“พระเจ้าทรงประทานเธอกลับมาให้ผมแล้ว มีเหตุผลอะไรที่ผมจะปล่อยเธอหลุดมือไปง่ายๆ” เด็กผู้หญิงถักเปียเมื่อ5ปีก่อน ตอนนี้เธอกลายมาเป็นคนไข้ฉุกเฉินของผม อุบัติเหตุเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่อยากให้มันเกิดขึ้นแต่วันนี้ผมรู้สึกขอบคุณอุบัติเหตุครั้งนี้ที่ทำให้ผมเจอเธออีกครั้ง ปี๊ป่อ ปี๊ป่อ ปี๊ป่อ…. “คนไข้เกิดอุบัติเหตุรถชนมา ศีรษะกระแทกพื้นและมีบาดแผลถลอกครับ” “ห้องฉุกเฉินคุณหมอไม่พอ ติดเคสอุบัติเหตุหลายราย” ตึก ตึก ตึก เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นทางเดิน ขณะที่ไรเดอร์สาวนอนตะแคงอยู่บนเตียงคนไข้โดยมีผ้าพันแผลพันรอบศีรษะ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนฝุ่นและมีเลือดไหลซึมออกมาบริเวณแผลที่ล้มกระแทกพื้น “พาคนไข้เข้าห้องฉุกเฉินเลยครับ เคสนี้ผมดูเอง” “ค่ะ ศาสตราจารย์”
Lihat lebih banyakแนะนำตัวละคร
กองทัพ ศาสตราจารย์นายแพทย์เธียรวิชญ์ เศรษฐบุตรกุญชร อายุ 26 ปี ส่วนสูง 190 เซนติเมตร การศึกษา จบระดับมัธยมศึกษาตอนปลายด้วยการสอบเทียบระบบ General Educational Development (GED) ตอนอายุ 16 ปี และเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี Medical University of Lublin 6 ปี ที่ประเทศโปแลนด์ และศึกษาต่อแพทย์เฉพาะทางต่อยอด (Fellow) แพทย์อายุรกรรมด้านหัวใจ สาขาวิชาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก ที่Harvard Medical School 3 ปี เป็นแพทย์ที่มีคะแนน USMLE สูงสุด มีผลงานวิจัยโดดเด่นและได้ตีแผ่ในวารสารการแพทย์ตั้งแต่ระดับปริญญาตรี และขณะนั้นยังเรียนหลักสูตร MBA ควบคู่ไปด้วย หลังจากจบมาก็กลับมาดูแลโรงพยาบาลของตัวเองตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล KM และเป็นอาจารย์พิเศษสอนนักศึกษาแพทย์ที่มหาวิทยาลัยRT อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการบริษัทนำเข้ารถหรู (GT) ซึ่งเป็นอีกธุรกิจที่ทำร่วมกันกับพี่ชาย งานอดิเรกชอบแข่งรถ
ไอรดา ธนากิจโรจน์ ชื่อเล่น รดา อายุ 22 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่4 คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ ส่วนสูง 168 เซนติเมตร น้ำหนัก 45 กิโลกรัม มีพี่ชาย1 คนชื่อธนา
ญาดา อายุ 54 ปี ป่วยเป็นโรคหัวใจ อาศัยอยู่บ้านเช่าหลังเล็กกับลูกชายคนโต
น่านฟ้า ส่วนสูง190 เซนติเมตร เจ้าของสนามแข่งและผับหรูย่านทองหล่อ เป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันกับกองทัพตั้งแต่เด็ก
ดิน เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่และเป็นเจ้าของรีสอร์ตที่ตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัวทางภาคใต้ เป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันกับกองทัพตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับมัธยม
นที เจ้าของรีสอร์ตที่ตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัวทางใต้ฝั่งอันดามัน
นิสา ลูกสาวเจ้าของบริษัทผลิตยารายใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันกับกองทัพตั้งแต่เด็กเพราะที่บ้านทำธุรกิจร่วมกันและผู้ใหญ่ได้หมั้นหมายทั้งสองตั้งแต่เด็ก กองทัพและนิสาจึงมีสถานะเป็นคู่หมั้นกันจนถึงตอนนี้
อิงเอย กิ่งแก้ว เชอรี่ เพื่อนที่มหาวิทยาลัยของรดา
บทที่1 คนไข้ของคุณหมอ
