ควินซี่นั้นมักคิดว่าแดร์ริลไร้ประโยชน์ยกเว้นลูกไม้บางอย่างของเขา แล้วเขาจะรู้วิธีทำโอสถวารีได้ยังไง?ให้ตายเถอะแดร์ริลหงุดหงิดใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ควินซี่พูด เขาหัวเราะขื่น จากนั้นก็มองควินซี่และบอกว่า “องค์หญิง ท่านกุ่ยกู่จือยังแน่ใจว่ากระหม่อมทำได้ หากว่าท่านไม่เชื่อกระหม่อมแล้วเชื่อท่านกุ่ยกู่จือไหม?”แดร์ริลทนกับควินซี่มาพอแล้ว เธอไม่เคยพลาดโอกาสจะทำให้เขาต้องอับอาย“แล้วใครจะไปแน่ใจล่ะว่านายปรุงโอสถได้จริงไหม?” ควินซี่ตอบอย่างโกรธ ๆแดร์ริลไม่อยากจะพูดอะไรอีก เขายิ้มบางและบอกว่า “ถ้างั้นก็รอดูกันไป…”“เจ้าคนไร้…”จักรพรรดินีมองทั้งสองคนทุ่มเถียงกันอย่างหมดปัญญา พระนางส่ายหน้าและยิ้มขื่น จากนั้นก็สั่งให้ขันทีข้างกายไปเรียกนักปรุงยาประจำราชสำนักมาไม่นานปรมาจารย์นักปรุงยาประจำราชสำนักห้าคนก็มาที่ห้องโถง พร้อมกันนั้นพวกเขาก็เตรียมหม้อปรุงยามาจำนวนหนี่งที่มีไว้เพื่อปรุงยาให้ราชวงศ์เท่านั้น“เอาล่ะ” จักรพรรดินีพูดช้า ๆ “รีบปรุงยาเถอะ จงตั้งใจและอย่าให้มีข้อผิดพลาด”โอสถโลกมืดมิดพวกนี้เป็นความเป็นความตายของโลกใต้เมฆี ดังนั้นพวกเขาต้องแน่ใจว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน“พ่ะย
”ไปเร็วเข้าสิ”แดร์ริลเร่งขันทีที่มัวยืนงง “เร็วเข้าไปเอาหม้อมาให้ฉัน มัวยืนอึ้งอะไรอยู่?”ขันทีรีบตอบรับและไม่นานเขาก็เอาหม้อปรุงยามาให้เพิ่มอีกห้าใบแดร์ริลเร่งจุดไฟ เลือกวัตถุดิบ และจากนั้นก็เอาใส่หม้อปรุงยา เขาควบคุมไฟและอุณหภูมิได้อย่างดี ทุกอย่างก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นทุกคนในห้องโถงต่างก็อึ้งมองแดร์ริลอย่างไร้คำพูดไม่มีใครเชื่อว่า แดร์ริลสามารถจัดการหม้อปรุงยาได้สิบหม้อในคราวเดียวกัน ในที่สุดพวกเขาก็เชื่อในความสามารถของเขา เมื่อได้เห็นว่า เขาจัดการดูแลหม้อปรุงยาได้อย่างดี เขาถึงกับดูผ่อนคลายตอนที่ทำเช่นนั้นแม้ปรมาจารย์นักปรุงยาทั้งห้ายังมองแดร์ริลอย่างชื่นชมไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อนว่า มีนักปรุงยาที่สามารถจัดการได้พร้อมกันทีเดียวสิบหม้อ แดร์ริลนั้นไม่เพียงสามารถทำได้ แต่เขายังดูสบาย ๆ ไม่เคร่งเครียด เขาน่าทึ่งมากโอ้…ควินซี่ตัวสั่น เธอรู้สึกขาอ่อนแรงขณะที่จ้องมองแดร์ริล เธอนั้นไม่อยากจะเชื่อสายตา‘เขาทำได้จริง ๆ’ซูมขณะที่ทุกคนยังตะลึงอยู่ ก็เห็นว่าหม้อปรุงยาทั้งสิบหม้อของแดร์ริลกำลังสั่นสะเทือนเปรี้ยงจากนั้นก็มีเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นก้องจากท้องฟ้า‘เกิดอะไรขึ
