“เป็นไงได้ กระบองนั้นทำจากไม้เนื้อแข็ง ขนาดขวานยังฟันแทบไม่เข้า” แม่ทัพพูดขึ้น
“อย่าเอาพลังแขนของสหายข้าไปเทียบกับมนุษย์สิ” เสียงของอิบารากิโดจิดังขึ้นจากด้านหลัง แม่ทัพเหวี่ยงดาบไปแต่อิบารากิโดจิหลบได้อีก
“เลิกกวนประสาทข้าสักที ไอ้เขาเดียว” พูดจบเขาก็ฟาดฟันดาบใส่อิบารากิโดจิแต่ อีกฝ่ายหลบได้อย่างว่องไว
ซูโคกิที่เสียอาวุธไปนั้น จึงใช้ทักษะการต่อสู้แบบซูโม่แทน ชูเท็นโดจิก็รับมือแบบชูโม่ทั้งสองออกแรงดันหมายจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งล้มลง แต่ซูโคกิออกแรงไปมากเท่าไหร่ชูเท็นโดจิก็ไม่สะเทือนเลย ในที่สุดก็เขาก็เป็นคนที่ต้องกระเด็น จึงตัดสินใจรวมพลังทั้งหมดไปที่ฝ่ามือหมายจะซัดให้กระเด็น ชูเท็นโดจิชกสวนกลับมา
“อ๊าก !” เสียงร้องโหยหวนของซูโคกิดังขึ้นมา แรงกระแทกเมื่อครู่ทำให้กระดูกมือของเขาแตก และยังไม่ทันไรก็ถูกชูเท็นโดจิทุบเข้าที่หัว ความเจ็บปวดเข้ามาอีกครั้งแต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อ ก็ถูกทุบซ้ำไปอีกครั้ง มันเป็นการทุบซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนร่างของซูโคกิจมดินและกองเลือดของตัวเองตาย
ส่วนอิบารากิโดจินั้น ต่อสู้กับแม่ทัพซึ่งในเชิงดาบนั้น เขาถือว่าเป็นหนึ่งในแผ่นดินเลยก็ว่าได้ แต่ความเร็วของอิบารากิโดจิมันเกินที่มนุษย์จะมี ทำให้กลายเป็นว่าฟันลมไปหลายครั้ง และอิบารากิโดจิยังโจมตีสวนกลับ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ร่างกายเริ่มอ่อนล้า จนแทบจะยืนไม่อยู่แล้ว
“เลิกถ่วงเวลาได้แล้ว ขอรับ พวกนักบวชพร้อมแล้ว” เมื่อได้ยินดังนั้น แม่ทัพจึงรีบออกคำสั่ง
“ถอยทัพ” เหล่าทหารรีบกลับเข้าเมือง
“อะไรกัน นี่กลัวพวกเราขนาดนี้เชียวเหรอ” อิบารากิโดจิพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ชูเท็นโดจิยกเหล้าขึ้นดื่มแล้วพูดว่า
“ช่างเถอะ ข้าอยากเข้าไปเยี่ยมบ้านเกิดเต็มทีแล้ว” อิบารากิโดจิพยักหน้า และเดินเข้าไปในเมืองแต่ว่า ทัพง้าวมาขวางเอาไว้ พวกเขาโจมตีทันที ชูเท็นโดจิพ่นไฟออกมา อิบารากิโดจิเข้าโจมตีเหล่าทหารอีกครั้ง มีการบาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้น
“พอได้แล้ว” เสียงตะโกนดังขึ้นมา กลุ่มคนชุดขาว เจ็ดคนปรากฏตัวขึ้น ชูเท็นโดจิ กับ อิบารากิโดจิมองพวกเขา
“อะไร ก็บอกแล้วไงว่าข้าแค่กลับมาเยี่ยมบ้าน ถึงขนาดเอานักบวชมาเลยหรือ” ชูเท็นโดจิพูดจบก็ยกเหล้าขึ้นดื่ม
“ตั้งค่ายกล เจ็ดดาราสยบปีศาจ” พวกนักบวชพูดขึ้นพวกเขาไปยืนประจำตำแหน่งเจ็ดตำแหน่ง และร่ายมนตร์ ชูเท็นโดจิ และอิบารากิโดจิเริ่มอ่อนแรง
