โจวเจียอีหรือที่รู้จักกันอีกชื่อคืออีริค ชายหนุ่มลูกครึ่งจีน-ไทย มารดาของเขาเป็นคนไทย หลังจากบิดาเสียชีวิตเขาคือผู้รับช่วงต่อกิจการทั้งหมด ส่วนมารดาที่ไม่มีญาติหรือเพื่อนสนิทที่จีนอยากกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย เขาก็ตามใจผู้เป็นแม่ จัดหาบ้านช่องห้องหับที่ปลอดภัยเพราะตัวเขาไม่ได้มาอยู่ที่นี่ด้วย แต่เทียวไปเทียวมาเพราะเรื่องธุรกิจและเป็นห่วงมารดา เช่นวันนี้เขามาเซ็นสัญญาทางธุรกิจและมีเลี้ยงต้อนรับ ตัวเขาไม่ชอบงานเลี้ยงนักแต่ก็ต้องอยู่จนจบงาน
ชายหนุ่มปลีกตัวออกมาและเดินลงมาว่าจะหาอะไรดื่มสักเล็กน้อยค่อยกลับขึ้นห้องไปนอนพัก และเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่บังเอิญพบหญิงสาวคนหนึ่งเขา รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อยู่มาจนอายุสามสิบปีเพิ่งเคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงเป็นครั้งแรก เห็นเพียงแวบเดียวก็รู้สึกอยากครอบครองขึ้นมาทันที เขาเห็นเธอต้องการหลบผู้ชายที่เดินตามมาอยู่จึงฉวยโอกาสพามาที่ห้องของเขา
ชายหนุ่มโบกมือไล่บอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่ให้ถอยห่าง คนตัวเล็กซุกซบในอกกว้างเดินแทบไม่ไหว เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เธอก็เตะรองเท้าออกจากปลายเท้าแล้วเดินไปที่ริมระเบียงของห้องสวีทสุดหรูที่เขาพักอยู่
“สวยจัง” เธอพูดเสียงอ้อแอ้ “ห้องฉันอยู่ชั้นล่าง มองเห็นวิวทะเลนะ แต่ไม่สวยเท่านี้”
“นี่ห้องสวีทก็ต้องสวยกว่าอยู่แล้ว” เขาพูดพลางถอดเสื้อนอกออกตามด้วยเนคไท “ผมมีไวน์แดงปี1980อยู่ คุณดื่มได้ไหม หรืออยากดื่มอย่างอื่นผมจะสั่งให้”
“เอาสิ ฉันไม่เคยลอง”
เธอตอบแล้วหันมายิ้มจนดวงตาเป็นประกายก่อนจะเดินตัวเซมาทางเขา ชายหนุ่มส่ายหน้าแล้วจูงมือเธอมานั่งที่เก้าอี้ริมระเบียงแล้วเดินกลับไปรินไวน์สองแก้วของตัวเขาและคนแปลกหน้าของคืนนี้ มือเรียวเล็กยื่นไปรับแล้วประคองด้วยสองมือราวกับมันเป็นแก้วกาแฟ เธอจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนเงยหน้าขึ้นเห็นเขายกแก้วไวน์ขึ้นดื่มด้วยท่าทีผ่อนคลาย เธอจึงยกแก้วขึ้นดื่มบ้าง
“อ่า...รู้สึกฝาดๆ ลิ้นจัง”
“ดื่มแบบนั้นจะไปรู้รสอะไร” เขาหัวเราะอารมณ์ดี ทั้งที่วันนี้เคร่งเครียดมาทั้งวัน เขาเติมไวน์ให้เธอและของตัวเองก่อนพูดต่อ
“หมุนวนแก้วไวน์ เพื่อให้ไวน์ขยายวงกว้างขึ้น ทำแบบนี้จะเพิ่มการสัมผัสกับอากาศของไวน์ ทำให้กลิ่นของไวน์เข้มข้นขึ้น ต้องหมุนไวน์โดยจับแก้วที่ฐานหรือก้าน”
เขาพูดพลางสาธิตให้เธอดู
“ดมไวน์ในขณะที่คุณหมุนวน เพื่อให้ได้กลิ่นหอม กลิ่นทั่วไปของไวน์ จะมีกลิ่นของผลไม้ เครื่องเทศ สมุนไพร และดอกไม้ต่างๆ ไวน์จะดีที่สุดเมื่อจิบและลิ้มรส เมื่อเทียบกับการกลืนลงไป จิบไวน์ขนาดเล็กถึงปานกลาง และอมไว้ตรงกลางลิ้นก่อนกลืน วิธีนี้จะช่วยให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติที่ซับซ้อนของไวน์...”
