Mag-log inเขื่อนเอาแต่หงุดหงิดกับชีวิตที่ไม่ได้ดังใจ แต่อีกคนกลับไม่มีแม้แต่เวลาจะหงุดหงิดกับอะไรทั้งนั้น เธอในวัยสิบเก้าปี กับลูกในท้องยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้ควรจะเดินไปทางไหน
@ท่าเรือเกาะมันตรา
ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนแทนจึงออกมากับเรือรอบเช้าเพื่อรอรับปิ่นมุกหลังจากที่เจ้าตัวบอกว่าจะนอนในเมืองสักคืนแล้วตอนเช้าค่อยกลับเข้าเกาะ แทนมองเห็นเจ้าของร่างเล็กเดินลากกระเป๋ามาแต่ไกล ท่าทางดูอิดโรยเหลือเกินเพราะแทบไม่กินไม่นอนมาเป็นอาทิตย์ จึงรีบวิ่งเข้าไปดึงก้านกระเป๋าจากมือเล็ก ๆ มาถือไว้เอง ยิ่งมองก็ยิ่งอดเป็นห่วงไม่ได้ท้องอ่อน ๆแบบนี้ทำไมคุณเขื่อนถึงปล่อยให้มาคนเดียวนะ
อยู่ดี ๆ ก็หายไปทั้งวันทั้งคืน แต่สภาพที่โผล่มาก็ยังโทรมเหมือนเดิม พอพยุงปิ่นมุกลงนั่งเรียบร้อยจึงเอานิ้วอังจมูกดูหน่อย
"หล่อนก็ยังหายใจปกตินี่ แต่ท่าทาง...เฮ้อ สภาพฉันตื่นนอนยังดูดีกว่าหล่อนตอนนี้อีก"
"ขอบใจนะแทน แต่ตอนนี้ปิ่นเหนื่อยมากเลย"
"ซบมาสิ ถึงท่าเดี๋ยวปลุก"
ฟังเสียงเพื่อนที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความอ่อนล้าก็ทำให้แทนอดสงสารไม่ได้ แต่แค่นี้ก็ดีแล้วที่อังจมูกแล้วยังมีลมหายใจอยู่ ปิ่นมุกซบศีรษะลงที่ไหล่ของเพื่อนอย่างไร้เรี่ยวแรง ตลอดสี่สิบนาทีที่อยู่บนเรือมีเพียงลมหายใจกับน้ำตาเท่านั้นที่ทำให้เห็นว่าเธอยังมีชีวิตอยู่
"ปิ่น ถึงท่าแล้ว"
เสียงแทนเรียกเบา ๆ พร้อมสะกิดเพื่อนให้ลุกขึ้น ปิ่นมุกหันไปมองรอบ ๆ เหมือนอยากเก็บที่นี่เอาไว้ในความทรงจำตลอดไปเพราะเธอตัดสินใจแล้วว่าคงจะต้องไปจากเกาะแห่งนี้เสียที
"แทน ปิ่นขอบคุณนะสำหรับทุกอย่างเลย" ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขเธอก็มีแต่เพื่อนคนนี้จริง ๆ
"พูดอะไรเยอะแยะ คำขอบคุณล้นกระเป๋าจนเก็บไม่หมดแล้ว แล้วปิ่นจะเอายังไงต่อหรือว่ารอคุณธีร์กลับมาก่อน"
คุณธีร์ที่แทนพูดถึงก็คือ "ธีร์ดนัย ภูมิพัฒน์" อาของเขื่อนซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินหนึ่งในสามของเกาะมันตราทั้งยังเป็นผู้มีพระคุณของปิ่นและแม่อีกด้วย เธอจะไม่เอาความลำบากใจมาให้คุณธีร์อีกเด็ดขาด ตอนที่เกิดเรื่องเมื่อปีก่อนระหว่างเธอกับอดีตสามีก็ได้คุณธีร์ช่วยเหลือเรื่องทั้งหมดจึงจบลงได้ด้วยดี
"คุณธีร์จะกลับมาตอนไหนเหรอแทน"
"เห็นว่าเพิ่งได้สัมปทานรังนกที่เกาะมันตราน้อย คงไปอยู่ที่นั่นอีกเป็นเดือน ส่งข่าวก็อาทิตย์ละครั้ง คุณธีร์เลยไม่ได้มางานศพป้าเครือไง"
ปิ่นมุกพยักหน้าเบา ๆ รับรู้ ใจจริงอยากจะอยู่ลาคุณธีร์ให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่อยากให้คุณธีร์ต้องรับรู้และลำบากใจเพราะเรื่องของเธออีก แม้คุณธีร์จะเป็นเพียงคนเดียวที่เธอสามารถพึ่งพาได้ แต่คุณธีร์ก็ควรจะมีชีวิตที่ปกติสุขบ้าง
"ฝากแทนลาคุณธีร์ให้ด้วยนะ"
"อ้าว พูดเหมือนจะไม่กลับมาอีก แล้ว...แล้วคุณเขื่อนล่ะ?"
