“พ่อคะ..” เรียกครั้งหนึ่งผ่านประตูรถเมอร์ซิเดสเบนซ์สีดำสนิท ขณะที่คนพ่อดันแย่งหน้าที่สารถีเปิดประตูให้หญิงสาวนั่ง ทำท่าจะก้าวตามในฝั่งเดียวกันข้างหลัง มันควรเป็นที่นั่งของเธอไม่ใช่เรอะ
“พ่อ!”
ใบหน้าหล่อเหลาที่มีริ้วรอยเล็กน้อยหนีวัยไปมากหันหลังมองลูกสาวที่เพิ่งตะคอกใส่เขา ยังยกมือพรวดผลักประตูปิดลงดื้อ ๆ
“เจอสาวน้อยวัยขบเผาะเรียกไม่ได้ยินเลยนะพ่อ...”
ในน้ำเสียงปรกติเป็นเพราะว่าเธอไม่ใช่คนยิ้มเก่งคงดูเหมือนไม่พอใจ พิภพหน้าเข้มเครียดปราม
“อะไรอีกล่ะ? พ่อกำลังเทคแคร์ลูกหลานอีกคน ลูกสาวท่านนายพล มีอะไรเดือดร้อน ท่านเส้นสายใหญ่โต ช่วยฟาร์มเราได้รู้ไหม?”
สายตาแบบนั้นมันโคแก่จ้องเขมือบหญ้าอ่อนชัด ๆ!
“หยุดคิดเลย.. แกน่ะ”
ไม่คิดก็บ้าแล้ว! เรียวปากบางเม้มเข้าหากัน อริสาเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะยอมรับหากพ่ออยากแต่งงานใหม่ แต่กับเด็กรุ่นลูกที่อายุน้อยกว่าเธอ เธอคงต้องขอเวลาปรับตัว..
ในความสนิทสนมของสองพ่อลูกที่อยู่ด้วยกันมาตลอด บางคราวก็เป็นความสัมพันธ์ฉันเพื่อนเสียมากกว่าผู้อยู่ในโอวาท กะพริบตามองกันแค่เสี้ยวนาที อริสาสะบัดหน้าไปอีกทาง เอาลิ้นดันกระพุงแก้มทีหนึ่ง
“พ่ออยากทำอะไรหนูตามใจพ่ออยู่แล้ว แต่ระวังไว้เหอะ ไม่รู้ไม่ชี้ไม่ช่วยนะ บอกเลย”
พิภพแค่นหัวเราะ “นับวันยิ่งบ้านะแกน่ะ พ่อจะไปคิดอะไรกับเด็กรุ่นลูก... ไปกันได้แล้ว รถแกจอดไว้นี่แหละ พรุ่งนี้ค่อยมาเอา”
ประตูรถยนต์ปิดลงอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏอยู่ตรงมุมปากงาม อริสานั้นนั่งอยู่ข้างนายสารถีประจำบ้าน แทบอดใจไม่ไหวที่จะเค้นเอาความจริง เธอจึงเฝ้ารอโอกาสยามลอบมองคนทั้งสองผ่านกระจกบานเล็กเหนือศีรษะ
“พายอยากทานอะไร? อาจะได้โทรบอกพ่อครัวให้เตรียมไว้ให้” พิภพก้มหน้าลงบอกหญิงสาวที่ส่งยิ้มหวานตอบ
“พายยังไม่ค่อยหิวเท่าไรค่ะอาภพ ก่อนเข้าเรียนพายทานกับพี่อริสมาหน่อยแล้วค่ะ” ขณิการวบมือประสานไว้บนหน้าตัก ดูเกร็ง ๆ อยู่ไม่น้อย ยิ่งถูกจ้องจนหน้าจะทะลุด้วยสายตาคู่สวยใต้อายไลน์เนอร์คมกริบ
อริสากำลังคิดอยู่ว่าทั้งสองคนรู้จักกันเมื่อไร...
