ฟู่ซือเหยียนคุกเข่าลงภายใต้สายตาแคลงใจของเสิ่นชิงซูเขาล้วงกุญแจออกมาจากในกระเป๋าซับในของเสื้อโค้ต ปลดตัวล็อกที่เท้าของเสิ่นชิงซูโซ่ถูกโยนไปข้าง ๆเสิ่นชิงซูขมวดคิ้วฟู่ซือเหยียนลุกขึ้นยืน พร้อมจ้องมองเธอ ในดวงตาดำขลับแฝงรอยยิ้มแสนอ่อนโยนเอาไว้เล็กน้อย “ตอนนี้คุณออกไปได้แล้ว”เสิ่นชิงซูจ้องมองเขาสงสัยนิดหน่อยฟู่ซือเหยียนไม่ได้พูดอะไรเธอลองก้าวออกไปด้านหน้าก้าวหนึ่งฟู่ซือเหยียนไม่ได้ขวางแต่อย่างใดเสิ่นชิงซูสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะสาวเท้าก้าวยาววิ่งออกไปความเจ็บปวดที่แผ่ขึ้นมาขณะก้าวเท้า เธอไม่ได้สนใจแต่อย่างใด เธอบิดลูกบิดประตู เมื่อเปิดประตูได้ก็พุ่งออกไป...ทว่าวินาทีถัดมา เสิ่นชิงซูก็เป็นอันต้องอึ้งไป!ที่นี่ไม่ใช่คฤหาสน์หนานซี...เธอมองทางเดินที่ทอดยาว ในใจมีการคาดเดาเอาไว้แล้วแต่เธอไม่ยอมเชื่อ เดินกะเผลกไปด้านหน้าตามทางเดินยาวอย่างต่อเนื่องเดินออกมาจากทางเดินยาว ลมทะเลที่พัดมารับหน้าทำให้หัวใจแสนกระวนกระวายของเสิ่นชิงซูอดไม่ได้ที่จะจมดิ่งเธอเดินไปถึงบนดาดฟ้าของเรือ มองผิวน้ำทะเลที่มองไปไร้ที่สิ้นสุด ไม่กล้าเชื่อ!ที่แท้พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ที่คฤหา
รปภ.รุดหน้ามาถามสถานการณ์“ตำรวจทำคดี นี่คือหมายค้น”รปภ.อ่านเอกสาร และรีบเปิดประตูทันทีทว่าพวกเขาไม่มีรหัสผ่านประตูเข้าคฤหาสน์รปภ.พูดขึ้นว่า “ผมเองก็ไม่ทราบรหัสผ่านเหมือนกันครับ”เวินจิ่งซีกดออดประตูอยู่นานสองนานก็ไม่มีใครมาเปิดประตู“พังหน้าต่าง!” เวินจิ่งซีพูดขึ้นด้วยความกระวนกระวาย “ผมจะรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!”สถานการณ์แบบนี้ มีเพียงวิธีพังหน้าต่างเท่านั้นแล้วจริง ๆหลังพังหน้าต่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้าไปในคฤหาสน์หนานซีค้นหาไปรอบหนึ่ง อย่าว่าแต่เสิ่นชิงซูเลย ไม่มีใครสักคน“นี่เป็นไปได้ยังไง?” เวินจิ่งซีมองคฤหาสน์ที่ว่างเปล่า แล้วจมดิ่งสู่ความกระสับกระส่ายและความฉงนอีกครั้งออกมาจากคฤหาสน์หนานซี ตำรวจก็แยกย้ายกลับไปเวินจิ่งซีนั่งยอง ๆ อยู่หน้าประตูคฤหาสน์หนานซี สองมือกำเป็นหมัดเมื่อคืนเขาโทรหาเสิ่นชิงซู ไม่ว่ายังไงก็โทรไม่ติดเขาที่สัมผัสได้ว่าเรื่องราวมันไม่ชอบมาพากล รีบต่อสายหาถานอีอี้ทันทีถานอีอี้บอกว่าเสิ่นชิงซูไปดูงานต่างถิ่นกะทันหัน แต่หลายวันมานี้มีการติดต่อกับเธอทางไลน์เวินจิ่งซีรู้จักเสิ่นชิงซูดี เธอให้ความสำคัญกับเสี่ยวอันหนิงที่สุด ต่อให้ยุ่งแค่ไห
เสิ่นชิงซูหมดสติไปหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน ตอนที่ตื่นขึ้นมา ก็ปวดหัวจนแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ ทั้งตัวเจ็บปวดไปหมดในห้องมืดสลัวเธอกำลังอยากจะยกมือขึ้น แต่พบว่ามือของตัวเองถูกคนกุมเอาไว้เธอชะงักไป ก่อนจะหันหน้าไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายลืมตาขึ้น นัยน์ตาดำขลับทั้งสองจ้องมองเธอ“ตื่นแล้วเหรอ?”ลมหายใจของเสิ่นชิงซูติดขัด อยากจะชักมือกลับ ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ยอมปล่อยมือ“ฟู่ซือเหยียน คุณ...แค่ก ๆ!”ที่คอทั้งเจ็บและคัน เสิ่นชิงซูอดไม่ได้ที่จะไอขึ้นมาฟู่ซือเหยียนรีบลุกขึ้นลงจากเตียงเขาเทน้ำอุ่นจากกระบอกน้ำรักษาอุณหภูมิแก้วหนึ่ง“ดื่มน้ำให้ชุ่มคอหน่อยนะ”มือหนึ่งของชายหนุ่มถือแก้วเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งประคองเสิ่นชิงซูลุกขึ้นนั่งเสิ่นชิงซูไอจนหน้าแดงก่ำ เธอยื่นมือไปปัดแก้วน้ำที่ฟู่ซือเหยียนส่งมา...แก้วน้ำตกลงบนพื้น แตกกระจัดกระจาย เละเทะไปทั่วพื้นเสิ่นชิงซูผละเขาออก มือทั้งสองค้ำเตียงเอาไว้ สายตาที่จ้องเขาเปี่ยมไปด้วยความโกรธเกลียด “ไม่ ไม่ต้องให้คุณมาแสร้งใจดี...แค่ก ๆ...”ฟู่ซือเหยียนมองท่าทางที่ทั้งเจ็บปวดและดื้อด้านของเธอ ริมฝีปากบางเม้มแน่นผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ถ
ป้าจางเรียกเสิ่นชิงซูสองสามครั้ง เมื่อพบว่าเธอไร้การตอบสนอง ก็วางบะหมี่ไว้บนโต๊ะเธอเดินมาตรงหน้าเสิ่นชิงซู แล้วตบไหล่เธอเบา ๆ “คุณนาย?”ทว่าเสิ่นชิงซูยังคงหลับไม่รู้สึกตัวป้าจางรู้สึกไม่ปกติ จึงยื่นมือไปคลำหน้าผากของเสิ่นชิงซู อุณหภูมิร้อนจนน่าตกตะลึง!......เส้าชิงเพิ่งออกมาจากฟู่ซื่อ ก็เห็นรถของฉินเยี่ยนเฉิงตั้งแต่ไกล ๆเขาชะงัก จากนั้นก็หมุนตัว และรีบวิ่งหนีทันที...“เส้าชิง คุณหยุดนะ!”ฉินเยี่ยนเฉิงตะคอกอย่างเดือดดาลทีหนึ่ง แล้วพุ่งมาขวางเส้าชิงเอาไว้ด้วยความรวดเร็วเส้าชิงกวาดสายตาไปรอบ ๆ สีหน้าลำบากใจ “คุณชายฉิน ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณชายฟู่อยู่ที่ไหน?”“คุณคือผู้ช่วยที่เขาไว้ใจที่สุด คุณไม่มีทางไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน!”เส้าชิงฉีกยิ้มด้วยความขมขื่น “ไม่รู้จริง ๆ ครับ ครั้งนี้ไม่รู้จริง ๆ!”“เส้าชิง คุณอย่ามาไม่รู้จักความหนักเบา ผมติดต่อเสิ่นชิงซูไม่ได้ พวกคุณเวินเขาเริ่มระแคะระคายแล้วว่ามันไม่ชอบมาพากล สองวันสองคืน เสิ่นชิงซูมีแต่ตอบกลับไลน์ นี่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่วิสัยของเธอ!”เส้าชิง “...คุณชายฉิน ผมรู้ว่าคุณร้อนใจ แต่ว่าครั้งนี้ไม่ใช่ว่าผมไม่ยอมพูดความจริง แต่คุณช
