บทที่ 6
รู้สึกดีไหมเวลาที่โดนฉันจูบ
“บอสครับ มีลูกค้าไม่ยอมจ่ายหนี้เราอยู่สองราย รวมๆ แล้วก็หลายหมื่นดอลลาร์จะให้จัดการยังไงดีครับ” แอนดริวเอ่ยกับผู้เป็นเจ้านาย หลังจากเดินทางมาหาตั้งแต่เช้าตรู่
“จับตัวมันมาซ้อมให้หลาบจำ จากนั้นขังไว้ในคุกใต้ดินสักสองวัน หากยังหาเงินมาไม่ได้ก็จัดการตัดนิ้วมันซะ” เขานั่งไขว้ขาอยู่บนโซฟาสั่งการอย่างสบายๆ
อินทิราเดินเข้ามาได้ยินพอดี เธอถึงกับตกอกตกใจกับคำสั่งของบาสเตียน ไม่นึกว่าเขาจะจิตใจโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้ นั่นทำให้เธอต้องระวังตัวมากขึ้นไปอีก
“ครับบอส ถ้างั้นผมจะเข้าไปคาสิโนเดี๋ยวนี้เลย” แอนดริวรับคำสั่งแล้วลุกขึ้นจากโซฟา จากนั้นหันหลังจะเดินออกไปก็เจอกับอินทิราเข้าเสียก่อน
“สวัสดีค่ะคุณแอนดริว” เจ้าหล่อนเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“อ้าว! คุณอินสวัสดีครับ” เมื่อเห็นหญิงสาวแอนดริวก็ยิ้มทักทาย
“จะกลับแล้วเหรอคะ”
“ครับผม เอาไว้ค่อยคุยกันนะครับ วันนี้ผมต้องรีบไปทำธุระให้บอส”
“ค่ะ มาที่นี่บ่อยๆ นะคะฉันจะได้มีเพื่อนคุยบ้าง”
“ครับผม ถ้างั้นขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
อินทิรารู้สึกถูกชะตากับแอนดริวเป็นพิเศษ เธอสัมผัสได้ถึงมิตรภาพที่จริงใจของชายหนุ่ม แม้ว่าแอนดริวจะเป็นเลขาส่วนตัวของบาสเตียนผู้ชายที่เธอเกลียดเข้าไส้ แต่ก็มั่นใจว่าเขาเป็นคนดีอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองตามหลังเลขาหนุ่มตาเป็นมัน บาสเตียนก็อดที่จะพูดแขวะเจ้าหล่อนไม่ได้
“ร่าน!”
“นายเป็นผู้ชายจริงๆ รึเปล่า ปากจัดกว่าผู้หญิงซะอีก” อินทิราเอ่ยขณะหย่อนก้นลงบนโซฟาตัวเดิมที่แอนดริวเคยนั่ง
“พรุ่งนี้เธอก็จะได้รู้ว่าฉันเป็นผู้ชายจริงรึเปล่าหึๆ” บาสเตียนแสยะยิ้มร้ายก่อนจะก้มหน้าลงไปสนใจหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือต่อ
“ชิส์!” อินทิราเบ้ปากใส่เขาอย่างไม่ยี่หระ จากนั้นก็ทำทีเป็นหยิบหนังสือพิมพ์อีกฉบับขึ้นมาอ่านบ้าง เธอต้องการกวนให้อีกฝ่ายเสียสมาธิจึงอ่านออกเสียงดัง จนบาสเตียนทนไม่ไหวต้องหันมาตะวาดใส่ทันที
“ไม่มีมารยาท! ที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนส่วนตัวของเธอนะ”
“ก็ฉันอยากจะอ่านนายจะทำไม มีป้ายติดว่าห้ามอ่านหนังสือออกเสียงงั้นเหรอ?” เจ้าหล่อนทำหน้ายียวนกวนประสาทใส่เขา
“เธอตั้งใจจะกวนประสาทฉัน!” บาสเตียนรู้ว่าเจ้าหล่อนตั้งใจทำให้เขาเสียสมาธิ
เก่งนักเหลือเกินเดี๋ยวได้โดนดีแน่
“ฉันเปล่า...ถ้าทนไม่ได้ก็ไปนั่งที่อื่นสิ”
“เธอกล้าดียังไงมาพูดอย่างนี้กับฉัน...ยัยบ้า!”
