แชร์

6

ผู้เขียน: พันพราย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-05 11:45:13

ด้วยใจรักการยิงปืนมาตั้งแต่อายุสิบแปดปี เป็นนักกีฬาทีมชาติชนะเลิศเหรียญทองประเภทปืนสั้นมาตรฐานแชมป์โลกเยาวชนสองปีซ้อน มีใบอนุญาตเป็นผู้อบรมครบถ้วนตามหลักสูตร

ครูรุ่นพี่ส่วนใหญ่ค่อนข้างเกรงใจที่จะเรียกอริสาว่าน้อง...

“ไม่กล้าครับ พี่แค่แวะมาทักทาย ให้กำลังใจ เผื่อครูอริสจะเหนื่อย”

ชินดนัยยกยิ้มเจ้าเล่ห์มองหญิงสาวหน้าตาสะสวยวัยยี่หกปี ลูกศิษย์คนสวยข้าง ๆ ครูสาวที่สวยไม่แพ้กัน แล้วก็เดินไป อริสาจึงจับด้ามโลหะขึ้นมาใหม่ สาธิตวิธีการโดยไม่ได้ลั่นไกออกมา

            “น้องพายสังเกตดูนะ ในแบบที่ไม่มีมือซ้ายประคองช่วยกับมี การสะบัดของข้อมือมันต่างกัน เวลายิงเราควรจับให้มั่นเสียดีกว่าจับมือเดียวให้มันสะบัด แต่ว่าดีแล้วล่ะ วันนี้ยิงปืน.38 ได้เข้าเป้ากลางเกือบทุกนัด”

            “แล้วอาทิตย์นี้พายจะได้เปลี่ยนปืนไหมคะ?”

            “ได้แน่นอนน้องพาย ชั่วโมงหน้ามาลองปืนแม็กกาซีนคอมแพ็ค 9mm กัน มีตั้งแต่ 3.5 นิ้วถึง 4 นิ้ว น้ำหนักเบาถนัดมือ เหมาะสำหรับผู้หญิงสวย ๆ อย่างเราเชียว” อาวุธในมือถูกวางลงบนโต๊ะเบา ๆ  อีกคนก็วางอุปกรณ์การเรียนลงเช่นกัน พอใกล้จบชั่วโมง

            ขณิกาได้รับการแนะนำให้รู้จักลูกสาวเจ้าของฟาร์มม้า ครูสอนยิงปืน เป็นการส่วนตัวผ่านทางบิดา พูดคุยกันถูกคอ จึงสนิทกันมากกว่าครู ลูกศิษย์ หากไม่มาเรียนยิงปืนแล้วบางครั้งหล่อนก็แวะไปเที่ยวฟาร์ม

            “พายอยากเรียนไว ๆ จัง”

            “พี่ก็อยากสอนไว ๆ ค่ะ”

ใบหน้าสดสวยของเด็กรุ่นน้องคลี่ยิ้มละไม ก่อนจะเหลือบตามองหากระดาษใบเล็กซึ่งถูกเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อเมื่อสักครู่ “พี่อริสหยิบนามบัตรใครมาดูอ่ะ? หยิบ ๆ ใส่ ๆ ตั้งหลายรอบ พายไม่ได้อยากยุ่งเลยนะ แค่สงสัย”

“นามบัตรช่างแอร์ ไม่รู้โทรดีไหม กำลังคิดอยู่ว่าแอร์มันเสียหรือไม่เสียกันแน่ สองสามวันมานี้อากาศมันร้อน ๆ นะ...” โกหกหน้าตายในความจริงแฝงอยู่ท้ายประโยค พอนึกถึงยิ้มกระชากวิญญาณสาว แก้มแดงระเรื่อสะบัดไปข้างหน้าเป้ายิง ในสายตาเป็นประกายอยากรู้อยากเห็น

            “พายว่าไม่ใช่ช่างแอร์ พี่อริสปิดพายไม่ได้หรอก”