“เฮ้ย ! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” ชูเท็นโดจิพูดด้วยความตกใจ
“แย่แล้ว ! สหายข้า มันวางกับดักเรา” อิบารากิโดจิพยายามลุก แต่พลังเวทมนตร์นี้ทรงอนุภาพมากทั้งสองต้านทานแทบไม่ได้
“พวกเราคาถาเปิดประตูนรก” อิบารากิโดจิได้ยินเช่นนั้น เขาก็ยืดแขนออกมา พุ่งไปแทงคอของนักบวชคนหนึ่งตายทันที
“แย่แล้วคนไม่ครบ เอาไงดีขอรับ” หัวหน้านักบวชได้ยินแบบนี้ก็คิดหนัก คนไม่ครบการร่ายคาถาระดับนี้ย่อมต้องมีความเสี่ยง แต่อสูรทั้งสองตนกำลังจะได้พลังคืน จึงต้องตัดสินใจ
“ร่ายคาถาต่อ !” พวกนักบวชร่ายมนตร์ เกิดแสงสว่างวาบขึ้น อสูรทั้งสองตนหายไปแล้ว ชาวบ้านไชโยโห่ร้องด้วยความดีใจ
“มันไปนรกแล้วใช่มั้ยขอรับ” ผู้ว่ารีบมาถามหัวหน้านักบวช แต่เขาบอกว่า
“ข้าไม่รู้ มันแค่ไม่ได้อยู่ที่นี่เท่านั้น”
ในเวลาเดียวกัน ณ มหาสุวรรณทวีป
อาศรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง บรรยากาศที่เคยเงียบสงบในเวลากลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด มีนักสิทธิ์หนุ่มน้อยคนหนึ่งกำลังร่ายมนตร์อยู่หน้ากองไฟ เขาเป็นเด็กชายอายุประมาณ 10 ปี ผมยาวแต่มุ่นเป็นชฎาเอาไว้ ห่มหนังเสือ เขาเหงื่อแตกพลั่กและร่ายมนตร์ตะกุกตะกัก มีชายหญิงคู่หนึ่ง กำลังลุ้นอยู่ข้าง ๆ คนหนึ่ง เป็นสาววัยแรกรุ่น รูปร่างสูง ผิวขาวเหมือนหยวกกล้วย ใบหน้างดงามเหมือนนางอัปสร สวมเสื้อม่อฮ่อมกับกางเกงม่อฮ่อมสีฟ้าซีด มีดาบคู่วางไว้ข้าง ๆ ตัว อีกคนเป็นเด็กหนุ่มอ่อนวัยกว่า รูปร่างผอม ผมสั้นสีดำ เขาสวมเสื้อม่อฮ่อมสีฟ้าซีด เด็กหนุ่มเริ่มมีท่าทางกังวลใจ จนหญิงสาวต้องสะกิด
“อย่ากังวลไปเลย อาทิตย์ ท่านศุภมิตรต้องทำสำเร็จ” อาทิตย์ถอนใจก่อนจะบอกว่า
“พี่อรุณนภาเชื่อแบบนั้นจริง ๆ เหรอ ท่านก็เห็นนี่ว่า ท่านศุภมิตรยังเด็กอยู่เลย ข้าเกรงว่า....” อาทิตย์เงียบไป อรุณนภาถอนหายใจ จริง ๆ เธอก็ไม่ได้เชื่อใจศุภมิตรเท่าไหร่นัก แต่ว่าตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่น จริง ๆ
กองไฟที่ก่ออยู่ตรงหน้าของศุภมิตรลุกโชน ราวกับว่าไฟกำลังเต้นรำอย่างสนุกสนาน สักพักใหญ่ก็เกิดการระเบิดขึ้นมา ร่างของทั้งสองอสูรปรากฏขึ้น ทั้งชูเท็นโดจิและอิบารากิโดจิมองไปรอบ ๆ ตัวด้วยความรู้สึกแปลกใจ
“นี่ท่านเรียกตัวบ้าอะไรมาเนี่ย” อาทิตย์พูดด้วยความตกใจ
“ก็ข้าบอกท่านแล้วไง ตัวข้าเป็นแค่นักสิทธิ์ฝึกหัดเท่านั้นเอง ข้าไม่แน่ใจหรอกว่าจะเสกอาวุธให้ท่านได้” ศุภมิตรพูด ทั้งสองอสูรและสองพี่น้องหันมาสบตากัน เหมือนมีคำถามากมาย แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรกันก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมา
“แย่แล้ว” อรุณนภาชักดาบคู่ออกมาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ กลุ่มอมนุษย์รูปร่างสูงใหญ่ มีผิวสีเขียว กำลังเคลื่อนพลมา มันคือ พวกออร์ค
ชูเท็นโดจิจับทางได้จึงคว้าข้อมือ ยุรนันท์เอาไว้ทัน และกระหน่ำหมัดใส่เขาไม่หยุด ยุรนันท์เจ็บหนัก เขาสลัดมือให้หลุด แล้วถอยมายังไม่ทันได้ตั้งตัวชูเท็นโดจิก็เขามาจับร่างของเขาทุ่มข้ามหัวลงไปกระแทกกับพื้นเสียงดังสนั่น ชูเท็นโดจิ ชูมือเป็นสัญญาณว่าตัวเองชนะแล้ว แต่เขารับรู้สึกจิตสังหารเลยหันไปดูยุรนันท์ลุกขึ้นมาเขากลายเป็นนรสิงฆ์เต็มขั้น รูปร่างเขาตอนนี้ดูสูงใหญ่ หัวกลายเป็นสิง มีเขี้ยวเล็บที่ ดูน่ากลัว เขาคำรามเสียงดังก้อง และเขาประชิดตัวตบกรงเล็บมา ชูเท็นโดจิตั้งรับแต่เขาถูกตบกระเด็น“ยุรนันท์แปลงร่างแล้ว เจ้าชูเท็นโดจิไม่รอดแน่” ราชินีย์ตะวันเอ่ยขึ้น อรุณนภาหน้าเสียอยากจะบอกให้ชูเท็นโดจิยอมแพ้ไปซะเพื่อรักษาชีวิต แต่ราชาสุริยะที่นิ่งมานานกลับบอกนางว่า“ดูสายตาเขาสิ”อรุณนภามองไปสายตาของชูเท็นโดจิ นางเห็นความมุ่งมั่ง ที่จะเอาชนะให้ นางจึงตัดสินใจตะโกนเสียงดังไปว่า “สู้เขานะชูเท็นโดจิ !”ชูเท็นโดจิได้ยินเขาก็มีกำลังใจมาขึ้นมาและเข้าไปต่อสู่กับยุรนันท์ทันที เขารวมพลังไปที่หมัดและชกเข้าไปเต็ม ๆ ที่หน้าของยุรนันท์แต่อีกฝ่ายไม่สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด แถมยังตบกรงเล็บใส่ ชูเท็นโดจิหล
อรุณนภาเห็นชูเท็นโดจิก็รู้สึกโล่งอกแต่ก็แอบโกรธเขาอยู่เหมือนกันที่เขามาสาย อาทิตย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ราชินีตะวันมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย จริง ๆ นางอยากจะตัดสินสิทธิ์ชูเท็นโดจิให้แพ้ไปเลย แต่หากทำแบบนั้น คงจะโดนทั้งอาณาจักรครหาได้ เลยไม่พูดอะไรปล่อยให้การประลองดำเนินต่อไป ชูเท็นโดจิหันมายิ้มให้กับอรุณนภา และไม่ได้สนใจยุรนันท์เท่าไหร่ แถมยังยกเหล้าขึ้นดื่มต่อหน้าต่อตา ยุรนันท์กัดฟัน กรอด ๆ ด้วยความโกรธ“ไอ้คนไร้มารยาท ทำไมถึงได้มาช้า !” แต่ชูเท็นโดจิทำเหมือนไม่ได้ยิน เขายกเหล้าขึ้นดื่มอย่างสบายอารมณ์“จะช้า จะเร็วมันสำคัญตรงไหน ยังไงซะแกก็ต้อง แพ้ !” ชูเท็นโดจิพูดจบก็ยกเหล้าขึ้นดื่มอีก ยุรนันท์ยิ่งโมโหจัดเขาจึงท้าว่า“ถ้าเจ้าแพ้ข้า เจ้าต้องไสหัวออกไปจากนรสิงฆ์นครตลอดชีวิต แต่ถ้าข้าแพ้ ข้าก็จะยอมออกจากนรสิงฆ์นครเช่นกัน” มีเสียงฮื่อฮาดังขึ้น ชูเท็นโดจิยกเหล้าขึ้นดื่ม แล้วพูดเสียงดังว่า“ก็ได้ข้ารับคำท้า”สัญญาณเริ่มการต่อสู้เริ่มขึ้น ชูเท็นโดจิออกหมัดก่อน แต่อีกฝ่ายหลบได้ และออกหมัดสวนไป ชูเท็นโดจิหลบได้ แต่เขารู้สึกถึงแรงลมจากหมัด รู้เลยว่าถ้าโดนเข้าไปจัง ๆ เขาได้เจ็บหนักแน่ ยั
