บทที่ 12 แค่ทางผ่าน
ตอนเย็นหลังเลิกเรียน
“รดาแล้ววันนี้แกกลับบ้านยังไง ให้ฉันไปส่งไหม” เชอรี่ถามขึ้นเมื่อสี่สาวเดินออกจากห้องเรียนวิชาสุดท้ายในช่วงเย็น
“นั่งรถเมล์แหละแต่ฉันกะว่าจะแวะเอาโทรศัพท์เข้าไปเช็กที่ศูนย์ก่อนแล้วค่อยกลับห้องน่ะ”
“ถ้างั้นก็แยกย้าย ไว้เจอกันพรุ่งนี้ บายมึง”
ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง
ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองศูนย์รวมสินค้าแบรนด์ดัง คราคลั่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังเดินขวักไขว่สวนกันไปมา บ้างก็กำลังซื้อของ บ้างก็มาดูหนังรวมถึงทานข้าว ร้านค้าร้านอาหารเนืองแน่นไปด้วยผู้คน รดาขึ้นบันไดเลื่อนมายังบริเวณชั้น3 ของห้างซึ่งเป็นพื้นที่แหล่งรวมสินค้าไอทีและโทรศัพท์มือถือ โซนฝั่งซ้ายของห้างคือจุดมุ่งหมายของรดาซึ่งเป็นที่ตั้งของช็อปและศูนย์บริการของโทรศัพท์ยี่ห้อดัง
เท้าเล็กเดินเลี้ยวเข้าไปทันทีเมื่อเห็นป้ายโลโก้เดียวกันกับที่ติดอยู่บนโทรศัพท์ของเธอ ภายในช็อปเต็มไปด้วยนักชอปปิ้งที่กำลังเลือกซื้อโทรศัพท์เพราะวันนี้เป็นวันแรกในการวางขายโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดในไทยที่พึ่งเปิดตัวที่ต่างประเทศเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
“พี่คะ ช่วยเช็กโทรศัพท์ให้หน่อยค่ะ อยู่ดีๆ เครื่องมันก็ดับไป” รดายื่นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังที่ตกรุ่นเพราะซื้อมาหลายปีให้กับเจ้าหน้าที่ที่ยืนรอต้อนรับและบริการอยู่ด้านใน
“รอสักครู่นะครับ ทางเราขอเช็กตัวเครื่องสักครู่” ระหว่างรอรดาก็เดินดูโทรศัพท์เครื่องใหม่ไปพลางๆ แต่เมื่อเห็นราคาที่ติดอยู่กับป้ายบอกสเปคเครื่องถึงกับต้องรีบวางทันทีเพราะราคาของโทรศัพท์แต่ละเครื่องนั้นสามารถจ่ายค่าอยู่ค่ากินของเธอได้หลายเดือน
“ทางช็อปเช็กให้แล้วนะครับปรากฏว่าหน้าจอเสีย ต้องเปลี่ยนหน้าจอใหม่แต่ราคาเปลี่ยนค่อนข้างแพงเพราะตอนนี้เครื่องของลูกค้าหมดประกันศูนย์แล้วและเครื่องของลูกค้าก็ตกรุ่นมาหลายปีถ้าจะเปลี่ยนผมว่าไม่คุ้มนะครับ ผมแนะนำให้ลูกค้าดูเครื่องตัวใหม่จะดีกว่านะครับ ลองเลือกดูก่อนได้ครับ ตอนนี้ทางช็อปของเรากำลังจัดโปรโมชั่นอยู่หลายรุ่นนะครับ” ความหวังอันน้อยนิดของรดาพังลงทันทีเมื่อเจ้าหน้าที่บอกว่าโทรศัพท์เธอไม่สามารถซ่อมได้
เงินเก็บที่มีอยู่ในบัญชีก็เหลือแค่พอใช้จ่ายถึงแค่เรียนจบเท่านั้น ถ้าเธอแบ่งเงินตรงส่วนนี้ออกมาซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่การเงินของเธอต้องมีปัญหาแน่ๆ เพราะตอนนี้ก็ใกล้จะฝึกงานและทำวิทยานิพนธ์คงไม่มีเวลาว่างไปทำงานพาร์ททามอย่างแต่ก่อน
“ขอบคุณค่ะ” รดารับโทรศัพท์เครื่องเก่าแล้วรีบเก็บใส่กระเป๋าและเดินออกจากซ็อปทันที ระหว่างนั่งรถเมล์กลับบ้านก็คิดมาตลอดทางว่าจะทำอย่างไรดีเพราะโทรศัพท์ก็เป็นปัจจัยที่5 ต้องใช้ติดต่อกับเพื่อน อีกอย่างกลัวว่าแม่และพี่ชายโทรมาแล้วไม่สามารถติดต่อเธอได้ เมื่อกลับมาถึงห้องพักจึงตัดสินใจต่อสายหาใครบางคน
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด รอสายสักพักคนปลายสายก็กดรับ
“มีธุระอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามานั้นเป็นใคร
“เอ่อ..คือ..หนู” รดาอ้ำอึ้งไม่กล้าเอ่ยบอกออกไป
“อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละวันนี้จะรู้เรื่องไหม มีอะไรก็พูดมาผมไม่ว่างรอฟังคุณทั้งวันหรอกนะ”
“คือ โทรศัพท์หนูพังหน้าจอมันเสียและตอนนี้หนูก็ยังไม่มีเงินที่จะซื้อใหม่ หนูก็เลยจะขอยืมโทรศัพท์เครื่องนี้ของคุณหมอใช้ก่อนสักพัก ไว้หนูหาเงินซื้อเครื่องใหม่ได้แล้วหนูจะรีบเอาไปคืนนะคะ” รดาร่ายยาวออกมาโดยไม่เว้นจังหวะหายใจ เมื่อพูดจบถึงขั้นหายใจหอบเหนื่อย กว่าจะรวบรวมความกล้าพูดประโยคพวกนั้นออกมาเธอต้องใช้พลังงานอย่างมาก
“เครื่องนั้นผมไม่ค่อยได้ใช้แล้วมันก็ตกรุ่นแล้วผมให้คุณเลยแล้วกัน เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้มันจะพังเสียเปล่าๆ”
“ขอบคุณค่ะ ถ้ามีงานอะไรที่หนูพอช่วยคุณหมอได้บอกหนูได้เลยนะคะ” เสียงเจื้อยแจ้วตอบกลับมาด้วยความดีใจโดยลืมไปว่าเธอนั้นยังเรียนหนังสือไม่จบและงานของกองทัพแต่ละงานนั้นต้องอาศัยความรู้ความสามารถเฉพาะด้าน เธอเองคงช่วยได้แค่จัดเรียงเอกสารหรือพิมพ์งานแค่นั้น
“พรุ่งนี้เลิกเรียนกี่โมง” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นเมื่อนึกอะไรบางอย่างในหัวออก