ตั้งแต่แม่ของปิ่นมุกเสียจนงานศพผ่านไปลอยอังคารเสร็จแล้วก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของคุณเขื่อน ใครบ้างจะไม่สงสัยแม้ว่าสองคนจะแต่งงานกันเพราะสถานการณ์ในตอนนั้นบีบบังคับ แต่ก็ใช้ชีวิตเป็นผัวเมียตั้งหนึ่งปีกว่า ๆ ก็ควรจะมีน้ำใจสักหน่อยหรือเปล่า
"คุณเขื่อนงานเยอะน่ะช่วงนี้เลยไม่ได้มา ปิ่นขอตัวไปเก็บของก่อนนะ พรุ่งนี้จะได้ออกไปแต่เช้า"
ปิ่นมุกพูดจบก็เดินหันหลังมุ่งตรงไปยังบ้านพักคนงานของเธอและแม่ เพราะไม่อยากให้เพื่อนถามอะไรที่เป็นการจี้ใจดำได้อีก สายตาของคนงานในรีสอร์ตต่างจับจ้องและกระซิบกระซาบกันหลังจากปิ่นมุกเดินผ่าน ในงานศพแม่ของปิ่นมุกไม่มีใครเห็นคุณเขื่อนเลยแม้แต่เงา เพื่อนวัยเด็กได้แต่แอบถอนหายใจเบา ๆ ชีวิตคู่ดูท่าคงไม่ราบรื่น เพราะมันก็เป็นแบบนั้นตั้งแต่วันแรกอยู่แล้ว
"ก็หัวสูงไปแย่งเขามา แค่เขาเอาเป็นเมียก็ดีเท่าไรแล้ว"
"กูก็ว่าตอนนั้นนังปิ่นเพิ่งสิบแปด คงหวังใช้ความเด็กมัดใจคุณเขื่อน น่าสงสารก็แต่คุณนิแฟนคุณเขื่อนนะ"
"ถ้าคุณธีร์ไม่ช่วยพูดตอนนั้น ป่านนี้ก็ขายขี้หน้าไปทั่วเกาะแล้ว"
"พี่เครือตาย แต่คุณเขื่อนไม่มา มันก็แปลก ๆ นะ"
"มันแปลกมาก มึงว่าเขาเลิกกันยังวะ"
"ตระกูลคุณเขาเป็นผู้รากมากดีมาแต่ไหนแต่ไร ใครจะอยากเอาเด็กไร้หัวนอนไปทำเมีย"
เสียงนินทาที่ปิ่นมุกได้ยินแม้จะเจ็บปวดทุกคำ แต่ก็คัดค้านออกไปไม่ได้จริง ๆ เพราะมันคือเรื่องจริงทุกคำที่คนเหล่านั้นพูดออกมา
มือเรียวเล็กผลักประตูเข้าไปในบ้านพักคนงานที่แม่เธอเคยอยู่ มันเป็นเพียงบ้านชั้นเดียวหลังเล็ก ๆ มีสองห้องนอน เมื่อกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เหลือเพียงแค่ร่องรอยความอบอุ่นของแม่เท่านั้น
เสื้อผ้าทุกตัวของเธอแม่พับเก็บให้เรียบร้อยอยู่ในตู้ รูปถ่ายของเธอทุกใบแม่เก็บไว้ในอัลบั้มรูปอย่างดี ข้าง ๆ กันมีรูปของเธอและแม่ที่ถ่ายเอาไว้ตอนขึ้นแสดงงานวันเด็กครั้งแรก นั่นคงเป็นรอยยิ้มที่แม่และเธอมีความสุขมากที่สุด
ปิ่นมุกได้แต่หยิบรูปมาดูและล้มตัวลงนอนกอดคนที่ไม่มีวันหวนกลับมาอีก วันนี้เธอได้แต่นึกเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำ ถ้าหากเธอไม่เจอคุณเขื่อนในวันนั้น จนเผลอรักเขาข้างเดียวอย่างเต็มหัวใจ เรื่องราวทั้งหมดก็คงไม่เลยเถิดมาจนถึงวันนี้ ทั้งหมดเธอคือต้นเหตุ เธอคือคนที่ผิด
