LOGINอาทิตย์นี้หยุดยาวทั้งอาทิตย์เพราะที่มหาวิทยาลัยมีงาน ฉันเลยคิดว่าจะโผล่หัวไปเยี่ยมคนบ้านนั้นสักหน่อย ปล่อยให้อยู่สบายชูคอเป็นเจ้าของบ้านมาตั้งหลายสิบปี พอดีตรงวันครบรอบวันตายของคุณย่า อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนี้ล่ะจริงไหม!?
" แกแน่ใจเหรอ ว่าจะไปสู้กับพวกนั้นตัวคนเดียว " ถามเหมือนฉันเป็นนางเอกจิบน้ำส้ม วันนี้นางมานั่งกินข้าวเย็นที่ห้องฉัน กับข้าวนางซื้อมาเสริมบวกกับอาหารที่ฉันทำ
" แกอย่าใช้คำว่าสู้ สองแม่ลูกนั่นไม่มีปัญญาหรอก อีกอย่าง...ฉันแค่จะไปเคารพศพคุณย่า ไม่เสียเวลากับพวกสมองนิ่ม " ถ้าสู้จริงก็ไม่เห็นต้องกลัว ถ้าฉันมัวแต่กลัวชาตินี้คงตายไปแล้ว
" แล้ววันนี้คุณดินไม่มาทานข้าวด้วยเหรอวะ " มือบางที่กำลังตักข้าวเข้าปากชะงัก ตั้งแต่วันที่เราทานข้าวด้วยกัน ตั้งแต่นั้นมาเขาก็พาตัวเองมาฝากท้องที่นี่เกือบทุกวัน อาทิตย์ละสามสี่วันได้ ช่วงแรกขมิ้นก็ตกใจ แค่พอนานๆ ไปเราก็ชินเหมือนมีเพื่อนเพิ่ม
" ไม่รู้ดิ ถ้ามาคงเคาะห้องเองแหละ "
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
สองสาวหันมองหน้าพร้อมกัน พึ่งนินทาหยกๆ ตายยากจริง ร่างระหงลุกออกจากเก้าอี้เดินไปเปิดประตูห้อง ไม่ต้องส่องตาแมวก็รู้ว่าใคร
" ไงคุณ ทานข้าวรึยัง " แหม มาตรงเวลาซะด้วย " กำลังกินพอดีเลย คุณเข้ามาก่อนสิ " ฉันเบี่ยงตัวหลบเปิดทางให้คนตัวสูงเข้ามา ชายหนุ่มหอบถุงขนมและแอลกอฮอล์ชื่อดังของเกาหลีไว้แนบอก เดินตรงดิ่งเข้าห้องครัว ก้มหัวทักทายเพื่อนสนิทหล่อนก่อนจะวางของทั้งหมดไว้บนโต๊ะ
คนตัวโตทำตัวเหมือนบ้านตัวเอง เดินไปหยิบจานแล้วตักข้าว หย่อนตัวหนาๆ สูงๆ ลงบนเก้าอี้ที่ประจำ ตาคมลุกวาวน้ำลายไหล อาหารบนโต๊ะมีหลากหลายแถมเธอยังทำอาหารเหนือเพิ่มมาด้วย
" จานนี้เรียกว่าอะไรครับ " เขาชี้นิวเรียวไปยังจานสีขาวกลางโต๊ะ
" อันนี้เรียกว่าตำขนุนค่ะ " เขาพยักหน้าตักชิมเข้าปาก แล้วก็รีวิวด้วยคำเดิมคือคำว่า ' อร่อย '
ก็เห็นกินอะไรก็อร่อยทุกอย่างอะ
" แล้วแกจองตั๋วยัง " เพื่อนสาวคนสนิทถามเจ้าตัวถึงวันหยุดยาวที่จะมาถึง แต่เธอไม่ได้ไปด้วย เพราะครอบครัวจะพาไปเที่ยวต่างประเทศ