“มีเรียนแค่ตอนเช้าค่ะ”
“เลิกเรียนเข้ามาหาผมที่โรงพยาบาล”
“เอ่อ..ค่ะ”
เมื่อวางสายจากกองทัพคนตัวเล็กก็เดินไปหยิบแจ็กเกตสองตัวที่ซักไว้จนแห้งเพื่อมารีดก่อนที่จะนำไปคืนให้เจ้าของในวันพรุ่งนี้ โทรศัพท์มือถือถูกหยิบขึ้นมาเสิร์ชหาวิธีรีดและระดับไฟที่เหมาะสมเพราะกลัวทำเสื้อพัง ผ้าแต่ละชนิดใช้ไฟในการรีดที่แตกต่างกันโดยเฉพาะเสื้อราคาแพงแบบนี้มักจะทอด้วยกรรมวิธีแบบพิเศษ จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ขืนเธอทำเสื้อสองตัวนี้พังคงต้องทำงานหลายปีกว่าจะซื้อมาคืนเขาได้
รดาลงมือรีดเสื้อผ้าอย่างทะนุถนอม แจ็กเกตสองตัวใช้เวลารีดนานกว่าสองชั่วโมง รีดจนเรียบทุกระเบียบนิ้วก่อนจะนำไปแขวนไว้ที่ราวรอให้ความร้อนระเหยออกไปหมดก่อนจะพับใส่ถุงผ้าเพื่อนำไปคืนชายหนุ่มในวันพรุ่งนี้
“เฮ้อ! เสร็จสักที ต้องทำงานอีกกี่ปีถึงจะซื้อเสื้อตัวนี้ได้นะ” รดามองแจ็กเกตยีนแบรนด์ดังรุ่นลิมิเต็ดที่แขวนอยู่บนราวตาละห้อย เสื้อตัวละเป็นแสนต้องทำงานมีรายได้เดือนละเท่าไหร่ถึงจะสามารถซื้อได้โดยไม่เสียดายเงิน
เช้าวันรุ่งขึ้น
รดาหอบข้าวของพะรุงพะรัง มือขวาถือกระเป๋าผ้าที่ข้างในเต็มไปด้วยหนังสือ3-4เล่ม มือซ้ายถือถุงผ้าด้านในบรรจุแจ็กเกตตัวใหญ่สองตัว สะพายกระเป๋าใบเล็กเดินลงจากตึกเพื่อไปเรียน เท้าเล็กเดินออกไปยังป้ายรถเมล์เพื่อเรียกแท็กซี่เพราะวันนี้ถือของเยอะ จะขึ้นรถเมล์ก็คงไม่เหมาะ
ปี๊ก! ปี๊ก! ปี๊ก! เสียงบีบแตรดังขึ้นเสียงดัง เมื่อหันไปมองก็เจอกับรถลัมโบร์กินีสีดำจอดอยู่กระจกสีดำมืดปิดสนิท รดาหันไปมองแค่แว็บเดียวก็หันไปสนใจแท็กซี่ที่กำลังขับมาทางนี้พอดี
“ขึ้นรถ” กระจกรถถูกเลื่อนลงเผยให้เห็นชายหนุ่มที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับ
“คุณมาทำอะไรแถวนี้คะ” รดาตะโกนถามเสียงดังแข่งกับเสียงรถที่สัญจรวิ่งผ่านไปมา
“อย่ามัวแต่ถาม ตรงนี้เป็นที่จอดรถสาธารณะ เอาของไปเก็บหน้ารถแล้วรีบขึ้นมา” กองทัพเอ่ยบอกเสียงดุเพราะตอนนี้ตนกำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนหมู่มากที่กำลังยืนรอรถเมล์อยู่ ไม่รู้ว่าในใจนั้นกำลังก่นด่าตนที่มาจอดรถขวางทางรถโดยสารหรือกำลังชื่นชมความหล่อของตนกันแน่
รดาวิ่งหน้าตื่นไปยังด้านหน้ารถเพื่อเอาของไปเก็บขณะที่กองทัพได้เปิดฝากระโปรงรออยู่นานแล้ว
“เรียบร้อยค่ะ แล้วสรุปคุณหมอมาทำอะไรแถวนี้แต่เช้าคะ” เมื่อขึ้นนั่งเบาะนั่งด้านข้างคนขับเรียบร้อยแล้ว รดาก็เอ่ยถามคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบอีกครั้ง
“แค่ขับผ่านมา” ให้คำตอบเพียงแค่นั้น สายตาจับจ้องการจราจรที่ติดขัดตรงหน้า มือข้างขวาจับพวงมาลัยส่วนมือซ้ายกำลังกดโทรศัพท์พิมพ์อะไรสักอย่างในแอปพลิเคชันไลน์
“ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถมันอันตรายนะคะ” รดาละสายตาจากการจราจรตรงหน้ามาสนใจชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่เป็นคนขับรถซึ่งขณะนี้กำลังทำสิ่งที่สุ่มเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุ
“อะไรคะ” โทรศัพท์เครื่องหรูถูกยื่นมาตรงหน้าเด็กสาวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ไม่ให้ผมใช้โทรศัพท์ก็ช่วยผมพิมพ์สิ”
“แล้วทำไมไม่โทรเอาล่ะคะ จะมัวพิมพ์ให้เสียเวลาทำไม” รดาถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ทำไมคนเราชอบทำอะไรยุ่งยากมานั่งพิมพ์ข้อความยาวเหยียดกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง ถ้าเปลี่ยนเป็นการโทรจะง่ายกว่าไหม สมัยนี้ค่าโทรถูกจะตายเผลอๆ ใช้แพ็กเกตโทรฟรีทุกเครือข่ายด้วยซ้ำ
“ถ้าโทรไปมันรับ ผมจะมานั่งพิมพ์ข้อความทำไม”
“ขนาดโทรไปยังไม่รับเลย แล้วพิมพ์ข้อความไปเขาจะอ่านเหรอคะ”
“เป็นเด็กหรือไง ถึงมีคำถามอะไรเยอะแยะขนาดนี้” เสียงทุ้มดุออกมาเสียงเข้มแต่ไม่จริงจังนัก นิ้วเล็กหยิบโทรศัพท์มาถือไว้ในมือหน้าง้ำงอแสดงอาการไม่พอใจเล็กน้อย
“บอกมาสิ ว่าจะพิมพ์อะไร” รดาถามกลับเสียงห้วน
“หางเสียงไปไหน” กองทัพดุออกไปไม่จริงจังนัก กลับรู้สึกเอ็นดูเวลาที่รดาทำหน้างอนด้วยซ้ำ ชอบแก้มป่องๆ ที่เป่าลมเข้าเต็มกระพุ้งแก้มทั้งสองข้างบวกกับดวงตากลมโต มองแล้วเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้
“บอกมาสิคะ”
