Home / อื่น ๆ / คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม / บทที่ 7 ที่ตากเนื้อแห้ง (2)

Share

บทที่ 7 ที่ตากเนื้อแห้ง (2)

Author: Just W.
last update Last Updated: 2025-06-29 01:33:57

เช้าวันถัดมา ข้าวหอมซึ่งนัดแนะกับสายเมฆว่าวันนี้จะตื่นแต่เช้าเพื่อช่วยกันทำกับข้าวให้พ่อแม่กินก่อนออกไปทำนา หลังจากนั้นทั้งสองจะทำการตากเนื้อแห้ง พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับการเตรียมของก่อนออกไปทำงาน

“นี่พี่สายเมฆ... พี่ว่าวิธีของพี่มันจะได้ผลจริง ๆ เหรอคะ” ข้าวหอมถามย้ำเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ด้วยน้ำเสียงที่ยังคงมีความลังเลในแผนการของสายเมฆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่มั่นใจในตัวเขา แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ลงมือทำกิจการของตัวเองจริงๆ มันเลยรู้สึกตื่นเต้นและกังวลเป็นพิเศษ

สายเมฆรู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อยที่ข้าวหอมเรียกเขาว่าพี่แล้ว

“ถ้าไม่เชื่อพี่ก็ไปลองกันเลย” สายเมฆที่ทำอาหารเช้าเสร็จพอดี ยื่นมือมาจับข้อมือของข้าวหอมเบา ๆ แล้วดึงให้ลงไปข้างล่าง

ตรงโต๊ะกลางบ้าน มีที่ตากเนื้อแห้งหลายขนาดวางเรียงรายอยู่ ข้าวหอมและสายเมฆช่วยกันยกโต๊ะออกมาตั้งไว้ตรงแถวรั้วบ้าน เพื่อให้ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาเห็นได้อย่างชัดเจน

ทั้งคู่ช่วยกันนำเนื้อที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำมาวางบนชั้นของที่ตากเนื้อแห้ง จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบทีละชั้น

ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ชาวบ้านในหมู่บ้านกำลังจะเดินทางออกไปทำนาพอดี ป้าแจ่ม เจ้าของนาที่พ่อกับแม่ไปช่วยเมื่อวานเป็นคนแรกที่แวะเข้ามาดูด้วยความสงสัย

“ข้าวหอม เล่นซนอะไรจ๊ะหนู? ละนี่ใครที่ไหนกันเนี่ย?” ป้าแจ่มทักข้าวหอมด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เพราะกลัวว่าข้าวหอมจะหยิบของของศจีและรุจน์มาเล่นซนจนเสียหาย

ป้าแจ่มเป็นเพื่อนบ้านที่มีเมตตาและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับครอบครัวข้าวหอมมาก แม้ป้าแจ่มจะขัดใจที่รุจน์และศจีเลี้ยงดูข้าวหอมอย่างประคบประหงมจนเกินไป ทำให้ข้าวหอมแม้จะโตแล้วแต่ก็ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าที่บ้านมีปัญหา ป้าแจ่มก็เป็นคนแรกที่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือเสมอ

“คนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องหนูเองค่ะป้าแจ่ม ชื่อพี่สายเมฆ น้าหนูเขาฝากให้มาอยู่ด้วยค่ะ” ข้าวหอมตอบด้วยรอยยิ้มที่พยายามทำให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด

ป้าแจ่มมองหน้าสายเมฆแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ เพราะความหล่อเหลาและดูดีของเขาดูไม่น่าจะเป็นญาติทางไหนกับครอบครัวที่ยากจนของข้าวหอมได้เลย

“ละนี่อะไรล่ะข้าวหอม? เอาของกินมาเล่นอะไรอีก” ป้าแจ่มชี้ไปยังที่ตากเนื้อแห้งด้วยสายตาไม่เข้าใจ

ข้าวหอมละเหี่ยใจยิ่งนัก ‘เฮ้อ! ดีนะที่มีสายเมฆอยู่ตรงนี้ ถ้าให้ฉันอธิบายว่ามันคือที่ตากเนื้อแห้งเกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อแน่ ๆ ความน่าเชื่อถือของเจ้าของร่างนี้ช่างต่ำเตี้ยยิ่งนัก!!!’