            “พี่จะโกหกพายทำไมล่ะ?” เธอพูดหน้าตาเฉย พอใกล้จบชั่วโมง ความสัมพันธ์ครู-ศิษย์ก็เปลี่ยนไป หญิงสาวอายุอ่อนกว่าหรี่ตาเล็กจนเหยียดตรง

            “คอยดูนะ... พายจะต้องไปสืบมาให้ได้”

            ขณิกาคงจะต้องหาทางสอดรู้เรื่องนี้แน่ ร้อยวันพันปีพี่สาวคนสนิทเคยสนใจใครที่ไหน อยู่ฟาร์มขี่ม้าตรวจงาน ดูแลคนงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น ไม่อยู่กับเจ้าที่รักก็มาขลุกอยู่สนามยิงปืน ไม่ต้องพูดถึงวันหยุดที่มีแค่สัปดาห์ละหนึ่งวัน

            “ยุ่งจริง จะอยากรู้ไปทำไมก็ไม่รู้”

“แน่นอน.. เรื่องพี่อริสก็เหมือนเรื่องพาย เดี๋ยวพายก็ต้องรู้” คนพูดลอบยิ้มกริ่ม ก้มหน้าลงมองนาฬิกาข้อมือ “งั้นพายกลับก่อนนะ พี่อริส เอ่อ.. วันนี้ อาภพไม่มารับพี่อริสหรือคะ?”

            “คงไม่มามั้ง น้องพาย ไว้เจอกัน มีอะไรก็ไลน์มาเนอะ” ตบบ่ามนเบา ๆ แล้วตวัดกระเป๋าสะพายขึ้นพาดบ่า พร้อมความตั้งใจจะประเดิมรถยนต์ใหม่ไปห้างสรรพสินค้าหรือที่ไหนสักแห่ง

            รถยนต์ของเธอ พ่อเอาไปถ่ายน้ำมันเครื่องยังทำเรื่องจุกจิกไม่คืนให้สักที ระดับอริสาเลยถอยเบนซ์ป้ายแดงมันเสียเลย ใครมันจะปล่อยให้เข้าทางพ่อชักแม่สื่อ

            พอป้าขวัญมาเที่ยวฟาร์ม ทั้งสองคนดูพยายามจับคู่เธอกับเตชินเสียเหลือเกิน

            ตั้งแต่รับประทานอาหารที่บ้านร่วมกันทุกมื้อเช้าเย็น ให้ชายหนุ่มพากันไปกินข้าวดูหนัง ซึ่งเธอคงหาเรื่องปฏิเสธได้เพียงอย่างหลัง อย่างแรกนั้นถ้าไม่ติดธุระอะไรจริง ๆ เธอต้องกลับไปรับประทานอาหารที่บ้านอยู่แล้ว

            ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอพยายามหลบหน้าป้าขวัญกับเตชิน พ่อมีเหตุผลของพ่อ เธอก็มีเหตุผลของเธอที่ไม่จำเป็นต้องยอมรับเรื่องนี้

รองเท้าผ้าใบสีขาวเข้ากันกับชุดทะมัดทะแมงก้าวไว ๆ ไปถึงประตูเลื่อนที่เปิดอ้าออกกว้าง ก่อนจะพบเจ้าของร่างสูงในชุดสูทดูหล่อเหลาลงตัวหยุดย่างก้าวลงตรงหน้า ถัดจากเธอมีลูกศิษย์คนสวยเดินตามมาติด ๆ

“พ่อ...?”

ไม่มีคำตอบรับจากผู้เป็นบิดาที่แค่เปรยยิ้ม คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นมองซ้ายทีขวาที สองหนุ่มสาวต่างวัยสบตากันครู่หนึ่งจึงทักทาย

            “สวัสดี หนูพาย”

            “สวัสดีค่ะ อาภพ” ยกมือไหว้งามช้อย บนวงหน้าหวานละมุนของขณิกามีรอยยิ้มที่อมไว้ในแก้มตุ่ย

            ดวงตาคู่สวยหรี่เล็กจนเหยียดตรง อริสาคิดว่าพักหลัง ๆ มานี้พ่อไม่ได้ตั้งใจมารับเธอ ยังชอบส่งสายตาหวานหยดย้อยให้เด็กสาวรุ่นลูก

            “เรียนเสร็จแล้วหรือเรา ป่านนี้ทำไมท่านนายพลยังไม่มาล่ะ?”