“ตื่นแล้วโทรกลับหากูด้วย กูมีเรื่องด่วน” นิ้วเล็กกดพิมพ์ข้อความทั้งหมดและกดส่งทันทีที่พิมพ์เสร็จ พร้อมกับยื่นโทรศัพท์ส่งให้ชายหนุ่มที่กำลังขับรถอย่างอารมณ์ดีทั้งที่การจราจรตอนเช้าติดขัดรถแทบไม่ขยับ
ครืด ครืด ครืด ยังไม่ทันที่กองทัพจะรับเอาโทรศัพท์คืนก็มีสายเรียกเข้าเข้ามาพอดี
“กดรับสายให้ผมหน่อย” หน้าจอโชว์ชื่อว่าน่านฟ้าเป็นคนโทรเข้ามา
{มีอะไรไอ้ห่า โทรมาปลุกทำห่าอะไรตั้งแต่เช้า กูพึ่งได้นอนตอนตีสี่นี่พึ่งเจ็ดโมงก็เสือกโทรมาปลุกกู ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนกูจะด่าให้หาทางไปโรงพยาบาลไม่ถูกเลยคอยดู} ยังไม่ทันที่กองทัพจะพูดอะไร น่านฟ้าก็รัวคำด่ามาจนฟังแทบไม่ทัน รดาที่นั่งถือโทรศัพท์อยู่ในมือถึงกับหลุดขำออกมา
{เรื่องเมียมึง สำคัญพอไหม กูไม่น่าเปลืองแบตโทรบอกมึงเลย}
{กองทัพเพื่อนรัก เพื่อนผิดไปแล้วที่ว่าเพื่อนออกไปแบบนั้น สงสัยตอนนั้นพูดออกไปโดยไม่มีสติเพราะนอนน้อย เห็นใจเพื่อนคนนี้ด้วยนะ คุณกองทัพเป็นหมอย่อมรู้ดีว่าคนที่พักผ่อนไม่เพียงพอจะเกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย}
{แต่ในตำราแพทย์ มันไม่มีโรคนี้รวมอยู่ด้วยนะ}
“โรคที่ว่านี้คือโรคอะไรเหรอคะ” รดาเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยจนลืมไปว่าคุณหมอหนุ่มนั้นยังไม่ได้วางสายจากเพื่อน
{ไอ้หมอ นี่มึงอยู่กับน้องรดาเหรอวะ กูเชื่อเลยยอมขับฝ่ารถติดอ้อมโลกไปเกือบ30กิโล เพื่อจะไปรับน้องมันตอนเช้า มึงนี่มันสุดจริง}
อาการชาเคลือบทั่วใบหน้าคมเข้มก่อนจะเอื้อมมือมากดตัดสายทันที รดาเองก็เกิดอาการเกร็งทำตัวไม่ถูกเช่นกัน
ภายในรถเงียบสนิทไร้ซึ่งบทสนทนาของทั้งสอง ใบหน้าเรียวเล็กจากตอนแรกที่มองการจราจรด้านหน้า บัดนี้เอี้ยวบิดตัวเอียงไปด้านข้างหันหลังให้กองทัพที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแอบชำเลืองมองเด็กสาวเป็นระยะ วันนี้รถติดกว่าปกติทุกวันเพราะมีพายุฤดูร้อนทำให้รถเคลื่นตัวได้ช้า
“ใส่เสื้อแล้วนั่งดีๆ นั่งแบบนั้นเดี๋ยวเหน็บกินเอา” แจ็กเกตตัวที่3ถูกวางลงบนตักรดาพร้อมกับยื่นมือไปกดปรับอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ด้วยด้านนอกฝนตกจึงทำให้อากาศเย็นกว่าปกติ
“คุณพกแจ็กเกตติดรถตลอดเลยเหรอคะ วันก่อนคุณก็พึ่งให้หนูยืมใส่ไปสองตัว นี่คุณเหมามาหมดทั้งช็อปเลยหรือไง” ก็พอรู้ว่าชายหนุ่มเป็นคนมีตังค์แต่แจ็กเกตแต่ละตัวราคาเป็นแสน และอากาศเมืองไทยก็ร้อนมากไม่จำเป็นเลยที่ต้องซื้อมาไว้หลายตัวแบบนี้ ปีปีหนึ่งจะมีโอกาสได้ใส่สักกี่วันและเท่าที่เธอเห็นก็สามตัวเข้าไปแล้ว ไม่รู้ชายหนุ่มจะมีอยู่ที่บ้านอีกกี่ตัว
“ซื้อตอนที่อยู่เมืองนอก และที่พกไว้ตลอดเพราะมีเด็กมันชอบใส่กระโปรงสั้น” รดารีบรับแจ็กเกตในมือชายหนุ่มมาคลุมตัวทันที ความเงียบเข้าปกคลุมจนรถยนต์คันหรูหักพวงมาลัยออกจากถนนเส้นหลักเข้าไปยังซอยเล็กๆ แคบๆ
“ทำไมคุณถึงขับเข้ามาในนี้ล่ะคะ” เมื่อรถมาโผล่ซอยเปลี่ยวที่ข้างทางมีแต่ป่ารดาเริ่มรู้สึกกลัวจึงเอ่ยถามขึ้น บวกกับบรรยากาศด้านนอกที่มืดครึ้มและสายฝนโปรยลงมาอย่างหนักจนมองแทบไม่เห็นทาง
“ถ้าขืนยังวิ่งเส้นหลักสิบโมงจะถึงมหาลัยไหม รถติดขนาดนี้”
“แล้วคุณรู้จักทางเหรอคะ ตรงนี้คือที่ไหนมีแต่ป่าหนูว่ามันน่ากลัวนะคะ” ดวงตากลมโตกวาดสายตามองรอบๆ ฝั่งสองข้างทางก็ไม่เห็นมีรถสักคันที่วิ่งมา ถึงจะอยู่ในรถที่ราคาแพงแต่ถ้าโจรมีอาวุธก็สามารถทำร้ายเธอกับชายหนุ่มได้อยู่ดี
“ผมอยู่ด้วยคุณจะกลัวอะไร ปืนอยู่ในลิ้นชักใครโผล่มายิงได้เลย” กองทัพแกล้งพูดแหย่เด็กสาวยิ่งทำให้รดากลัวมากขึ้น
“คุณพกปืนด้วยเหรอคะ”
“ถึงผมจะช่วยชีวิตคนไว้มากมาย แต่ผมก็มีศัตรูเยอะพอๆ กับแต้มบุญที่สะสมมา ชีวิตคนเรามีหลายด้านและตัวผมเองก็เหมือนคนอื่น ไม่ได้เพอร์เฟคอย่างที่คุณเข้าใจหรอก”
ใช้เวลาเดินทางเกือบหนึ่งชั่วโมงรถยนต์คันหรูก็เคลื่อนตัวเข้ามาจอดภายในมหาวิทยาลัยพร้อมกับฝนที่หยุดตกพอดี
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
“ตั้งใจเรียนนะ แล้วแจ็กเกตที่ใส่อยู่ค่อยเอาไปคืนผมตอนเย็น”
