Mag-log in"ขาคุณหนู"
เสียงตระหนกของแม่บ้านดังลอดโทรศัพท์เข้ามา หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงเดินอยู่ด้านนอก
"ป้าเข้าไปนะคะ"
แม่บ้านของคุณหนูร่างยักษ์ตกใจกับน้ำเสียงของคุณเขื่อน เพราะปกติเขาจะไม่หงุดหงิดตั้งแต่เช้าแบบนี้ ปกติจะแต่งตัวหล่อหอมสะอาดลงมาจิบกาแฟ ทานอาหารเช้าและออกไปทำงานอย่างอารมณ์ดี
"ป้าไม่เตรียมอะไรให้ผมเลย"
"แล้วป้าต้องเตรียมอะไรล่ะคะ"
"ก็ที่ปิ่นเขา..."
เสียงของเขาชะงักลงราวกับรู้ตัวว่าหลุดพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป แต่ไม่ทันที่จะถามอะไรเพิ่ม คุณหนูของป้าเนียมก็สะบัดหน้ากลับไปหาของต่ออย่างไม่สบอารมณ์
"วันนี้ผมมีประชุมสำคัญ แล้วเสื้อผ้าผมล่ะ"
"งั้น ๆ คุณหนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ ป้าจะเตรียมให้"
เสียงปิดประตูห้องน้ำดัง ปัง! พยายามกลบความรู้สึกเบาโหวงลึกในใจของเขาที่มั่นใจว่าตัวเอง "ไม่มีทางคิดถึงเด็กคนนั้นแน่นอน" พร้อมทั้งตะโกนสวนออกไปเพื่อเน้นย้ำกับแม่บ้านที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็ก
"ผมยี่สิบหกปีแล้ว ผมไม่ใช่คุณหนูแล้ว"
"ค่ะ ๆ คุณเขื่อนยี่สิบหกก็ยี่สิบหก"
ทั่วทั้งห้องมีแต่เสียงของความหงุดหงิดและความวุ่นวายอยู่นานหลายนาที เพราะตั้งแต่คุณปิ่นแต่งงานเข้ามาบ้านนี้ ป้าเนียมก็เหมือนกับได้พัก เพราะคุณปิ่นดูแลคุณเขื่อนทุกอย่างตั้งแต่ตื่นยันหลับ แม้เธอจะอายุแค่สิบแปดปี แต่หลาย ๆ อย่างกลับสามารถจัดการได้ดีราวกับเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
"ป้าเนียม ถุงเท้า"
"นี่ค่ะ ๆ"
แม่บ้านเก่าแก่ยื่นให้อย่างงก ๆ เงิ่น ๆ เพราะคุณป้าเองก็แทบไม่ได้เข้ามาในห้องนี้เลย มีแต่คุณปิ่นดูแลทั้งหมด แม้แต่การพาสาวใช้ขึ้นมาทำความสะอาด
"ผมไม่เอาถุงเท้าคู่นี้มันหนา เวลาไปประชุมมันอึดอัด ปิ่นเขายังรู้ทำไมป้าไม่รู้"
"เดี๋ยวป้าหาให้ใหม่นะคะ"
"นาฬิกาผมด้วย"
"เอา ๆ เรือนไหนคะ คุณหนู"
"Rolex Cosmograph อย่าเรียกผมว่าคุณหนู"
"ป้าไม่รู้จักค่ะคุณหนู"
"ป้าเนียมมมม!"
เสียงแห่งความวุ่นวายดังขึ้นอยู่หลายนาทีกว่าจะสงบลง ตามมาด้วยเสียงวิ่งลงบันไดด้วยความเร่งรีบ ตอนนี้เขาสายมากแล้วสำหรับงานประชุมสำคัญของโพรเจกต์ใหม่ เรื่องติดต่อปิ่นมุกไม่ได้ก็ช่างกวนใจเหลือเกิน จนลืมหยิบโน่นหยิบนี่วุ่นวายไปหมดทั้งบ้าน ถ้าหากเธอไม่รับเงิน ถ้าหากเธอไม่ยอมทำตามข้อสัญญาแล้วยังพยายามติดต่อเขาอยู่ล่ะ???