“ทำไมจะไม่กล้านายไม่ใช่พ่อแม่ฉันสักหน่อย” อินทิราต่อปากต่อคำกับเขาอย่างไม่ยอมแพ้
“อยากลองดีนักใช่ไหม” ว่าแล้วบาสเตียนก็ลุกขึ้นจากโซฟารีบเดินตรงเข้ามาหาอินทิรา แต่เธอไวยิ่งกว่ารีบลุกขึ้นวิ่งหนีไป
บาสเตียนพยายามวิ่งไล่จับหญิงสาววนอยู่บริเวณโซฟานานสองนานจนเริ่มโมโห เพราะเจ้าหล่อนเร็วยิ่งกว่าลิงเสียอีก
“ถ้าฉันจับได้เธอตายแน่อินทิรา”
“ไม่...มี...ทาง”
“โธ่โว้ย! ถ้าวันนี้ไม่ได้ลงโทษเธอฉันไม่มีทางยอมเด็ดขาด!”
“ถ้านายไม่ส่งฉันกลับเมืองไทยฉันจะยั่วโมโหนายทุกวันเลยคอยดู”
“อย่าหวังเลยยัยบ้าเอ๊ย! เธอจะต้องอยู่ที่นี่จนตาย”
“ไอ้บ้า! ไอ้โรคจิต” อินทิราตะโกนด่าพร้อมทั้งหยิบหมอนใบเล็กปาใส่เขา
“เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วโว้ย!!” ใบหน้าของมาเฟียหนุ่มแดงก่ำด้วยความเกรี้ยวกราด เขาอยากจะจับเธอเอาตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอดเสียเหลือเกิน
“สมน้ำหน้า นายยังไม่รู้จักฉันดีพอบอกไว้เลย”
“จะเล่นอย่างนี้ใช่ไหม ด้ายยย...”
บาสเตียนยืนนิ่งจ้องเขม็งไปยังดวงหน้าสวยเพื่อตั้งหลัก จากนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อหาทางจับตัวหญิงสาวให้ได้ รอบนี้เขาใช้ความไวกว่ารั้งมืออินทิราเอาไว้ได้ ก่อนจะผลักลงบนพื้นแล้วคร่อมตัวทับทาบไว้
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” อินทิราขำไม่ออกเสียแล้วเมื่อตอนนี้เธออยู่ภายใต้เรือนกายกำยำของชายชายหนุ่ม
“ทำไมไม่ปากเก่งต่อล่ะแม่สาวน้อย” ตอนนี้บาสเตียนเป็นฝ่ายยิ้มเยาะได้บ้างแล้ว เขาตรึงแขนทั้งสองข้างของอินทิราแนบชิดกับพื้นห้องนั่งเล่น ก่อนจะค่อยโน้มใบหน้าคมลงไปจุมพิตที่แก้มขาวทั้งสองข้างสลับไปมาอย่างชื่นใจ
“อื้อ...หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้คนฉวยโอกาส” อินทิราพยายามส่ายหน้าหนีแต่เขากลับยิ่งระดมจูบตามแก้มขาวนวลอย่างบ้าคลั่ง เพื่อตอบแทนที่เธอแกล้งยั่วโมโหเขาก่อนหน้านี้
“ไม่ปล่อย! เก่งนักใช่ไหมเดี๋ยวได้เจอฉัน” ว่าแล้วบาสเตียนก็โน้มใบหน้าคมลงไปประกบจูบคนที่อยู่ใต้ร่าง
เมื่อเห็นเจ้าหล่อนไม่ยอมเปิดปากบาสเตียนก็ละมือข้างหนึ่งมาบีบจมูกหญิงสาว ทำให้อินทิราต้องยอมเผยอปากก่อนที่จะหมดลมหายไปใจเสียก่อน เมื่อทางสะดวกเขาส่งลิ้นเย็นเข้าไปตวัดเลียกับลิ้นของเธออย่างหื่นกระหาย โดยไม่สนว่าใครจะเข้ามาเห็น
ยิ่งได้ลิ้มลองรสชาติของริมฝีปากบาง บาสเตียนยิ่งหยุดตัวเองไม่ได้เลย ราวกับผู้หญิงคนนี้มีมนต์สะกดให้เขาหลงใหลและถอนตัวไม่ขึ้นซะอย่างนั้น
“อืออออ...”