บทที่13 ฝึกงาน8โมงเช้า ณ มหาวิทยาลัย RT“รดา อาจารย์ศิระเรียกแกไปพบ” รดาที่พึ่งลงจากรถเดินเข้ามาหากลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่โต๊ะประจำใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าตึกคณะ“มีอะไรเหรอ แล้วอาจารย์เรียกฉันคนเดียว” รดาถามกลับอย่างสงสัยเพราะปกติถ้างานมีปัญหาอาจารย์จะเรียกเข้าพบทั้งกลุ่ม แต่วันนี้กลับเรียกเธอแค่เพียงคนเดียว“หล่อนคนเดียวค่ะชะนี และพวกฉันก็ไม่รู้ว่าอาจารย์เรียกแกไปพบเรื่องอะไร แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องด่วนอยู่นะเพราะอาจารย์เดินหน้าตื่นมาแต่เช้าเลย”“โอเค งั้นพวกแกรอฉันแป๊บหนึ่งนะฉันขอไปพบอาจารย์ก่อน” เท้าเรียวเล็กบนรองเท้าผ้าใบก้าวฉับ ฉับ ฉับ อย่างกระฉับกระเฉงมุ่งหน้าไปยังห้องพักอาจารย์ที่ปรึกษาก๊อก ก๊อก ก๊อก“ขออนุญาตค่ะ” เมื่อมาถึงก็เคาะประตูห้องก่อนเอ่ยขออนุญาตอย่างมีมารยาท“สวัสดีค่ะอาจารย์”“มาแล้วเหรอ นั่งก่อนไอรดา” อาจารย์หนุ่มประจำสาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของนักศึกษาสาขานี้ด้วย“หนังสือตอบรับเรื่องการฝึกงานของเธอ ทางบริษัทพึ่งส่งเอกสารตอบรับกลับมาเมื่อเช้านี้เอง” ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกยื่นไปวางลงตรงหน้าเด็กสาวด้วยใบหน้า ปลื้มปริ่มและภูมิใจ“จริงเหรอคะอาจาร
บทที่14 ระยะปลอดภัย“จะยืนอยู่อีกนานไหม..ไอรดา” เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกสติเด็กสาวที่ยืนทำหน้างงอยู่ ร่างบางสมส่วนดูเป็นผู้ใหญ่ถึงจะอยู่ในชุดนักศึกษา ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ริมฝีปากบางเคลือบด้วยลิปสติกสีส้มอมชมพู แก้มเนียนถูกปัดด้วยบรัชออนสีพีช ผมสีน้ำตาลเข้มที่ถูกดัดเป็นลอนและจัดทรงเข้ากับรูปหน้า รองเท้าส้นสูงขนาด5นิ้วโชว์เท้าเรียวเล็กเสริมลุคให้ดูเฉี่ยวและสะดุดสายตาคนมอง หนึ่งในนั้นก็รวมชายหนุ่มตรงหน้าด้วย“ที่นี่บริษัทคุณหมอหรอกเหรอคะ” คำถามที่รู้คำตอบดีอยู่แล้วแต่สมองซีกซ้ายก็สั่งการให้เธอถามคำถามนั้นออกไป“คราวหลังควรศึกษาประวัติเจ้าของบริษัทที่จะเข้าทำงานบ้างนะ”“ค่ะ ขอโทษค่ะ” เสียงกระเง้ากระงอดตอบกลับ ใบหน้าง้ำงอก้มลงมองพื้น“นั่นโต๊ะทำงานของคุณ ต่อไปเรียกผมว่ากองทัพอยู่ที่นี่ผมไม่ใช่หมอ” นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังโต๊ะทำงานตัวใหม่ที่กองทัพสั่งเอกเลขาคนสนิทจัดเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน รวมถึงคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเครื่องเล็กและไอแพดสีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดที่วางอยู่บนโต๊ะด้วย“หนูต้องฝึกงานที่ห้องนี้เหรอคะ” รดาเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยขณะที่เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้และเก็บกระเป๋าสะพายไว้ในลิ
บทที่15 คนสนิทของท่านประธาน21:30 น. ไลน์กลุ่ม{เชอรี่: ฝึกงานวันแรกเป็นไงบ้างชะนีทั้งหลาย ได้ฝึกงานตำแหน่งอะไรกันบ้าง}{อิงเอย: อิงได้ฝึกแผนกการตลาด พี่ๆ ทุกคนที่นี่ใจดีมาก}{กิ่งแก้ว: ฉันก็ได้ฝึกแผนกการตลาดเหมือนกัน แต่อยู่ในส่วนการตลาดต่างประเทศโชคดีมากพี่ๆ ในทีมมีแต่คนเก่งๆ }{เชอรี่: ไอรดา อ่านแต่ไม่ตอบหมายความว่าไงยะ สรุปว่าแกได้ฝึกงานแผนกอะไร แล้วบริษัทที่แกไปฝึกงานผู้ชายต่างชาติเยอะหรือเปล่า}{รดา: ฉันได้ฝึกตำแหน่งผู้ช่วยเลขา}{เชอรี่: What? }{กิ่งแก้ว: What? }{อิงเอย: Really? }{รดา: อือ}{เชอรี่: เลขาประธานบริษัทเหรอแก}{รดา: เปล่า ไม่ใช่}{เชอรี่: แล้วเป็นเลขาใคร}{รดา: รองประธานบริษัท}{เชอรี่: แล้วรองประธานหล่อไหมแก หล่อเหมือนประธานบริษัทไหม วงในเมาส์กันว่ารองประธานบริษัทก็คือน้องชายของท่านประธานสุดหล่อใช่ไหม ขอบอกว่าหล่อมากเห็นหน้าแล้วน้ำฉันเดินเลย}{รดา: คุณหมอกองทัพ นายเธียรวิชญ์ เศรษฐบุตรกุญชร }{เชอรี่: Really?????? }{กิ่งแก้ว: Really????? }{อิงเอย: Really????? }{รดา: อือ}{เชอรี่: พรหมลิขิตชัดๆ คุณหมอสุดหล่อต้องเป็นเนื้อคู่ของแกแน่ๆ ดวงถึงได้สมพงศ์กันขนาดนี้}{
ตอนที่16 หลงเสน่ห์เด็กฝึกงานมือเล็กที่กำลังจะส่งโทรศัพท์ในมือให้ชายหนุ่มตรงหน้าจำต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงดังเย็นยะเยือกดังแทรกเข้ามา พร้อมกับชายหนุ่มอีกคนที่สูงประหนึ่งกินเสาไฟฟ้าเข้าไปในร่างกายของกองทัพกำลังมุ่งสายตามาที่เธอและทัพบกฟึบ! โทรศัพท์ในมือเล็กโดนฉกมาอยู่ในมือหนาของกองทัพโดยไม่ทันตั้งตัวครืด ครืด ครืด โทรศัพท์ของทัพบกสั่นกระทบกับพื้นโต๊ะทำงานจนเกิดเสียงดัง“นี่ไงเบอร์โทรศัพท์ของเครื่องนี้ ส่วนไลน์ก็ใช้แอคเคาน์เดิมไม่ได้เปลี่ยน..ติ๊ง!” สิ้นคำพูดเสียงแจ้งเตือนไลน์เครื่องของทัพบกก็ดังขึ้นหลังจากสายโทรศัพท์ถูกตัดไปไม่ถึงนาที“รดาใช้โทรศัพท์เครื่องของมึง” ทัพบกถามกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก ถึงจะไม่รู้ว่าน้องชายตัวดีรู้จักกับเด็กสาวได้ยังไง แต่ดูจากการแสดงออกว่าหึงหวงขนาดนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคงไม่ใช่แค่เจ้านายกับเด็กฝึกงานธรรมดา“ก็เห็นแล้ว จะถามอีกทำไม”“งั้นมึงก็เอาคืนไป เดี๋ยวเย็นนี้กูพารดาไปซื้อเครื่องใหม่เอง” นิสัยขี้แกล้งชอบปั่นประสาทน้องชาย ถึงจะผ่านไปหลายปีจนทั้งสองโตเป็นหนุ่มก็ไม่ได้จางหายไปตามอายุและวุฒิภาวะของทั้งสองเลย“ไม่ต้อง! เครื่องนี้กูก็ไม่ได้ใช้อะไรเก็บไว้ก็เสี