“คนไข้เป็นอะไรมาคะ” เสียงเจ้าหน้าที่แผนกฉุกเฉินถามขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังนำหญิงสาวที่นอนตะแคงอยู่บนเตียงบนรถฉุกเฉินที่นำคนเจ็บมาส่งที่โรงพยาบาล
“อุบัติเหตุรถชนกัน คนไข้ศีรษะกระแทกพื้นและมีแผลถลอกตามร่างกายครับ” เจ้าหน้าที่กู้ภัยรายงานข้อมูลคนไข้เบื้องต้นให้เจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ฉุกเฉินฟัง รดาที่นอนเจ็บอยู่บนเตียงถูกเข็นเข้าไปด้านในโรงพยาบาลทันที
ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้ขนลุกซู่ กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเข้าปะทะจมูกชวนให้ปวดหัวเพราะเป็นกลิ่นที่รดาไม่ชอบเอาซะเลย ห้องสีขาวแสงไฟสว่างจ้าส่องจากเพดานดวงตากลมโตถึงกับต้องหลับตาลงเพราะสู้ความสว่างไม่ไหว เตียงถูกเข็นมาหยุดอยู่ด้านในซึ่งเจ้าหน้าที่ต่างวิ่งวุ่นกันใหญ่เหมือนกับว่าด้านในห้องฉุกเฉินตอนนี้นั้นกำลังวุ่นวายเพราะมีคนไข้จากอุบัติเหตุครั้งใหญ่ถูกส่งตัวมารักษาที่นี่
“ช่วยตามหมอแผนกอายุรกรรมมาช่วยหน่อย คนไข้ฉุกเฉินเยอะมากหมอเวรไม่พอ” เสียงเจ้าหน้าที่หญิงรายหนึ่งพูดขึ้นอย่างร้อนรน
“คนไข้เกิดอุบัติเหตุรถชนมา ศีรษะกระแทกพื้นและมีบาดแผลด้านนอกนิดหน่อย”
“ห้องฉุกเฉินคุณหมอไม่พอ ติดเคสอุบัติเหตุหลายราย” เสียงเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ฉุกเฉินกำลังวิ่งวุ่น เพราะวันนี้มีเคสอุบัติเหตุใหญ่มีคนไข้อาการหนักหลายรายจึงทำให้หมอเวรห้องฉุกเฉินไม่พอ
ตึก ตึก ตึก เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นทางเดิน ขณะที่ไรเดอร์สาวนอนตะแคงอยู่บนเตียงคนไข้ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนฝุ่นและมีเลือดสีแดงไหลซึมออกมาบริเวณแผลที่ล้มครูดไปกับพื้นซีเมนต์
“พาคนไข้เข้าห้องฉุกเฉินเลยครับ เคสนี้ผมดูเอง” กองทัพ ศาสตราจารย์นายแพทย์เธียรวิชญ์ เศรษฐบุตรกุญชร นายแพทย์หนุ่มเจ้าของโรงพยาบาลเดินลงมาเจอขณะที่กำลังจะเดินทางกลับบ้าน สายตาเหลือบไปเห็นเด็กสาวคุ้นหน้านอนอยู่บนเตียงหน้าห้องฉุกเฉินโดยมีผ้าพันแผลพันรอบศีรษะ แขนที่โผล่พ้นเสื้อเต็มไปด้วยรอยแผลถลอก
“ค่ะ ศาสตราจารย์” รดาถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินโดยเร็ว ม่านสีฟ้าถูกเลื่อนปิดกั้นเป็นห้อง มีเพียงเสียงเครื่องวัดความดันและเครื่องวัดชีพจรดังอยู่หัวเตียง
“คนไข้เกิดอุบัติเหตุรถชน ศีรษะกระแทกพื้นค่ะ มีบาดแผลถลอกตามตัว กระดูกไม่หักยังขยับแขนขาได้ตามปกติ ปฏิกิริยารับรู้คนไข้ปกติค่ะ” เสียงพยาบาลรายงานเมื่อคุณหมอหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าสวมทับด้วยเสื้อกาวน์สีขาวตัวยาวเปิดม่านเดินเข้ามา
“ขอหมอดูแผลหน่อยนะครับ”
“เจ็บตรงไหนบ้างครับ ตรงนี้เจ็บไหม แล้วตอนล้มได้ใส่หมวกกันน็อกหรือเปล่า” เสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยถาม จากตอนแรกที่เหนื่อยอ่อนกำลังจะเคลิ้มหลับ พอได้ยินเสียงทุ้มอ่อนโยนของหมอหนุ่มอะดรีนาลีนในร่างกายสูบฉีดขึ้นทันที
“ใส่ค่ะ แต่ด้านหน้าไม่มีกระจกเลยกระเด็นแล้วหัวไปโขลกกับฟุตบาท” รดาไม่เคยหละหลวมเรื่องเซฟตี้เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่วันนี้เธอก็ยังเจ็บตัวอยู่ดี ถ้าวันนี้เธอไม่ได้สวมหมวกกันน็อกป่านนี้เธอคงนอนหมดสติอยู่บนเตียง คงไม่มานอนบอกอาการคุณหมอได้อยู่แบบนี้