สายเมฆเห็นท่าทางของป้าแจ่มและแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจของข้าวหอมแล้ว จึงเข้ามาอธิบายแทน

“มันคือที่ตากเนื้อแห้งครับป้า” สายเมฆเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่หนักแน่น

“มีที่แขวนด้านบน เอาไว้แขวนให้สูง ๆ กันหมามาคาบเนื้อไปได้ ส่วนมุ้งนี่ก็เอาไว้กันแมลงวันครับป้า ช่วงนี้หน้าร้อน แมลงวันเป็นตัวนำเชื้อโรค ยังไงกันไว้ก่อนก็ดีนะครับ อ้อ! แล้วนี่ไม่ได้ใช้ไว้ตากเนื้อแห้งอย่างเดียวนะครับป้า จะเอาไปตากอย่างอื่นก็ได้ ทั้งพริกแห้ง ปลาแห้ง หรือผลไม้แห้งก็ได้หมดเลยครับ ขนย้ายหรือทำความสะอาดก็สะดวกสบายด้วยครับ”

สายเมฆอธิบายอย่างคล่องแคล่วชัดเจนราวกับเซลล์แมนมืออาชีพจนข้าวหอมคิดว่าก่อนหน้าที่เขาจะย้อนอดีตมา เขาคงมีอาชีพเป็นเซลล์แมนขายของเก่งกาจเป็นแน่

ป้าแจ่มพยักหน้าหงึกหงัก พลางยื่นมือเข้ามาลองจับที่ตากเนื้อแห้ง “ดูสะดวกดีแท้ ๆ ทำยากรึเปล่าล่ะพ่อหนุ่ม?”

“ถ้ายังไม่เคยทำ อาจจะยากนิดหน่อยครับ แต่ผมสอนให้ได้นะครับ หรือถ้าป้าอยากได้ก็สั่งได้เลย ผมทำขายในราคาไม่แพงครับ” สายเมฆตอบป้าแจ่มด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง

ข้าวหอมเห็นสายเมฆกำลังจะคิดเงินป้าแจ่ม ก็รีบหยิกเข้าที่แขนเขาเบา ๆ “ป้าแจ่มคะ อย่าไปฟังพี่สายเมฆเลยค่ะ! หนูทำขายก็จริง แต่สำหรับป้าแจ่มแล้ว ป้าช่วยครอบครัวหนูมาตลอด หนูให้ป้าฟรี ๆ เลยนะคะ!” ข้าวหอมยิ้มให้ป้าแจ่มอย่างจริงใจ

ป้าแจ่มถึงกับตกใจเล็กน้อย ‘ทำไมยัยหนูนี่มันแปลก ๆ ไปนะ? รู้จักสำนึกบุญคุณคนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?’

ป้าแจ่มรู้ดีว่าครอบครัวของข้าวหอมก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร จึงไม่อยากเอาเปรียบ เลยยื่นข้อเสนอที่ทำให้สบายใจทั้งสองฝ่าย “ไม่เป็นไรหรอกข้าวหอม ถ้าป้าเอาฟรี ๆ ป้าก็ไม่สบายใจน่ะสิ เอางี้ดีกว่านะ หลานลดราคาให้ป้าก็พอ จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย”

ขณะที่ข้าวหอมกับป้าแจ่มกำลังตกลงราคาและพูดคุยกันอย่างออกรส ชาวบ้านจากครัวเรือนอื่น ๆ ก็เริ่มทยอยเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปทำนา พอเห็นป้าแจ่มกับข้าวหอมยืนอยู่ตรงโต๊ะที่มีที่ตากเนื้อแห้งวางเรียงรายอยู่ ก็พากันเดินเข้ามาสอบถามด้วยความสนใจ

“โอ้โห! มันใหญ่ไปหน่อยนะ ครอบครัวฉันคงไม่มีปัญญาหาเนื้อมาตากได้เยอะขนาดนั้นหรอก ถ้ามีอันเล็ก ๆ และราคาถูกกว่านี้น่าจะดีนะ” ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเสียดาย

“มีอันเล็กก็มีจ้ะ!” ข้าวหอมรีบตอบอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับหยิบที่ตากเนื้อแห้งขนาดเล็กและขนาดต่าง ๆ ออกมาวางโชว์เพิ่ม

ชาวบ้านที่เห็นดังนั้นก็ต่างพากันกรูเข้ามาเลือกดูขนาดที่เหมาะสมกับบ้านตัวเองอย่างคึกคัก บางคนก็ถามถึงวิธีใช้ บางคนก็ขอให้สอนทำ ข้าวหอมและสายเมฆช่วยกันจดชื่อและขนาดที่ชาวบ้านสั่งกันอย่างมีความสุข ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

การหาเงินด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองมันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง! ข้าวหอมคิดในใจ เธอรู้สึกถึงความภาคภูมิใจที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต

ความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การใช้เงินซื้อของแพง ๆ แต่มันอยู่ที่การสร้างสรรค์บางสิ่งด้วยตัวเอง และการได้เห็นคุณค่าของหยาดเหงื่อแรงงานที่เปลี่ยนเป็นรายได้ ความคิดที่อยากจะทำให้พ่อแม่สบายก็ยิ่งชัดเจนขึ้นในใจ

สายเมฆมองข้าวหอมที่กำลังช่วยชาวบ้านเลือกขนาดที่ตากเนื้อแห้งด้วยรอยยิ้มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

แววตาที่เคยฉายแววเบื่อหน่ายโลกมนุษย์เมื่อครั้งที่เขายังเป็นเทวดา บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เขาเองก็ไม่อาจจะเข้าใจได้ชัดเจน

‘ยัยเด็กนี่... เปลี่ยนไปมากจริง ๆ’ เขาคิดในใจ มองดูข้าวหอมที่เคยเป็นคุณหนูเอาแต่ใจ ไม่เคยแม้แต่จะคิดถึงการจับสิ่งของที่สกปรก วันนี้เธอกลับยืนตากแดด จดบันทึกออเดอร์อย่างกระตือรือร้น ใบหน้าเปื้อนเหงื่อแต่กลับมีรอยยิ้มที่สดใสเปล่งประกายกว่าตอนที่เธอใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อเสียอีก

ความมุ่งมั่นในแววตาของเธอเมื่อครู่ที่บอกว่าจะทำให้พ่อกับแม่สบาย ทำให้หัวใจของสายเมฆรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ราวกับมีบางสิ่งกำลังงอกเงยขึ้นมาในอกของเขาที่เคยว่างเปล่า

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเคยคิดว่าการช่วยมนุษย์ให้พ้นจากความทุกข์ยากเป็นเพียงหน้าที่ที่ต้องทำ เพื่อแลกกับอิสรภาพของตัวเอง

แต่เมื่อได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของข้าวหอม ได้เห็นประกายแห่งความสุขที่แท้จริงจากการลงมือทำสิ่งดี ๆ ด้วยตัวเอง สายเมฆก็เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า 'แท้จริงแล้ว... ใครกันแน่ที่กำลังได้รับการช่วยเหลือ?'

รอยยิ้มที่เคยปรากฏเพียงเพื่อรักษามาดเทวดา หรือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ใช้หลอกล่อศจีกับรุจน์ บัดนี้กลับกลายเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริงเมื่อเขาได้มองดูข้าวหอมทำงาน

เขาเริ่มรู้สึกว่าการใช้ชีวิตในโลกมนุษย์นี้... ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด และการได้อยู่ใกล้ ๆ ยัยหนูจอมป่วนคนนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างน่าประหลาด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 8 หาอุปกรณ์