หรือจะเป็นเมื่อหลายเดือนก่อน...?
หลังจากที่ขณิกากลับมาอยู่โคราชกับบิดา นายตำรวจใหญ่ที่ประจำการอยู่ที่นี่เพราะคดียาเสพติด พลตำรวจเอกปรีชาจึงถือโอกาสพาลูกสาวมาแนะนำให้เจ้าของรีสอร์ตฟาร์มม้ารู้จัก จากนั้นหญิงสาวยี่สิบหกปีผู้มีแววตาใสซื่อบริสุทธิ์ดุจผ้าขาวสะอาด คงหยอดยาเสน่ห์ใส่นายพิภพตอนไหนไม่รู้ได้
“พ่อ... เมื่อกี้พ่อพูดว่าอะไรนะ? ช่วงนี้สมองหนูเบลอ ๆ จำอะไรไม่ค่อยได้เลยค่ะ” เสียงราบเรียบถาม ในหน้าตาใสซื่อของบุตรสาวผู้พยายามลอกเลียนกิริยาของหญิงสาวอีกคนในรถยนต์ที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ
พิภพละสายตาวูบไหวจากเจ้าของใบหน้าสดสวย มองไปทางคนข้างหน้าอย่างสงสัย “อะไรของลูกน่ะ?”
“หนูถามว่าก่อนที่พ่อจะขึ้นรถมา พ่อพูดอะไรกับหนู? หนูลืม เลยถามพ่ออีกทีไง”
“จอดรถไว้ที่นี่ พรุ่งนี้ค่อยมาเอา ทำไมแค่นี้จำไม่ได้?” วงหน้าหล่อเหลาเจือแววไม่พอใจ หนุ่มใหญ่วัยห้าสิบสองไม่มีท่าทีว่าจะยอมอ่อนให้ลูกสาวซึ่งต้องการคำตอบจากเขาเสียให้ได้
“ก่อนหน้านั้น ก่อนหน้าที่พ่อบอกว่าให้จอดรถไว้ที่นี่ พ่อพูดอะไร?”
“ขนาดแกยังจำไม่ได้ ฉันอายุปูนนี้ จะไปจำได้ได้ยังไง”
“พ่อจะพูดหรือจะให้หนูพูด?” ถ้อยคำประกาศิต นัยน์ตาคู่สวยสาดประกายมาดหมายผ่านกระจกบานเล็กทะลุไปข้างหลัง สะท้อนความรู้สึกของสองหนุ่มสาวต่างวัย
เส้นขนานบาง ๆ ที่แค่สะกิดเบา ๆ ก็ขาดสะบั้น
“พ่อจะไป... คิดอะไรกับเด็กรุ่นลูก” สุ้มเสียงแผ่วเบาออกมาจากลำคอ พิภพสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งด้วยสีหน้าเข้มขรึม ขณะที่เจ้าของแววตาคู่สวยเอ่อคลอยังคงจับจ้องหนุ่มรุ่นพ่ออย่างไม่ละวาง
“อืม... เห็นพายบอกว่านัดเพื่อนไว้หรือเปล่า? พี่ได้ยินอยู่นะ”
ขณิกาหน้าซีดเผือดไร้เม็ดสี ละล่ำละลักเอ่ย “ออ... พายลืมไปเลย... รบกวนส่งพายข้างหน้านี้นะคะ”
“อาจะส่งพายลงตรงนี้ได้ไง พ่อพายฝากพายไว้กับอา พายไปหาเพื่อนตอนนี้ อาก็เสียคนหมดสิ” พิภพออกตัวทันที ทว่าคงไม่ทัน
“จอดรถ... ลุงเษม”
สารถีประจำบ้านอย่างคุณเกษมเลิ่กลั่กมองหาที่จอดรถยนต์ อย่างไม่รอคำสั่งของเจ้าของบ้านตัวจริง ในเมื่ออำนาจเด็ดขาดในบ้านเป็นของหญิงสาวที่ควบคุมทั้งพนักงานในฟาร์มและคนงานทุกคน ไม่มีใครอยากเห็นอริสาโมโหเป็นแน่
และเมื่อรถยนต์จอดสนิทดี พิภพได้แต่มองสาวรุ่นลูกปิดประตูออกจากรถไปอย่างนึกผูกใจเจ็บ
“พ่อจะกลับบ้านกับหนู หรือจะไปดูลูกคนอื่น?”