สำนักงานใหญ่ภูมิพัฒน์ดีเวลลอปเมนต์
สิปปกร ภูมิพัฒน์ วัยยี่สิบเจ็ด ปี หุ้นส่วนสำคัญของ "ภูมิพัฒน์ ดีเวลลอปเมนต์" และเป็นลูกพี่ลูกน้องคนสนิทของเขื่อนยืนพิงสะโพกมองท่าทางลุกลี้ลุกลนของญาติผู้น้องที่เพิ่งจะเป็นโสดด้วยความเวทนา เพราะเขาก็พอรู้อะไรมาบ้างจากการได้พบทนายประจำบริษัท
"หึ ในรอบปีเลยนะเขื่อนที่มึงทำตัวเหมือนพวกตกงานได้สมจริงขนาดนี้"
สายตาของญาติผู้พี่กวาดตามองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าพร้อมกับเสียงถอนหายใจเบา ๆ
"มึงแต่งตัวอะไรของมึงวะ เชิ้ตลายทางกับเนกไทลายทาง จะไปร้องเพลงลูกทุ่งหรือไง แล้วไหนกระดุมข้อมือ? วันนี้นักลงทุนรายใหญ่ทั้งนั้นที่มาประชุมกัน แล้วดูสภาพมึงมันดูได้ซะที่ไหนกันหนวดเคราก็ไม่โกน"
เสียงตำหนิของผู้พี่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด เพราะหลายวันมานี้เขาเองก็ติดต่อน้องชายตัวดีไม่ได้เหมือนกัน
"มึงเลิกบ่นกูสักทีได้ไหมครับ"
"ทำไมกูจะบ่นมึงไม่ได้วะไอ้เขื่อน วันนี้ไม่ต้องเข้าประชุมเพราะกูส่งมือหนึ่งของบริษัทไปแทนมึงแล้ว"
"นี่มันโพรเจกต์ของกูนะครับ"
"กูถามจริง ๆ เถอะ หลายวันมานี้ที่ติดต่อมึงไม่ได้มึงทำอะไรอยู่"
เขื่อนพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด เพราะเขารู้ว่าญาติผู้พี่ของเขาเอ็นดูปิ่นมุกมาก ๆ ถ้าให้มันรู้เรื่องการหย่าก็คงคัดค้านสุดชีวิต ดังนั้นการปิดทุกช่องทางการติดต่อง่ายที่สุดและให้ทุกคนติดต่อผ่านทนายแทน
"กูก็แค่อยู่บ้าน"
"มึงตามกูมานี่สิ"
สิปปกรเดินนำน้องชายไปยังร้านกาแฟประจำสำนักงาน สั่งเครื่องดื่มเย็นให้พร้อมกับแซนด์วิช เพราะเห็นสภาพมันแล้วคงยังไม่ได้กินอะไรมาแน่นอน ก่อนจะเดินนำไปหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ไม้ริมระเบียง
เขื่อนถอดเนกไทออกด้วยความหงุดหงิดแล้วหย่อนตัวลงนั่งตามผู้พี่อย่างเซ็ง ๆ เพราะวันนี้เขาจะตั้งใจมาร่วมประชุมแต่กลับถูกตัดสิทธิ์ไปโดยปริยาย
"กูบังเอิญได้ยินเรื่องหย่าจากคุณเอนก"
"อือ เมื่อวาน"
สิปปกรมองหน้าน้องชายที่ตอบอย่างไม่แยแส เพราะตั้งแต่ต้นการแต่งงานก็มาจากคำว่า "ความรับผิดชอบ" เขาเองก็รู้ดี เพราะทุกครั้งที่ไปดื่มกันมันก็มักจะพล่ามแต่เรื่องนี้อยู่ตลอด ไม่ใช่ว่าเขาชอบดื่มอะไรขนาดนั้น แต่จะปล่อยให้นาวินทร์เมาเพียงลำพังไม่ได้ เพราะมีเรื่องทุกครั้งที่เมา
"มึงไม่สงสารน้องปิ่นเหรอวะ เป็นหม้ายตอนอายุสิบเก้าปี ยังเด็กมากเลยนะมึง"
"เอออออ ถ้ารู้ว่าตัวเองเด็กก็ไม่ควรเข้าหากูสิวะ นี่ฉวยโอกาสตอนกูเมาแล้วเข้าหากู จนกูเข้าใจผิดคิดว่าเป็นนิ พอเรื่องเลยเถิดขึ้นมาจะมาโทษว่าเป็นความผิดกูได้ยังไง"
"งั้นคนอื่นก็จีบน้องปิ่นได้แล้ว?"