" เดี๋ยวกินเสร็จก็ว่าจะจองเลย " ฉันจะบินพรุ่งนี้เลย อยากเจอคนบ้านนั้นจนตัวสั่นไปหมดแล้ว
" จะไปเที่ยวไหนกันเหรอครับ " บุคคลมาใหม่โพลงขึ้นกลางโต๊ะอาหาร เขานั่งฟังเธอคุยกับเพื่อนสีหน้าเครียดครึม
" ไม่ได้จะไปเที่ยว ฉันจะไปวันครบรอบวันตายของย่าที่เชียงใหม่ " แต่ดูจากสีหน้าแล้วคงไม่ใช่ธุระแค่นั้นแน่ๆ
" ผมก็จะไปเชียงใหม่เหมือนกัน พอดีมีธุระต้องไปทำน่ะ แล้วคุณบินวันไหน " สองสาวหันมองหน้าคนตัวโต แล้วตอบออกไปทันที
" ฉันว่าจะจองรอบพรุ่งนี้เช้า ไม่อยากถึงสายเพราะคิดว่ามีอะไรให้ทำอีกเยอะ "
" งั้นจองให้ผมด้วยดิ บินพร้อมกันเลยคุณจะได้มีเพื่อนคุย " ฉันไม่ใช่คนขี้เหงาขนาดนั้นปะ
คนหัวโต๊ะเหล่มองคนขอร่วมทาง ให้ไปด้วยดีไหมนะ เผื่อจะช่วยเรื่องที่เคยปรึกษาได้ดียิ่งขึ้น พอสมองประมวลผลพลอยได้ เธอก็ยิ้มพยักหน้าแล้วยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเตรียมจองตั๋วเครื่องบิน
" โอนตังค์มาด้วย ช่วงนี้ตั๋วขึ้นเหนือแพง " หน้าหวานก้มมองแต่บนจอ มือขวายังถือช้อนข้าวค้างไว้ จนพ่อหนุ่มสายเปย์โอนเงินเข้าบัญชีหล่อนรวมยอดสองที่นั่งแถมเผื่อทิปให้อีกนิดหน่อย
เผื่อในอนาคตอาจจะได้สิ่งตอบแทนที่คุ้มค่า
คนเราหว่านพืชก็ต้องหวังผล...ผมก็เช่นกัน
เช้าวันต่อมา
สนามบินดอนเมืองเวลา 7:00 นาฬิกา
ทั้งสองแหกขี้ตาโทรจี้ปลุกกันตั้งแต่ไก่โห่ เพราะกลัวจะตกเครื่อง ใช้เวลาไม่นานประตูห้องฝ่ายตรงข้ามก็เปิดออกพร้อมกระเป๋าลากใบขนาดกลางคนละใบ
" ปะ เดี๋ยวรถติด " ทั้งสองลากกระเป๋าแนบข้างเร่งฝีเท้าเข้าลิฟต์ จู่ๆ คนตัวเล็กก็พูดขึ้น " ฉันหิวอะ " เธอยืนพิงผนังลิฟต์ ขยี้ตาเบาๆ เหมือนคนพึ่งตื่นนอน แต่ชุดพร้อมมาก
" เดี๋ยวโหลดกระเป๋าเสร็จค่อยไปหาไรกินกัน " หล่อนพยักหน้าเนื่อยๆ เดินตามร่างสูงออกจากลิฟต์ เขาบอกว่าให้ไปรถเขา ทางเดียวกันประหยัดน้ำมันช่วยโลกร้อน
" คุณกลับบ้านล่าสุดเมื่อไหร่ " เขาถามขณะที่ทั้งสองนั่งกินเบอร์เกอร์เจ้าดังระหว่างรอเข้าเกต
" หลายปีแล้วมั้ง จำไม่ได้ ไม่อยากจำ " เธอหยักไหล่โนสนโนแคร์ กัดเบอร์เกอร์หมูเต็มคำแล้วเคี้ยวตุ่ยๆ ตามด้วยเครื่องดื่มซ่าๆ ดูดแล้วชื่นใจ
