บทที่ 7
สวยจนฉันทนไม่ไหวแล้ว
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นฉุดให้หญิงสาวที่กำลังนั่งกลุ้มใจอยู่บนเตียงหลุดจากภวังค์ วันนี้ครบกำหนดที่บาสเตียนจะเข้ามาทวงสัญญาถึงในห้องแล้ว นั่นทำให้อินทิรานั่งตัวสั่นด้วยความกลัวปนตื่นเต้น เจ้าหล่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูหน้าห้อง ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปหมุนลูกบิดประตู
“อ้าว! ป้าสมัยเองเหรอคะ” อินทิราโล่งใจเป็นที่สุดเมื่อรู้ว่าคนที่มาเคาะประตูห้องคือป้าสมัย
“คิดว่าเป็นคุณบาสเตียนเหรอคะ” ป้าสมัยยิ้มให้ราวกับรู้ว่าวันนี้คือวันอะไร
“เอ่อ..ค่ะป้า” เจ้าหล่อนหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเมื่อโดนแซว ตั้งแต่เมื่อวานที่ป้าสมัยเห็นบาสเตียนกอดจูบเธอในห้องนั่งเล่น เจ้าหล่อนยังคงอายทุกครั้งที่เห็นหน้าแม่บ้านใจดีคนนี้
“คุณบาสเตียนให้ป้าเอาของมาให้ค่ะ” ว่าแล้วป้าสมัยก็ยื่นกล่องสี่เหลี่ยมแบนๆ ให้
“ขอบคุณค่ะป้า ว่าแต่มันคืออะไรงั้นเหรอคะ”
“ลองเปิดดูเองดีกว่าค่ะ ถ้างั้นป้าไปก่อนนะคะ” ป้าสมัยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะเดินลงไปที่ชั้นล่าง
อินทิรามองตามหลังไปด้วยความสงสัย จากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้อง นั่งลงข้างเตียงก่อนจะเปิดกล่องหรูนั้นออกมาดูก็พบว่ามันคือชุดนอนสายเดี่ยวซีทรู แถมยังมีโน้ตใบเล็กๆ อยู่ในนั้นด้วยอีกต่างหาก
‘ใส่ชุดนี้ก่อนที่ฉันจะเข้าไปในห้อง ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน’
ได้อ่านแล้วอินทิราก็โยนชุดบ้าบอนั้นลงบนพื้นด้วยความโมโห เธอไม่มีทางใส่ชุดนั้นเด็ดขาด ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอโมโหได้ทุกครั้งที่เจอกันเลยจริงๆ
“ให้ตายฉันก็ไม่มีวันใส่ไอ้คนบ้า”
อินทิราพ่นคำก่นด่าลงไปที่ชุดที่กองแอ้งแม้งอยู่บนพื้น
“ทำไมเธอชอบขัดใจฉันอยู่เรื่อยเลย”
เสียงทุ้มดังมาจากด้านหลัง อินทิราจึงหันขวับไปมองด้วยความตกใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนถอยหลังไปเล็กน้อย
“นายส่งชุดบ้าบออะไรมาให้ฉันใส่ก็ไม่รู้”
“สวยจะตายทำไมเธอไม่ใส่มันล่ะหึๆ”
“นายก็เอาไปใส่เองสิ คงจะสวยพิลึกน่าดู” พูดจบเจ้าหล่อนก็ขำออกมาเล็กน้อยด้วยความสะใจ
“ทำเป็นเก่งไปเถอะ วันนี้ฉันจะทำให้เธอครางทั้งคืนเลยคอยดู”
พูดจบบาสเตียนก็เดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวทันที
“ถ้าเข้ามาฉันจะร้องให้คนช่วย”
“ร้องให้ตายก็ไม่มีใครมาช่วยเธอหรอก เพราะห้องนอนทุกห้องเก็บเสียงได้ดีเลยล่ะ”
“อย่าทำฉันเลยนะ ขอเวลาอีกอาทิตย์นึงไม่ได้เหรอ ฉันยังไม่พร้อมจริงๆ” อินทิราเริ่มใช้บทอ้อน ยกมือขึ้นไหว้ทำหน้าตาน่าสงสาร
“อย่ามาทำเป็นอ้อนวอนขอร้อง แค่ฉันให้เธอใส่ชุดเธอยังไม่ยอมทำตามเลย ฉันไม่หลงกลคนอย่างเธอหรอก” ว่าแล้วบาสเตียนก็เดินย่างสามขุมอ้าแขนต้อนอินทิราไปที่มุมห้อง
“ก็ชุดที่นายให้ใส่มันโป๊ะขนาดนั้นใครใส่ก็บ้าแล้ว” พูดจบอินทิราก็ย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อจะลอดช่องแขนบาสเตียนหนีไป แต่ทว่าเธอกลับถูกชายหนุ่มรั้งตัวไว้ กอดรัดจนแน่นขนัดแล้วลากตัวไปที่เตียงนอน
“ฤทธิ์เยอะเหลือเกินนะ”
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า!”