“พ่อก็ต้องกลับบ้านกับหนูอยู่แล้ว พ่อมีลูกสาวคนเดียวนี่” ตอบเต็มปากเต็มคำ ต่างคนสบตากันผ่านกระจกด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง พิภพไม่สามารถทรยศภรรยา ผู้ร่ำลาจากโลกใบนี้ไปถึงสิบปี เขาไม่ได้รู้ว่าอริสานั้นมีความคิดอีกอย่าง
ความสุขของพ่อเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งเสมอ เธอไม่อยากให้พ่อต้องแก่ตายไปลำพังพอ ๆ กับที่พ่อไม่อยากให้เธอต้องเผชิญความโดดเดี่ยวเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แค่เจ้าเล่ห์ไปตามประสา...
“ดีค่ะ แต่พ่อต้องลงตรงนี้ เพราะหนูเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า...” เงียบไปครู่ “ไม่ควรปล่อยให้ลูกศิษย์คนสวยเดินร้องไห้กลับบ้านคนเดียว กว่าลุงคนขับน้องพายจะมา สวย ๆ แบบนี้ คงได้ถูกไอ้หื่นที่ไหนฉุดเข้าป่าก่อนล่ะมั้ง”
ไม่ขาดคำดี เจ้าของร่างสูงสะบัดสูทกระโจนกายออกจากรถยนต์รวดเร็วเสียยิ่งกว่าอะไร อริสาได้แต่หัวเราะหึหึในลำคอ ขนาดว่าลุงเกษมยังอดขำไม่ไหว กับแผนการของนายผู้หญิงประจำฟาร์ม
สายฝนโปรยปรายลงมาในอีกครู่หนึ่งราวกับฟ้าเป็นใจให้คนทั้งคู่ หลังจัดการพ่อสื่อให้ไปจัดการธุระของตัวเอง จะได้ไม่มาวุ่นวายกับเธอช่วงเย็นนี้ อริสาดันนึกถึงชายหนุ่มอีกคน
“ลุงเษม.. ผ่านหน้าคลินิกให้หน่อยนะคะ ฉันว่าจะแวะซื้อขนมให้เจ้าที่รัก มันนอนซมอยู่ที่บ้านไม่ได้มาด้วยวันนี้”
บางครั้งเจ้าที่รักจะตามเธอมาสนามปืนด้วย แม้ว่ามันเกลียดเสียงปืนเสียจนต้องนอนปิดหู เรียกเสียงหัวเราะและสายตาเอ็นดูจากผู้คนในสนาม มันจึงได้รับสิทธิพิเศษให้นอนหลบอยู่ด้านนอก
เธอรู้สึกผิดกับมันอีกอย่างหนึ่งจนต้องซื้อขนมให้เป็นการไถ่โทษ เพราะดันอยากให้มันป่วยจะได้ไปหาหมอ!