“หมอขออนุญาตดูแผลตรงจุดอื่นหน่อยนะครับ คุณพยาบาลครับช่วยถอดเสื้อแขนยาวคนไข้ออกทีครับ” ประโยคแรกบอกกับรดาประโยคหลังหันไปบอกกับเจ้าหน้าที่พยาบาล รดาเอาแต่มองหน้าหมอหนุ่มไม่ละสายตา
[เสียงคุ้นจัง เหมือนเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหน] รดาได้แต่คิดในใจจนแจ็กเกตสีเขียวของแอปสั่งอาหารแอปหนึ่งถูกถอดออก
“ขยับแขนให้หมอดูหน่อยครับ ว่าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ทั้งสองข้างเลยครับ มีขัดๆ เสียดๆ ไหมเวลายกขึ้น” รดาทำตามอย่างว่าง่าย
“กำมือหมอหน่อยครับ กำแรงๆ ไม่ต้องกลัวหมอเจ็บ” ฝ่ามือหนาที่สวมถุงมือแพทย์สีฟ้าทั้งสองข้างยื่นมาตรงหน้าเด็กสาว มือเรียวเล็กที่มีรอยเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาเล็กน้อยยื่นมากุมมือชายหนุ่มและออกแรงบีบจนสุดกำลัง
“โอเคครับ ตรงแขนมีแค่แผลถลอกนิดหน่อย”
“ยกขาขึ้นด้านบนให้หมอดูหน่อยครับ” มือหนายื่นไปถอดรองเท้าผ้าใบออกทั้งสองข้าง พยาบาลทำหน้าตกใจที่เห็นคุณหมอถอดรองเท้าให้คนไข้เอง รดาเองก็ตกใจไม่คิดว่าหมอหนุ่มจะกล้าทำแบบนั้น
“ขยับซ้าย-ขวาครับ..โอเคอีกข้างครับ” มือข้างหนึ่งยกขึ้นไปดันเท้าเล็กไว้ขณะกำลังออกแรงขยับ
“โอเคครับ ขาทั้งสองข้างก็ปกติ เดี๋ยวหมอจะส่งไป CT SCAN ดูว่าศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนมากหรือไม่ แต่เท่าที่ดูจากแผลก็ไม่มีอะไรน่ากังวลครับ” กองทัพเขียนอะไรสักอย่างลงชาร์จคนไข้ก่อนจะส่งให้เจ้าหน้าที่พยาบาล รอสักพักก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาเข็นเธอออกจากห้องม่านกั้น ไปยังห้องห้องหนึ่งซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นห้องเอกซเรย์ทางคอมพิวเตอร์
“คนไข้ศาสตราจารย์เธียรวิชญ์” เจ้าหน้าที่ที่เข็นเธอเข้ามาบอกกับเจ้าหน้าที่ห้องเอกซเรย์ ภายในห้องมีเพียงรดาและเจ้าหน้าที่ผู้ชายอีกสองคน
รดาถูกเข็นเข้าไปในอุโมงค์สีขาวหลังจากที่เจ้าหน้าที่นำอะไรบางอย่างมาปิดตาเธอไว้ทั้งสองข้าง ความกลัวเข้าปกคลุม แขนสองข้างวางแนบข้างลำตัวมือกำเข้าหากันแน่นนอนตัวเกร็งอยู่บนเตียง เพราะภายในห้องอากาศเย็นและเงียบมากจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว
แอ๊ด..เสียงเปิดประตูมีบุคคลใหม่เข้ามาจากด้านนอก
“ศาสตราจารย์ สวัสดีครับ” เสียงเจ้าหน้าที่ประจำห้องเอกซเรย์เอ่ยทักทายชายหนุ่ม แสดงว่าบุคคลที่พึ่งเข้ามาในห้องนี้นั้นเป็นคุณหมอคนนั้นสินะ รดาจึงคลายอาการรู้สึกกลัวลงมาก มือที่กำแน่นจนเล็บแทบจิกเข้าเนื้อค่อยๆ คลายออกเมื่อรู้ว่าคนที่เข้ามาใหม่นั้นเป็นใคร เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
“ผมขอดูผลเอกซเรย์ตอนนี้เลยนะครับ” ไฟอุโมงค์ถูกเปิดขึ้นสว่างจ้าทั้งที่มีอะไรบางอย่างปิดตาทั้งสองข้างอยู่แต่ก็ยังมีแสงลอดผ่านเข้ามาให้ได้เห็น
“คนไข้หลับตานะครับ”
พรึบ! สิ้นเสียงเจ้าหน้าที่อุโมงค์ใหญ่ก็ถูกสั่งให้ทำงานทันที ไม่ถึง5นาทีรดาก็ถูกเข็นออกมา
“พาคนไข้ขึ้นไปห้องพัก 201 และเตรียมอุปกรณ์ทำแผลด้วย” เสียงทุ้มนุ่มพูดขึ้นเมื่อดูผลเอกซเรย์ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์สักพัก
“ห้อง 201 เหรอครับศาสตราจารย์” เจ้าหน้าที่ถามย้ำอีกครั้งเพราะห้องที่ศาสตราจารย์หนุ่มบอกเมื่อสักครู่นั้นเป็นห้องพักสำหรับครอบครัวหรือญาติเจ้าของโรงพยาบาลเท่านั้น