    เมื่อศจีกับรุจน์รับประทานอาหารเช้าที่สายเมฆจัดเตรียมให้อย่างเรียบง่ายเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองก็สังเกตเห็นว่าที่หน้าบ้านมีผู้คนจำนวนหนึ่งกำลังยืนมุงล้อมข้าวหอมและสายเมฆอยู่“คุณคะ ทำไมคนมารุมข้าวหอมกับสายเมฆแบบนั้นล่ะ ลูกเราไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรอีกใช่มั้ย” ศจีถามรุจน์ด้วยน้ำเสียงร้อนรนและเต็มไปด้วยความกังวลรุจน์เพ่งมองไปยังกลุ่มคนก่อนจะหันมาตอบศจี “ไม่น่าใช่นะแม่ ดูเหมือนทุกคนกำลังคุยกับยัยหนูและสายเมฆดี ๆ ไม่มีทีท่าจะทะเลาะอะไรกันเลย แต่ก็แปลกที่ทำไมชาวบ้านถึงมาคุยกับยัยหนูกันเยอะแยะขนาดนั้น”ไม่รอให้รุจน์คิดหาสาเหตุ ศจีก็คว้าแขนรุจน์ลงบันไดไปตรงรี่เข้าไปหาข้าวหอมและสายเมฆทันทีป้าแจ่มซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มุงดูอยู่เห็นสองสามีภรรยาเดินมาก็เอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม“แกสองคนนี่เลี้ยงยัยข้าวหอมไม่เสียทีจริง ๆ นะ วันนี้เริ่มช่วยหาเงินหาทองได้แล้ว ทีแรกนึกว่าจะเลี้ยงให้เป็นเด็กไม่เอาไหนเสียอีก ที่ไหนได้ นางก็มีความรู้ความสามารถทำมาหาเลี้ยงตัวเองได้เหมือนกันนะเนี่ย” ป้าแจ่มกล่าวชื่นชมปนแปลกใจศจีและรุจน์มองหน้ากันด้วยความงุนงง ‘อะไรคือข้าวหอมหาเงิน? หรือลูกเราแอบเอาอะไรในบ้านมาขายอีกแล้วเนี่ย’ ค

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 7 ที่ตากเนื้อแห้ง (2)

    เช้าวันถัดมา ข้าวหอมซึ่งนัดแนะกับสายเมฆว่าวันนี้จะตื่นแต่เช้าเพื่อช่วยกันทำกับข้าวให้พ่อแม่กินก่อนออกไปทำนา หลังจากนั้นทั้งสองจะทำการตากเนื้อแห้ง พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับการเตรียมของก่อนออกไปทำงาน“นี่พี่สายเมฆ... พี่ว่าวิธีของพี่มันจะได้ผลจริง ๆ เหรอคะ” ข้าวหอมถามย้ำเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ด้วยน้ำเสียงที่ยังคงมีความลังเลในแผนการของสายเมฆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่มั่นใจในตัวเขา แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ลงมือทำกิจการของตัวเองจริงๆ มันเลยรู้สึกตื่นเต้นและกังวลเป็นพิเศษสายเมฆรู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อยที่ข้าวหอมเรียกเขาว่าพี่แล้ว“ถ้าไม่เชื่อพี่ก็ไปลองกันเลย” สายเมฆที่ทำอาหารเช้าเสร็จพอดี ยื่นมือมาจับข้อมือของข้าวหอมเบา ๆ แล้วดึงให้ลงไปข้างล่างตรงโต๊ะกลางบ้าน มีที่ตากเนื้อแห้งหลายขนาดวางเรียงรายอยู่ ข้าวหอมและสายเมฆช่วยกันยกโต๊ะออกมาตั้งไว้ตรงแถวรั้วบ้าน เพื่อให้ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งคู่ช่วยกันนำเนื้อที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำมาวางบนชั้นของที่ตากเนื้อแห้ง จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบทีละชั้นช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ชาวบ้านในหมู่บ้านกำลังจะเดินทางออกไปทำนาพอดี ป้าแจ่ม เจ้าข

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 6 ที่ตากเนื้อแห้ง (1)