" ใช่บ้านหลังนั้นที่คุณปรึกษาผมเรื่องโฉนดรึเปล่า " ใบหน้าหวานพยักตอบ ยังพูดไม่ได้เพราะกำลังกัดพายกรุบกรอบ
" แล้วคุณล่ะ ไปทำอะไรที่เชียงใหม่ "
" ไปเรื่องงานนี่แหละ ลูกความคุณพ่อน่ะ ท่านให้ผมช่วยดูแล " เธอไม่ได้ซักไซร้ต่อ ต่างคนต่างกินประทังความหิวแล้วเข้าไปเตรียมตัวรอขึ้นเครื่อง
สนามบินนานาชาติเชียงใหม่
ทั้งสองเดินออกพร้อมนักท่องเที่ยวทั้งลำ ร่างระหงห่อไหล่ยกมือบางแล้วลูบแขนไปมา ขนาดเสื้อที่เธอสวมอยู่ก็เอาความหนาวเย็นไม่อยู่ เชียงใหม่ปีนี้หนาวกว่าที่คิด นี่ขนาดเช็คดินฟ้าอากาศมาแล้วแท้ๆ
เขาถอดเสื้อฮูดสีดำยื่นให้คนตัวบางขณะที่ยืนรอกระเป๋า แถมยังบอกอีกว่าผมชิวๆ ทั้งๆ ที่ขนแขนตัวเองก็ลุกก็พอง เธอหยิบมาสวมแบบไม่อิดออดพร้อมคำขอบคุณ ก่อนทั้งคู่จะลากกระเป๋าคนละใบตรงไปประตูทางออก
" คุณจะกลับบ้านยังไง "
" เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่เอาก็ได้ ไม่ซีเรียส "
" งั้นเดี๋ยวผมไปส่งละกัน ผมเช่ารถมาแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียค่ารถอีก " นี่จะไปส่งกันให้สุดทางเลยใช่มะ ฉันมองเขาที่รับโทรศัพท์ สักพักเขาก็เดินไปเซ็นสัญญาเช่ารถมั้ง สุดท้ายก็มานั่งอยู่ข้างๆ กันที่มีคนตัวโตเป็นสารถี
" บอกทางมาเลยคุณ ส่งคุณเสร็จผมค่อยเข้าโรงแรมก็ได้ " ฉันเปิดจีพีเอสปักหมุดแล้วยื่นให้คนข้างๆ จากสนามบินมายังปลายทางใช้เวลาพอสมควรกว่าจะฝ่าดงรถติดช่วงเช้ามาได้
รถญี่ปุ่นสีดำจอดอยู่ริมรั้วหน้าบ้านหลังใหญ่หลังเดิม ใบหน้าคมมองไปยังรั้วชินตาก่อนจะขมวดคิ้วหนา บ้านหลังนี้คุ้นๆ
" นี่บ้านคุณเหรอ "
" ใช่ ทำไม " เขาทำหน้างง แล้วหันหน้างงๆ มาหาฉัน ฉันก็ทำหน้างง เขาจะงงอะไรนักหนา
" มีอะไร ทำไมทำหน้างั้นอะ "
" เรื่องโฉนดที่คุณเคยปรึกษาใช่ที่ดินผืนนี้ด้วยรึเปล่า "
" อือหื้อ ผืนนี้แหละ เป็นไง กว้างมากใช่ไหมล่ะ มันเป็นมรดกของคุณย่าที่ท่านรักและหวงมาก ฉันไม่อยากให้มันตกไปเป็นของคนอื่น " ร่างสูงนั่งนิ่ง ในหัวกำลังปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน หากเป็นอย่างที่เขาคิดจริง สาวน้อยข้างๆ นี่ก็เป็นคนขโมยโฉนดใบนั้นใช่ไหม!?