บทที่17 คู่หมั้นผับดังย่านทองหล่อตึก ตึก ตึก เสียงรองเท้าหนังกระทบกับพื้นทางเดินดังแทรกแข่งกับเสียงเพลงด้านล่างที่เล็ดลอดขึ้นมาให้ได้ยินยันบริเวณชั้นสามของผับ ซึ่งเป็นชั้นส่วนตัวของเจ้าของผับ“เจ้าภาพวันนี้มาแล้วโว้ย ตรงเวลาเป๊ะไม่ขาดแม้แต่นาทีเดียว” น่านฟ้าพูดขึ้นพร้อมกับยกนาฬิกาเรือนหรูขึ้นดูเวลาเมื่อชายหนุ่มที่กำลังพูดถึงนั้นก้าวขาพ้นขอบประตูเข้ามา“สมแล้วที่มีไอคิวสูงเกือบ 300 ทำอะไรไม่เหมือนคนโง่ปกติทั่วไปแบบพวกกู” นทีพูดเสริมขึ้นพร้อมขยับที่นั่งเพื่อให้ชายหนุ่มที่พึ่งมาถึงกระแทกสะโพกลงนั่งสีหน้าเรียบนิ่ง“ไม่พาเด็กฝึกงานมาด้วยเหรอ” นทีพูดจาเย้าแหย่ยั่วโมโหสนุกปากเมื่อเห็นเพื่อนรักนั่งหน้านิ่งไม่ตอบโต้อะไรยิ่งได้ใจ“จะแดกเหล้าหรือจะแดกฟอร์มาลินแทน” กองทัพที่นั่งนิ่งตั้งแต่เข้ามาถึงตะคอกถามเสียงดุดัน“แค่ปากเสีย ยังไม่ตายและไม่ได้เน่า..ไม่ต้องฉีดฟอร์มาลินไอ้ห่า”“แต่ฉีดเข้าที่ปากมึงก็ดีนะ กูฉีดให้ฟรีไม่คิดเงิน” พูดจาถากถางด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพร้อมกับยกแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมดแก้ว“ช่วงนี้งานที่บริษัทยุ่งเหรอวะ วันก่อนกูเข้าไปที่โรงพยาบาลเจอแค่เลขามึงนั่งทำงานหัวหมุน
บทที่18 ปากร้าย“อยากใส่ชุดไหนก็ใส่” กองทัพตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะหันมามองหน้าหญิงสาวที่พึ่งเข้ามาใหม่ ร่างบางยืนนิ่งถือแฟ้มเอกสารในมือแน่นมองหลบสายตาไปทางอื่น“ขอโทษค่ะ ฉันรีบเลยลืมเคาะประตู” เมื่อตั้งสติได้จึงหันหน้ามาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มอีกครั้ง อุตส่าห์ทำใจได้มาในระดับหนึ่งแต่เมื่อเข้ามาเห็นเหตุการณ์แบบนี้หัวใจก็พลันอ่อนแอลง พานให้น้ำตาจ่อไหลออกมา“ไปทานข้าวกับไอ้ทัพบกอร่อยไหม” น้ำเสียงประชดประชันถามขึ้นเสียงดังกว่าปกติ“อร่อยค่ะ นี่ค่ะเอกสารที่คุณกองทัพต้องการ” แฟ้มเอกสารวาระการประชุมถูกวางลงตรงหน้าชายหนุ่มและหมุนตัวเดินกลับออกไปทันที“ทัพบก นิสากลับก่อนนะคะ” นิสาในเสื้อผ้าชุดใหม่เดินออกจากห้องนอนของชายหนุ่ม ขณะที่กองทัพนั่งยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด สายตามองไปยังประตูห้องที่ปิดสนิทราวกับว่าสามารถมองทะลุเห็นด้านนอกได้“ฉันเดินไปส่ง ขับรถมาเองใช่ไหม”“อือ..เดี๋ยวนี้เก่งแล้วไปไหนก็ไม่ต้องพึ่งใครแล้ว”“ระวังโดนยึดกุญแจรถนะ ถ้าดื้อมาก ๆ”“ใครจะยอม”ร่างสูงสมส่วนฉบับคนชอบออกกำลังกายกระชากตัวลุกจากเก้าอี้เดินนำหญิงสาวที่อยู่ในเสื้อผ้าชุดใหม่ออกไป ระหว่างเดินผ่านหน้าประตูยังไม่วายชำเลือง
ตอนที่19 น้อยใจ“ไปกินข้าวกับมันแค่วันเดียว ต้องชมมันต่อหน้าผมขนาดนี้ไหม” เสียงลมหายใจสูดดังเข้าออกยาวๆ และค่อยๆ กลับเข้าสู่จังหวะปกติ สายตาวาวโรจน์ก่อนหน้าค่อยๆ อ่อนลงเมื่อคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างแสดงอาการหวาดกลัวใบหน้าซีดเผือด“ผมขอโทษ” เมื่อได้สติมือหนายื่นไปกุมมือเล็กสองข้างที่กำเข้าหาแน่นมีอาการสั้นเล็กน้อย เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นบนใบหน้าเมื่อทุกอย่างเย็นลงรวมถึงอารมณ์ของชายหนุ่มเองด้วย รถยนต์คันหรูกลับเข้าสู่ถนนและมุ่งหน้าไปยังคอนโดของเด็กสาว ภายในรถเงียบสนิทมีเพียงเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นขณะที่ชายหนุ่มเร่งความเร็วของรถเพียงแค่นั้นกลางดึกคืนวันศุกร์ ร่างบางนอนบิดเร้าตัวงออยู่บนเตียงเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าและรำคอ อาการปวดท้องบิดแรงขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เริ่มจะทนไม่ไหว ขนาดทานยาแก้ปวดลงไปสองรอบแล้วอาการก็ยังไม่ทุเลาลง มือเล็กควานหาโทรศัพท์โต๊ะข้างหัวเตียง ตู๊ด..ตู๊ด..ตู๊ด..รดากดโทรศัพท์ต่อสายหาใครบางคนด้วยมือสั่นเทา รอไม่นานปลายทางก็รับสาย “ว่าไงยัยตัวแสบ” ปลายสายตอบกลับมาด้วยถ้อยคำดูสนิทสนม “พี่ทัพบก รดาปวดท้อง” เสียงแผ่วเบาเจือควา