"ถ้าคนอื่นตาต่ำขนาดนั้นก็แล้วแต่เลยไอ้สิบ กูหลุดพ้นแล้ว"
มือใหญ่ม้วนเนกไทใส่กระเป๋ากางเกงด้วยความรำคาญ ก่อนหยิบแซนด์วิชขึ้นมากัดคำใหญ่ด้วยความหงุดหงิด วันนี้ไม่มีอะไรเป็นใจสักอย่าง ทั้งเรื่องงานทั้งเรื่องญาติผู้พี่ที่นั่งฝันตาฉ่ำเยิ้มอยู่ตอนนี้ ก่อนหน้านี้มันเคยเห็นดีเห็นงามด้วยทุกอย่าง แต่วันนี้กลับจะคิดมาตีท้ายครัวเขา แถมตอนนี้ยังมานั่งยิ้มกวนตีนตรงหน้าอีก
"ไอ้สิบ ไอ้ชั่วเอ๊ย"
เขื่อนเอาแต่หงุดหงิดกับชีวิตที่ไม่ได้ดังใจ แต่อีกคนกลับไม่มีแม้แต่เวลาจะหงุดหงิดกับอะไรทั้งนั้น เธอในวัยสิบเก้าปี กับลูกในท้องยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้ควรจะเดินไปทางไหน
พอเหลือบมองดูเวลาเด็กผู้หญิงข้างนอกนั่นก็คงกำลังหมดฤทธิ์แล้ว แผนการกำจัดเขื่อนออกจากชีวิตกำลังจะสำเร็จ เธอจะได้เป็นอิสระและพ่วงความน่าสงสารน่าเห็นใจเข้าไปด้วยหลังจากปิ่นมุกดื่มน้ำพั้นช์ได้สักพักก็รู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองดูแปลก ๆ ตอนนี้ง่วงจนแทบทนไม่ไหว จึงดื่มน้ำพั้นช์ที่เหลืออยู่จนหมด เผื่อจะสดชื่นขึ้น"น้องปิ่นคะ เข้าไปเปลี่ยนผ้าปูได้เลยค่ะ""ค่ะ ดะ ได้ค่ะคุณผู้หญิง"นิรณามองตามหลังเด็กสาวด้วยความพึงพอใจเพราะใบหน้าของเธอแดงก่ำ ลมหายใจเริ่มรุนแรงแสดงถึงอาการผิดปกติในร่างกาย ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนของเธอ"ห้ามเปิดไฟสว่างนะคะ""รับทราบค่ะคุณผู้หญิง"พอเดินพ้นประตูเข้าไปก็พบว่าบนเตียงมีคุณเขื่อนนอนเปลือยท่อนบนอยู่ก่อนแล้วเธอจะเปลี่ยนผ้าปูได้ยังไง ปิ่นมุกอยากก้าวออกจากห้อง แต่ร่างกายของเธอกลับหมดแรงไปดื้อ ๆ และ...ตุ้บ!อยู่ ๆ ก็โดนผลักจนล้มลงบนที่นอนตอนนี้เด็กสาวไร้กำลังต่อต้าน ดวงตากลมโตที่จ้องใบหน้าหล่อเหลาของคุณเขื่อนค่อย ๆ ปิดลงช้า ๆ และภาพก็ตัดไปในที่สุดปัง ๆ ๆ ๆ ! "คุณเขื่อน เปิดประตูหน่อยค่ะ เปิดประตู!"ปัง ๆ ๆ ๆ ! เสียงเอะอะที่ดังโวยวายอยู่ข้างนอกมันรบกวนการนอนของชายหนุ่