บาสเตียนส่งเสียงฮือในลำคออย่างพอใจ เมื่อหญิงสาวเริ่มอ่อนระทวยยอมให้เขาตักตวงความหอมหวานได้ตามใจ ดวงตาคู่สวยของคนทั้งสองประสานกัน เหมือนมีอะไรบางอย่างสะกดให้ทั้งคู่ไม่อาจละสายตาไปจากกันได้ รสจูบที่ดูดดื่มแฝงไปด้วยความละเมียดละไมทำเอาอินทิราถึงกับเผลอใจไปชั่วขณะ ยอมให้เขาส่งลิ้นเข้ามารุกล้ำในโพรงปากอย่างสนุกสนาน
“ว้ายยย!!! คุณพระช่วย”
ป้าสมัยเดินเข้ามาเจอภาพบาดตาเข้าพอดี เจ้าหล่อนจึงอุทานร้องออกมาเสียงดังพลางยกมือขึ้นทาบอก ทำเอาคนทั้งสองหยุดชะงักหันไปมองหน้าแม่บ้านเก่าแก่พร้อมกัน แต่ทว่าบาสเตียนยังคงทับทาบอยู่บนตัวอินทิราไม่ยอมปล่อยโดยง่าย
“มีอะไรครับป้า” บาสเตียนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งราวกับไม่รู้สึกอายเลยสักนิด
อินทิราได้แต่นอนนิ่งอยู่อย่างนั้นด้วยความอับอายขายขี้หน้า ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้ยอมให้เขาทำตามอำเภอใจอย่างนี้
“เอ่อ...ไม่มีอะไรค่ะ ป้าแค่เดินผ่านมาเฉยๆ งั้นป้าไปแล้วนะคะ” ว่าแล้วป้าสมัยก็รีบเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปโดยเร็ว
“นายมันบ้า แล้วอย่างนี้ฉันจะกล้ามองหน้าป้าสมัยได้ยังไงกัน” อินทิราเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเป็นที่สุด แต่กลับแฝงความเขินอายไว้ในนั้นด้วยพอประมาณ
“....”
บาสเตียนไม่มีเวลาตอบเพราะเขาเอาแต่จ้องมองดวงหน้าสวย ราวกับตกอยู่ในห้วงแห่งความเสน่หาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แม้ว่าอินทิราจะหน้าตาคล้ายคลึงกับพลอยดาวคนรักเก่า แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงความแตกต่างโดยสิ้นเชิง อินทิรามีความเป็นตัวเองสูงจนรับรู้ได้ถึงความจริงใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเขายังคงต้องการทำให้เธอคนนี้ เป็นตัวแทนเพื่อระบายความแค้นภายในใจเฉกเช่นเดิม
“ปล่อยซะทีฉันอึดอัดจะแย่แล้วเนี่ย”
“ตอบคำถามฉันมาก่อนถึงจะปล่อย”
“ตอบคำถามบ้าบออะไรของนาย” อินทิรายังคงโวยวายใส่เขา เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายของตัวเอง
“รู้สึกดีไหมเวลาที่โดนฉันจูบ” เขากระตุกยิ้มร้าย พลางนึกถึงเมื่อครั้งที่จูบพลอยดาวเป็นครั้งแรก ตอนนั้นเธอบอกเขาว่าเป็นจูบแรกที่น่าประทับใจที่สุด
“กล้าถามเนอะ! ฉันขยะแขยงจนอยากจะอ้วกเต็มทีแล้วต่างหากล่ะ” อินทิราด่าเขาซึ่งๆ หน้า แต่ทว่าบาสเตียนกลับยิ้มอย่างพอใจ
“อย่างนี้สิฉันยิ่งชอบ อะไรที่ได้มาง่ายๆ มันมักไม่เร้าใจ พรุ่งนี้ครางให้ดังๆ ล่ะฉันชอบเวลาที่ผู้หญิงครางใต้ร่างฉันหึๆ” บาสเตียนยอมลุกขึ้นจากตัวอินทิราตามคำร้องขอ ก่อนจะยื่นมือมาให้เธอพยุงตัวลุกขึ้นตามมา แต่อินทิราเลือกที่จะปฏิเสธดันตัวลุกขึ้นมาด้วยตัวเอง
“ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนเลวกว่านายอีกแล้ว ชิส์!” อินทิราสะบัดตูดเดินหนีออกไปโดยเร็ว
บาสเตียนเผลอยิ้มน้อยๆ ออกมาอย่างไม่รู้ตัว พลางยกมือขึ้นมาลูบไล้ริมฝีปากตนเองเบาๆ แต่พอตั้งสติได้ชายหนุ่มก็หุบยิ้มแล้วรีบเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวเดิม หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทางด้านอินทิราก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าให้สะอาด ไม่ให้คราบดีเอ็นเอของชายหนุ่มหลงเหลือแม้แต่น้อย โดยเฉพาะริมฝีปากบางที่เธอใช้นิ้วถูไถแรงกว่าที่อื่นๆ ยิ่งถูยิ่งนึกถึงรสจูบที่สุดแสนจะดูดดื่มนั่น ทำเอาเจ้าหล่อนถึงกับรู้สึกหงุดหงิดกับความคิดของตนเองซะเหลือเกิน
“แกเป็นบ้าอะไร ทำไมต้องคิดถึงเรื่องบ้าๆ พวกนั้นด้วยเนี่ย” เจ้าหล่อนบ่นให้ตัวเองก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป
บทที่ 33อวสานหลังจากเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันบนโต๊ะหมู่บูชาแล้ว อินทิราก็บอกให้ลูกทั้งสองคนกราบพระประธานที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างบนสุด จากนั้นก็หันไปมองยังมุมห้องที่มีโกศเล็กๆ วางอยู่พร้อมกับรูปถ่ายของผู้เป็นมารดา อินทิราส่งยิ้มให้มารดาทุกครั้งที่เข้ามาในห้องแห่งนี้“กราบคุณยายสิคะ” เจ้าหล่อนบอกกับลูกทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม“ทำไมมัมต้องพาพวกเรามากราบคุณยายทุกวันด้วยครับ” แมทธิวเอ่ยกับมารดาด้วยสีหน้าสงสัย“คุณยายเคยเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็ก เราจะปล่อยให้คุณยายเหงาได้ยังไง ถ้ามัมไม่อยู่แล้วแมทธิวเองก็ต้องทำอย่างนี้เหมือนกันเข้าใจไหมครับ”“เข้าใจแล้วครับมัม ผมจะมากราบคุณยายพร้อมมัมทุกวันเลยครับ คุณยายจะได้ไม่เหงา”“ดีมากจ๊ะลูก” อินทิราลูบกลางกระหม่อมลูกชายเบาๆ อย่างเอ็นดู “แล้วแอนนาล่ะคะ”“กราบ...ยาย” เด็กหญิงตอบรับเป็นคำๆ ราวกับเข้าใจเป็นอย่างดีเช่นเดียวกันจากนั้นเด็กทั้งสองก็ก้มกราบโกศสีทองแ
บทที่ 32พลอยดาวสามปีต่อมาในสถานบันเทิงชื่อดังใจกลางเมืองลาสเวกัส นักท่องราตรีหลากหลายเชื้อชาติต่างก็เข้ามาหาความสุขกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ดนตรีเพลงละตินดังก้องโลกทำให้บรรดาหนุ่มสาวเกิดความคึกคะนอง ต่างก็โยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างสนุกสนานฉายภาพมาที่ห้องวีไอพีสุดหรูซึ่งเป็นธุรกิจแอบแฝงของที่นี่ กลุ่มนักดื่มสูงวัยผิวสีสามสี่คนกำลังโอบกอดหญิงสาวชาวเอเชียที่แต่งตัววับแวมล่อเสือล่อตะเข้ คอยเอาอกเอาใจแขกคนสำคัญอย่างรู้งาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพลอยดาวหลังจากวันที่โดนไล่ละเพิดออกมาจากคฤหาสน์ของบาสเตียน เจ้าหล่อนก็บังเอิญเจอกับมาเฟียหนุ่มใหญ่เจ้าของซ่องที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส ตอนแรกเขาต้อนรับเธอเข้ามาอยู่ในฐานะเมียดูแลซะดิบดี แต่ทว่าพอเบื่อแล้วเจ้าหล่อนก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในบรรดาสาวๆ ที่ต้องเข้าไปทำงานในซ่องพลีกายให้กับบรรดานักธุรกิจแก่ตัณหากลับหลากหลายเชื้อชาติ ที่เข้ามาใช้บริการด้วยวงเงินที่สูงพอตัวพลอยดาวกำลังนั่งบนตักลูกค้าผิวสีคนหนึ่งอายุราวหกสิบเห็นจะได้ แม้ว่าเขาจะถูกใจเธอมากเป็นพิเศษ แต
บทที่ 31ห้องนอนน้อยๆหลังจากทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน ภายในห้องนอนเล็กๆ ซึ่งเป็นที่ซุกหัวนอนของอินทิรามาตั้งแต่เด็กจนโต ข้าวของทุกอย่างยังคงถูกวางไว้ที่เดิม ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่เสียนานเตียงนอนขนาดเล็กทำให้ไม่สามารถนอนพร้อมกันได้สองคน บาสเตียนจึงต้องปูฟูกนอนอยู่ข้างเตียง นุ่งผ้าขาวม้านอนคุยไลน์กับเลขาส่วนตัวเรื่องงาน ส่วนอินทิราก็นอนจ้องมองเพดานห้องลูบท้องตัวเองเบาๆ ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มน้อยๆ ฉายออกมาตลอดเวลา บ่งบอกว่าเจ้าหล่อนมีความสุขมากแค่ไหน“เธอ…นอนยัง?” เสียงคนที่นอนอยู่ข้างล่างเอ่ยเรียก อินทิราจึงเอียงใบหน้าสวยหันไปมองยังต้นเสียง แม้จะมองไม่เห็นหน้าเขาก็ตามที“ยัง...ทำไมเหรอ?”“ฉันไม่ได้นอนกอดเธอ...นอนไม่หลับอ่ะ”“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” อินทิรายิ้มน้อยๆ รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังต้องการอะไร“ฟูกข้างล่างนุ่มมาก แถมยังกว้างอีกด้วยนะ”“แล้วจะบอกฉันทำไม
บทที่ 30ความเข้าใจ“มาแล้วคร้าบบบ”หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว บาสเตียนจึงรีบวิ่งลงมาจากห้องเพื่อร่วมวงทานข้าว เมื่อมาถึงก็พบว่าทั้งสามได้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ที่บ้านของอินทิราใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมาโดยตลอด เพราะทุกคนคุ้นชินกับการปูเสื่อนั่งล้อมวงทานข้าวกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่สำหรับบาสเตียนมันคือเรื่องแปลกใหม่มากๆ“นั่งลงสิ” อินทิราเงยหน้าขึ้นไปเอ่ยเมื่อเห็นบาสเตียนเอาแต่ยืนมองดูไม่ยอมนั่งลงเสียที“คงจะรับไม่ได้สินะที่ต้องมานั่งกินข้าวแบบบ้านๆ อย่างนี้” แก้วกันยาเอ่ยประชด“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับคุณแม่ ผมอยู่ง่ายกินง่ายไม่เลือกมากคร้าบบ” บาสเตียนนั่งขัดสมาธิอย่างเก้ๆ กังๆ โปรยยิ้มให้ทุกคนก่อนจะหยิบช้อนแกงในจานข้าวจะไปตักอาหาร แต่กลับไม่คุ้นชินเมนูที่อยู่ในจานเลยอย่างบาสเตียนลังเลใจอยู่นานกว่าจะเลือกได้ และสุดท้ายหวยก็มาลงที่จานไข่เจียวขณะเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ อยู่นั้นบาสเตียนก็หันไปมองอินทิราด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยัก
บทที่ 29ตัวหอมหลังจากทำเคมีบำบัดครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นลง คุณหมอจึงอนุญาตให้แก้วกันยากลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ แม้ว่าช่วงเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาลบาสเตียนก็เอาอกเอาใจแม่ยาย ทำหน้าที่ยิ่งกว่าลูกแท้ๆ เสียอีก แต่ทว่าท่าทีของแก้วกานดากลับยังไม่อ่อนลงเลยสักนิด ตรงกันข้ามสำหรับอินทิราสถานการณ์กลับเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ออกปากไล่ตะเพิดเหมือนเมื่อครั้งที่เจอกันตอนแรกแล้วบาสเตียนไม่เคยปรนนิบัติพัดวีใครอย่างนี้มาก่อนนอกจากมารดาของตัวเอง แต่ทว่าสำหรับความรักครั้งนี้เจ้าตัวทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อจะได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบอย่างที่เคยมีในวัยเด็กอีกครั้งอาณัฐพยุงผู้เป็นมารดาลงมาจากรถแท็กซี่เข้าไปในบ้าน โดยมีอินทิราและบาสเตียนเดินตามหลังมาติดๆบ้านไม้สองชั้นเก่าๆ ริมคลอง มีเรือหางยาวแล่นผ่านเป็นระยะๆ ทำให้บาสเตียนเกิดความสนใจเป็นพิเศษ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้มาก่อน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไม่วุ่นวายเหมือนเมืองที่เคยอยู่มาตั้งแต่เกิดอย่างลาสเวกัสเลยสักนิด“บ้านเธอน่าอยู่ดีนะ” บาสเต
บทที่ 28ลูกเขยเจ้าเล่ห์วันต่อมา“อาร์ออกมาคุยกับพี่หน่อยสิ” บาสเตียนเอ่ยเรียกอาณัฐออกมาที่หน้าห้องพักผู้ป่วย ขณะคุณหมอเข้ามาตรวจผู้เป็นมารดาภายในห้องเดินออกมาถึงหน้าห้องแล้วบาสเตียนก็ยื่นบัตรเครดิตให้“อะไรครับพี่” อาณัฐมองหน้าอย่างงงๆ“บัตรเครดิตไง พี่ให้ไปช้อปปิ้ง เราดูแลแม่มานานคงอยากจะไปเที่ยวบ้าง จัดให้เต็มที่เลยนะเดี๋ยวพี่กับอินทิราจะดูแลคุณแม่ให้เองไม่ต้องห่วง”“ขอบคุณครับพี่” อาณัฐยกมือไหว้ด้วยความดีใจ ยิ้มไม่ยอมหุบ ก่อนจะยื่นมือไปรับมา “แล้วมันใช้ได้เท่าไหร่ครับพี่”“ไม่อั้น” บาสเตียนส่งยิ้มน้อยๆ ให้“เยส!!! ขอบคุณมากๆ ครับพี่” อาณัฐโผเข้ากอดบาสเตียนก่อนจะรีบเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีบาสเตียนยิ้มส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง“แม่คะทานข้าวนะเดี๋ยวหนูป้อน” อินทิรายกถาดข้าวต้มพร้อมทั้งแก้วน้ำดื่มมาวางไว้ข้างเตียง เตรียมพร้อมสำห