            “คุณพ่อติดงานค่ะ เลยให้ลุงนิ่มมารับพายแทน”

            “อ้าว.. งั้นพายกลับพร้อมอากับอริสดีไหม ไม่ต้องไปกับลุงคนขับหรอก”

พิภพรู้จักกับนายตำรวจใหญ่ พลตำรวจเอกปรีชาเป็นอย่างดี สนิทสนมกันมาแต่สมัยเขายังเป็นหนุ่ม ๆ  ถึงท่านจะอายุมากกว่าเกือบรอบหนึ่ง ด้วยความที่เขามีลูกเร็วตั้งแต่เรียนจบอายุยี่สิบสามปี มารดาของอริสาก็ตั้งท้อง

ในรอยยิ้มที่แฝงเขี้ยวคมตรงมุมปากพิมพ์เดียวกับลูกสาวคนสวย นายพิภพแม้อายุห้าสิบสองปีก็ดูไม่แก่เลย จนใคร ๆ ว่าเขาออกไปไหนมาไหนกับลูกนึกว่าเป็นผัวเมียควงกันไปด้วยซ้ำ

            “พายขอโทรบอกพ่อก่อนนะคะ”

            “เดี๋ยวอาโทรบอกเอง” หนุ่มใหญ่เสนอตัวก็ไม่รอช้า ยกสายขึ้นพูด หัวเราะกับนายตำรวจคนสนิทอยู่สองสามคำ ฝ่ามือหนาผายออกเชื้อเชิญ

            “พ่อเราบอกว่าเลิกงานดึก อนุญาตให้พาลูกสาวไปเที่ยวฟาร์มอาได้”

            “ขอบคุณค่ะ! อาภพ” ขณิกาดีใจตัวโยน หันไปบอกกับคนข้างกาย “พี่อริส เราจะได้เที่ยวกันแล้ว”

            เสียงใสเจื้อยแจ้วยังกับเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ  จู่ ๆ ขณิกาก็ถูกคว้ามือเข้าหมับ “ไปเร็ว.. ช้าฟาร์มปิดนะ”

            หญิงสาวที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเบิกตากว้างมองสองมือสอดประสานอย่างสนิทชิดเชื้อกันทุกง่ามนิ้วจับจูงกันไป แทบเสียการทรงตัวทั้งที่หิ้วกระเป๋าเบา ๆ อยู่แค่ใบเดียว ก็แน่ล่ะ.. พ่อเธอเคยสนใจผู้หญิงที่ไหน แล้วจับไม้จับมือรุงรังนี่มันอะไร!

“นี่ถ้าแม่เลี้ยงฉันอายุยี่สิบหก ฉันต้องเรียกนางว่าน้องหรือแม่!” เสียงกร้าวผ่านไรฟัน ร่างบางเดินฟึดฟัดตามไปด้วยอารมณ์ไม่สู้ดี ลางสังหรณ์เธอไม่มีผิดไปแน่...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • คุณหมอตัวประกอบขอเป็นพระเอก   62