บทที่20 โดนเมิน3 เดือนผ่านไปหลังจากเหตุการณ์วันนั้นรดาก็เว้นระยะห่างกับกองทัพมากขึ้น วางตัวในฐานะเจ้านายกับลูกน้องอย่างเคร่งครัด กองทัพแสดงอาการไม่พอใจเวลาที่ถูกคนตัวเล็กสร้างกำแพงกั้นทุกครั้งที่ตนพยายามเดินเข้าหาแต่เด็กสาวพยายามถอยออก เหมือนขั้วบวกขั้วลบที่อีกคนออกแรงดึงแต่อีกคนออกแรงผลักรดาฝึกงานที่บริษัทGTในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาจบครบกำหนด3เดือนตามระเบียบของมหาวิทยาลัย และวันนี้เป็นวันทำงานวันสุดท้ายในฐานะนักศึกษาก่อนที่จะกลับไปนำเสนอวิทยานิพนธ์และทำเรื่องจบการศึกษา“รดาเข้ามาหาผมหน่อย”“ค่ะ” ร่างบางในชุดนักศึกษาถูกระเบียบเปิดประตูเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าชายหนุ่มที่มีโต๊ะทำงานกั้นอยู่“เอกสารผ่านฝึกงานของคุณผมเซ็นให้แล้ว” ซองสีน้ำตาลขนาดA4 ถูกยื่นมาตรงหน้าเด็กสาว“ขอบคุณค่ะ” รดาหยิบซองเอกสารขึ้นมาถือไว้ในมือและกำลังเอี้ยวตัวหันหลังกลับก็มีเสียงเรียกเสียงดังขึ้น“เดี๋ยว ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”“คะ คุณมีอะไรจะคุยกับหนูเหรอคะ”“เรื่องทำงานต่อที่นี่หลังเรียนจบ ผมจะจ้างคุณทำงานที่นี่ในตำแหน่งเลขาของผมทันทีที่คุณเรียนจบ เงินเดือนก็จ่ายให้ตามความสามารถเดือนละห้าหมื่นบาทพร้อมสวัสดิการต่างๆ ที่
ตอนที่34 งานแต่งงาน 5 เดือนผ่านไปหลังจากที่ญาดาพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานนับเดือนก็ได้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน จนมาถึงวันนี้ร่างกายเริ่มดีขึ้นใกล้จะกลับมาเป็นปกติเกือบร้อยเปอร์เซ็นทางด้านผู้ใหญ่ของกองทัพก็รับรู้และยินดีที่ลูกชายคนเล็กของบ้านจะมีแฟน ที่สำคัญที่บ้านคุณหมอหนุ่มยังรู้ดีตั้งแต่ต้นว่าลูกชายตัวเองแอบหลงรักเด็กผู้หญิงที่อยู่เมืองไทย เพราะตลอดระยะเวลาที่ชายหนุ่มไปเรียนเมืองนอกกว่าสิบปีไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ชีวิตมีแต่เรียนกับสนามแข่งรถ และยังแอบพกรูปเด็กผู้หญิงผมเปียติดตัวตลอดเวลาถึงขนาดใส่กรอบเล็กๆ วางไว้ในห้องนอนการคบหาระหว่างทั้งสองคนอยู่ในการรับรู้และยินดีจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย แต่มีอีกหนึ่งคนที่จะดีใจมากเป็นพิเศษคงหนีไม้พ้น..ทัพบก ผู้ที่ใฝ่ฝันอยากมีน้องสาวเป็นของตัวเอง และหลงรักเด็กสาวตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกเมื่อตอนสั่งอาหารแล้วไรเดอร์สาวขับรถมอเตอร์ไซค์ฝ่าสายฝนที่ตกหนักเพื่อนำอาหารมาส่ง เด็กสาวที่เปียกปอนไปทั่วตัวแต่ก็ยังยิ้มร่า เด็กสาวที่มีรอยยิ้มสดใสให้ทุกครั้งที่เจอกัน เด็กสาวที่อยากได้มาเป็นน้องสาวที่น่ารัก อ้อนเก่ง“รดา อาทิตย์หน้าตารางงานพี่ว่างเราพาคุณแม่ท่าน
ตอนที่33 คำตอบจากแม่ยาย ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์รดาที่วางอยู่โต๊ะข้างหัวเตียงดังขึ้น“สวัสดีครับ” กองทัพหยิบมากดรับสายเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามานั้นคือพี่ชายของเด็กสาว“คุณหมอเหรอครับ”“ครับ ตอนนี้รดาหลับอยู่ครับ คุณธนามีธุระด่วนจะคุยกับรดาไหมครับ ผมจะปลุกเธอให้”“ไม่มีครับ แค่ผมกลับมาที่ห้องพักแล้วไม่เจออยู่ที่นี่เลยโทรหานะครับ”“รดาหลับอยู่ที่ห้องทำงานผมครับ ช่วงเย็นคุณป้าน่าจะย้ายขึ้นมาพักฟื้นที่ห้องนี้นะครับ”“ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ ผมไม่รบกวนแล้ว สวัสดีครับ”หลังจากที่วางสายเสร็จกองทัพก็ลุกเดินออกจากห้องไปและลงไปยังชั้นสามเป็นแผนกหัวใจและทรวงอก ห้อง ICU ที่อยู่ติดกับเคาน์เตอร์พยาบาลซึ่งมีคนไข้ชื่อญาดานอนรอดูอาการอยู่หลังการผ่าตัด“คนไข้เป็นอย่างไรบ้างครับ” กองทัพเดินเข้าไปในห้องพร้อมหยิบชาร์จที่เสียบอยู่ที่ปลายเตียงขึ้นมากวาดสายตาอ่าน“ความดันปกติ ชีพจรเต้นคงที่ คนไข้ฟื้นแล้วหลังจากออกจากห้องผ่าตัด ปฏิกิริยาทุกอย่างปกติและพึ่งหลับไปเมื่อสักครู่ค่ะ”“ร่างกายตอบสนองต่อการรักษาดี ช่วงเย็นรายงานอาการให้ผมทราบอีกที ถ้าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงผมจะย้ายคนไข้ขึ้นไปพักฟื้นด้านบน” เหมือนยกภ