สองอาทิตย์ต่อมาสุริยันแสงสุดท้ายกำลังจะลับขอบฟ้า บริเวณโดยรอบของมหาวิทยาลัยถูกระบายด้วยสีส้มเข้มจากท้องฟ้าจนเต็มพื้นที่ รวมถึงนักศึกษากลุ่มสุดท้ายของตึกใหญ่ที่ทยอยกันเดินออกมาจากลิฟต์ คาบสุดท้ายถือว่าโหดหฤหรรษเนื่องด้วยอาจารย์ผู้สอนเป็นถึง ดร.จึงใช้เวลาในการสอนทุกนาทีอย่างมีค่า " มึงทำอะไรขมิ้น " เพื่อนสาวคนสนิทถามขึ้นขณะเดินตามกันมา ปฏิกิริยาเพื่อนดูแปลกๆเหมือนกำลังหลบอะไรสักอย่าง คอยหวาดระแวงทุกครั้งทั้งแต่เดินออกมาจากลิฟต์ " กูเปล่า " แต่ก็อาศัยฝูงชนกลุ่มใหญ่บดบังความสูงแค่ 155 ซม.ของตน จะให้บอกมันยังไงดีล่ะ? ไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหนด้วยซ้ำ แค่หลบหน้ามาได้สองอาทิย์นี่ก็บุญหัวสุดๆแล้ว บ้านก็ไม่ได้กลับกลัวเขาไปดัก ต้องคอยโกหกพ่อแม่ว่าต้องเร่งทำรายงานก่อนสอบเลยต้องหอบสังขารมานอนคอนโด " กูไม่เชื่อ " แน่ล่ะ! คำพูดกับการกระทำโคตรจะสวนทาง ปากบอกเปล่าแต่ดูมันทำซิพอพ้นตัวตึกได้ หล่อนรีบจูงมือเพื่อนสนิทเดินสับขาไปยังลานจอดรถแล้วรีบปิดประตู นั่งเงียบทำใจอยู่นานกว่าจะอ้าปาก" มึง..." เอาวะ! ไหนๆก็ไหนๆ ลูกจันทร์ไม่ใช่คนอื่นคนไกลสักหน่อย " คือ...กูกับผู้กองอะ..." ฮืออออ จะเล่าก็กระดากป
ปากกระจับกดทับปกปิดริมฝีปากที่เผยอเผลอตอบ บดเบียดเอวหนาผ่านเนื้อผ้าบางๆ ของกันและกัน" อืมมม " ชายหนุ่มส่งความกำหนัดส่งต่อคนตัวเล็ก แลบลิ้นร้อนเลียตามเนื้อปากนุ่มภายนอกก่อนจะค่อยๆ แหย่ปลายนุ่มเข้าโพรงปากเธอช้าๆ แทรกได้ก็กวาดต้อน เกี่ยวรั้งลิ้นน้อยจนสมองเธอมึนเบลอ พัลวันดึงดูดจนร่างบางอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ช่วงล่างก็ถูกรุกรานด้วยเอวหนาอ่า...เธอรับมือไม่ทัน" ผู้กอง..."" อืมม " ตอบส่งๆ ด้วยเสียงครวญคราง ไม่ยอมละเนื้อหวานในปากแม้แต่น้อยจูบจนพอใจก็ไล่พรมลมร้อนลงมาตามซอกคอขาว เลียหยอกจนเธอย่นคอหนีความซ่าน คนตัวโตคล่อมทับแทบไม่เห็นคนใต้ร่าง แต่มือใหญ่อีกข้างยังทำงานได้ปกติสอดเข้าใต้เสื้อยืดสีเข้มอ้อมแผ่นหลังบางแล้วปลดตะขอก่อนจะเลื้อยมืออุ่นๆ มาข้างหน้ากอบกุมเต้าเล็กพอดีมือ ปัดระรัวที่ยอดเล็กสีชมพูอ่อน" อื้อออ " คนถูกกระทำซ่านเสียว แอ่นรับความหรรษาที่เขาเสิร์ฟ ก่อนจะค่อยๆ ถอดเสื้อยืดแสนเกะกะทิ้งตามด้วยชั้นในตัวจิ๋วเมื่อลมเย็นๆ ปะทะผิวกายจนขนลุกซู่ หล่อนจึงยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเอง จะว่าอายก็ได้ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยแก้ผ้าโชว์นมต่อหน้าใครเลยนะ" ปิดทำไมผมอยากเห็น " อยากจับ อยากเลียช่อเล็กๆ น