ในจังหวะนี้เอง ประตูห้องก็ถูกเปิดออกเสิ่นชิงซูตกตะลึง กำลังคิดจะไปหยิบเศษแก้ว แต่พบว่าคนที่เข้ามาเป็นคนรับใช้คนหนึ่ง“คุณนาย คุณไม่ต้องกลัวไปนะคะ คุณผู้ชายให้ฉันเข้ามาดูแลคุณค่ะ”คนรับใช้ยืนอยู่หน้าประตู เห็นความกลัวและความระแวดระวังที่มีอยู่เต็มใบหน้าของเสิ่นชิงซู เธอเองก็ไม่ได้เดินเข้าไปทันที ทว่าฉีกยิ้มพร้อมแนะนำตัว “คุณนายคะ ฉันชื่อจางเถียนฟาง พวกเขาเรียกฉันว่าป้าจางค่ะ”ใบหน้าป้าจางดูใจดี รูปร่างอ้วนเล็กน้อยเสิ่นชิงซูจ้องเธอ ยังคงระแวดระวังเช่นเดิม “ฉันไม่ต้องการการดูแล ป้าออกไปซะ”ป้าจางพูดขึ้นพร้อมฉีกยิ้มอย่างอ่อนโยน “คุณนายคะ คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ คุณผู้ชายบอกว่าคุณได้รับบาดเจ็บ เขาให้ฉันเข้ามาช่วยใส่ยาให้คุณค่ะ”ข้อเท้าของเสิ่นชิงซูเจ็บมากจริง ๆเธอยังอยากหนีออกไป แต่ขาพิการขนาดนี้ก็ไม่ไหว“งั้นป้าเข้ามาเถอะค่ะ” เสิ่นชิงซูพูดขึ้นอย่างสบาย ๆป้าจางถือกล่องยาเดินเข้ามาเสิ่นชิงซูเลิกชายกระโปรงขึ้นมา เผยข้อเท้าที่ได้รับบาดเจ็บของตัวเองออกมาเมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของเธอ ป้าจางก็ขมวดคิ้ว “นี่ทำไมถึงอยู่ในสภาพนี้คะเนี่ย ผิวหนังถลอกหมดแล้ว...เฮ้อ!”ป้าจางส่ายหน้า แล้วพูด
ในมือของเขาคว้าโซ่เอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งปลดเนกไทออก...หนังศีรษะของเสิ่นชิงซูพลันชา!ไม่สนใจความเจ็บปวดที่แผ่ออกมาตรงข้อเท้าแล้ว เธอกัดฟันใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดคลานไปอีกซีกของเตียงฟู่ซือเหยียนแสยะยิ้มอย่างเย็นชา หลังจากนั้นก็ปล่อยโซ่ ปล่อยให้เธอคลานไปข้างหน้าเสิ่นชิงซูคลานมาถึงขอบเตียงด้วยความยากลำบาก วินาทีถัดมา ก็เจ็บข้อเท้า!‘อ๊า...’ฟู่ซือเหยียนดึงโซ่ไป เสิ่นชิงซูใช้สองมือจับขอบเตียงเอาไว้แน่นตรงข้อเท้าเจ็บปวดราวกับถูกรัดจนใกล้จะขาดแล้วอย่างนั้น ในความตื่นตระหนก สายตาของเธอชำเลืองไปที่โคมไฟตั้งโต๊ะบนหัวเตียงฟู่ซือเหยียนถอดเสื้อโค้ตออกด้วยมือเดียว และปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตหนึ่งเม็ด สองเม็ด สามเม็ด...เสิ่นชิงซูหันหน้าไปเห็นภาพนี้ ก็ตกตะลึงจนร้องไห้ “ฟู่ซือเหยียน ฉันขอร้องคุณละ ปล่อยฉันไปเถอะ...”ทว่าฟู่ซือเหยียนในวินาทีนี้ราวกับไม่ได้ยินคำอ้อนวอนของเธอแต่อย่างใดนัยน์ตาทั้งสองของเขาดำขลับ ไร้ซึ่งอุณหภูมิผ้าห่มถูกเขาสลัดทิ้งไปบนพื้น มือใหญ่ ๆ ที่ดึงโซ่อยู่ของเขาออกแรงกระชาก!สองมือของเสิ่นชิงซูหลุดออกจากขอบเตียง ทั้งตัวเธอถูกลากไป...ระหว่างห้วงวิกฤติ เธอคว้าโคมไฟต