“ยากจัง” เธอเบ้ปากก่อนยกดื่มรวดเดียวหมด “อ๊า! ไม่อร่อย”
โจวเจียอีมองหญิงแลบลิ้นสีชมพูออกมา ท่าทางเหมือนแมวน้อยทำให้เขาหลุดหัวเราะอย่างไม่เคยทำมาก่อน เสียงทุ่มต่ำของเขาทำให้เธอกำหมัดชกไปที่แผ่นอกอีกฝ่าย แต่เพราะมึนเมาอยู่จึงไม่แรงนัก
ชายหนุ่มคว้าข้อมือเธอแล้วออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ดึงเธอมานั่งบนตักได้อย่างง่ายดาย และก่อนที่หญิงสาวจะรู้ตัว เขาก็จัดการถอดแว่นตาของเธอออก ฝ่ามือใหญ่ลูบแก้มเนียนเบาๆ แต่ธีรยาเห็นแววตาคู่นั้นเหมือนมีลูกไฟอยู่จึงผงะถอยหนี ทว่าเขาใช้มือเพียงข้างเดียวประคองท้ายทอยเธอไว้และใช้มืออีกข้างยกแก้วไวน์ที่เหลือดื่มแล้วประกบริมฝีปากที่เผยอขึ้นอยู่ก่อน
ไวน์แดงไหลเข้าปากของธีรยา ดวงตากลมเบิกกว้างราวกับต้องมนตร์จากดวงตาสีน้ำตาล ลิ้นของเขาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของเธอ มอบรสหวามที่เธอไม่เคยสัมผัส การจูบตอบแบบเงอะงะทำเอาชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาผละจากริมฝีปากอิ่มสวยแล้วเอ่ยถาม
“จูบแรก?”
เหมือนจะสางเมาในทันที เธอไม่รู้จะตอบยังไงจึงได้แต่กัดริมฝีปากรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา ก็ชีวิตเธอมีแค่เรียนกับเรียน เรียนจบก็ทำงานและทำงาน คนที่แอบชอบก็เป็นแค่คนที่แอบชอบไม่เคยได้ใกล้ชิด อย่างมากก็แค่จับมือโอบไหล่แต่ก็เป็นแบบพี่น้อง แต่นี่...ผู้ชายที่เจอกันไม่กี่นาที...
เขายื่นนิ้วโป้งมาแตะริมฝีปากอิ่มสวย
“อย่ากัด”
“คะ?”
คราวนี้เขายื่นหน้ามาใกล้ สบตากับดวงตาเหมือนกระต่ายของเธอก่อนกดริมฝีปากจูบเธออีกครั้ง แรงขบเม้มเบาๆ เรียกร้องให้เธอเปิดกลีบปากให้เขาแทรกเรียวลิ้นเข้าไปกวาดชิมความหวานในโพรงปากสาว ลมหายใจอุ่นร้อนเจือกลิ่นไวน์และ...เอ่อ...บุหรี่สินะ ร่างอ่อนนุ่มอ่อนระทวยไปกับสัมผัสที่เขามอบให้
โจวเจียอีจำไม่ได้แล้วจูบผู้หญิงครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กัน เขาไม่ขาดแคลนผู้หญิงบำเรอใคร่ แต่เขาไม่จูบกับผู้หญิงเหล่านั้น เขาอายุสามสิบแล้วแต่ยังไม่ได้แต่งงาน ผู้หญิงที่คบหาก็เพราะเรื่องของธุรกิจเรียกว่าคนรักคงไม่ได้ เพราะเขาไม่เคยรู้สึกแบบนั้นกับใคร แต่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกต้องการผู้หญิงอย่างที่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ เป็นความปรารถนาอย่างรุนแรง
กระโปรงร่นขึ้นมาเล็กน้อยเผยให้เห็นเรียวขาสวย ฝ่ามือเลื่อนไปลูบต้นขาขาวเนียนปลุกเร้าให้อีกฝ่ายตอบรับความต้องการเช่นเดียวกันเขา ร่างอ่อนนุ่มเอนตัวเข้าหาสองมือเปะปะไปบนแผ่นอกกำยำ เพียงปลายนิ้วแตะจุดอ่อนไหวแม้สัมผัสผ่านกางเกงชั้นในก็ทำให้เธอหลุดเสียงครางแม้ริมฝีปากจะถูกจูบดูดดื่มอยู่ก็ตาม นิ้วกร้านสัมผัสรอยเปียกชื้น เขาถอนริมฝีปากแล้วยิ้มร้ายที่มุมปาก