ตึง…ปรมาจารย์นักปรุงยาทั้งห้าต่างก็ตื้นตันไปด้วยความรู้สึกชื่นชม พวกเขาคุกเข่าต่อหน้าแดร์ริล และสรรเสริญเป็นเสียงเดียวกัน “ราชบุตรเขย ท่านต้องเป็นเทพนักปรุงยากลับชาติมาเกิดเป็นแน่ พวกเขาชื่นชมนัก…”ไม่น่าแปลกใจว่า หากกำลังมีการปรุงยาชั้นเลิศแล้วมีเมฆอมฤตปรากฏขึ้น เพราะมันมักจะเกิดเมื่อมีการปรุงยาระดับนั้นแต่มันน่าประทับใจที่เขาสามารถทำให้เกิดเมฆอมฤตได้ตอนที่ทำเพียงยาทั่ว ๆ ไปแดร์ริลหัวเราะเบา ๆจากนั้นเขาก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนยกมือขึ้นแล้วพูดสบาย ๆ ว่า “พวกคุณคุกเข่าทำไมกัน? รีบลุกขึ้นมาทำยาต่อเถอะ…”เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ ควินซี่ก็ตัวสั่น เธอนั้นอับจนคำพูดขณะที่จ้องมองแดร์ริลตอนแรกเธอนั้นคิดว่า แดร์ริลเป็นแค่นักปรุงยาเถื่อน แม้ว่าเขาจะสามารถปรุงยาได้ แต่เธอก็ไม่คิดว่า เขาจะสามารถทำให้เกิดเมฆอมฤตได้ถึงสิบก้อนปกติแดร์ริลเป็นคนเจ้าเล่ห์ แต่เขานั้นกลับพึ่งพาได้เมื่ออยู่ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน‘เขาเป็นคนยังไงกันแน่?’ควินซี่มองแดร์ริลตาค้าง และเธอก็ค่อย ๆ เปลี่ยนความคิดที่มีต่อเขาทุกคนต่างก็หยุดคุยกันและมองแดร์ริลพร้อมนักปรุงยาอีกห้าคนทำงานเงียบ ๆ ในที่สุดห้องโถงก็เงียบสงัดมีเพียง
ตอนนี้โอสถวารี 150,000 ก็ถูกลำเลียงออกจากพระราชวังไม่กี่อึดใจ หลังจากทหารว่าแสนนายของโลกใต้เมฆีกินโอสถวารีเข้าไป พวกเขาก็มารวมตัวกันที่หน้าประตูเมืองหลวง และยืนจัดกระบวนทัพเพราะรอศัตรูเวลาเดียวกันแดร์ริลและจักรพรรดินีพร้อมด้วยควินซี่กับคนอื่น ๆ ต่างก็ยืนอยู่ที่ด้านบนประตูเมืองด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแน่นอนว่ากุ่ยกู่จือก็อยู่ด้วย แดร์ริลได้จัดให้เขายืนหลบในจุดที่ไม่สะดุดตาแดร์ริลคิดเรื่องแผนการศึกของพวกเขา เขาอยากให้กุ่ยกู่จือออกมาตอนช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานที่สุดเพื่อให้หยางเจียนและจางจือตกใจ ดังนั้นเขาเลยอยากให้กุ่ยกู่จื่ออยู่พ้นสายตาศัตรูก่อนท่าทางสงบนิ่งของกุ่ยกู่จือนั้นต่างไปจากท่าทางร้อนรนของทุกคนมากแดร์ริลทอดตามองออกไปไกลและสูดหายใจเข้าลึกมีทหารโมอาน่าเหนือหลายแสนจัดกระบวนทัพเป็นแถวอย่างเรียบร้อย และมุ่งมาที่เมือง เหล่าทหารต่างก็ถือดาบยาวที่ส่องประกายเมื่องต้องแสงแดด และแสงประกายเย็นเยียบนี่ก็ข่มขวัญผู้คนได้หยางเจียนอยู่หน้าแถว เขาใส่เกราะสีทองและถือดาบสองคมสามแฉกไว้ในมือ ใบหน้ามีรอยยิ้มจางจือ แอมโบรส เอร่าและแม่ทัพอีกหลายคนต่างก็เดินตามเขามาอย่างใกล้ชิดหยางเจียนนั้น