“ครับห้อง 201 ผมพูดไม่เคลียร์ตรงไหน” เสียงทุ้มต่ำถามกลับเมื่อยังเห็นว่าทุกคนในห้องยังยืนนิ่งราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
“เคลียร์ครับ ห้อง 201” รดาถูกพาขึ้นมายังชั้นบนสุดของโรงพยาบาล ทั้งชั้นมีห้องพักเพียงสองห้อง และอีกฝั่งของชั้นนี้นั้นเป็นห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงพยาบาล
“พี่คะ หนูต้องนอนโรงพยาบาลเหรอคะ”
“น่าจะเป็นอย่างนั้นนะครับ เพราะศาสตราจารย์บอกให้พาคนไข้ขึ้นมาพักที่ห้องนี้”
“แต่หนูไม่ได้เป็นอะไรมากนี่คะ ไม่นอนโรงพยาบาลได้ไหมคะ”
“ผมตอบไม่ได้จริงๆ ครับคนไข้ลองถามคุณหมอดูเองแล้วกันนะครับ”
“แต่โรงพยาบาลหรูขนาดนี้ หนูไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลหรอกนะคะ”
“เรื่องค่าใช้จ่าย คู่กรณีเขาติดต่อมาว่าจะรับผิดชอบเองทั้งหมด ลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงครับ หมอจะทำแผลให้” กองทัพเปิดประตูเข้ามาได้ยินเข้าพอดีจึงโกหกรดาออกไป ถ้าไม่งั้นหญิงสาวคงต้องรบเร้ากลับบ้านแน่ๆ คืนนี้
[พระเจ้าทรงประทานเธอกลับมาให้ผมแล้ว มีเหตุผลอะไรที่ผมจะปล่อยเธอหลุดมือไปง่ายๆ]
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตค่ะ อุปกรณ์ทำแผลมาแล้วค่ะศาสตราจารย์” เจ้าหน้าที่พยาบาลเข็นรถอุปกรณ์ทำแผลเข้ามา กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยฟุ้งเข้าปะทะจมูก รดาถึงกับยกมือขึ้นปิดจมูกเพราะได้กลิ่นแล้วพานให้หายใจไม่ออก
“ขึ้นนั่งบนเตียงครับ” รดาทำตามอย่างว่าง่าย เสียงทุ้มนุ่มลึกก่อนหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเสียงราบเรียบ จนพยาบาลสาวถึงกับยืนตัวเกร็ง
“อ๊ะ!” รดาร้องตกใจเมื่อคุณหมอสุดหล่อที่เป็นถึงศาสตราจารย์หย่อนสะโพกหนานั่งลงกับเก้าอี้และยกเท้าเธอขึ้นไปวางบนตักโดยไม่ใช้อะไรรอง ไม่กลัวว่าเสื้อผ้าจะสกปรกหรือมีท่าทีรังเกียจเลยสักนิด
“เอ่อ ศาสตราจารย์คะ ให้เกลทำเองดีกว่าค่ะ”
“ผมทำเองครับ”
“แต่ศาสตราจารย์คะ เกลว่าให้เป็นหน้าที่ของเกลดีกว่าค่ะ”
“คุณออกไปเตรียมชุดให้คนไข้เปลี่ยนจะดีกว่านะครับ ขืนยังใส่ชุดนี้อยู่เกรงว่าแผลจะติดเชื้อเพราะโดนสิ่งสกปรกที่เปื้อนมากับชุด”
“เอ่อ..ค่ะศาสตราจารย์”
“จะเกร็งทำไมครับ หมอยังไม่ได้ดุอะไรคุณเลย”
“แต่คุณหมอดุพี่พยาบาลคนนั้น เขาแค่อยากช่วยทำไมต้องดุพี่เขาด้วยคะ”
“ผมยังไม่ได้ดุใครเลย แต่ถ้าดื้อรับรองโดนผมดุแน่” กองทัพให้คำตอบ สายตาคมเข้มจ้องหน้ารดาเพื่อต้องการสื่อให้รู้ว่าเขาพูดจริง
“หนูไม่ได้ดื้อสักหน่อย ไม่เห็นต้องขู่เลย” บ่นอุบอิบมุมปากแต่ก็ดังพอที่กองทัพจะได้ยิน
“ผมไม่ได้ขู่ ผมทำจริง จะลองดูก็ได้นะ..ว่าเด็กดื้อต้องโดนทำโทษยังไง”
“เสร็จแล้วครับ อย่าให้แผลโดนน้ำนะครับ”
“แล้วหนูจะอาบน้ำยังไงคะ ตัวสกปรกแบบนี้ไม่อาบน้ำหนูนอนไม่หลับแน่ แล้วอีกอย่างหนูก็ไม่ได้เป็นอะไรมากทำไมต้องนอนโรงพยาบาลด้วยคะ”
“เป็นหมอเหรอครับ ถึงสามารถวินิจฉัยอาการตัวเองได้ หัวกระแทกฟุตบาตขนาดนั้นยังจะบอกว่าไม่เป็นอะไร ถ้าเกิดเลือดคลั่งในสมองขึ้นมาจะทำยังไง”
“ก็คุณหมอไม่เห็นบอกเลยนี่คะ ว่าหนูเป็นอะไรมากหรือเปล่าแล้วอีกอย่างถ้าอาการหนักหนูคงต้องเข้าห้องผ่าตัดแล้ว”
“ก็กำลังจะบอก แต่เด็กบางคนเถียงขึ้นซะก่อน”
“แล้วสรุปหนูเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”
“ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นอะไรมากครับ แต่ถ้ายังดื้อก็ไม่แน่”