“คุณเปียกแล้วนี่”
จูบของเขาปล้นสติของเธอไปหมดสิ้น สมองมึนงงอยู่จนกระทั่งเขาช้อนตัวอุ้มร่างบอบบางมาวางบนเตียงแล้วจึงเพิ่งรู้สึกตัว ดวงตากลมจ้องมองร่างสูงโปร่งที่กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต สายตาของเขาจ้องมองลิ้นน้อยๆที่แลบออกมาเลียริมฝีปากของตน เขาถอดเสื้อโยนลงพื้นตามด้วยปลดเข็มขัด คราวนี้เธอหลุบตาลงไม่กล้ามองอีก เสียงหัวเราะทุ่มต่ำในลำคอทำให้เธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาทาบตัวลงมากดทับร่างของเธอสองมือลูบไล้เรือนร่างปลุกเร้าเลือดในกายให้เดือดพล่าน ชุดเดรสถูกถอดไปอย่างง่ายดาย เสียงลมหายใจสูดลึกทำให้เธอไม่มั่นใจว่าเขาคิดอย่างไรอยู่ สองมือยกขึ้นปิดหน้าอกที่มีบราเซียลูกไม้สีแดงปกปิด ปกติเธอมีแต่เสื้อผ้าสีเรียบ แต่สำหรับชุดชั้นในนั้นอาจเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยเดียวที่เธอให้อนุญาตให้ตัวเองทำได้
เสียงลูกน้องตะโกนเตือน ธีรยากับโจวเจียอีหันไปมองพร้อมกัน เซียงซีฮันที่คิดว่าแอบหนีไปตอนชุลมุนกลับโผล่เข้ามาเหมือนสุนัขจนตรอก เขายกปืนเล็งมาทางโจวเจียอี เพียงเสียววินาที เพียงแค่การกระพริบตา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงปืนดังขึ้นสองนัด โจวเจียอีเบิกตากว้างไม่คิดว่าเลือดสีสดไหลทะลักจากรูกระสุนนั้นจะมาจากร่างของธีรยา “หมิว! บ้าจริง คุณมาบังกระสุนทำไม” “ไม่รู้ ขามันไปเอง” เธอเจ็บจนน้ำตาร่วงแถมเขายังตะคอกใส่อีก ไม่รู้ว่าเพราะเธอตัวเตี้ยหรือเพราะเจียงซีฮันเสียจังหวะเล็งเป้า กระสุนนัดแรกไปทางไหนไม่รู้ แต่นัดที่สองหัวไหล่ของเธอได้ “หมิว...” เขาอุ้มเธอเข้าไปในรถและสั่งให้ลูกน้องขับรถไปทันที “คุณทำแบบนี้ทำไม” “คุณจะบาดเจ็บไม่ได้” ธีรยาพูดขณะโจวเจียอีใช้เสื้อนอกของเขากดห้ามเลือด “คุณต้องบริจาคตับให้น้องชาย ห้ามคุณเป็นอันตรายหรือเสียเลือดเด็ดขาด” “หมิว” เขาครางออกมา ไม่คิดว่าเธอจะใส่ใจเรื่องนี้มากถึงขนาดนี้ “ตำแหน่งที่บาดเจ็บไม่อันตรายแต่คุณต้องช่วยกดห้ามเลือดไว้ก่อน” เ
ธีรยากลืนโจ๊กลงคอแล้วก็อดคิดถึงอีริคไม่ได้ เธอมั่นใจว่าเขามาช่วย แต่..เขาช่วยเพราะหน้าที่หรือเพราะเป็นห่วงเธอจริงๆ ผู้ชายที่อยากแต่งงานกับเธอ แต่ไม่เคยบอกรักเธอสักคำ จริงอยู่ว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขามันเกิดจากเซ็กส์ชั่วคืน หากไม่เพราะ ‘บังเอิญ’ พบกันอีก คนที่ทำงานให้ห้องแล็บอย่างเธอก็คงไม่ได้พบนักธุรกิจระดับพันล้านที่แสนเอาแต่ใจจอมเผด็จการคนนั้น เธอยกมือแตะสร้อยที่สวมอยู่ เขาสวมสร้อยเส้นนี้ให้เธอตั้งแต่วันไปงานแต่งงานก้องภพแล้วก็ไม่เอาสร้อยคืน