    ตกเย็น หลังจากศจีและรุจน์กลับมาจากนาของป้าแจ่ม ข้าวหอมก็รีบวิ่งไปต้อนรับด้วยใบหน้าที่สดใส เธอแทบจะตรงเข้าไปกอดทั้งสองไว้ด้วยความคิดถึงระคนดีใจที่ได้เห็นพ่อกับแม่ในภพนี้ยังคงอยู่เคียงข้างเธอ“พ่อขา แม่ขา ข้าวหอมมีอะไรจะอวดค่ะ!” ข้าวหอมพูดพลางยกที่ตากเนื้อแห้งขึ้นมาอย่างภูมิใจให้พ่อกับแม่ดู“มันคืออะไรกันข้าวหอม?” รุจน์รับที่ตากเนื้อแห้งมาพิจารณาในมือ มันเป็นโครงที่ประดิษฐ์ขึ้นจากไม้ไผ่เหลาอย่างปราณีต มีที่วางเป็นชั้นสองชั้น และถูกคลุมด้วยผ้าตามุ้งอย่างมิดชิด ด้านบนมีตะขอและเชือกสำหรับใช้ห้อยแขวน“นี่คือที่ตากเนื้อของแม่ไงคะ! ทีนี้แม่จะตากเนื้อเยอะแค่ไหนก็ได้แล้ว แถมยังแขวนไว้ในที่สูง ๆ เจ้าหมาก็แอบขโมยกินไม่ได้แล้วล่ะค่ะ!” ข้าวหอมพรีเซนต์อุปกรณ์ชิ้นใหม่ให้รุจน์ฟังอย่างกระตือรือร้น“แถมมุ้งที่คลุมนี้ก็ช่วยป้องกันแมลงวันได้ด้วยนะคะ! ตอนนี้หน้าร้อน เราต้องรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ไม่งั้นท้องร่วงแล้วจะลำบากแย่เลยค่ะ!”“อ่อ... ที่สายเมฆเขาทำตอนเช้าน่ะเหรอลูก” ศจีเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยรอยยิ้ม พร้อมพยักหน้าขอบคุณสายเมฆที่ยืนอยู่ไม่ไกล“หนูก็ทำด้วยนะคะ! หนูเสนอความคิดว่าควรทำเป็นสองชั้นด้วยซ้

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 5 ข้อตกลง

    “งั้นผมขออนุญาตทำให้คุณป้าลองใช้ดูนะครับ” เสียงทุ้มของสายเมฆดังเข้ามาถึงในห้องนอน ทำให้ข้าวหอมที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราต้องงัวเงียเล็กน้อย เธอพลิกตัวบิดขี้เกียจก่อนจะลุกจากเตียงนอนไม้เก่า ๆ อย่างไม่เต็มใจนัก‘เจ้ามิจฉาชีพนั่นมาหลอกอะไรคุณแม่อีกแล้วเนี่ย ดีนะที่ฉันตื่นมาพอดี ไม่งั้นมีหวังแม่ต้องโดนหลอกจนหมดตัวแน่ ๆ !’ ข้าวหอมคิดอย่างขุ่นเคือง เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา เธอก็รีบเปิดประตูห้องพรวดพราดออกไปแทบจะทันทีในห้องครัว แม่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารมื้อเช้า ส่งกลิ่นหอมของข้าวต้มและกับข้าวอ่อนๆ คลุ้งไปทั่ว ส่วนสายเมฆก็กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ทำอะไรบางอย่างอยู่ใกล้ ๆ เตาไฟ“ทำอะไรกันอยู่เหรอคะแม่?” ข้าวหอมถามแม่ด้วยน้ำเสียงที่จงใจให้ดังพอที่จะให้ชายหนุ่มอีกคนได้ยิน ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยจ้องเขม็งไปยังสายเมฆอย่างไม่วางตา แววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจฉายชัดเจนจนใครก็ดูออก‘ยัยเด็กบ้านี่… มองฉันแบบนี้อีกแล้วนะ! ฉันกำลังช่วยแม่เธออยู่นะเนี่ย!’ สายเมฆไม่ได้ตอบโต้คำถามของข้าวหอม เขายังคงก้มหน้าก้มตาทำที่ตากเนื้อแห้งต่อ เพียงแต่ริมฝีปากหยักได้รูปเม้มเข้าหากันเล็กน้อยอย่างอดกลั้นศจี จึงหันมาตอบลูกสาว