“ลูก...?” เป็นคำถามแรกของอริสา ที่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกผิดในวินาทีที่เธอไม่ควรพรวดพราดออกไปหาอันตรายอย่างนั้น ไอศูรย์พยักหน้าเบา ๆ พาความปลื้มปิติขึ้นในหัวใจ เรี่ยวแรงของเธอตอนนี้ทำได้แค่ยกมือข้างที่เต็มไปด้วยสายน้ำเกลือขึ้นสะกิดบ่าแกร่ง แม้ว่าอยากกอดเขาแน่น ๆ สักแค่ไหน “ฉันขอโทษ... พี่... เป็นห่วงฉันมากเลยใช่ไหม?” “ไม่เป็นไร... เราไม่เป็นไรพี่ก็ดีใจแล้ว” ใบหน้าหล่อเหลาเกรอะคราบน้ำตาผละออกมองดวงหน้าซีดขาวราวกระดาษ เบียดตัวนั่งลงข้างเตียง กุมมือน้อยไว้แผ่วเบา ไม่ให้เธอได้รู้สึกถึงความเจ็บแม้สักนิดกับรอยเข็มบนนั้น “ไม่เป็นไรทำไมตาแดงคะ? กินข้าวหรือยัง ได้นอนบ้างหรือเปล่าเนี่ย?” เสียงพร่าของคนป่วยตัดพ้อ อริสาสัมผัสได้ถึงมืออันอบอุ่นของชายทั้งสอง ไม่ลืมหันไปทางอีกคนที่คงหวาดกลัวไม่ต่าง จากดวงตาแดงก่ำที่พายุความโศกเศร้าได้สงบลงไปสักพัก “ไม่เป็นไรแล้วนะลูกพ่อ” ใบหน้างามพริ้มระบายยิ้มจาง ๆ “หนูไม่เป็นไร... พ่ออย่าร้องไห้ เวลาพ่อร้องไห้ พ่อจะมองอะไรไม่เห็น...” แล้วเลื่อนสายตาไปทางชายที่ยังคงจ้องหน้าเธออยู่ไม่ห่าง ไม่ได้มองคน
กว่าสิบชั่วโมงที่ผ่านมาเขาไม่ต่างจากคนเสียสติ ในวินาทีที่อุ้มร่างโชกเลือดไปหาอาจารย์ในโรงพยาบาลสัตว์ หยาดน้ำตาเปียกชุ่มใบหน้าอย่างที่ตัวเขาเองไม่เคยจะร้องไห้ให้ใครได้เท่านี้ แม้แต่ในวันที่แม่จากไป เขาเสียใจแต่ยังคงความเป็นบุรุษที่เข้มแข็งเช่นพ่อ รถพยาบาลที่มาได้อย่างรวดเร็วที่สุด แต่ละนาทีช่างยาวนาน ผู้ชายตัวโต ๆ อย่างเขาแค่นั่งสั่นอยู่ตรงนั้นไม่รับรู้สิ่งใดแม้เสียงเรียกของเพื่อนที่คอยให้กำลังใจอยู่ตลอด เขายังจินตนาการไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าไม่ได้เห็นรอยยิ้ม ใบหน้าสวย ๆ ของผู้หญิงคนนี้อีกตลอดไป ชีวิตที่เหลือจะเป็นอย่างไร กับลูกที่ได้เห็นหน้าเพียงครั้งผ่านจอสีเทาดำ สิ่งมีชีวิตที่ทำให้เขารักแต่แรกพบเหมือนอริสา... ความหวังอันเบาบาง เด็กที่เกิดจากความรักของเขาและเธอยังรอปาฏิหาริย์ “พี่จะรีบกลับมานะ... เราไม่ต้องห่วงพี่ พี่จะดูแลตัวเอง...” ในน้ำเสียงและแววตาแสนอ่อนโยน มือหนาค่อยเลื่อนขึ้นปัดไรผมบนขมับอย่างที่เขาชอบทำ ก่อนจะหยัดกายลุกจากเก้าอี้ที่นั่งมานานนับชั่วโมง มองเปลือกตาที่ยังคงปิดอยู่อย่างนั้น ก่อนออกจากห้องไป ชายหนุ่มตั้งใจจะตรงกลับบ้าน