ตอนที่32 รางวัลคนเก่ง “รางวัลพี่ล่ะครับ” เมื่อทั้งสองกลับขึ้นมาบนห้องพักส่วนตัวยังไม่ทันที่ประตูปิดสนิทดีคุณหมอหนุ่มก็ทวงถามหารางวัลทันที“รางวัลอะไรของคุณ รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วค่ะมีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์” มือเล็กออกแรงผลักตรงหลังให้เดินไปยังห้องน้ำเพราะตอนนี้เธอแทบจะทนดมกลิ่นแอลกอฮอล์ในตัวชายหนุ่มไม่ไหว"นวดไหล่ให้พี่หน่อย ผ่าตัดตั้งหลายชั่วโมง..เมื่อยมาก" ยังไม่ทันที่รดาจะหันหลังออกจากห้องน้ำก็เจอเสียงอ้อนของคุณหมอหนุ่ม“อาบเสร็จแล้วเดี๋ยวหนูนวดให้นะคะ” รดาไม่ได้ปฏิเสธเลยทีเดียวแต่เลือกที่จะยื่นข้อเสนอต่อรองหรือเรียกอีกอย่างว่าการเอาตัวรอด“ต้องแช่น้ำอุ่นแล้วนวดไปด้วยกล้ามเนื้อถึงจะผ่อนคลาย” หลักการทางกายภาพถูกงัดขึ้นมาต้อนเด็กสาวให้จนมุม“เดี๋ยวเสื้อผ้าหนูเปียก ไม่มีชุดใหม่เปลี่ยน”“พี่สั่งให้เอกซื้อมาให้หนูใหม่แล้วสิบชุด อยู่ในตู้” เกมโอเวอร์สุดท้ายรดาก็เป็นฝ่ายแพ้ เดินไปเปิดน้ำอุ่นและผสมสบู่ลงในอ่างกุชชี่ขณะที่กองทัพจัดการถอดเสื้อผ้าออกจนหมดและตอนนี้มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พันรอบเอว“ว๊าย! คุณจะทำอะไรคะ” เชือกที่ผูกอยู่ที่เอวคอดถูกดึงออกโดยฝีมือของชายหนุ่มที่ตอนนี้ยืนซ้อน
ตอนที่31 หน้าห้องผ่าตัด“ขอโทษครับผมลืมเคาะประตู” ทั้งสองผละออกจากกันอัตโนมัติเหมือนเกิดแรงผลักของประจุไฟฟ้าขั้วบวกกับขั้วบวกหน้าห้องผ่าตัดเจ้าหน้าที่เข็นเตียงผู้ป่วยออกจากห้องพักหลังจากเตรียมความพร้อมก่อนทำการผ่าตัดมายังห้องผ่าตัดแผนกศัลยกรรม หญิงวัย 58 ปีนอนหน้าซีดปากซีดไร้เลือดฝาดอยู่บนเตียงสีหน้าเป็นกังวล“แม่คะ แม่ต้องสู้นะคะหนูกับพี่ธนาจะรอแม่อยู่ด้านนอก คุณหมอเก่งมากแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ” มือเรียวเล็กทั้งสองข้างยื่นไปกุมมือผู้เป็นมารดาด้านที่มีสายน้ำเกลือเสียบคาอยู่และอีกข้างก็มีเครื่องวัดออกซิเจนติดอยู่“จ๊ะลูก” ญาดาตอบกลับบุตรสาวเสียงแผ่วใบหน้าฝืนยิ้ม ยกมืออีกข้างมากุมมือบุตรสาวและบุตรชายออกแรงบีบเล็กน้อย“ผมกับน้องรอแม่อยู่ด้านนอกนะครับ” เสียงทุ้มอ่อนนุ่มสั่นเครือเล็กน้อยของชายหนุ่มคนที่ดูแลแม่มาตั้งแต่ผู้เป็นบิดาเสียไป ถึงข้างนอกจะดูเข้มแข็งแต่ข้างในก็แอบกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะรู้ถึงสุขภาพร่างกายของผู้เป็นมารดาอย่างดีว่าตอนนี้เข้าขั้นวิกฤตแค่ไหน“ธนาอย่าลืมที่สัญญากับแม่นะลูก” ก่อนเข้าไปด้านในยังไม่ลืมย้ำเตือนบุตรชายคนโตอีกรอบ“ครับแม่ แม่ก็อย่าลืมที่สัญญากับผมไว้นะครับ ว่าแม่
ตอนที่30 สู่ขอไม่เป็นทางการ“รดา พี่เอาหนังสือมาให้เผื่อหนูอยากอ่าน” กองทัพเปิดประตูเข้ามาได้จังหวะได้ยินตอนที่รดาคุยกับพี่ชายพอดี“ถามผมก็ได้ครับ ผมยินดีแสดงความบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง” กองทัพเดินเข้าหยุดยืนขนาบข้างเด็กสาว ในมือยังถือหนังสือวารสารด้านธุรกิจของต่างประเทศที่รดาชอบอ่าน ซึ่งเล่มนี้เป็นเล่มใหม่ที่เขาฝากเพื่อนซื้อมาพึ่งส่งมาถึงเมื่อวันก่อน"ความจริงผมก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของพวกคุณหรอกนะครับ แต่ฐานะการใช้ชีวิตของพวกเรากับคุณมันต่างกันมาก” ธนาชี้แจงเหตุผลให้คุณหมอหนุ่มฟังอย่างนอบน้อมและมีเหตุผล“ผมเข้าใจครับ และก็ไม่แปลกใจที่คุณจะเป็นห่วงรดา เราไม่เคยเจอกันหรือรู้จักกันมาก่อน พอเจอกันครั้งแรกผมก็มาแนะนำตัวในฐานะคนรักของน้องสาวคุณ เป็นใครก็ตกใจครับ แต่ผมอยากจะบอกคุณว่าผมกับรดารู้จักกันตั้งแต่ห้าปีก่อนตอนที่ผมยังเรียนแพทย์อยู่ที่โปแลนด์ แค่ขาดการติดต่อกันไปช่วงที่ผมไปต่อfellowที่อเมริกา มาเจอกันอีกครั้งตอนที่รดาเกิดอุบัติเหตุเมื่อสี่เดือนก่อนและได้เรียนรู้กันอย่างจริงจังช่วงที่รดาไปฝึกงานที่บริษัท คุณอาจจะมองว่าระยะเวลามันสั้นแต่เชื่อเถอะครับว่าผมรักเธอจริงๆ ผมรีบทำหน้าที่ของ