“ข้ายังจำท่าของเจ้าได้ คราวนี้อย่าหวังว่าข้าจะแพ้ !” ชูเท็นโดจิออกหมัดไป อีกฝ่ายใช้มือปัดการโจมตีและสวนกลับด้วยการกระแทกศอก แต่คราวนี้ชูเท็นโดจิหลบได้และเหวี่ยงหมัดสวนไป อมเรศวรหลบไม่ทันโดนเข้าเต็ม ๆ หน้า ชูเท็นโดจิยังคงออกหมัดมา หมายจะโจมตีอีกครั้งแต่คราวนี้อมเรศวรก้มตัวหลบและชกหมัดขวาไปเป้าหมายคือปลายคางแต่ชูเท็นโดจิเอามือไปรับหมัดเอาได้และชกเข้าที่แขนทำให้อมเรศวรต้องรีบถอยออกมา เขาต้องการหยุดการต่อสู้โดยเร็วจึงตัดสินใช้เพลงแตะแต่ว่าชูเท็นโดจิจับขาเขาเอาไว้ เหวี่ยงร่างของอมเรศวรลอยไปเขาล้มลงไปกระแทกพื้น อมเรศวรลุกไม่ขึ้นอีกแล้ว เท่ากับว่าชูเท็นโดจิชนะ เขาเดินไปหาอมเรศวรประคองให้ลุกขึ้นและถามว่า“เจ้าไม่ได้ออมมือใช่มั้ย”“เปล่า เลยเจ้าอ่านทางมวยข้าได้แล้ว ข้าถึงได้แพ้” หลังจากที่อมเรศวรแพ้ไปแล้ว เจ้าชายเมืองอื่นก็รีบถอนตัวไปเกือบหมด เพราะเห็นฝีมือของชูเท็นโดจิแล้วไม่อยากเสี่ยงต่อสู้ด้วย เหลือแต่มารุตกับยุรนันท์เท่านั้น ซึ่งยุรนันท์ได้เข้าไปรอรอบชิงเลยด้วยความช่วยเหลือของราชินีตะวัน แถมในตอนแรกนางจะให้ชูเท็นโดจิต่อสู้เลยด้วยซ้ำแต่มารุตบอกว่า“ให้เขาไปพักก่อน ไม่งั้นมันไม่
“สหายข้า” เสียงของอิบารากิโดจิเรียกชูเท็นโดจิจากภวังค์ เพื่อนรักของเขาอยู่ตรงหน้า ในยามนี้เหลือเพียงแขนซ้ายเท่านั้น “มีอะไรอิบารากิ” ชูเท็นโดจิกำลังจะยกเหล้าขึ้นดื่ม แต่อิบารากิโดจิห้ามเอาไว้ “หยุดกินได้แล้ว สหายข้า”ชูเท็นโดจิแปลกใจมาก อิบารากิโดจิ ไม่เคยห้ามเขาเลย เวลาจะทำอะไร แต่วันนี้กลับห้ามไม่ให้ดื่มเหล้า “ห้ามข้าทำไม” “เจ้าดูสภาพตัวเองหรือเปล่า นี่ไม่ใช่ตัวเจ้าที่ข้ารู้จัก” อิบารากิโดจิพูด“ช่างข้าสิ” ชูเท็นโดจิสะบัดมือออก และยกเหล้าขึ้นดื่ม แต่อิบารากิโดจิปัดมือเขา“หยุดซะที แต่ก่อนเจ้าเป็นนักสู้ แต่ตอนนี้เมาเหมือนหมาไม่มีผิด”“หุปปากไปเลย แกจะเข้าใจอะไร” ชูเท็นโดจิ จะยกเหล้าขึ้นดื่ม อิบารากิโดจิใช้มือปัด ทำให้ชูเท็นโดจิเริ่มโมโห“อย่ามายุ่งกับข้า เดี๋ยวก็ได้เสียแขนอีกข้างหรอก”“อย่างเจ้าตอนนี้ ตบแมลงยังไม่ตายเลยมั้ง” อิบารากิโดจิพูดเย้ย ชูเท็นโดจิได้ยินก็เลือดขึ้นหน้า เขาออกหมัดไป อิบารากิโดจิแม้จะมีแขนเดียว แต่ความเร็วของเขายังเท่าเดิม ทำให้ชูเท็นโดจิชกพลาด แขนเสื้อของอิบารากิโดจิฟาดหน้าเขา ทำให้เขาได้สติถ้าอิบารากิโดจิมีแขนข้างนี้ ตาเข