    “ลูก...?” เป็นคำถามแรกของอริสา ที่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกผิดในวินาทีที่เธอไม่ควรพรวดพราดออกไปหาอันตรายอย่างนั้น ไอศูรย์พยักหน้าเบา ๆ พาความปลื้มปิติขึ้นในหัวใจ เรี่ยวแรงของเธอตอนนี้ทำได้แค่ยกมือข้างที่เต็มไปด้วยสายน้ำเกลือขึ้นสะกิดบ่าแกร่ง แม้ว่าอยากกอดเขาแน่น ๆ สักแค่ไหน “ฉันขอโทษ... พี่... เป็นห่วงฉันมากเลยใช่ไหม?” “ไม่เป็นไร... เราไม่เป็นไรพี่ก็ดีใจแล้ว” ใบหน้าหล่อเหลาเกรอะคราบน้ำตาผละออกมองดวงหน้าซีดขาวราวกระดาษ เบียดตัวนั่งลงข้างเตียง กุมมือน้อยไว้แผ่วเบา ไม่ให้เธอได้รู้สึกถึงความเจ็บแม้สักนิดกับรอยเข็มบนนั้น “ไม่เป็นไรทำไมตาแดงคะ? กินข้าวหรือยัง ได้นอนบ้างหรือเปล่าเนี่ย?” เสียงพร่าของคนป่วยตัดพ้อ อริสาสัมผัสได้ถึงมืออันอบอุ่นของชายทั้งสอง ไม่ลืมหันไปทางอีกคนที่คงหวาดกลัวไม่ต่าง จากดวงตาแดงก่ำที่พายุความโศกเศร้าได้สงบลงไปสักพัก “ไม่เป็นไรแล้วนะลูกพ่อ” ใบหน้างามพริ้มระบายยิ้มจาง ๆ “หนูไม่เป็นไร... พ่ออย่าร้องไห้ เวลาพ่อร้องไห้ พ่อจะมองอะไรไม่เห็น...” แล้วเลื่อนสายตาไปทางชายที่ยังคงจ้องหน้าเธออยู่ไม่ห่าง ไม่ได้มองคน

  • คุณหมอตัวประกอบขอเป็นพระเอก   61

    กว่าสิบชั่วโมงที่ผ่านมาเขาไม่ต่างจากคนเสียสติ ในวินาทีที่อุ้มร่างโชกเลือดไปหาอาจารย์ในโรงพยาบาลสัตว์ หยาดน้ำตาเปียกชุ่มใบหน้าอย่างที่ตัวเขาเองไม่เคยจะร้องไห้ให้ใครได้เท่านี้ แม้แต่ในวันที่แม่จากไป เขาเสียใจแต่ยังคงความเป็นบุรุษที่เข้มแข็งเช่นพ่อ รถพยาบาลที่มาได้อย่างรวดเร็วที่สุด แต่ละนาทีช่างยาวนาน ผู้ชายตัวโต ๆ อย่างเขาแค่นั่งสั่นอยู่ตรงนั้นไม่รับรู้สิ่งใดแม้เสียงเรียกของเพื่อนที่คอยให้กำลังใจอยู่ตลอด เขายังจินตนาการไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าไม่ได้เห็นรอยยิ้ม ใบหน้าสวย ๆ ของผู้หญิงคนนี้อีกตลอดไป ชีวิตที่เหลือจะเป็นอย่างไร กับลูกที่ได้เห็นหน้าเพียงครั้งผ่านจอสีเทาดำ สิ่งมีชีวิตที่ทำให้เขารักแต่แรกพบเหมือนอริสา... ความหวังอันเบาบาง เด็กที่เกิดจากความรักของเขาและเธอยังรอปาฏิหาริย์ “พี่จะรีบกลับมานะ... เราไม่ต้องห่วงพี่ พี่จะดูแลตัวเอง...” ในน้ำเสียงและแววตาแสนอ่อนโยน มือหนาค่อยเลื่อนขึ้นปัดไรผมบนขมับอย่างที่เขาชอบทำ ก่อนจะหยัดกายลุกจากเก้าอี้ที่นั่งมานานนับชั่วโมง มองเปลือกตาที่ยังคงปิดอยู่อย่างนั้น ก่อนออกจากห้องไป ชายหนุ่มตั้งใจจะตรงกลับบ้าน