พอเหลือบมองดูเวลาเด็กผู้หญิงข้างนอกนั่นก็คงกำลังหมดฤทธิ์แล้ว แผนการกำจัดเขื่อนออกจากชีวิตกำลังจะสำเร็จ เธอจะได้เป็นอิสระและพ่วงความน่าสงสารน่าเห็นใจเข้าไปด้วยหลังจากปิ่นมุกดื่มน้ำพั้นช์ได้สักพักก็รู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองดูแปลก ๆ ตอนนี้ง่วงจนแทบทนไม่ไหว จึงดื่มน้ำพั้นช์ที่เหลืออยู่จนหมด เผื่อจะสดชื่นขึ้น"น้องปิ่นคะ เข้าไปเปลี่ยนผ้าปูได้เลยค่ะ""ค่ะ ดะ ได้ค่ะคุณผู้หญิง"นิรณามองตามหลังเด็กสาวด้วยความพึงพอใจเพราะใบหน้าของเธอแดงก่ำ ลมหายใจเริ่มรุนแรงแสดงถึงอาการผิดปกติในร่างกาย ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนของเธอ"ห้ามเปิดไฟสว่างนะคะ""รับทราบค่ะคุณผู้หญิง"พอเดินพ้นประตูเข้าไปก็พบว่าบนเตียงมีคุณเขื่อนนอนเปลือยท่อนบนอยู่ก่อนแล้วเธอจะเปลี่ยนผ้าปูได้ยังไง ปิ่นมุกอยากก้าวออกจากห้อง แต่ร่างกายของเธอกลับหมดแรงไปดื้อ ๆ และ...ตุ้บ!อยู่ ๆ ก็โดนผลักจนล้มลงบนที่นอนตอนนี้เด็กสาวไร้กำลังต่อต้าน ดวงตากลมโตที่จ้องใบหน้าหล่อเหลาของคุณเขื่อนค่อย ๆ ปิดลงช้า ๆ และภาพก็ตัดไปในที่สุดปัง ๆ ๆ ๆ ! "คุณเขื่อน เปิดประตูหน่อยค่ะ เปิดประตู!"ปัง ๆ ๆ ๆ ! เสียงเอะอะที่ดังโวยวายอยู่ข้างนอกมันรบกวนการนอนของชายหนุ่
และแล้ววันที่เป็นจุดพลิกผันของทุกอย่างก็มาถึง เมื่อปิ่นมุกได้เจอกับคนที่ไม่ควรจะเจอ"นิรณา" แฟนสาวของผู้ชายที่เธอตกหลุมรักจนหมดหัวใจทุก ๆ วันหยุดปิ่นมุกมักจะมาทำงานที่มันตรารีสอร์ตซึ่งมีคุณธีร์ดนัยเป็นเจ้าของ เพื่อหารายได้พิเศษช่วยแบ่งเบาภาระแม่แม้ว่าการใช้ชีวิตในเกาะแห่งนี้จะเรียบง่าย และแทบไม่ต้องใช้จ่ายอะไรที่ฟุ่มเฟือย แต่ก็เคยเห็นแม่หยิบใบแจ้งหนี้มาดูบ่อย ๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นหนี้สินพัวพันนานมาแล้ว แม่ของเธอไม่ค่อยบอกอะไรมาก เธอเองก็ไม่กล้าถาม ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นงานอะไรปิ่นมุกก็ทำได้หมด จนทักษะงานโรงแรมกลายเป็นความสามารถพิเศษของเธอไปแล้ว และวันนี้เธอก็ต้องมาทำในสิ่งที่หัวใจสีชมพูที่เคยพองโตแทบจะแตกสลายคุณเขื่อนมาเช่าเหมาโซนหน้าหาดทั้งหมดเพื่อขอคุณ "นิรณา" แฟนสาวแสนสวยแต่งงาน ทั้งสถานที่และการตกแต่งปิ่นมุกช่วยพนักงานคนอื่น ๆ จัดออกมาได้สวยงามตามแบบที่คุณเขื่อนต้องการ สีหน้าและแววตาของเขาดูพึงพอใจไม่น้อยเมื่อเห็นสถานที่จริง คุณเขื่อนถึงกับให้เงินพิเศษเป็นรายบุคคลรวมถึงปิ่นมุกด้วยที่รับเงินจากมือของเขา แต่คุณเขื่อนก็ยังคงจำเธอไม่ได้อยู่ดี "เด็กผู้หญิงบนรถสองแถวคนนั้น"บรรยากาศการขอ