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 4 สายเมฆ

    หลังจากที่ ศจี แนะนำให้ข้าวหอมรู้จักกับชายหนุ่มผู้มาใหม่แล้ว เธอก็เล่าเรื่องราวต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจว่า วันนี้ตอนที่เธอกับสามีกำลังจะเดินทางกลับจากทุ่งนา ก็พบกับชายหนุ่มคนนี้ นอนคว่ำหน้าหมดสติอยู่ที่คันนา ตอนแรกก็ตกใจคิดว่ามีคนฆ่าแล้วนำศพมาทิ้งไว้เสียอีก เพราะการแต่งตัวของเขาดูแปลกตา ไม่เหมือนคนแถวนี้เลยแม้แต่น้อย พอพลิกตัวมาดูก็ถึงได้รู้ว่ายังไม่ตาย จึงรีบช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อฟื้นขึ้นมาจึงได้ความว่าเขาเป็นลมไปเพราะไม่ได้กินข้าว รุจน์ผู้เป็นพ่อจึงชวนให้เขามารับประทานอาหารที่บ้านด้วยความเห็นอกเห็นใจ ‘เดี๋ยวนะ! นี่พ่อแม่ฉันในชาตินี้ไว้ใจคนง่ายไปรึเปล่าเนี่ย?!’ ข้าวหอมฟังที่แม่เล่าแล้วถึงกับคิดในใจอย่างหัวเสีย ‘มิจฉาชีพบางทีก็เอาหน้าตาดี ๆ แบบนี้แหละเข้ามาหลอกลวงนะ!’ เธอพลันรู้สึกว่าตัวเองจะต้องรีบ ปฏิวัติความคิดของคนในครอบครัวเสียใหม่ โดยด่วนที่สุด ในขณะที่ข้าวหอมกำลังครุ่นคิดถึงแผนการปฏิวัติครอบครัวอยู่นั้น สายตาของเธอก็พลันเหลือบไปมองชายหนุ่มผู้มาใหม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ร่างกายที่แข็งแกร่งกำยำภายใต้เสื้อผ้าที่เปียกชื้นเล็กน้อยจากการดับไฟ เผยให้เห

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 3 ดับไฟ

    ข้าวหอมพยายามทำความเข้าใจและยอมรับสภาพชีวิตใหม่ที่รายล้อมตัวเธอ แม้ในใจจะยังคงรู้สึกขัดแย้งและไม่คุ้นเคยกับความไม่สะดวก แต่เธอก็รู้ดีว่าไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากจะต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกใบนี้ให้ได้ ‘อย่างน้อยเราก็ยังมีพ่อกับแม่คอยอยู่เคียงข้าง ไม่ต้องกังวลไปนะข้าวหอม!’ เธอพยายามปลอบใจตัวเองด้วยความคิดบวก แม้ความกังวลจะยังคงเกาะกุมอยู่ในจิตใจอย่างเงียบงัน ท้องฟ้าเริ่มมืดมิด แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว แต่พ่อกับแม่ก็ยังไม่กลับบ้าน ความเงียบที่โรยตัวลงมาทำให้ข้าวหอมรู้สึกไม่สบายใจสักเท่าไหร่ ปกติแล้วท่านทั้งสองไม่เคยกลับดึกเช่นนี้ เพราะเป็นห่วงที่จะทิ้งให้ข้าวหอมอยู่บ้านคนเดียว เธอเดินวนไปมาในบ้านด้วยใจที่ร้อนรุ่ม พลางคิดไปต่างๆ นานา ‘มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับท่านหรือเปล่า’ ความรู้สึกว้าวุ่นใจถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน แต่จะกังวลไปก็ทำอะไรไม่ได้ ข้าวหอมตัดสินใจที่จะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เธอเดินตรงไปยังห้องครัวที่มืดสลัว สายตาสำรวจไปรอบ ๆ ห้องเพื่อมองหาสิ่งที่พอจะนำมาทำอาหารรอพ่อกับแม่ได้ ในมุมหนึ่งของห้อง เธอเห็นข้าวสารเหลืออยู่ประมาณครึ่งถัง ถัดไปไม่ไกล มีไข่ไก่เหลืออยู่หกฟอง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status