ตอนที่29 พบแม่ยายในฐานะแฟนของลูกสาวช่วงสายของอีกวัน“รดาตื่นได้แล้วครับ สายแล้วนะ” กองทัพเดินมาหย่อนสะโพกข้างขอบเตียง เสียงทุ้มนุ่มก้มลงกระซิบข้างหูคนตัวเล็กที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง“อือ..หนูขออีกห้านาที” เสียงครางงึมงำในลำคอ ตาสองข้างยังปิดสนิท“หมดแรงขนาดลุกไม่ขึ้นเลยเหรอ หืม” หนวดเคราที่กำลังขึ้นเป็นตอสีดำเสียดสีกับลำคอใต้ซอกใบหูจนคนที่นอนหลับอยู่รู้สึกจักจี้จากการรบกวน“พี่หมอ หนูขออีกห้านาทีนะคะ” เสียงหวานเอ่ยอ้อนคว้ามือหนาที่วางพาดอยู่บนตัวเข้ามากอดแนบใบหน้า จนกองทัพทำตัวไม่ถูกจำต้องจำยอมตามคำขอและทำได้เพียงนั่งนิ่งๆ รอเวลา“หนูครับ วันนี้พี่จะพาหนูไปเยี่ยมคุณแม่ที่โรงพยาบาล ถ้าไม่ยอมตื่นคุณแม่ท่านจะรอนานเอานะครับ” สิ้นคำพูดรดาก็ดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนทันที“คุณจะพาหนูไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลจริงๆ เหรอคะ” ร่างบางโผเข้ากอดชายหนุ่มอย่างลืมตัว หน้าอกคัพB ใต้เสื้อนอนตัวเล็กเสียดสีกับอกแกร่งจนกองทัพสัมผัสถึงความนุ่มเด้งได้“ถ้ายังอยากไปเยี่ยมแม่ พี่แนะนำให้ปล่อยพี่ก่อนครับ ก่อนที่หนูจะต้องนอนหมดแรงอยู่บนเตียงจนออกไปไหนไม่ได้” เสียงกระท่อนกระแท่นเอ่ยบอกติดๆ ขัด ขณะที่จิตสำนึกกำล
ตอนที่28 มีสติแต่ควบคุมไม่ได้ ติ๊ง! เสียงสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นเมื่อขึ้นมาถึงชั้นจุดหมาย ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก รดารีบเปิดประตูรถสาวเท้าเดินเข้าห้องทันทีเพราะวันนี้กองทัพเอารถขึ้นมาจอดด้านบนปั้ง! เสียงประตูปิดลงและคุณหมอหนุ่มเดินตามหลังมาติดๆ“หนูหิวน้ำ ขอไปกินน้ำก่อนนะคะ” เท้าเล็กรีบเดินเข้าห้องครัว เปิดตู้เย็นคว้าขวดน้ำขึ้นมาเทใส่แก้วและยกขึ้นดื่มเกือบหมดแก้ว โดยไม่รู้เลยว่าเจ้าของห้องนั้นเดินตามหลังเธอเข้าด้วย“พี่ขอกินด้วยสิ / อ๊ะ!” รดาร้องขึ้นด้วยความตกใจยังกำแก้วในมือแน่น“พี่ขอกินด้วยหน่อย”“เดี๋ยวหนูรินให้ใหม่ค่ะ”“ไม่ต้อง พี่กินกับหนูก็ได้” คำพูดถูกกลืนลงคอไปจนหมด ปากหยักได้รูปก้มลงดูดหยดน้ำที่เกาะอยู่มุมปากจนเกิดเสียงดัง“จ๊วบ! หวาน พึ่งรู้ว่าน้ำยี่ห้อนี้หวานขนาดนี้”กองทัพรั้งท้ายทอยเล็กเข้าประกบจูบอีกครั้ง ครั้งนี้เริ่มลุกล้ำเข้าไปในโพรงปาก ริมฝีปากทำหน้าที่แลกลิ้นกลืนกินน้ำลายซึ่งกันและกันกระโปรงทรงเอถูกดันขึ้นสูงก่อนร่างเล็กจะถูกอุ้มขึ้นนั่งบนโต๊ะหินอ่อนเคาน์เตอร์ครัว แพนตี้สีขาวถูกดึงลงต่ำพอๆ กับใบหน้าคมจังหวะร่างสูงย่อตัวลง ประชิดปลายจมูกกลางใจสาวที่ปิดสนิทลมหายใจอุ่นพ่น
ตอนที่27 สินสอดทองหมั้น สนามแข่ง“เดี๋ยวนี้พกกองเชียร์ติดตัวมาด้วยเหรอวะ” เสียงน่านฟ้าเอ่ยแซวเมื่อกองทัพและรดาเดินเข้ามาที่ห้องพักส่วนตัวข้างสนาม โดยมีน่านฟ้า นที ดิน และนิสานั่งรออยู่ก่อน บนโต๊ะมีแก้วไวน์และขวดไวน์ที่ถูกรินไปเกือบครึ่งขวดวางอยู่ด้วย บ่งบอกว่าทั้งสามหนุ่มนั้นนั่งดื่มกันมาสักพักแล้ว“พี่ดิน พี่นที พี่น่านฟ้า พี่นิสา สวัสดีค่ะ” รดายกมือไหว้ทุกคนอย่างมีมารยาท“สวัสดีครับ น้องรดาคนสวย วันนี้เพื่อนๆ ไม่มาด้วยเหรอครับ” นทีถามขึ้น ส่วนที่เหลือได้แต่พยักหน้าตอบรับ“มาค่ะ เชอรี่กำลังไปรับอิงเอยและกิ่งแก้วอยู่ค่ะ”“เอ้าไอ้หมอ มึงจะยืนอวดความหล่ออีกนานไหม ไม่นั่งล่ะครับ” ดินถามขึ้นพร้อมกับขยับที่นั่งข้างๆ ให้เพื่อน“มึงลุกไปนั่งกับไอ้นที” กองทัพเอ่ยบอกเสียงเรียบ“อะไรของมึงวะ ห่างน้องมันบ้างก็ได้ หวงของแบบนี้เคลียร์ตัวเองเรียบร้อยหรือยังครับ” ดินพูดขึ้นขณะที่ลุกขึ้นและขยับไปนั่งข้างนทีที่ยังมีที่ว่างอยู่อีกหนึ่งที่“ไอ้น่าน กูถอนหมั้นกับเมียมึงอย่างเป็นทางการแล้วนะ”“มึงน่าจะทำตั้งนานแล้ว ตามใจนิสามันอยู่ได้ กูต้องอยู่ในสถานะชู้มาตั้งหลายปี..ไอ้ห่า” น่านฟ้าบ่นออกไปดูไม่จริงจังน
ตอนที่26 ถอนหมั้นอย่างเป็นทางการครืด ครืด ครืด เสียงสั่นของโทรศัพท์กระทบกับพื้นโต๊ะทำงาน“กองทัพไอ้เจเดนมันมาท้าแข่งรถกับมึง มึงจะว่ายังไง” น่านฟ้าเจ้าของสนามแข่งรถชื่อดังพูดขึ้น“กูไม่ว่าง มีงานต้องทำเยอะแยะ” กองทัพปฏิเสธกลับทันที“มันฝากมาบอกมึงว่า ถ้ามึงปฏิเสธแสดงว่ามึงกลัว กลัวว่าจะแพ้มันคาสนามแข่งที่บ้านตัวเอง” ความจริงแล้วคำพูดพวกนี้น่านฟ้าเป็นคนพูดขึ้นเองทั้งหมด เพราะของเดิมพันครั้งนี้คือรถเฟอร์รารี่สีแดงรุ่นพิเศษที่น่านฟ้าอยากได้และหาซื้อมานานแล้ว แต่เนื่องจากรุ่นนี้ผลิตออกมาไม่กี่สิบคันจึงยังหาซื้อไม่ได้สักที“แค่นี้ใช่ไหม กูจะทำงาน”“เฮ้..เฮ้..เฮ้ มึงอย่าพึ่งวางสิ” ยังไม่ทันที่กองทัพจะกดวางสายเสียงร้องห้ามของน่านฟ้าก็ดังขึ้น“ของเดิมพันคืออะไร” กองทัพถามกลับเสียงเรียบราวกับรู้อยู่ก่อนแล้ว“รู้ทันกูตลอด แกล้งโง่บ้างก็ได้”“กี่ทุ่ม”“มึงถามกูอย่างนี้ แสดงว่ามึงรับคำท้าใช่ไหม”“มึงอยากได้ไม่ใช่เหรอ แต่กูขายต่อนะไม่ได้ให้ฟรี”“รุ่นนี้กูอยากได้มานานแล้วแต่หาซื้อไม่ได้สักที”“เฟอร์รารี่สีแดงคันนั้นสินะ มันกล้าเอารถคันโปรดมันมาเดิมพันเลยเหรอวะ” เฟอร์รารี่สีแดงรุ่นลิมิเต็ดที่ผลิตออ