เรื่องมันเริ่มมาจาก...หนึ่งปีกว่าที่แล้วท่าเรือประจำเกาะมันตราปิ่นมุกในวัยสิบเจ็ดปีกำลังเรียนมัธยมปลายชั้นปีที่หก วันนั้นเธอลงจากเรือข้ามฟากประจำเกาะแล้วก็เร่งรีบวิ่งขึ้นรถโดยสารในตอนเช้าเหมือนทุก ๆ วัน กระเป๋านักเรียนใบใหญ่แกว่งไปมา และหนังสือบางเล่มหลุดร่วงลงพื้นโดยไม่รู้ตัว“น้องครับ หนังสือหล่น”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง ดวงตากลมโตหันไปมองและเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับครึ่งแขนคู่กับกางเกงสแล็กสีเทาดูสะอาดตา ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มบาง ๆ ทำให้ปิ่นมุกเผลอมองหยุดนิ่ง มือของเขากำลังหยิบหนังสือของเธอขึ้นมาให้ ในมืออีกข้างมีโทรศัพท์ที่กำลังง่วนกับการโทรหาใครสักคน“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวในชุดนักเรียนพูดตะกุกตะกักยื่นมือไปรับหนังสือมาอย่างประหม่า“รถมาแล้วรีบขึ้นรถเถอะ” แม้ประโยคที่พูดออกมาจะไม่กี่คำ แต่เธอกลับจำน้ำเสียงนั้นได้ไม่เคยลืมปิ่นมุกพยักหน้าหงึก ๆ แล้วรีบก้าวขึ้นรถโดยมีเขาก้าวขึ้นตามมา บนรถสองแถวเก่า ๆ มีผู้โดยสารเพียงไม่กี่คน เขาหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามพร้อมทั้งคุยโทรศัพท์ไปด้วย"รถเสียจอดอยู่ในลานจอดท่าเรือมันตรา แค่หารถเช่าดี ๆ สักคัน งานง่าย ๆ แทบไม่ต้องใ
เขื่อนเอาแต่หงุดหงิดกับชีวิตที่ไม่ได้ดังใจ แต่อีกคนกลับไม่มีแม้แต่เวลาจะหงุดหงิดกับอะไรทั้งนั้น เธอในวัยสิบเก้าปี กับลูกในท้องยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้ควรจะเดินไปทางไหน@ท่าเรือเกาะมันตราด้วยความเป็นห่วงเพื่อนแทนจึงออกมากับเรือรอบเช้าเพื่อรอรับปิ่นมุกหลังจากที่เจ้าตัวบอกว่าจะนอนในเมืองสักคืนแล้วตอนเช้าค่อยกลับเข้าเกาะ แทนมองเห็นเจ้าของร่างเล็กเดินลากกระเป๋ามาแต่ไกล ท่าทางดูอิดโรยเหลือเกินเพราะแทบไม่กินไม่นอนมาเป็นอาทิตย์ จึงรีบวิ่งเข้าไปดึงก้านกระเป๋าจากมือเล็ก ๆ มาถือไว้เอง ยิ่งมองก็ยิ่งอดเป็นห่วงไม่ได้ท้องอ่อน ๆแบบนี้ทำไมคุณเขื่อนถึงปล่อยให้มาคนเดียวนะอยู่ดี ๆ ก็หายไปทั้งวันทั้งคืน แต่สภาพที่โผล่มาก็ยังโทรมเหมือนเดิม พอพยุงปิ่นมุกลงนั่งเรียบร้อยจึงเอานิ้วอังจมูกดูหน่อย"หล่อนก็ยังหายใจปกตินี่ แต่ท่าทาง...เฮ้อ สภาพฉันตื่นนอนยังดูดีกว่าหล่อนตอนนี้อีก""ขอบใจนะแทน แต่ตอนนี้ปิ่นเหนื่อยมากเลย""ซบมาสิ ถึงท่าเดี๋ยวปลุก"ฟังเสียงเพื่อนที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความอ่อนล้าก็ทำให้แทนอดสงสารไม่ได้ แต่แค่นี้ก็ดีแล้วที่อังจมูกแล้วยังมีลมหายใจอยู่ ปิ่นมุกซบศีรษะลงที่ไหล่ของเพื่อนอย่างไร้เรี่ยวแรง ตล