จากคนไม่ใส่เครื่องประดับก็ใส่จนเคยตัว เขาช่างเป็นคนนิสัยแย่ที่สุดที่มาเปลี่ยนชีวิตที่แสนเรียบง่ายของเธอ เหมือนน้ำตาหยดจะร่วงหล่น เธอกลั้นสะอื้นแล้วกลืนอาหารลงคอ อย่างไรก็ต้องดูแลตัวเองไม่ให้เป็นภาระหากต้องหนี เธอก็ต้องมีแรงหนี. ... โจวเจียอีก้าวเข้ามาในคฤหาสน์หลังงามชานเมืองกรุงเทพฯ ดูเหมือนเจ้าของบ้านไม่แปลกใจที่ได้เห็นเขานัก “รวดเร็วสมกับเป็นประธานโจว” เจียงซีฮันเอ่ยแล้วผายมือเชิญให้เขานั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม “อยากเจอผมก็มาเชิญผมสิ
“แต่งงานโดยไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงเนี้ยนะ” คุณกานดาเค้นเสียงหัวเราะ “จะทำตัวเหมือนพ่อหรือไง พอเวลาเจอคนที่ตัวเองรักก็แอบเลี้ยงไว้ข้างนอก” “แม่ครับ มันไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่ไม่มั่นใจความรู้สึกตัวเอง ผมรู้แค่ว่าผมชอบเวลาอยู่กับเธอ มีความสุขทุกครั้งที่เห็นเธอยิ้ม และอยากไม่ต้องการให้ใครแตะต้องเธออยากครอบครองเธอเพียงคนเดียว” คุณกานดาฟังแล้วก็พยักหน้า“แม่กับพ่อแต่งงานกันเพราะความเหมาะสมและผลประโยชน์ แต่แม่ก็รักพ่อจากใจจริง ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมจากบ้านเกิดไปอยู่ที่จีน ไปเป็นคนแปลกหน้าที่นั้น ความจริงแม่รู้อยู่แล้วว่าพ่อมีคนที่ชอบอยู่ แต่ต้องแต่งงานกับแม่ แต่เพราะแม่รักพ่อของลูกมากถึงได้หลอกตัวเองว่าพ่อแกรักแม่จริงจัง ทำเป็นไม่รู้เรื่องที่พ่อแกเลี้ยงผู้หญิงไว้นอกบ้าน” “แม่รู้อยู่แล้ว” “อืม...ไม่ใช่ว่าแม่ใจดำไม่อยากช่วยเด็ก แต่เห็นหน้าเด็กคนนั้นก็ตอกย้ำว่าพ่อแกนอกใจแม่ ไม่สิ พ่อแกไม่ได้รักแม่อยู่แล้วจะเรียกว่านอกใจก็ไม่ได้ เพราะเหตุนี้แม่ไม่อยากเห็นผู้หญิงคนไหนต้องมาเจอแบบแม่อีก ลูกอยากช่วยหนูหมิว เป็นเรื่องที่ควรทำแต่ถ้าลูกไม่รักผ
“ค่ะ พี่รู้ว่าน้องหมิวไม่ได้คิดอะไร และน้องหมิวเองก็มีแฟนแล้ว แต่พี่เตือนด้วยความหวังดี ยังไงเสียทั้งหมิวและพี่ก้องก็ยังทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน แม้ว่าจะอยู่กันคนละแผนกก็ตาม”“ค่ะ” ขนมที่ว่าอร่อยก็กร่อยจนกลืนไม่ลง ธีรยาคิดหาวิธีออกจากสถานการณ์แสนอึดอัดอย่างนี้ โชคดีที่มีข้อความส่งเข้ามา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอ่านดูข้อความเจสัน : วันนี้ผมยังเจ็บแผลอยู่ จะให้ลูกน้องไปรับคุณธีรยานะครับหมอหมิว : ไม่เป็นไรค่ะ หมิวออกมากินกาแฟกับพี่เข็ม...ภรรยาพี่หมอก้องภพค่ะ สักประเดี๋ยวจะเดินทางไปบ้านคุณแม่กานดาแล้วเจสัน : คุณธีรยาส่งโลเคชั่นมาครับ ผมให้ลูกน้องขับรถไปรับหมอหมิว : โอเค.