เอร่าที่อยู่กับกองทัพโมอาน่าเหนือกัดริมฝีปาก และกระซิบกับแอมโบรสว่า “พี่ชาย… ฟังพ่อเถอะ อย่าทำงานให้หยางเจียนอีกเลย”เอร่าเป็นหญิงสาวจิตใจดี เธอนั้นต้องการจะไปจากกองทัพโมอาน่าเหนือเมื่อเธอเห็นว่าหยางเจียนทำกับชาวบ้านตาดำ ๆ อย่างไร เธอไม่สามารถทนเงียบได้อีกหลังจากได้ยินที่แดร์ริลพูดกับแอมโบรส“น้องสาว เงียบซะ” แอมโบรสพูดพร้อมส่ายหน้าแดร์ริลรู้สึกร้อนรนเมื่อแอมโบรสไม่ตอบอะไรเขา เขาเรียกอีกครั้ง “แอมโบรส-”แต่แอมโบรสก็ขัดจังหวะก่อนที่แดร์ริลจะได้ทันพูดอะไรอีก“หุบปาก” แอมโบรสไม่เข้าใจความเจ็บปวดของแดร์ริลสักนิด เขาคำรามว่า “ไม่ว่าฉันจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับนาย อย่ามาบอกฉันว่าต้องทำอะไร นายอาจจะทำให้ฉันเกิดมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านายมีคุณสมบัติเป็นพ่อ ไม่ต้องมาเสียเวลาสั่งสอนศีลธรรมในชีวิตอะไรให้ฉัน”เอ่อแดร์ริลดูขื่นขม และเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อเขามักคิดว่า ความเกลียดชังที่แอมโบรสมีต่อเขานั้นเป็นแค่ชั่วคราว แต่เขาไม่คาดว่าแอมโบรสจะเกลียดเขามากขนาดนี้ควินซี่ที่ยืนอยู่ข้างแดร์ริลก็ทนไม่ได้อีกต่อไป เธอเดินก้าวออกมาข้างหน้าและตะโกนบอกแอมโบรส “นี่เจ้าหนู พ่อของนายกำลังสอนเรื่องชีว
”ก่อนนี้เจ้าเด็กนี่แพ้มาตั้งหลายหน แพ้เยอะจนสมองผิดปกติหรือไง?”กองทัพโมอาน่าเหนือยังคงหัวเราะเยาะแดร์ริลไม่หยุด ไม่มีใครสนใจว่าเขาพูดอะไรเขานั้นเป็นเพียงคนหนุ่มที่พยายามวางท่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหยางเจียน น่าขำนัก กองทัพโลกใต้เมฆีจะเอาชนะทัพโมอาน่าเหนือโดยไม่ใช้ค่ายกลได้อย่างไรกัน?ทุกคนต่างก็หัวเราะหยางเจียนเองก็หัวเราะเมื่อเขามองแดร์ริลอย่างหยามหยัน “เจ้าหนุ่ม พูดเรื่องอะไรกัน? เจ้าอยากจะสู้กับข้าเหรอ?”น้ำเสียงหยางเจียนแฝงแววเยาะแม้แดร์ริลจะค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาหยางเจียน หยางเจียนนั้นแน่ใจว่า เขาสามารถจัดการแดร์ริลได้ภายในสามกระบวนท่า“ใช่” แดร์ริลพยักหน้า เขาชี้ไปที่ป่าทางตอนเหนือของเมืองหลวง “ไปที่นั่นแล้วสู้กันดีกว่า เพื่อเลี่ยงไม่ทำให้ชาวบ้านต้องบาดเจ็บ หยางเจียน คุณกล้ารับคำท้านี้ไหม?”หัวใจแดร์ริลเกือบกระดอนออกมาจากอกเมื่อเขาพูดประโยคสุดท้ายออกมาหยางเจียนเป็นคนโหดเหี้ยม เขาไม่เคยเล่นตามกฎและเขาอาจจะยังยืนกรานที่จะโจมตีเข้าประตูเมืองมาหากว่าไม่ยอมทำตามข้อเสนอของแดร์ริลอืม?หยางเจียนสูดลมหายใจลึกขณะที่มองแดร์ริลอย่างสงสัย เขาไม่ได้ตอบในท