  • คุณหมอตัวประกอบขอเป็นพระเอก   60

    “ไหวไหมลุงชา?” ใบหน้าซีดขาวของชายวัยหกสิบขยับเบา ๆ มือกระชับอาวุธในมือไว้เหนือเข่า แม้เลือดโชกชุ่มกาย ตัวต้นเหตุของบาดแผลฉกรรจ์นั้นนอนอยู่ข้าง ๆ ถึงห้าตัว พวกมันสามารถมีน้ำหนักตัวสูงสุดได้ถึงหกสิบสองกิโลกรัม มีอุ้งเท้าอันใหญ่โต แรงกัดมหาศาลด้วยกรามอันทรงพลังยังออกล่าเป็นฝูง หมาป่าสีเทาเกรวูฟที่กำลังหิวโหยดุร้ายถูกลักลอบมากับรถบรรทุกไม่มีป้ายทะเบียน ไม่ไกลจากฟาร์มของพิภพมากนัก คำขอความช่วยเหลือของพลตำรวจเอกปรีชา ประจวบเหมาะพอดีกับหญิงสาวจะออกไปตามล่าหาเสือโคร่ง ดันได้รางวัลเป็นหมาป่าขย้ำคอคนแก่อยู่กับลูกปืนจากพวกลักลอบค้าของเถื่อน ปัง! ปัง! กระสุนแสกผ่านเหล็กหนา เมอร์เซเดสเบนซ์สีดำสนิทรุ่นกันกระสุนของท่านนายพลอยู่ในสภาพยับเยิน ผู้หมวดสาวในร่างชายหนุ่มยิงสวนกลับไปเพียงครั้ง ก่อนแนบหลังไว้กับที่กำบัง หันไปถามนายตำรวจใหญ่ “ท่านรองกำลังเสริมใกล้ถึงรึยัง? กระสุนจะหมด...” “อือ... ข้างหน้า...” แรงตอบเฮือกสุดท้ายของพลตำรวจเอกปรีชาที่เอนร่างลงนอนพักไหล่ของหญิงสาว สติพร่าเลือนเต็มที “ลุงชา ๆ !” เรียกเสียงดัง มือเรียวเขย่าบ

  • คุณหมอตัวประกอบขอเป็นพระเอก   59

    มือหนากำหมัดแน่นแม้จะมีแค่รีโมตในมือ แววตาวาวโรจน์สาดประกายไปยังรายการตลก ซึ่งเขาไม่มีอารมณ์จะดูมันเหมือนทุก ๆ วัน “ถ้าแกจะมาตอกย้ำฉันก็ไปเถอะ… ไปไหนก็ไป...” “โธ่… พ่อ… ไอ้เมธพนธ์มันโคตรร้ายเลยนะพ่อ หนูไม่ชอบมัน ทำไมพ่อต้องเป็นแบบนี้ด้วย หนูไม่เข้าใจ” พ่อที่พูดไม่รู้เรื่องยังดีกว่าคุณพ่อเซ็งโลก ทำหูทวนลม อริสาพยายามเซ้าซี้เรื่องเดิม ๆ อยู่อย่างนั้น ทว่าคงไม่มีคำตอบจากร่างสูงในสภาพอิดโรย ขอบตาดำคล้ำด้วยความที่คงนอนคิดอะไรหลาย ๆ อย่าง จนเธอถึงกับถอนหายใจเสียงดัง ยกมือขึ้นลูบบ่าลูบหลังปลอบประโลม “พ่ออกหักยังไงพ่อยังมีหนู หนูไม่ทิ้งพ่ออยู่แล้ว... พ่อเหนื่อย พ่อหยุดงานไปนะ ดูตลกดูหนัง หนูไปทำป๊อปคอร์นให้” พิภพยิ้มเจื่อน ไม่ได้ดีใจกับคำปลอบของลูกสาวเลย ในที่สุดเขาก็ต้องถาม “อะไรนะ? แกบอกว่าฉันอกหัก?” “ใช่... พ่ออกหักแน่นอน ถ้าพ่อยังนั่งอยู่แบบนี้นะ เอาจริง ๆ ถ้าหนูเป็นพ่อ หนูปล้ำน้องพายไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เสือโหยคาบไป ป่านนี้กินอิ่มท้องไปแล้วมั้ง เอาเถอะ...ไว้หนูแนะนำเพื่อนสาว ๆ สวย ๆ เอ๊าะ ๆ ให้พ่อใหม่ส