“หนูอาบน้ำไม่ได้จริงๆ เหรอคะ”
“วันนี้ยังอาบไม่ได้ครับ รอให้พรุ่งนี้แผลแห้งซะก่อนค่อยอาบ..อดทนไปก่อน”
“แต่ตัวหนูสกปรกมากเลยนะคะ ขอเช็ดตัวได้ไหมคะ”
“รอพยาบาลเอาชุดมาก่อน”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตค่ะ ชุดคนไข้ค่ะ” เจ้าหน้าที่พยาบาลยื่นชุดที่ถือมาในมือให้รดาก่อนจะหันหน้าไปถามคุณหมอหนุ่มที่นั่งดูแผ่นฟิล์มเอกซเรย์อีกครั้งที่แนบมากับชาร์ตคนไข้
“คุณหมอต้องการอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่าคะ” ถึงจะสงสัยว่าคนไข้รายนี้เป็นอะไรกับเจ้าของโรงพยาบาล แต่ก็ต้องเก็บความสงสัยไว้ในใจเพราะสายตาที่คุณหมอหนุ่มมองมานั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“ไม่ครับ คุณเอาอุปกรณ์ทำแผลออกไปเก็บได้เลย อ้อ..ผมขอสเปรย์ดับกลิ่นด้วยครับ คนไข้แพ้กลิ่นแอลกอฮอล์ล้างแผล”
“ค่ะ สักครู่นะคะ”
“ลุกมาเช็ดตัวครับ ลุกเดินเองได้ใช่ไหม”
“ได้ค่ะ แต่หนูรอพี่พยาบาลมาเช็ดให้ดีกว่าค่ะ หนูเช็ดเองไม่ถนัดเพราะยังรู้สึกตรึงๆ แขนนิดหน่อย”
หลังจากตรวจดูฟิล์มเอกซเรย์อย่างละเอียดอีกรอบแล้ว ชาร์จคนไข้ก็ถูกเสียบกลับไว้ปลายเตียงตำแหน่งเดิม
“เอก ผมขออาหารเย็นสองชุด อีกชุดเป็นพวกข้าวต้มสำหรับคนไข้ แวะซื้อผลไม้ นม และของทานเล่นมาด้วย เอามาส่งผมที่ห้อง201” กองทัพต่อสายโทรศัพท์หาใครบางคน ใช้เวลาคุยสักพักก็กดวางสาย
“หนูอยู่คนเดียวได้ค่ะ คุณหมอกลับเลยก็ได้ค่ะ” เวลาผ่านไปสักพักยังไม่มีทีท่าว่าคุณหมอหนุ่มจะกลับ รดาจึงพูดขึ้น
“ผมสั่งให้ลูกน้องซื้อข้าวมาส่งที่นี่แล้ว”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตค่ะ”
“คุณเกล ช่วยเช็ดตัวให้คนไข้ด้วยนะครับ อ้อ..แล้วช่วยจัดยามาตามนี้ด้วยและอย่าลืมเตรียมอุปกรณ์วัดไข้มาไว้ด้วยเผื่อคนไข้มีไข้ตอนกลางคืน คืนนี้ผมจะเฝ้าเองครับ”
ตอนที่34 งานแต่งงาน 5 เดือนผ่านไปหลังจากที่ญาดาพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานนับเดือนก็ได้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน จนมาถึงวันนี้ร่างกายเริ่มดีขึ้นใกล้จะกลับมาเป็นปกติเกือบร้อยเปอร์เซ็นทางด้านผู้ใหญ่ของกองทัพก็รับรู้และยินดีที่ลูกชายคนเล็กของบ้านจะมีแฟน ที่สำคัญที่บ้านคุณหมอหนุ่มยังรู้ดีตั้งแต่ต้นว่าลูกชายตัวเองแอบหลงรักเด็กผู้หญิงที่อยู่เมืองไทย เพราะตลอดระยะเวลาที่ชายหนุ่มไปเรียนเมืองนอกกว่าสิบปีไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ชีวิตมีแต่เรียนกับสนามแข่งรถ และยังแอบพกรูปเด็กผู้หญิงผมเปียติดตัวตลอดเวลาถึงขนาดใส่กรอบเล็กๆ วางไว้ในห้องนอนการคบหาระหว่างทั้งสองคนอยู่ในการรับรู้และยินดีจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย แต่มีอีกหนึ่งคนที่จะดีใจมากเป็นพิเศษคงหนีไม้พ้น..ทัพบก ผู้ที่ใฝ่ฝันอยากมีน้องสาวเป็นของตัวเอง และหลงรักเด็กสาวตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกเมื่อตอนสั่งอาหารแล้วไรเดอร์สาวขับรถมอเตอร์ไซค์ฝ่าสายฝนที่ตกหนักเพื่อนำอาหารมาส่ง เด็กสาวที่เปียกปอนไปทั่วตัวแต่ก็ยังยิ้มร่า เด็กสาวที่มีรอยยิ้มสดใสให้ทุกครั้งที่เจอกัน เด็กสาวที่อยากได้มาเป็นน้องสาวที่น่ารัก อ้อนเก่ง“รดา อาทิตย์หน้าตารางงานพี่ว่างเราพาคุณแม่ท่าน