ตั้งแต่วันนั้นมานางก็เทวเข้าเทวออกบ้านฉันเป็นว่าเล่น ปกติวันจันทร์ถึงศุกร์ฉันจะไปนอนคอนโดเพราะใกล้มหาวิทยาลัย อีกอย่างคือมันเมาสะดวก เสาร์อาทิตย์ถึงค่อยกลับมาอยู่ในอ้อมอกพ่อแม่ร่างขาวนวลสวมแต่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำ พอดีกับเสียงโทรเข้าที่วางอยู่ปลายเตียงนอน มือขาวซีดหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาดูจอแล้วจึงกดรับ(อาบน้ำเสร็จยัง เย็นนี้มึงมากินข้าวที่ห้องกูนะ) พอดีเลย กำลังจะไปขอข้าวห้องมันกิน ลูกจันทร์เป็นคนที่ทำอาหารอร่อยมาก ตั้งแต่ออกจากบ้านมาใช้ชีวิตข้างนอกก็มีนางนี่แหละเป็นบ่อประทังชีวิต" ไปดิ เดี๋ยวกูแต่งตัวเสร็จแล้วไปหา กูซื้อกับข้าวมาด้วย "(เคๆ)หลังสายถูกตัวหล่อนก็โยนโทรศัพท์ทิ้งลงบนเตียงนุ่มก่อนจะเดินหันหลังปลดผ้าขนหนูทิ้งแล้วใส่เสื้อผ้าแค่ไปกินข้าวห้องเพื่อนก็แต่งตัวชิวๆ นิ้วมือเรียวดึงเสื้อยืดสีดำพอดีตัวกับกางเกงขาสั้นสบายๆ แล้วหอบหิ้วถุงกับข้าวไปเคาะห้องเพื่อนสนิทข้างๆ" มึง "" ว่า "" คุณดินชวนไปกินข้าวที่ห้อง มึงไปกับกูนะ " มือที่กำลังหยิบจานชะงัก เดี๋ยวนะ! มันไปสนิทกับผู้ชายห้องตรงข้ามตอนไหน ทำไมกูไม่รู้เรื่อง" ทำไมเขาชวนมึงไปกินข้าวที่ห้อง มีอะไรที่กู
" อ้าว จริงหรือเนี่ย ฮ่าๆๆ ที่แท้ก็คนกันเองนี่เอง " บนโต๊ะอาหารมีแต่เสียงหัวเราะของพ่อกับแม่ และเสียงของอีตาตำรวจนั่นที่เข้ากับผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี ส่วนฉันกลายเป็นตัวประกอบมื้ออาหารเย็นไปโดยปริยาย อีกนิดคือต้องยกจานข้าวตัวเองแล้วไปนั่งพับเพียบกินในครัวเหงาๆแล้วอ่ะ " ครับ ไว้วันหลังไปคุณพ่อกับคุณแม่ไปทานข้าวที่บ้านผมนะครับ พ่อผม ต้องตกใจแน่ๆเลย " " ฮ่าๆๆ เอาสิๆ ไปเซอร์ไพรส์อดีตตำรวจเก่ากัน ไม่ได้เจอกันตั้งหลายสิบปี อยากเห็นหน้าตอนมันตกใจเหมือนกัน ฮ่าๆๆ " มื้อนี้ดูพ่อจะดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ก็แหงล่ะ จู่ๆเขาก็บอกว่าเป็นตำรวจเพราะตามรอยพ่อ เล่าไปเล่ามา พ่อเขากับพ่อฉันกลายเป็นเพื่อนสมัย ม.ปลายด้วยกันเฉย แต่ต้องมาห่างกันเพราะต่างคนต่างแยกย้ายเรียนตามสายที่ตัวเองถนัดและสนใจ บ้างก็แต่งงานมีครอบครัว จึงไม่ได้นัดเจอกันเหมือนช่วงที่เรียนจบกันมาใหม่ๆ" ผู้กองชอบกินต้มแซ่บเหรอคะ เดี๋ยวแม่ไปตักมาให้เพิ่มนะ " " ครับ กลมกล่อมและแซ่บมาก ผมไปทานข้างนอกยังไม่อร่อยเท่าคุณแม่ทำ " คนตัวเล็กได้แต่แอบเบะปากหมั่นไส้ คนอะไรประจบประแจงผู้ใหญ่เก่ง ส่วนแม่ครัวได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มหน้าบานไปอีก เรื่องกับข้าวกับปล