หลังจากที่ปล่อยชาวบ้านไปแล้ว หยางเจียนก็สั่งให้กองทัพมุ่งไปที่ป่ารกร้างทางตอนเหนือของเมืองหลวงแดร์ริลเองก็ทำเช่นเดียวกัน เขาบอกกองทัพโลกใต้เมฆีให้ไปที่ป่าอย่างรวดเร็วทหารหลายแสนนายจากโลกใต้เมฆีและโมอาน่าเหนือต่างก็ไปเผชิญหน้ากันในป่า ธงรบสะบัดกลางสายลม เช่นเดียวกับดาบยาว รังสีฆ่าฟันแผ่ขยายไปทั่ว มือเรียบเนียนประดุจหยกของจักรพรรดินีกำแน่นขณะที่พระนางดูการต่อสู้จากประตูเมือง ใบหน้างามของพระนางดูกังวลเคร่งเครียดการต่อสู้นี้เป็นการตัดสินชะตาของโลกใต้เมฆี พวกเขาต้องทำให้สำเร็จควินซี่ยืนอยู่ข้างแดร์ริล เธอจ้องมองแดร์ริลไม่วางตาขณะที่สวดภาวนา‘ขอให้สำเร็จด้วยเถอะ’ขณะนั้นในสนามรบกลางป่าร่างของหยางเจียนยังลอยอยู่กลางอากาศ เขาถือดาบสองคมสามแฉก ทั้งร่างมีกลิ่นอายกดข่มอึดใจต่อมาหยางเจียนก็มองแดร์ริลเขม็งและแค่นถามว่า “เจ้าหนุ่ม เจ้าอยากตายแบบไหนล่ะ?”เห็นชัด ๆ ว่าแดร์ริลไม่มีโอกาสชนะ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ระหว่างสองกองทัพ หรือการสู้ตัวต่อตัว ความต่างเดียวที่แดร์ริลเลือกได้ก็คือหนทางตายแดร์ริลยิ้มเมื่อได้ยินคำของหยางเจียน “หยางเจียน คุณมั่นใจเกินไปนะ ทำไมถึงคิดว่าผมจะตายวันนี้ล่ะ
”หยางเจียน ยอมแพ้ซะเถอะ” ทั้งสองฝ่ายต่างก็โต้กันอย่างดุเดือดเมื่อเผชิญหน้ากัน และแบรดลีย์ก็คำรามออกมา เขาปล่อยพลังภายในแล้วพุ่งเข้าใส่หยางเจียนซูม…เวลาเดียวกันหยวนเทียนกัง ราชาหมีรูฟัส และคนอื่น ๆ ก็ตามไปติด ๆ เพียงพริบตาเหล่าผู้มีฝีมือแข็งแกร่งก็เข้าล้อมหยางเจียน พวกเขานั้นเร็วดุจสายฟ้า“แหม แหม แหม…”หยางเจียนแค่นเสียงขณะที่มองแบรดลีย์และคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบตัว ใบหน้าหล่อเหลาของเขาฉายแววชั่วร้าย “แดร์ริลช่างใสซื่อเสียจริงหากเขาคิดว่า พวกเจ้าทั้งหลายจะช่วยพลิกสถานการณ์ได้ ข้าไม่เพียงแต่จะเข้าตีเมืองหลวงโลกใต้เมฆีวันนี้ แต่ก็จะได้เจดีย์เจ็ดสมบัติมาครองด้วย”ซูมออร่าน่าสะพรึงพวยพุ่งออกมาจากร่างของหยางเจียน อากาศที่อยู่รอบตัวบิดเบี้ยวแต่ว่าหยางเจียนเองก็ไม่ได้มั่นใจมากเหมือนก่อนหน้า เพราะอย่างไรยอดฝีมือที่ออกมาจากเจดีย์เจ็ดมหาสมบัติก็ไม่ใช่คนธรรมดา โชคดีที่พลังของเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเขากินโอสถจากคลังสมบัติใต้ดินเข้าไป ดังนั้นเขาเลยไม่ตื่นตกใจอะไรกัน?แบรดลีย์และคนอื่น ๆ นิ่วหน้า พวกเขาเคร่งเครียดเมื่อรู้สึกได้ถึงพลังของหยางเจียน แต่พวกเขาเองก็ไม่ตระหนกเช่นกันแบรดล