"ขาคุณหนู"เสียงตระหนกของแม่บ้านดังลอดโทรศัพท์เข้ามา หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงเดินอยู่ด้านนอก"ป้าเข้าไปนะคะ"แม่บ้านของคุณหนูร่างยักษ์ตกใจกับน้ำเสียงของคุณเขื่อน เพราะปกติเขาจะไม่หงุดหงิดตั้งแต่เช้าแบบนี้ ปกติจะแต่งตัวหล่อหอมสะอาดลงมาจิบกาแฟ ทานอาหารเช้าและออกไปทำงานอย่างอารมณ์ดี"ป้าไม่เตรียมอะไรให้ผมเลย""แล้วป้าต้องเตรียมอะไรล่ะคะ""ก็ที่ปิ่นเขา..."เสียงของเขาชะงักลงราวกับรู้ตัวว่าหลุดพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป แต่ไม่ทันที่จะถามอะไรเพิ่ม คุณหนูของป้าเนียมก็สะบัดหน้ากลับไปหาของต่ออย่างไม่สบอารมณ์"วันนี้ผมมีประชุมสำคัญ แล้วเสื้อผ้าผมล่ะ""งั้น ๆ คุณหนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ ป้าจะเตรียมให้"เสียงปิดประตูห้องน้ำดัง ปัง! พยายามกลบความรู้สึกเบาโหวงลึกในใจของเขาที่มั่นใจว่าตัวเอง "ไม่มีทางคิดถึงเด็กคนนั้นแน่นอน" พร้อมทั้งตะโกนสวนออกไปเพื่อเน้นย้ำกับแม่บ้านที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็ก"ผมยี่สิบหกปีแล้ว ผมไม่ใช่คุณหนูแล้ว""ค่ะ ๆ คุณเขื่อนยี่สิบหกก็ยี่สิบหก"ทั่วทั้งห้องมีแต่เสียงของความหงุดหงิดและความวุ่นวายอยู่นานหลายนาที เพราะตั้งแต่คุณปิ่นแต่งงานเข้ามาบ้านนี้ ป้าเนียมก็เหมือนกับได้พัก เพรา
"ประจำเดือนขาดนานหรือยังคะคุณปิ่น?""ป้าเนียมกำลังคิดอะไรอยู่คะ ปิ่นแค่เหนื่อยเพราะช่วงนี้ปิ่นพักผ่อนน้อยและทานข้าวไม่ตรงเวลา ปิ่นขอตัวก่อนนะคะ"มือเล็กแกะการเกาะกุมของป้าเนียมออกแล้วเดินไปลากกระเป๋ารีบออกจากบ้านหลังใหญ่ทันที หากช้ากว่านี้เธอคงเผยพิรุธจนป้าเนียมจับได้"คุณปิ่นคะ ๆ"ป้าเนียมพยายามจะวิ่งไล่ตามเธอให้ทัน แต่ด้วยหัวเข่าที่เริ่มเสื่อมไปตามวัย จึงทำได้เพียงเดินเร็วขึ้นกว่าปกติอีกนิด ซึ่งกว่าจะไปถึงประตูรั้ว ปิ่นมุกก็นั่งรถออกไปไกลแล้วปิ่นมุกเหลียวหลังกลับไปมองเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเธอกำลังจะไปเริ่มชีวิตใหม่ บ้านหลังนี้ เมืองนี้ ทุกคนที่นี่ จะกลายเป็นเพียงอดีตเท่านั้น"ลาก่อน"เขื่อนนั่งนิ่งเป็นหุ่นปั้นมองดูใบหย่าที่ปิ่นมุกตวัดลายเซ็นลงไปโดยไม่ลังเล ครั้งนี้เธอไม่มีความลังเลใด ๆ เหลืออีกเลย ก่อนหน้านี้เขาให้ทนายโทรตามเธออยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ไม่ยอมรับสาย พอให้ทนายส่งข้อความไปก็ได้รับข้อความตอบกลับว่า"ทราบแล้วค่ะ จะรีบไปภายในสองถึงสามวันนี้ ปิ่นจะแจ้งเวลาที่แน่นอนอีกครั้งนะคะ"ในตอนแรกก็คิดว่าเธอคงซื้อเวลาเอาไว้ แต่พอเห็นจากสีหน้าและแววตาที่ว่างเปล่าถึงรู้ว่าเธอคงตัดสินใจมาแ







