั้นจับจ้องไปที่อดีตคนรักที่นั่งดูการถ่ายทำอยู่กับเพื่อนหนุ่มใจสาวอยู่เงียบ ๆ โดยไม่ละไปไหน“เขามองแกอยู่” ภาสกรส่งเสียงกระซิบพร้อมกับสะกิดให้หญิงสาวได้รู้ตัว ทว่าศศิรินทร์กลับไม่ได้สนใจใด ๆเธอคาดเดาไม่ออกหรอกว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้เอาแต่จ้องมองมา คนคนนี้คาดเดาได้ยากมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และเธอก็ไม่คิดที่จะหาคำตอบอีกแล้ว“คัส...โอเค พักกินข้าวได้” เสียงสั่งของอาทิตยะดังขึ้นในเสี้ยววินาทีต่อมา พร้อม ๆ กับที่คนของบ้านขนมไทยบุษบามาส่งขนม ทีมงานทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าวันเปิดกล้องวันแรกบอสสาวมักจะสั่งขนมไทยร้านประจำมาเลี้ยงเสียงเฮฮาจึงเริ่มต้นขึ้น
วันต่อมารังสิมันตุ์ที่วันนี้สวมเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ที่ศศิรินทร์เลือกให้เมื่อเย็นวานนี้เปิดประตูเข้ามาในห้องประจำทีมและตรงดิ่งมายังมุมชงกาแฟอย่างอารมณ์ดีโดยไม่สนใจทีมงานของกองถ่ายที่เข้ามาเตรียมตัวสำหรับการถ่ายทำอยู่ภายในห้องรวมไปถึงสายตาของเพื่อนร่วมงานที่มองมาราวกับว่าเขากินยาลืมเขย่าขวดหรือไม่ก็ซัดของผิดสำแดงเข้าไป ธัญย์ธิชาและตรัยคุณที่มักจะพูดคุยกันแทบทุกเรื่องจ้องมองไปที่พี่รองของทีมแล้วก็หันมองสบตากันคนแบบนี้มีความรักจริง ๆ สินะ“พี่รองกลับมาแล้วเหรอครับ” บางคนหายตกใจกับอาการอารมณ์ดีผิดปกติของพี่รองได้ไวก็ส่งเสียงทัก คำว่ากลับมาแล้ว ไม่ได้หมายความว่ารู้อยู่แล้วว่ารองหัวหน้าทีมหายไปไหน แต่หมายถึงกลับมาทำงานแล้วเหรอ“อื้อ”แม้ว่าจะดูอารมณ์ดีผิดปกติแต่พี่รองก็ยังคงเป็นพี่รอง ผู้กองรังสิมันตุ์ก็ยังคงเป็นคนพูดน้อย ไม่ได้ม
ตาคู่คมจดจ้องมองเสื้อตัวแล้วตัวเล่าที่ถูกนำมาทาบตัวก่อนจะถอนใจเบา ๆ หลังจากนั่งเล่นจนเกือบค่ำศศิรินทร์ก็ลากเขามาที่ร้านเสื้อผ้าผู้ชายโดยไม่ฟังคำปฏิเสธใด ๆ แล้วยังสนุกกับการหาเสื้อมาให้เขาตัวแล้วตัวเล่า“ตัวนี้ก็ไม่ถูกใจเธอเหรอ”“เปล่า ถูกใจมากต่างหากล่ะ” หญิงสาวตอบก่อนจะแสดงสีหน้าหนักใจให้ได้เห็นก่อนจะพูดต่อ “แต่ถูกใจทั้งหมดเลย เลือกไม่ถูกเลยเนี่ย”“งั้นก็เอาตัวนี้”“เดี๋ยว... เอานี่ด้วย นี่ก็ด้วย” ไม่เพียงแค่พูดหญิงสาวยังหยิบชุดที่เลือก ๆ ไว้ขึ้นมาอีกหลายตัวยื่นให้พนักงานของร้าน“เยอะเกินไป”“ไม่เยอะ เราซื้อไหว”“แต่เราจะซื้อเท่าที่เราซื้อไหว” ชายหนุ่มโต้แย้งพร้อมกับหยิบขึ้นมาเพียงสองตัว “