“ขอร้อง ล่ะ!” มัน เน้นเสียงตรงคำว่า ล่ะ ทำให้เกิดคลื่นเสียงมาทำให้ชูเท็นโดจิเสียหลัก การอนรีบลุกขึ้นมาและกำลังจะหนีแต่ ชูเท็นโดจิตั้งตัวได้กระโดดไปดักหน้าการอนเอาไว้ และทุบหัวของการอสด้วยสองมือร่างของการอนค่อย ๆ จมลงไปในดินจนเหลือแต่หัว กระดูกทั้งตัวแหลก ชูเท็นโดจิทุบซ้ำไปอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้หัวของมันแหลกไปแล้ว“การอนตาย แล้ว !” ชูเท็นโดจิประกาศเสียงดังลั่นหลังจากที่การอนตายพวกออร์คก็ถูกสังหารไปจนหมด อรุณนภา กับ อาทิตย์รีบไปตามหาพ่อกับแม่ ซึ่งก็พบว่า ยุรนันท์พาทั้งสองออกมาแล้ว ราชาสุริยะนั้นได้บาดเจ็บหนัก ส่วนราชินีตะวันปลอดภัยดี ทุกคนเข้าไปกอดกันด้วยความรัก และร้องไห้ออกมาด้วยซาบซึ้งในใจ ชูเท็นโดจิเดินมาเห็นภาพนี้เขาก็ยิ้มออกมา อรุณนภาเห็นชูเท็นโดจิก็วิ่งเข้าไปกอดเขา“เจ้ากลับมา เจ้ากลับมา” อรุณนภาพูดทั้งน้ำตา ชูเท็นโดจิกอดนาง“ข้ากลับมาแล้วว่าแต่มีเหล้ากินมั้ยเนี่ย” เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ นางจึงตะโกนชื่อของเขา หลังจากนั้นทุกคนก็ตะโกนตาม“ชูเท็นโดจิ ชูเท็นโดจิ” เสียงเรียกชื่อเขาดังไปหมด แต่มันไม่ได้ดังด้วยความหวดกลัวเหมือนกับทุกครั้ง หากแต่เต็มไปด้วยความช
การอนแม้จะรู้สึกถึงพลังที่เพิ่มขึ้นของชูเท็นโดจิ ก็หาได้กลัวไม่ มันเข้าโจมตีชูเท็นโดจิด้วยการกระหน่ำหมัด แต่กลายเป็นว่า ชูเท็นโดจิหลบหมัดทั้งหมดได้ และคว้าข้อมือของการอนเอาไว้ออกแรงบีบอย่างแรง จนการอนร้องลั่งด้วยความเจ็บปวด เมื่อสลัดออกมาได้ ก็พบข้อมือมีรอยไหม้เป็นรูปมืออยู่ นั่นทำให้มันตกตะลึง จึงตัดสินรวมพลังไปที่ฝ่ามือและกระแทกใส่ชูเท็นโดจิ แต่กลายเป็นว่าครั้งนี้เขาไม่สะเทือนเลย แถมยังชกการอนกระเด็น“บังอาจมาทำร้ายอรุณนภา ข้าจะฆ่าเจ้าซะ !” ชูเท็นโดจิหยิบหินที่พื้นมาซัดออกไป การอนเอามือปัดแต่ครั้งนี้หินทะลุมือของมันเป็นรู ชูเท็นโดจิเขามาประชิดตัวพ่นไฟใส่ร่างของการอนมันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด อย่างที่มันไม่เคยเจอมาก่อน“เคยใช้แต่ตัวปลอมสินะ งั้นก็มาเจอกับความเจ็บปวดของจริง เป็นยังไงล่ะ” ชูเท็นโดจิชกซ้ำร่าง การอนกระเด็น ล้มลงไปฝ่ายของการอนเมื่อเห็นนายล้มลงไปแล้วกำลังใจก็เริ่มเสีย ทำให้ฝ่ายต่อต้าน เริ่มมีกำลังใจมากขึ้น แต่มันเร็วไปที่จะดีใจ การอนลุกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ร่างของมันกลับเป็นร่างแรก แถมอาการบาดเจ็บลดลงไปมาก“ไม่คิดเลยนะว่าจะเจอคนที่ทำให้ข้าเจ็บได้ งั้นก็หายไปซะ !” ร