ตอนที่33 คำตอบจากแม่ยาย ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์รดาที่วางอยู่โต๊ะข้างหัวเตียงดังขึ้น“สวัสดีครับ” กองทัพหยิบมากดรับสายเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามานั้นคือพี่ชายของเด็กสาว“คุณหมอเหรอครับ”“ครับ ตอนนี้รดาหลับอยู่ครับ คุณธนามีธุระด่วนจะคุยกับรดาไหมครับ ผมจะปลุกเธอให้”“ไม่มีครับ แค่ผมกลับมาที่ห้องพักแล้วไม่เจออยู่ที่นี่เลยโทรหานะครับ”“รดาหลับอยู่ที่ห้องทำงานผมครับ ช่วงเย็นคุณป้าน่าจะย้ายขึ้นมาพักฟื้นที่ห้องนี้นะครับ”“ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ ผมไม่รบกวนแล้ว สวัสดีครับ”หลังจากที่วางสายเสร็จกองทัพก็ลุกเดินออกจากห้องไปและลงไปยังชั้นสามเป็นแผนกหัวใจและทรวงอก ห้อง ICU ที่อยู่ติดกับเคาน์เตอร์พยาบาลซึ่งมีคนไข้ชื่อญาดานอนรอดูอาการอยู่หลังการผ่าตัด“คนไข้เป็นอย่างไรบ้างครับ” กองทัพเดินเข้าไปในห้องพร้อมหยิบชาร์จที่เสียบอยู่ที่ปลายเตียงขึ้นมากวาดสายตาอ่าน“ความดันปกติ ชีพจรเต้นคงที่ คนไข้ฟื้นแล้วหลังจากออกจากห้องผ่าตัด ปฏิกิริยาทุกอย่างปกติและพึ่งหลับไปเมื่อสักครู่ค่ะ”“ร่างกายตอบสนองต่อการรักษาดี ช่วงเย็นรายงานอาการให้ผมทราบอีกที ถ้าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงผมจะย้ายคนไข้ขึ้นไปพักฟื้นด้านบน” เหมือนยกภ
ตอนที่32 รางวัลคนเก่ง “รางวัลพี่ล่ะครับ” เมื่อทั้งสองกลับขึ้นมาบนห้องพักส่วนตัวยังไม่ทันที่ประตูปิดสนิทดีคุณหมอหนุ่มก็ทวงถามหารางวัลทันที“รางวัลอะไรของคุณ รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วค่ะมีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์” มือเล็กออกแรงผลักตรงหลังให้เดินไปยังห้องน้ำเพราะตอนนี้เธอแทบจะทนดมกลิ่นแอลกอฮอล์ในตัวชายหนุ่มไม่ไหว"นวดไหล่ให้พี่หน่อย ผ่าตัดตั้งหลายชั่วโมง..เมื่อยมาก" ยังไม่ทันที่รดาจะหันหลังออกจากห้องน้ำก็เจอเสียงอ้อนของคุณหมอหนุ่ม“อาบเสร็จแล้วเดี๋ยวหนูนวดให้นะคะ” รดาไม่ได้ปฏิเสธเลยทีเดียวแต่เลือกที่จะยื่นข้อเสนอต่อรองหรือเรียกอีกอย่างว่าการเอาตัวรอด“ต้องแช่น้ำอุ่นแล้วนวดไปด้วยกล้ามเนื้อถึงจะผ่อนคลาย” หลักการทางกายภาพถูกงัดขึ้นมาต้อนเด็กสาวให้จนมุม“เดี๋ยวเสื้อผ้าหนูเปียก ไม่มีชุดใหม่เปลี่ยน”“พี่สั่งให้เอกซื้อมาให้หนูใหม่แล้วสิบชุด อยู่ในตู้” เกมโอเวอร์สุดท้ายรดาก็เป็นฝ่ายแพ้ เดินไปเปิดน้ำอุ่นและผสมสบู่ลงในอ่างกุชชี่ขณะที่กองทัพจัดการถอดเสื้อผ้าออกจนหมดและตอนนี้มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พันรอบเอว“ว๊าย! คุณจะทำอะไรคะ” เชือกที่ผูกอยู่ที่เอวคอดถูกดึงออกโดยฝีมือของชายหนุ่มที่ตอนนี้ยืนซ้อน
ตอนที่31 หน้าห้องผ่าตัด“ขอโทษครับผมลืมเคาะประตู” ทั้งสองผละออกจากกันอัตโนมัติเหมือนเกิดแรงผลักของประจุไฟฟ้าขั้วบวกกับขั้วบวกหน้าห้องผ่าตัดเจ้าหน้าที่เข็นเตียงผู้ป่วยออกจากห้องพักหลังจากเตรียมความพร้อมก่อนทำการผ่าตัดมายังห้องผ่าตัดแผนกศัลยกรรม หญิงวัย 58 ปีนอนหน้าซีดปากซีดไร้เลือดฝาดอยู่บนเตียงสีหน้าเป็นกังวล“แม่คะ แม่ต้องสู้นะคะหนูกับพี่ธนาจะรอแม่อยู่ด้านนอก คุณหมอเก่งมากแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ” มือเรียวเล็กทั้งสองข้างยื่นไปกุมมือผู้เป็นมารดาด้านที่มีสายน้ำเกลือเสียบคาอยู่และอีกข้างก็มีเครื่องวัดออกซิเจนติดอยู่“จ๊ะลูก” ญาดาตอบกลับบุตรสาวเสียงแผ่วใบหน้าฝืนยิ้ม ยกมืออีกข้างมากุมมือบุตรสาวและบุตรชายออกแรงบีบเล็กน้อย“ผมกับน้องรอแม่อยู่ด้านนอกนะครับ” เสียงทุ้มอ่อนนุ่มสั่นเครือเล็กน้อยของชายหนุ่มคนที่ดูแลแม่มาตั้งแต่ผู้เป็นบิดาเสียไป ถึงข้างนอกจะดูเข้มแข็งแต่ข้างในก็แอบกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะรู้ถึงสุขภาพร่างกายของผู้เป็นมารดาอย่างดีว่าตอนนี้เข้าขั้นวิกฤตแค่ไหน“ธนาอย่าลืมที่สัญญากับแม่นะลูก” ก่อนเข้าไปด้านในยังไม่ลืมย้ำเตือนบุตรชายคนโตอีกรอบ“ครับแม่ แม่ก็อย่าลืมที่สัญญากับผมไว้นะครับ ว่าแม่