" ค่ะแม่ หนูจะรีบไป แม่กับพ่อเช็กอินก่อนได้เลยนะคะ นั่งรอในเกตได้เลยค่า รับรองไม่เกินครึ่งชั่วโมงได้เห็นคนสวยคนนี้แน่นวล บายจุ๊บ " ฉันรีบกดวางสายแล้วยัดเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ใส่กระเป๋าเดินทางแบบลวกๆฮืออออ~ไม่น่าดื่มเยอะจนตื่นสายเลยอ่ะร่างเล็กบอบบางหิ้วกระเป๋าใบโตเดินลงบันไดอย่างทุลักทุเล เปิดท้ายรถได้ก็โยนกระเป๋าลากใบใหญ่ลงไปแล้วรีบปิดดังปึง! สับขาสั้นๆ ขึ้นรถ จังหวะที่กำลังจะออกจากบ้านสายตาก็ดันเห็นรถยุโรปคันคุ้นตาจอดอยู่ไม่ไกล" แม่ง! จะตามกูไปถึงไหนวะ! " พูดดีก็แล้ว ไล่ก็แล้ว ทำไมผู้ชายหน้าด้านคนนี้ถึงฟังคำคนไม่รู้เรื่องเอาไงดี...เอาไงดี!?เธอกัดปากอย่างใช้ความคิด เรียวนิ้วก็คอยเคาะพวงมาลัยไปด้วย สุดท้ายหลอดไฟทิพย์บนหัวก็สว่างดัง ปิ๊ง!ลูกจันทร์เพื่อนรักฉันโทรขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิ๊ทสนิทเพียงคนเดียว คนอื่นไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ แต่มันดันบินขึ้นเชียงใหม่ก่อนแล้ว แต่ไม่เป็นไร...นางฟ้าทูนหัวยังส่งคนมาช่วยคนสวยได้ทันเวลาเธอกดเบอร์โทรออกตามไลน์ที่เพื่อนส่งมาให้ไม่นานปลายสายก็รับ" สวัสดีครับ " อุ้ย เสียงหล่อน่าฟัง" สวัสดีค่ะ ใช่เบอร์ผู้กองกรกันต์หรือเปล่าคะ ฉันชื่อขมิ้น.... "" อ่
รถหรูยี่ห้อดังถอยจอดเทียบที่ชั้นวีไอพี เรียวขาแกร่งก้าวออกจากรถ เสยผมเล็กน้อยแอบปลดกระดุมที่หน้าอกลงมาอีกเม็ดเพื่อเช็คเรตติ้ง ก่อนจะมองทางเข้าประตูบานเดิมที่เคยใช้เมื่อหลายปีก่อน เสียงเพลงข้างในยังคงอึกทึกครึกครื้นไม่เปลี่ยน บรรดานักดื่มยังคงโยกย้ายกันอย่างสนุกสนานปลดปล่อยอารมณ์กันอย่างเต็มที่เขามองไปรอบๆ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดมุ่งหน้าขึ้นชั้นสองท่ามกลางสายตาสาวๆ ที่คอยสะกิดกัน บ้างก็ยิ้มอ่อยสะบัดผมเชื้อเชิญ" คุณดินเชิญครับ คุณอคิณและคุณลมรออยู่ข้างในแล้วครับ " มือขวาพี่ชายกล่าวต้อนรับแล้วเปิดประตูเชิญเข้าข้างใน" ไงมึง " พี่ชายอย่างสายลมพยักหน้าทักทาย มือยังคนถือแก้วบรั่นดีสีอำพัน ถัดไปเป็นเพื่อนสนิทที่นั่งไขว่ห้างกอดอกทักทายคนมาใหม่ปฐพีทรุดตัวนั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามตอบรับชายทั้งสองแล้วยกแก้วของตัวเองขึ้นจิบ" เมียมึงล่ะ "" ดูลูกอยู่บ้านแม่ไง " เมียมึงก็อยู่ด้วยปะ ไม่งั้นจะมีโอกาสมานั่งผ่อนคลายแบบนี้เหรอ" แสดงว่าคืนนี้มีแต่พวกเรา... " สายลมวางแก้วแล้วทำหน้าเจ้าเล่ห์" อยากลองเชิงพนักงานใหม่หน่อยไหม กูพึ่งรับมาเมื่ออาทิตย์ก่อน ชื่อน้องอมยิ้ม น่ารักแถมเอาใจเก่ง ลูกค้าติดตรึม "" กูขอบาย