ตุบ!!!
บาสเตียนโยนตัวหญิงสาวลงบนเตียงนุ่ม จากนั้นก็ตามขึ้นไปคร่อมร่างไว้ ตรึงข้อมือทั้งสองข้างไว้แน่น ส่งสายตาคมโลมเลียบนใบหน้าสวยโดยเฉพาะริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ ที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปได้
เจ้าหล่อนพยายามดิ้นรนเพื่อให้เป็นอิสระ บาสเตียนจึงใช้ความเผด็จการออกคำสั่งเสียงดัง
“อยู่เฉยๆ สิวะ!”
“ไม่!”
“จะดื้อไปถึงไหนในเมื่อเธอก็ต้องเป็นของฉันอยู่ดี นอนนิ่งๆ ให้ความร่วมมือดีกว่าน่า ยิ่งเธอขัดขืนฉันยิ่งจะรุนแรง...เตือนแล้วนะ”
ได้ยินอย่างนั้นอินทิราก็เริ่มอยู่นิ่งๆ ลดความพยศลงในทันที เพราะเธอคิดว่าถึงยังไงวันนี้ก็ต้องตกเป็นของเขาอยู่ดี ยิ่งให้ความร่วมมือสงครามรักครั้งนี้น่าจะจบลงเร็วขึ้น
“จะทำอะไรก็รีบทำสิ ฉันหนีไปไหนไม่ได้อยู่แล้วนี่” เจ้าหล่อนเอ่ยแต่สายตากลับเสมองไปทางอื่น หยาดน้ำใสๆ ไหลลงจากหางตาด้วยความเสียใจ ก็แน่ล่ะเพราะการเสียตัวครั้งนี้มันเป็นการเสียความบริสุทธิ์ ที่เธอหวงแหนไว้ให้กับชายผู้เป็นที่รักในอนาคตน่ะสิ
“ตอนนี้เธออาจจะร้องไห้เสียใจ แต่อีกไม่นานหรอก...เธอจะเสียวจนต้องร้องครวญครางเลยล่ะ” เขาโน้มใบหน้าลงมาเอ่ยเบาๆ ข้างใบหูสวย จากนั้นก็บรรจงจุมพิตตามดวงหน้าสวยอย่างเสน่หา
ทุกสัมผัสที่เกิดขึ้นทำเอาหญิงสาวที่นอนตัวเกร็งขนลุนเกรียวด้วยความสยิว แม้ว่าเธอจะขยะแขยงไม่เต็มใจกับมันนัก แต่ทว่ากลับรู้สึกปั่นป่วนในร่างกายอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกพวกนั้นมันหายไปและถูกแทนที่ด้วยความต้องการอย่างที่เขาบอกจริงๆ กลิ่นกายของชายหนุ่มช่างยั่วเย้าความต้องการให้เธอได้มากเหลือเกิน
“อือออ...” อินทิราเผลอร้องครางออกมาเบาๆ จนเจ้าหล่อนต้องเม้มปากไว้แน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ใจ
บาสเตียนยกยิ้มอย่างพอใจก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าสวยให้หันมามองตนเอง แต่ทว่าอินทิรากลับหลับตาพริ้มไม่อยากเห็นคนตรงหน้าให้เจ็บช้ำใจ
“ลืมตาเดี๋ยวนี้!”
“....”
อีกฝ่ายไม่ตอบและไม่ยอมทำตาม
“ฉันบอกให้ลืมตาเดี๋ยวนี้ไง!”
อินทิราตัดความรำคาญจึงเปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก็เห็นดวงหน้าหล่อจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว
“มองทำไม?” เห็นอย่างนั้นอินทิราก็เขินเบอร์แรง สายตาคมคู่นั้นทำให้เธอแทบละลายเสียให้ได้ หากไม่ได้เจอกันที่นี่เธอคงจะมีใจให้ผู้ชายคนนี้ไปแล้วอย่างแน่นอน เพราะเขาหล่อบาดใจแถมยังรวยระดับท็อปของอเมริกาอีกด้วย
“มองเมียตัวเองไม่ได้รึไง” บาสเตียนเอ่ยหยอกหญิงสาว ส่งสายตาเจ้าชู้ยักษ์ใส่แทบไม่กะพริบตา
“ฉันไม่ใช่เมียนายสักหน่อย”
“ก็กำลังจะเป็นอยู่นี่ไงล่ะหึๆ”
“รีบๆ ทำซะสิฉันขยะแขยงนายเต็มทนแล้ว”
“ดี!! ขยะแขยงฉันให้มากๆ เพราะนับจากวันนี้ฉันจะย้ายเข้ามานอนกับเธอที่นี่”
บาสเตียนไม่ยอมให้อีกฝ่ายเอ่ยคำใดประท้วง เขาประกบจูบริมฝีปากบางทันที มือหนาทั้งสองข้างบีบเคล้นเนินอกสาวผ่านเสื้อนอนตัวบาง บดจูบอย่างบ้าคลั่งจนทำให้ร่างบางอ่อนระทวยในพริบตา เขาส่งลิ้นเย็นเข้าไปในโพรงปากตวัดเลียกับลิ้นของอินทิราอย่างสนุกสนาน
ในขณะเดียวกันความเป็นชายก็เริ่มขยายตัวจนคับแน่นเป้ากางเกงดุนที่เนินสาวของอินทิราจนรู้สึกได้
“อืมมมม...”
บาสเตียนส่งเสียงครวญครางในลำคออย่างพอใจกับรสชาติความหอมหวานของริมฝีปากบาง จากนั้นไม่นานเขาก็ค่อยๆ ดึงชายเสื้อของอินทิราขึ้นไปกองไว้บนเนินอกเต่งตึง เลื้อยมือไปด้านหัลงเพื่อปลดตะขอยกทรงสีชมพูพาสเทลออก ไม่นานหลังจากนั้นส่วนบนของหญิงสาวก็เปลือยเปล่าไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิด
ชายหนุ่มยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจนเผยให้เห็นเรือนกายกำยำ เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อบ่งบอกว่าเขาใส่ใจกับสรีระมากขนาดไหน อินทิราเห็นอย่างนั้นก็เอนหน้าหนีด้วยความเขินอาย หัวใจเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเมื่อเขาค่อยๆ ดึงกางเกงเธอลงไปที่ปลายเท้าพร้อมกับแพนตี้ตัวจิ๋ว เผยให้เห็นเนินโหนกนูนที่ปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าสีดำขลับ ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นก็ทำให้ท่อนเอ็นตัวเขื่องกระดกรับ บ่งบอกว่ามันพร้อมที่จะเข้าไปทักทายกันแล้ว
“สะ...สวยเหลือเกิน สวยจนฉันทนไม่ไหวแล้ว”
บทที่ 33อวสานหลังจากเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันบนโต๊ะหมู่บูชาแล้ว อินทิราก็บอกให้ลูกทั้งสองคนกราบพระประธานที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างบนสุด จากนั้นก็หันไปมองยังมุมห้องที่มีโกศเล็กๆ วางอยู่พร้อมกับรูปถ่ายของผู้เป็นมารดา อินทิราส่งยิ้มให้มารดาทุกครั้งที่เข้ามาในห้องแห่งนี้“กราบคุณยายสิคะ” เจ้าหล่อนบอกกับลูกทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม“ทำไมมัมต้องพาพวกเรามากราบคุณยายทุกวันด้วยครับ” แมทธิวเอ่ยกับมารดาด้วยสีหน้าสงสัย“คุณยายเคยเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็ก เราจะปล่อยให้คุณยายเหงาได้ยังไง ถ้ามัมไม่อยู่แล้วแมทธิวเองก็ต้องทำอย่างนี้เหมือนกันเข้าใจไหมครับ”“เข้าใจแล้วครับมัม ผมจะมากราบคุณยายพร้อมมัมทุกวันเลยครับ คุณยายจะได้ไม่เหงา”“ดีมากจ๊ะลูก” อินทิราลูบกลางกระหม่อมลูกชายเบาๆ อย่างเอ็นดู “แล้วแอนนาล่ะคะ”“กราบ...ยาย” เด็กหญิงตอบรับเป็นคำๆ ราวกับเข้าใจเป็นอย่างดีเช่นเดียวกันจากนั้นเด็กทั้งสองก็ก้มกราบโกศสีทองแ