  • คุณหมอตัวประกอบขอเป็นพระเอก   58

    “เซ็นแล้ว... ผมมีของขวัญให้พี่สาวคุณด้วยนะ แต่ว่า... มันอยู่ในมือถือ ไม่รู้ว่าอยากดูไหม?” “คุณ... หมายความว่าไง?” ขณิกาหน้าชาวาบ เพียงชายตรงหน้าสลัดคราบเทพบุตรเป็นซาตานร้ายใช่... ตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันมาขณิการู้ว่าถ้าเขาร้าย เขาจะร้ายได้แค่ไหน! “พี่ยักษ์ก็หมายความอย่างที่พูด ของขวัญให้คนรักไอ้พิภพอย่างน้องพาย อืม... แต่พี่ว่านะ มันรักลูกสาวกับเมียเก่าที่สุด ไม่มีเศษซากความรักเหลือเผื่อแผ่ให้ส่วนเกินหรอก” “คุณทำแบบนั้นไม่ได้นะคุณเมฆ อย่าไปยุ่งกับพี่อริสเลย... ที่แล้วมาก็ให้แล้วกันไปเถอะนะ พายขอ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาเว้าวอน มือเรียวเอื้อมไปแตะลงบนท่อนแขนแกร่งที่สะบัดออกอย่างไม่ไยดี “อย่ามาแตะต้องตัวผม...” ท่าทางเย็นชาของเขาสั่นคลอนหัวใจอย่างรุนแรง ริมฝีปากคู่งามเม้มเข้าหากันจนเหยียดตรง ยามสบมองวงหน้าหล่อเหลาของคนที่เคยอบอุ่น อ่อนโยนกับเธอมาเสมอ “พี่สาวคุณก็ทำร้ายคนของผมนะอย่าลืม ที่เล่นอะไรแบบเด็ก ๆ น่ะ คุณเมฆไม่ทำ ผมเป็นคนเล่นใหญ่” “คุณเมฆ... คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย... คุยกับพายดี ๆ ได้ไหม

  • คุณหมอตัวประกอบขอเป็นพระเอก   57

    นายหัวฟาร์มม้าดูจะทำตัวหม่นหมองลงทุกวันจนคนรอบกายพลอยเครียดตาม สิ่งหนึ่งที่เธอชื่นชมขณิกาคือไม่หวั่นไหวไปกับผู้ชายมากคารมอย่างเมธพนธ์ที่ไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ยังมีฐานะร่ำรวยกับธุรกิจสีเทาที่จับอยู่ ความเจ้าเล่ห์ของนายเมธพนธ์นับว่าเป็นตัวร้ายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขณะที่อีกคนไม่ได้เข้าใจในความหมายของเธอเลย หันกลับไปทางภรรยาที่เสียชีวิตในวัยสามสิบเจ็ดปี “แกไม่รักแม่แกแล้วหรือ? อริส” หญิงสาวสะบัดศีรษะอย่างหัวเสีย และที่ว่าจะไม่พูดก็ไม่น่าไหว... “แม่ตายไปตั้งกี่ปีแล้วพ่อ นี่คือชีวิตของคนเป็น คนที่ต้องเอาใจใส่คือคนที่ยังอยู่ ไม่ใช่คนตาย” หัวใจหนุ่มใหญ่พลันกระตุกวาบกับคำพูดตรง ๆ ของลูกสาว เขาไม่เคยสนใจความสุขนั้นเลย ยังพยายามยัดเยียดความคิดให้ลูกแต่งงานกับเตชิน เพราะเป็นความต้องการของคนตาย... เพราะเขาเป็นฆาตกร... ยังไม่สามารถทำตามคำสั่งเสียสุดท้ายของภรรยาได้ ดวงตาคู่คมเอ่อคลอหยดน้ำใสกับทุกความรู้สึกผิดในอดีต เสียงทุ้มสั่นเครือ “มาไหว้แม่ก่อน” หน้าเจดีย์ที่มีกระเบื้องหลากสีใต้ร่มไม้ พ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status