ตอนที่30 สู่ขอไม่เป็นทางการ“รดา พี่เอาหนังสือมาให้เผื่อหนูอยากอ่าน” กองทัพเปิดประตูเข้ามาได้จังหวะได้ยินตอนที่รดาคุยกับพี่ชายพอดี“ถามผมก็ได้ครับ ผมยินดีแสดงความบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง” กองทัพเดินเข้าหยุดยืนขนาบข้างเด็กสาว ในมือยังถือหนังสือวารสารด้านธุรกิจของต่างประเทศที่รดาชอบอ่าน ซึ่งเล่มนี้เป็นเล่มใหม่ที่เขาฝากเพื่อนซื้อมาพึ่งส่งมาถึงเมื่อวันก่อน"ความจริงผมก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของพวกคุณหรอกนะครับ แต่ฐานะการใช้ชีวิตของพวกเรากับคุณมันต่างกันมาก” ธนาชี้แจงเหตุผลให้คุณหมอหนุ่มฟังอย่างนอบน้อมและมีเหตุผล“ผมเข้าใจครับ และก็ไม่แปลกใจที่คุณจะเป็นห่วงรดา เราไม่เคยเจอกันหรือรู้จักกันมาก่อน พอเจอกันครั้งแรกผมก็มาแนะนำตัวในฐานะคนรักของน้องสาวคุณ เป็นใครก็ตกใจครับ แต่ผมอยากจะบอกคุณว่าผมกับรดารู้จักกันตั้งแต่ห้าปีก่อนตอนที่ผมยังเรียนแพทย์อยู่ที่โปแลนด์ แค่ขาดการติดต่อกันไปช่วงที่ผมไปต่อfellowที่อเมริกา มาเจอกันอีกครั้งตอนที่รดาเกิดอุบัติเหตุเมื่อสี่เดือนก่อนและได้เรียนรู้กันอย่างจริงจังช่วงที่รดาไปฝึกงานที่บริษัท คุณอาจจะมองว่าระยะเวลามันสั้นแต่เชื่อเถอะครับว่าผมรักเธอจริงๆ ผมรีบทำหน้าที่ของ
ตอนที่29 พบแม่ยายในฐานะแฟนของลูกสาวช่วงสายของอีกวัน“รดาตื่นได้แล้วครับ สายแล้วนะ” กองทัพเดินมาหย่อนสะโพกข้างขอบเตียง เสียงทุ้มนุ่มก้มลงกระซิบข้างหูคนตัวเล็กที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง“อือ..หนูขออีกห้านาที” เสียงครางงึมงำในลำคอ ตาสองข้างยังปิดสนิท“หมดแรงขนาดลุกไม่ขึ้นเลยเหรอ หืม” หนวดเคราที่กำลังขึ้นเป็นตอสีดำเสียดสีกับลำคอใต้ซอกใบหูจนคนที่นอนหลับอยู่รู้สึกจักจี้จากการรบกวน“พี่หมอ หนูขออีกห้านาทีนะคะ” เสียงหวานเอ่ยอ้อนคว้ามือหนาที่วางพาดอยู่บนตัวเข้ามากอดแนบใบหน้า จนกองทัพทำตัวไม่ถูกจำต้องจำยอมตามคำขอและทำได้เพียงนั่งนิ่งๆ รอเวลา“หนูครับ วันนี้พี่จะพาหนูไปเยี่ยมคุณแม่ที่โรงพยาบาล ถ้าไม่ยอมตื่นคุณแม่ท่านจะรอนานเอานะครับ” สิ้นคำพูดรดาก็ดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนทันที“คุณจะพาหนูไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลจริงๆ เหรอคะ” ร่างบางโผเข้ากอดชายหนุ่มอย่างลืมตัว หน้าอกคัพB ใต้เสื้อนอนตัวเล็กเสียดสีกับอกแกร่งจนกองทัพสัมผัสถึงความนุ่มเด้งได้“ถ้ายังอยากไปเยี่ยมแม่ พี่แนะนำให้ปล่อยพี่ก่อนครับ ก่อนที่หนูจะต้องนอนหมดแรงอยู่บนเตียงจนออกไปไหนไม่ได้” เสียงกระท่อนกระแท่นเอ่ยบอกติดๆ ขัด ขณะที่จิตสำนึกกำล