บทที่ 32พลอยดาวสามปีต่อมาในสถานบันเทิงชื่อดังใจกลางเมืองลาสเวกัส นักท่องราตรีหลากหลายเชื้อชาติต่างก็เข้ามาหาความสุขกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ดนตรีเพลงละตินดังก้องโลกทำให้บรรดาหนุ่มสาวเกิดความคึกคะนอง ต่างก็โยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างสนุกสนานฉายภาพมาที่ห้องวีไอพีสุดหรูซึ่งเป็นธุรกิจแอบแฝงของที่นี่ กลุ่มนักดื่มสูงวัยผิวสีสามสี่คนกำลังโอบกอดหญิงสาวชาวเอเชียที่แต่งตัววับแวมล่อเสือล่อตะเข้ คอยเอาอกเอาใจแขกคนสำคัญอย่างรู้งาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพลอยดาวหลังจากวันที่โดนไล่ละเพิดออกมาจากคฤหาสน์ของบาสเตียน เจ้าหล่อนก็บังเอิญเจอกับมาเฟียหนุ่มใหญ่เจ้าของซ่องที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส ตอนแรกเขาต้อนรับเธอเข้ามาอยู่ในฐานะเมียดูแลซะดิบดี แต่ทว่าพอเบื่อแล้วเจ้าหล่อนก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในบรรดาสาวๆ ที่ต้องเข้าไปทำงานในซ่องพลีกายให้กับบรรดานักธุรกิจแก่ตัณหากลับหลากหลายเชื้อชาติ ที่เข้ามาใช้บริการด้วยวงเงินที่สูงพอตัวพลอยดาวกำลังนั่งบนตักลูกค้าผิวสีคนหนึ่งอายุราวหกสิบเห็นจะได้ แม้ว่าเขาจะถูกใจเธอมากเป็นพิเศษ แต
บทที่ 31ห้องนอนน้อยๆหลังจากทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน ภายในห้องนอนเล็กๆ ซึ่งเป็นที่ซุกหัวนอนของอินทิรามาตั้งแต่เด็กจนโต ข้าวของทุกอย่างยังคงถูกวางไว้ที่เดิม ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่เสียนานเตียงนอนขนาดเล็กทำให้ไม่สามารถนอนพร้อมกันได้สองคน บาสเตียนจึงต้องปูฟูกนอนอยู่ข้างเตียง นุ่งผ้าขาวม้านอนคุยไลน์กับเลขาส่วนตัวเรื่องงาน ส่วนอินทิราก็นอนจ้องมองเพดานห้องลูบท้องตัวเองเบาๆ ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มน้อยๆ ฉายออกมาตลอดเวลา บ่งบอกว่าเจ้าหล่อนมีความสุขมากแค่ไหน“เธอ…นอนยัง?” เสียงคนที่นอนอยู่ข้างล่างเอ่ยเรียก อินทิราจึงเอียงใบหน้าสวยหันไปมองยังต้นเสียง แม้จะมองไม่เห็นหน้าเขาก็ตามที“ยัง...ทำไมเหรอ?”“ฉันไม่ได้นอนกอดเธอ...นอนไม่หลับอ่ะ”“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” อินทิรายิ้มน้อยๆ รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังต้องการอะไร“ฟูกข้างล่างนุ่มมาก แถมยังกว้างอีกด้วยนะ”“แล้วจะบอกฉันทำไม
บทที่ 30ความเข้าใจ“มาแล้วคร้าบบบ”หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว บาสเตียนจึงรีบวิ่งลงมาจากห้องเพื่อร่วมวงทานข้าว เมื่อมาถึงก็พบว่าทั้งสามได้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ที่บ้านของอินทิราใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมาโดยตลอด เพราะทุกคนคุ้นชินกับการปูเสื่อนั่งล้อมวงทานข้าวกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่สำหรับบาสเตียนมันคือเรื่องแปลกใหม่มากๆ“นั่งลงสิ” อินทิราเงยหน้าขึ้นไปเอ่ยเมื่อเห็นบาสเตียนเอาแต่ยืนมองดูไม่ยอมนั่งลงเสียที“คงจะรับไม่ได้สินะที่ต้องมานั่งกินข้าวแบบบ้านๆ อย่างนี้” แก้วกันยาเอ่ยประชด“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับคุณแม่ ผมอยู่ง่ายกินง่ายไม่เลือกมากคร้าบบ” บาสเตียนนั่งขัดสมาธิอย่างเก้ๆ กังๆ โปรยยิ้มให้ทุกคนก่อนจะหยิบช้อนแกงในจานข้าวจะไปตักอาหาร แต่กลับไม่คุ้นชินเมนูที่อยู่ในจานเลยอย่างบาสเตียนลังเลใจอยู่นานกว่าจะเลือกได้ และสุดท้ายหวยก็มาลงที่จานไข่เจียวขณะเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ อยู่นั้นบาสเตียนก็หันไปมองอินทิราด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยัก
บทที่ 29ตัวหอมหลังจากทำเคมีบำบัดครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นลง คุณหมอจึงอนุญาตให้แก้วกันยากลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ แม้ว่าช่วงเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาลบาสเตียนก็เอาอกเอาใจแม่ยาย ทำหน้าที่ยิ่งกว่าลูกแท้ๆ เสียอีก แต่ทว่าท่าทีของแก้วกานดากลับยังไม่อ่อนลงเลยสักนิด ตรงกันข้ามสำหรับอินทิราสถานการณ์กลับเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ออกปากไล่ตะเพิดเหมือนเมื่อครั้งที่เจอกันตอนแรกแล้วบาสเตียนไม่เคยปรนนิบัติพัดวีใครอย่างนี้มาก่อนนอกจากมารดาของตัวเอง แต่ทว่าสำหรับความรักครั้งนี้เจ้าตัวทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อจะได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบอย่างที่เคยมีในวัยเด็กอีกครั้งอาณัฐพยุงผู้เป็นมารดาลงมาจากรถแท็กซี่เข้าไปในบ้าน โดยมีอินทิราและบาสเตียนเดินตามหลังมาติดๆบ้านไม้สองชั้นเก่าๆ ริมคลอง มีเรือหางยาวแล่นผ่านเป็นระยะๆ ทำให้บาสเตียนเกิดความสนใจเป็นพิเศษ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้มาก่อน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไม่วุ่นวายเหมือนเมืองที่เคยอยู่มาตั้งแต่เกิดอย่างลาสเวกัสเลยสักนิด“บ้านเธอน่าอยู่ดีนะ” บาสเต
บทที่ 28ลูกเขยเจ้าเล่ห์วันต่อมา“อาร์ออกมาคุยกับพี่หน่อยสิ” บาสเตียนเอ่ยเรียกอาณัฐออกมาที่หน้าห้องพักผู้ป่วย ขณะคุณหมอเข้ามาตรวจผู้เป็นมารดาภายในห้องเดินออกมาถึงหน้าห้องแล้วบาสเตียนก็ยื่นบัตรเครดิตให้“อะไรครับพี่” อาณัฐมองหน้าอย่างงงๆ“บัตรเครดิตไง พี่ให้ไปช้อปปิ้ง เราดูแลแม่มานานคงอยากจะไปเที่ยวบ้าง จัดให้เต็มที่เลยนะเดี๋ยวพี่กับอินทิราจะดูแลคุณแม่ให้เองไม่ต้องห่วง”“ขอบคุณครับพี่” อาณัฐยกมือไหว้ด้วยความดีใจ ยิ้มไม่ยอมหุบ ก่อนจะยื่นมือไปรับมา “แล้วมันใช้ได้เท่าไหร่ครับพี่”“ไม่อั้น” บาสเตียนส่งยิ้มน้อยๆ ให้“เยส!!! ขอบคุณมากๆ ครับพี่” อาณัฐโผเข้ากอดบาสเตียนก่อนจะรีบเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีบาสเตียนยิ้มส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง“แม่คะทานข้าวนะเดี๋ยวหนูป้อน” อินทิรายกถาดข้าวต้มพร้อมทั้งแก้วน้ำดื่มมาวางไว้ข้างเตียง เตรียมพร้อมสำห