และแล้ววันที่เป็นจุดพลิกผันของทุกอย่างก็มาถึง เมื่อปิ่นมุกได้เจอกับคนที่ไม่ควรจะเจอ"นิรณา" แฟนสาวของผู้ชายที่เธอตกหลุมรักจนหมดหัวใจทุก ๆ วันหยุดปิ่นมุกมักจะมาทำงานที่มันตรารีสอร์ตซึ่งมีคุณธีร์ดนัยเป็นเจ้าของ เพื่อหารายได้พิเศษช่วยแบ่งเบาภาระแม่แม้ว่าการใช้ชีวิตในเกาะแห่งนี้จะเรียบง่าย และแทบไม่ต้องใช้จ่ายอะไรที่ฟุ่มเฟือย แต่ก็เคยเห็นแม่หยิบใบแจ้งหนี้มาดูบ่อย ๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นหนี้สินพัวพันนานมาแล้ว แม่ของเธอไม่ค่อยบอกอะไรมาก เธอเองก็ไม่กล้าถาม ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นงานอะไรปิ่นมุกก็ทำได้หมด จนทักษะงานโรงแรมกลายเป็นความสามารถพิเศษของเธอไปแล้ว และวันนี้เธอก็ต้องมาทำในสิ่งที่หัวใจสีชมพูที่เคยพองโตแทบจะแตกสลายคุณเขื่อนมาเช่าเหมาโซนหน้าหาดทั้งหมดเพื่อขอคุณ "นิรณา" แฟนสาวแสนสวยแต่งงาน ทั้งสถานที่และการตกแต่งปิ่นมุกช่วยพนักงานคนอื่น ๆ จัดออกมาได้สวยงามตามแบบที่คุณเขื่อนต้องการ สีหน้าและแววตาของเขาดูพึงพอใจไม่น้อยเมื่อเห็นสถานที่จริง คุณเขื่อนถึงกับให้เงินพิเศษเป็นรายบุคคลรวมถึงปิ่นมุกด้วยที่รับเงินจากมือของเขา แต่คุณเขื่อนก็ยังคงจำเธอไม่ได้อยู่ดี "เด็กผู้หญิงบนรถสองแถวคนนั้น"บรรยากาศการขอ
เรื่องมันเริ่มมาจาก...หนึ่งปีกว่าที่แล้วท่าเรือประจำเกาะมันตราปิ่นมุกในวัยสิบเจ็ดปีกำลังเรียนมัธยมปลายชั้นปีที่หก วันนั้นเธอลงจากเรือข้ามฟากประจำเกาะแล้วก็เร่งรีบวิ่งขึ้นรถโดยสารในตอนเช้าเหมือนทุก ๆ วัน กระเป๋านักเรียนใบใหญ่แกว่งไปมา และหนังสือบางเล่มหลุดร่วงลงพื้นโดยไม่รู้ตัว“น้องครับ หนังสือหล่น”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง ดวงตากลมโตหันไปมองและเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับครึ่งแขนคู่กับกางเกงสแล็กสีเทาดูสะอาดตา ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มบาง ๆ ทำให้ปิ่นมุกเผลอมองหยุดนิ่ง มือของเขากำลังหยิบหนังสือของเธอขึ้นมาให้ ในมืออีกข้างมีโทรศัพท์ที่กำลังง่วนกับการโทรหาใครสักคน“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวในชุดนักเรียนพูดตะกุกตะกักยื่นมือไปรับหนังสือมาอย่างประหม่า“รถมาแล้วรีบขึ้นรถเถอะ” แม้ประโยคที่พูดออกมาจะไม่กี่คำ แต่เธอกลับจำน้ำเสียงนั้นได้ไม่เคยลืมปิ่นมุกพยักหน้าหงึก ๆ แล้วรีบก้าวขึ้นรถโดยมีเขาก้าวขึ้นตามมา บนรถสองแถวเก่า ๆ มีผู้โดยสารเพียงไม่กี่คน เขาหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามพร้อมทั้งคุยโทรศัพท์ไปด้วย"รถเสียจอดอยู่ในลานจอดท่าเรือมันตรา แค่หารถเช่าดี ๆ สักคัน งานง่าย ๆ แทบไม่ต้องใ
เขื่อนเอาแต่หงุดหงิดกับชีวิตที่ไม่ได้ดังใจ แต่อีกคนกลับไม่มีแม้แต่เวลาจะหงุดหงิดกับอะไรทั้งนั้น เธอในวัยสิบเก้าปี กับลูกในท้องยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้ควรจะเดินไปทางไหน@ท่าเรือเกาะมันตราด้วยความเป็นห่วงเพื่อนแทนจึงออกมากับเรือรอบเช้าเพื่อรอรับปิ่นมุกหลังจากที่เจ้าตัวบอกว่าจะนอนในเมืองสักคืนแล้วตอนเช้าค่อยกลับเข้าเกาะ แทนมองเห็นเจ้าของร่างเล็กเดินลากกระเป๋ามาแต่ไกล ท่าทางดูอิดโรยเหลือเกินเพราะแทบไม่กินไม่นอนมาเป็นอาทิตย์ จึงรีบวิ่งเข้าไปดึงก้านกระเป๋าจากมือเล็ก ๆ มาถือไว้เอง ยิ่งมองก็ยิ่งอดเป็นห่วงไม่ได้ท้องอ่อน ๆแบบนี้ทำไมคุณเขื่อนถึงปล่อยให้มาคนเดียวนะอยู่ดี ๆ ก็หายไปทั้งวันทั้งคืน แต่สภาพที่โผล่มาก็ยังโทรมเหมือนเดิม พอพยุงปิ่นมุกลงนั่งเรียบร้อยจึงเอานิ้วอังจมูกดูหน่อย"หล่อนก็ยังหายใจปกตินี่ แต่ท่าทาง...เฮ้อ สภาพฉันตื่นนอนยังดูดีกว่าหล่อนตอนนี้อีก""ขอบใจนะแทน แต่ตอนนี้ปิ่นเหนื่อยมากเลย""ซบมาสิ ถึงท่าเดี๋ยวปลุก"ฟังเสียงเพื่อนที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความอ่อนล้าก็ทำให้แทนอดสงสารไม่ได้ แต่แค่นี้ก็ดีแล้วที่อังจมูกแล้วยังมีลมหายใจอยู่ ปิ่นมุกซบศีรษะลงที่ไหล่ของเพื่อนอย่างไร้เรี่ยวแรง ตล
"ขาคุณหนู"เสียงตระหนกของแม่บ้านดังลอดโทรศัพท์เข้ามา หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงเดินอยู่ด้านนอก"ป้าเข้าไปนะคะ"แม่บ้านของคุณหนูร่างยักษ์ตกใจกับน้ำเสียงของคุณเขื่อน เพราะปกติเขาจะไม่หงุดหงิดตั้งแต่เช้าแบบนี้ ปกติจะแต่งตัวหล่อหอมสะอาดลงมาจิบกาแฟ ทานอาหารเช้าและออกไปทำงานอย่างอารมณ์ดี"ป้าไม่เตรียมอะไรให้ผมเลย""แล้วป้าต้องเตรียมอะไรล่ะคะ""ก็ที่ปิ่นเขา..."