ตอนที่28 มีสติแต่ควบคุมไม่ได้ ติ๊ง! เสียงสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นเมื่อขึ้นมาถึงชั้นจุดหมาย ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก รดารีบเปิดประตูรถสาวเท้าเดินเข้าห้องทันทีเพราะวันนี้กองทัพเอารถขึ้นมาจอดด้านบนปั้ง! เสียงประตูปิดลงและคุณหมอหนุ่มเดินตามหลังมาติดๆ“หนูหิวน้ำ ขอไปกินน้ำก่อนนะคะ” เท้าเล็กรีบเดินเข้าห้องครัว เปิดตู้เย็นคว้าขวดน้ำขึ้นมาเทใส่แก้วและยกขึ้นดื่มเกือบหมดแก้ว โดยไม่รู้เลยว่าเจ้าของห้องนั้นเดินตามหลังเธอเข้าด้วย“พี่ขอกินด้วยสิ / อ๊ะ!” รดาร้องขึ้นด้วยความตกใจยังกำแก้วในมือแน่น“พี่ขอกินด้วยหน่อย”“เดี๋ยวหนูรินให้ใหม่ค่ะ”“ไม่ต้อง พี่กินกับหนูก็ได้” คำพูดถูกกลืนลงคอไปจนหมด ปากหยักได้รูปก้มลงดูดหยดน้ำที่เกาะอยู่มุมปากจนเกิดเสียงดัง“จ๊วบ! หวาน พึ่งรู้ว่าน้ำยี่ห้อนี้หวานขนาดนี้”กองทัพรั้งท้ายทอยเล็กเข้าประกบจูบอีกครั้ง ครั้งนี้เริ่มลุกล้ำเข้าไปในโพรงปาก ริมฝีปากทำหน้าที่แลกลิ้นกลืนกินน้ำลายซึ่งกันและกันกระโปรงทรงเอถูกดันขึ้นสูงก่อนร่างเล็กจะถูกอุ้มขึ้นนั่งบนโต๊ะหินอ่อนเคาน์เตอร์ครัว แพนตี้สีขาวถูกดึงลงต่ำพอๆ กับใบหน้าคมจังหวะร่างสูงย่อตัวลง ประชิดปลายจมูกกลางใจสาวที่ปิดสนิทลมหายใจอุ่นพ่น
ตอนที่27 สินสอดทองหมั้น สนามแข่ง“เดี๋ยวนี้พกกองเชียร์ติดตัวมาด้วยเหรอวะ” เสียงน่านฟ้าเอ่ยแซวเมื่อกองทัพและรดาเดินเข้ามาที่ห้องพักส่วนตัวข้างสนาม โดยมีน่านฟ้า นที ดิน และนิสานั่งรออยู่ก่อน บนโต๊ะมีแก้วไวน์และขวดไวน์ที่ถูกรินไปเกือบครึ่งขวดวางอยู่ด้วย บ่งบอกว่าทั้งสามหนุ่มนั้นนั่งดื่มกันมาสักพักแล้ว“พี่ดิน พี่นที พี่น่านฟ้า พี่นิสา สวัสดีค่ะ” รดายกมือไหว้ทุกคนอย่างมีมารยาท“สวัสดีครับ น้องรดาคนสวย วันนี้เพื่อนๆ ไม่มาด้วยเหรอครับ” นทีถามขึ้น ส่วนที่เหลือได้แต่พยักหน้าตอบรับ“มาค่ะ เชอรี่กำลังไปรับอิงเอยและกิ่งแก้วอยู่ค่ะ”“เอ้าไอ้หมอ มึงจะยืนอวดความหล่ออีกนานไหม ไม่นั่งล่ะครับ” ดินถามขึ้นพร้อมกับขยับที่นั่งข้างๆ ให้เพื่อน“มึงลุกไปนั่งกับไอ้นที” กองทัพเอ่ยบอกเสียงเรียบ“อะไรของมึงวะ ห่างน้องมันบ้างก็ได้ หวงของแบบนี้เคลียร์ตัวเองเรียบร้อยหรือยังครับ” ดินพูดขึ้นขณะที่ลุกขึ้นและขยับไปนั่งข้างนทีที่ยังมีที่ว่างอยู่อีกหนึ่งที่“ไอ้น่าน กูถอนหมั้นกับเมียมึงอย่างเป็นทางการแล้วนะ”“มึงน่าจะทำตั้งนานแล้ว ตามใจนิสามันอยู่ได้ กูต้องอยู่ในสถานะชู้มาตั้งหลายปี..ไอ้ห่า” น่านฟ้าบ่นออกไปดูไม่จริงจังน
ตอนที่26 ถอนหมั้นอย่างเป็นทางการครืด ครืด ครืด เสียงสั่นของโทรศัพท์กระทบกับพื้นโต๊ะทำงาน“กองทัพไอ้เจเดนมันมาท้าแข่งรถกับมึง มึงจะว่ายังไง” น่านฟ้าเจ้าของสนามแข่งรถชื่อดังพูดขึ้น“กูไม่ว่าง มีงานต้องทำเยอะแยะ” กองทัพปฏิเสธกลับทันที“มันฝากมาบอกมึงว่า ถ้ามึงปฏิเสธแสดงว่ามึงกลัว กลัวว่าจะแพ้มันคาสนามแข่งที่บ้านตัวเอง” ความจริงแล้วคำพูดพวกนี้น่านฟ้าเป็นคนพูดขึ้นเองทั้งหมด เพราะของเดิมพันครั้งนี้คือรถเฟอร์รารี่สีแดงรุ่นพิเศษที่น่านฟ้าอยากได้และหาซื้อมานานแล้ว แต่เนื่องจากรุ่นนี้ผลิตออกมาไม่กี่สิบคันจึงยังหาซื้อไม่ได้สักที“แค่นี้ใช่ไหม กูจะทำงาน”“เฮ้..เฮ้..เฮ้ มึงอย่าพึ่งวางสิ” ยังไม่ทันที่กองทัพจะกดวางสายเสียงร้องห้ามของน่านฟ้าก็ดังขึ้น“ของเดิมพันคืออะไร” กองทัพถามกลับเสียงเรียบราวกับรู้อยู่ก่อนแล้ว“รู้ทันกูตลอด แกล้งโง่บ้างก็ได้”“กี่ทุ่ม”“มึงถามกูอย่างนี้ แสดงว่ามึงรับคำท้าใช่ไหม”“มึงอยากได้ไม่ใช่เหรอ แต่กูขายต่อนะไม่ได้ให้ฟรี”“รุ่นนี้กูอยากได้มานานแล้วแต่หาซื้อไม่ได้สักที”“เฟอร์รารี่สีแดงคันนั้นสินะ มันกล้าเอารถคันโปรดมันมาเดิมพันเลยเหรอวะ” เฟอร์รารี่สีแดงรุ่นลิมิเต็ดที่ผลิตออ
Komen