ค่ะเขมิกาจิบกาแฟจนหมดแก้ว แล้วมองธีรยาที่ก้มหน้าก้มตากดส่งข้อความ จะว่าเธอเป็นคนใจร้ายก็ยอม แต่ตอนนี้เธอมีฐานะเป็น ‘ภรรยา’ ของก้องภพอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เธอสามารถทำอะไรที่ควรทำได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งประกาศให้ผู้หญิงตรงหน้ารู้ถึงสถานะของเธอด้วยธีรยาส่งข้อความเรียบร้อยก็เงยหน้าขึ้นพร้อมยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยขึ้น “หมิวขอโทษนะคะ พอดีมีธุระด่วนค่ะ”“ตายจริง นึกว่าเป็นวันหยุดเสียอีก”“วันหยุดค่ะ แต่พอดีมีธุระด่วนต้องไปค
“ถ้าไม่มีอะไร เราต้องกลับไปทำงานต่อ” “ยัยหมิว!” “จะเรียกทำไม” เธอขึงตาใส่แล้วพูดอย่างเพิ่งนึกได้ “นายทำเจสันเจ็บ คราวนี้ดูแลเขาด้วย” “อ้าว ทำไมต้องเป็นเราล่ะ” “ได้ ถ้าอย่างนั้นหมิวไปดูแลเอง” “โอ๊ย! ถ้างั้นหมิวไม่ต้องไป เราไปเอง!” เจสันกลั้นยิ้มขำ จะบอกว่าไม่ต้องดูแลเขาก็ได้ ขนาดถูกยิงกระสุนทะลุท้อง เขายังนอนพักฟื้นคนเดียว แต่แค่คิดอยากแกล้งเพื่อนของคุณธีรยาจึงไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้ “คุณธีรยาใกล้เลิกงานแล้ว ผมรอส่งคุณธีรยาก่อนดีกว่าครับ” “ไม่ต้อง วันนี้หมิวจะไปบ้านคุณแม่” “คุณแม่?” ปกป้องถามอย่างงุนงง “หมายถึงแม่ของอีริคนะ” คราวนี้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมา “นี่ถึงขั้นไปเจอญาติผู้ใหญ่กันแล้วเหรอ” ปกป้องทำหน้ายุ่งแต่ในใจแอบเจ็บอยู่ไม่น้อย ความหวังให้เธอเป็น ‘แฟน’ ของเขา “ก็...เกี่ยวอะไรกับนายด้วยเล่า เอาล่ะๆ หมิวไปทำงานต่อแล้ว เจสันกลับไปพักผ่อนเถอะ ประเดี๋ยวแผลจะอักเสบเอา” “ครับ ถ้าอย่างนั้นผมให้บอดี้การ์ดคนอื่นมาดูแลคุณธีรย
คนตัวสูงรั้งร่างบอบบางเข้ามากอด“ผมอยากกลับไปห้องของเราจัง” “อย่าดื้อค่ะ” โจวเจียอีเงยหน้าหัวเราะแล้วยกมือสองมือประคองใบหน้าหวานสบตากับดวงตาหลังแว่นตาแสนเชย แต่ภายใต้ดวงตาใสกระจ่างคือความอ่อนโยนอย่างที่เขาไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน “คราวนี้คุณเชื่อใจผมได้หรือยัง ผมไม่เคยมีใครและไม่เคยซุกเมียเก็บไว้” แน่นอนว่าเขาไม่อยากเป็นเหมือนพ่อ และไม่อยากเห็นคนที่เขารักต้องทุกข์ใจเช่นที่แม่เขาต้องเผชิญ รัก...เขารู้จักคำนี้จริงๆหรือ? “จะรับไว้พิจารณานะคะ” “โธ่ หมิว...” เขาครางอย่างอ่อนใจ “เอาไว้หมิวหาเวลาเรียนภาษาจีนก่อน เวลาคุณพูดอะไร หมิวจะได้ฟังออกว่าคุณไม่ได้ปิดบังอะไรอีก” “ได้ ผมสอนให้เอง”“ค่าสอนแพงไหมคะ ระดับประธานโจวมาสอนเอง หมิว จะจ่ายไม่ไหวเอานะสิ”“อื้ม...ผมคิดเป็นอย่างอื่นก็แล้วกัน”สายตากรุ้มกริ่มของเขาทำให้หญิงสาวเขินหน้าแดง เธอทุบอกเขาแก้เขินแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย วันนี้เกิดเรื่องมากมาย แต่มันก็คุ้มค่าที่ได้รู้ว่าเขาไม่ได้มีใครอื่นซุกซ่อนไว้จริงๆ.