เสียงของเขาชะงักลงราวกับรู้ตัวว่าหลุดพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป แต่ไม่ทันที่จะถามอะไรเพิ่ม คุณหนูของป้าเนียมก็สะบัดหน้ากลับไปหาของต่ออย่างไม่สบอารมณ์"วันนี้ผมมีประชุมสำคัญ แล้วเสื้อผ้าผมล่ะ""งั้น ๆ คุณหนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ ป้าจะเตรียมให้"เสียงปิดประตูห้องน้ำดัง ปัง! พยายามกลบความรู้สึกเบาโหวงลึกในใจของเขาที่มั่นใจว่าตัวเอง "ไม่มีทางคิดถึงเด็กคนนั้นแน่นอน" พร้อมทั้งตะโกนสวนออกไปเพื่อเน้นย้ำกับแม่บ้านที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็ก"ผมยี่สิบหกปีแล้ว ผมไม่ใช่คุณหนูแล้ว""ค่ะ ๆ คุณเขื่อนยี่สิบหกก็ยี่สิบหก"ทั่วทั้งห้องมีแต่เสียงของความหงุดหงิดและความวุ่นวายอยู่นานหลายนาที เพราะตั้งแต่คุณปิ่นแต่งงานเข้ามาบ้านนี้ ป้าเนียมก็เหมือนกับได้พัก เพรา
"ประจำเดือนขาดนานหรือยังคะคุณปิ่น?""ป้าเนียมกำลังคิดอะไรอยู่คะ ปิ่นแค่เหนื่อยเพราะช่วงนี้ปิ่นพักผ่อนน้อยและทานข้าวไม่ตรงเวลา ปิ่นขอตัวก่อนนะคะ"มือเล็กแกะการเกาะกุมของป้าเนียมออกแล้วเดินไปลากกระเป๋ารีบออกจากบ้านหลังใหญ่ทันที หากช้ากว่านี้เธอคงเผยพิรุธจนป้าเนียมจับได้"คุณปิ่นคะ ๆ"ป้าเนียมพยายามจะวิ่งไล่ตามเธอให้ทัน แต่ด้วยหัวเข่าที่เริ่มเสื่อมไปตามวัย จึงทำได้เพียงเดินเร็วขึ้นกว่าปกติอีกนิด ซึ่งกว่าจะไปถึงประตูรั้ว ปิ่นมุกก็นั่งรถออกไปไกลแล้วปิ่นมุกเหลียวหลังกลับไปมองเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเธอกำลังจะไปเริ่มชีวิตใหม่ บ้านหลังนี้ เมืองนี้ ทุกคนที่นี่ จะกลายเป็นเพียงอดีตเท่านั้น"ลาก่อน"เขื่อนนั่งนิ่งเป็นหุ่นปั้นมองดูใบหย่าที่ปิ่นมุกตวัดลายเซ็นลงไปโดยไม่ลังเล ครั้งนี้เธอไม่มีความลังเลใด ๆ เหลืออีกเลย ก่อนหน้านี้เขาให้ทนายโทรตามเธออยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ไม่ยอมรับสาย พอให้ทนายส่งข้อความไปก็ได้รับข้อความตอบกลับว่า"ทราบแล้วค่ะ จะรีบไปภายในสองถึงสามวันนี้ ปิ่นจะแจ้งเวลาที่แน่นอนอีกครั้งนะคะ"ในตอนแรกก็คิดว่าเธอคงซื้อเวลาเอาไว้ แต่พอเห็นจากสีหน้าและแววตาที่ว่างเปล่าถึงรู้ว่าเธอคงตัดสินใจมาแ