“ไหวไหมลุงชา?” ใบหน้าซีดขาวของชายวัยหกสิบขยับเบา ๆ มือกระชับอาวุธในมือไว้เหนือเข่า แม้เลือดโชกชุ่มกาย ตัวต้นเหตุของบาดแผลฉกรรจ์นั้นนอนอยู่ข้าง ๆ ถึงห้าตัว พวกมันสามารถมีน้ำหนักตัวสูงสุดได้ถึงหกสิบสองกิโลกรัม มีอุ้งเท้าอันใหญ่โต แรงกัดมหาศาลด้วยกรามอันทรงพลังยังออกล่าเป็นฝูง หมาป่าสีเทาเกรวูฟที่กำลังหิวโหยดุร้ายถูกลักลอบมากับรถบรรทุกไม่มีป้ายทะเบียน ไม่ไกลจากฟาร์มของพิภพมากนัก คำขอความช่วยเหลือของพลตำรวจเอกปรีชา ประจวบเหมาะพอดีกับหญิงสาวจะออกไปตามล่าหาเสือโคร่ง ดันได้รางวัลเป็นหมาป่าขย้ำคอคนแก่อยู่กับลูกปืนจากพวกลักลอบค้าของเถื่อน ปัง! ปัง! กระสุนแสกผ่านเหล็กหนา เมอร์เซเดสเบนซ์สีดำสนิทรุ่นกันกระสุนของท่านนายพลอยู่ในสภาพยับเยิน ผู้หมวดสาวในร่างชายหนุ่มยิงสวนกลับไปเพียงครั้ง ก่อนแนบหลังไว้กับที่กำบัง หันไปถามนายตำรวจใหญ่ “ท่านรองกำลังเสริมใกล้ถึงรึยัง? กระสุนจะหมด...” “อือ... ข้างหน้า...” แรงตอบเฮือกสุดท้ายของพลตำรวจเอกปรีชาที่เอนร่างลงนอนพักไหล่ของหญิงสาว สติพร่าเลือนเต็มที “ลุงชา ๆ !” เรียกเสียงดัง มือเรียวเขย่าบ
มือหนากำหมัดแน่นแม้จะมีแค่รีโมตในมือ แววตาวาวโรจน์สาดประกายไปยังรายการตลก ซึ่งเขาไม่มีอารมณ์จะดูมันเหมือนทุก ๆ วัน “ถ้าแกจะมาตอกย้ำฉันก็ไปเถอะ… ไปไหนก็ไป...” “โธ่… พ่อ… ไอ้เมธพนธ์มันโคตรร้ายเลยนะพ่อ หนูไม่ชอบมัน ทำไมพ่อต้องเป็นแบบนี้ด้วย หนูไม่เข้าใจ” พ่อที่พูดไม่รู้เรื่องยังดีกว่าคุณพ่อเซ็งโลก ทำหูทวนลม อริสาพยายามเซ้าซี้เรื่องเดิม ๆ อยู่อย่างนั้น ทว่าคงไม่มีคำตอบจากร่างสูงในสภาพอิดโรย ขอบตาดำคล้ำด้วยความที่คงนอนคิดอะไรหลาย ๆ อย่าง จนเธอถึงกับถอนหายใจเสียงดัง ยกมือขึ้นลูบบ่าลูบหลังปลอบประโลม “พ่ออกหักยังไงพ่อยังมีหนู หนูไม่ทิ้งพ่ออยู่แล้ว... พ่อเหนื่อย พ่อหยุดงานไปนะ ดูตลกดูหนัง หนูไปทำป๊อปคอร์นให้” พิภพยิ้มเจื่อน ไม่ได้ดีใจกับคำปลอบของลูกสาวเลย ในที่สุดเขาก็ต้องถาม “อะไรนะ? แกบอกว่าฉันอกหัก?” “ใช่... พ่ออกหักแน่นอน ถ้าพ่อยังนั่งอยู่แบบนี้นะ เอาจริง ๆ ถ้าหนูเป็นพ่อ หนูปล้ำน้องพายไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เสือโหยคาบไป ป่านนี้กินอิ่มท้องไปแล้วมั้ง เอาเถอะ...ไว้หนูแนะนำเพื่อนสาว ๆ สวย ๆ เอ๊าะ ๆ ให้พ่อใหม่ส
“เซ็นแล้ว... ผมมีของขวัญให้พี่สาวคุณด้วยนะ แต่ว่า... มันอยู่ในมือถือ ไม่รู้ว่าอยากดูไหม?” “คุณ... หมายความว่าไง?” ขณิกาหน้าชาวาบ เพียงชายตรงหน้าสลัดคราบเทพบุตรเป็นซาตานร้ายใช่... ตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันมาขณิการู้ว่าถ้าเขาร้าย เขาจะร้ายได้แค่ไหน! “พี่ยักษ์ก็หมายความอย่างที่พูด ของขวัญให้คนรักไอ้พิภพอย่างน้องพาย อืม... แต่พี่ว่านะ มันรักลูกสาวกับเมียเก่าที่สุด ไม่มีเศษซากความรักเหลือเผื่อแผ่ให้ส่วนเกินหรอก” “คุณทำแบบนั้นไม่ได้นะคุณเมฆ อย่าไปยุ่งกับพี่อริสเลย... ที่แล้วมาก็ให้แล้วกันไปเถอะนะ พายขอ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาเว้าวอน มือเรียวเอื้อมไปแตะลงบนท่อนแขนแกร่งที่สะบัดออกอย่างไม่ไยดี “อย่ามาแตะต้องตัวผม...” ท่าทางเย็นชาของเขาสั่นคลอนหัวใจอย่างรุนแรง ริมฝีปากคู่งามเม้มเข้าหากันจนเหยียดตรง ยามสบมองวงหน้าหล่อเหลาของคนที่เคยอบอุ่น อ่อนโยนกับเธอมาเสมอ “พี่สาวคุณก็ทำร้ายคนของผมนะอย่าลืม ที่เล่นอะไรแบบเด็ก ๆ น่ะ คุณเมฆไม่ทำ ผมเป็นคนเล่นใหญ่” “คุณเมฆ... คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย... คุยกับพายดี ๆ ได้ไหม
นายหัวฟาร์มม้าดูจะทำตัวหม่นหมองลงทุกวันจนคนรอบกายพลอยเครียดตาม สิ่งหนึ่งที่เธอชื่นชมขณิกาคือไม่หวั่นไหวไปกับผู้ชายมากคารมอย่างเมธพนธ์ที่ไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ยังมีฐานะร่ำรวยกับธุรกิจสีเทาที่จับอยู่ ความเจ้าเล่ห์ของนายเมธพนธ์นับว่าเป็นตัวร้ายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขณะที่อีกคนไม่ได้เข้าใจในความหมายของเธอเลย หันกลับไปทางภรรยาที่เสียชีวิตในวัยสามสิบเจ็ดปี “แกไม่รักแม่แกแล้วหรือ? อริส” หญิงสาวสะบัดศีรษะอย่างหัวเสีย และที่ว่าจะไม่พูดก็ไม่น่าไหว... “แม่ตายไปตั้งกี่ปีแล้วพ่อ นี่คือชีวิตของคนเป็น คนที่ต้องเอาใจใส่คือคนที่ยังอยู่ ไม่ใช่คนตาย” หัวใจหนุ่มใหญ่พลันกระตุกวาบกับคำพูดตรง ๆ ของลูกสาว เขาไม่เคยสนใจความสุขนั้นเลย ยังพยายามยัดเยียดความคิดให้ลูกแต่งงานกับเตชิน เพราะเป็นความต้องการของคนตาย... เพราะเขาเป็นฆาตกร... ยังไม่สามารถทำตามคำสั่งเสียสุดท้ายของภรรยาได้ ดวงตาคู่คมเอ่อคลอหยดน้ำใสกับทุกความรู้สึกผิดในอดีต เสียงทุ้มสั่นเครือ “มาไหว้แม่ก่อน” หน้าเจดีย์ที่มีกระเบื้องหลากสีใต้ร่มไม้ พ