ตอนที่ 3
“เฮ้อ! ข้าจะทำอย่างไรดี พี่รอนีย์ ข้าไม่อยากถูกส่งตัวเข้าวัง” เมื่อเดินเข้ามาอยู่ในห้องพักและทิ้งตัวนั่งบนเตียงเรียบร้อยเสียงหวานก็บ่นอุบ ทำเอาพี่เลี้ยงสาวถึงกับงงไม่น้อย ทั้งที่ก่อนหน้าคุณหนูคนสวยของนางเพิ่งจะรับปากท่านโมฮัมไปว่ายินดีถูกส่งตัวเข้าวัง
“เหตุใดคุณหนูถึงได้พูดเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ” รอนีย์เอ่ยถามด้วยความสงสัย เดินไปนั่งบนพื้นพรมชั้นดีใกล้กับคนที่ตนนึกห่วง และยิ่งห่วงมากขึ้นเมื่อรู้ว่ามีเวลาอีกเพียงสามวันที่จะได้อยู่ดูแลกัน
“ก็ข้าไม่อยากเข้าไปอยู่ในวัง แล้วที่ข้ารับปากท่านพ่อไป ก็เพราะข้าไม่อยากให้ท่านกลุ้มใจเพราะเรื่องนี้ แต่พอมาคิดๆ ดู ข้าก็ไม่อยากจากท่านพ่อไปไหน แล้วในวังหลวงนั้นจะมีอะไรให้ข้าเล่นข้าทำบ้างล่ะ” มูนาบอกด้วยเสียงเศร้าสร้อย
“แต่คุณหนูก็รับปากท่านโมฮัมไปแล้ว คุณหนูจะมาผิดสัญญาหรือเจ้าคะ พี่ว่าไม่ดีแน่ หากคุณหนูจะพูดกลับไปกลับมาเช่นนี้ หาไม่ หากท่านโมฮัมรู้เรื่องเข้า ท่านจะพานล้มป่วยเอาได้นะเจ้าคะ” รอนีย์เอ่ยเตือนด้วยความหวังดี นางวางมือลงบนมือนุ่มของคุณหนูแล้วตบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
“แต่ข้าลำบากใจนี่นาพี่รอนีย์ ข้าไม่อยากไป ไม่อยากไปเลยจริงๆ” มูนาโอดครวญหน้าเศร้า
“แต่ถึงอย่างไรคุณหนูก็ต้องไปนะเจ้าคะ เพราะในหมู่บ้านของเราไม่เหลือสาวพรหมจรรย์อีกแล้ว นอกจากคุณหนูแต่พี่ว่าการที่คุณหนูได้เข้าไปอยู่ในวังก็ดีนะเจ้าคะ วันๆ ไม่ต้องทำอะไร ตื่นมาก็แต่งตัวสวยๆ รออยู่ในห้อง”
“ฮึ! แต่งตัวสวยเพื่อรอให้องค์รัชทายาทเรียกเข้าไปปรนนิบัติอย่างนั้นน่ะหรือพี่รอนีย์ ข้าละเกลียดนัก เหตุใดข้าถึงไม่เกิดมาเป็นชายมียศมีศักดิ์บ้างนะ ข้าจะเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์นี่เสีย” มูนาตอบกลับด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
“โธ่ คุณหนูจะบ่นไปเพื่ออะไรล่ะเจ้าคะ ในเมื่อประเพณีแบบนี้ก็มานานแล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้หรอกเจ้าค่ะ แล้วในประเทศของเราคุณหนูก็รู้ดีว่าผู้ชายมีสิทธิ์ที่จะมีภรรยาได้ถึงสี่คน แล้วเหตุใดคุณหนูต้องคิดมากด้วยล่ะเจ้าคะ” รอนีย์ส่ายหน้าเบาๆ กับความดื้อรั้นของหญิงสาว ที่แม้ตนจะพร่ำบอกพร่ำสอนถึงขนบธรรมเนียมประเพณีให้ฟังหลายครั้งหลายหน แต่คุณหนูมูนาก็หาได้เชื่อฟัง ซ้ำยังเถียงชนิดไม่ยอมฟังใครอีกด้วย
“หากข้าจะแต่งงาน สามีของข้าต้องมีข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ข้าไม่ยอมเป็นเมียหนึ่ง เมียสอง เมียสาม หรือเมียสี่ของใครเป็นแน่แท้ แล้วหากข้าเลือกไม่ได้ ข้าจะตายให้ดู!” มูนาประกาศกร้าว ดวงตาคมสวยแน่วแน่มั่นคง แต่กลับทำให้พี่เลี้ยงสาวแทบจะเป็นลมล้มไปต่อหน้าต่อตา
“คุณหนู!” รอนีย์ยกมือทาบอก สีหน้าตระหนกตกใจจนหน้าซีดเผือด
“พี่รอนีย์ ข้าขอโทษ ที่พูดให้ท่านตกใจมากขนาดนี้ จริงๆ แล้วข้าก็พูดไปเช่นนั้นเอง ข้าไม่ได้คิดทำจริงๆ หรอก เพราะถึงอย่างไรข้าก็ต้องเข้าไปอยู่ในวังอยู่แล้ว ข้าคงไม่มีสิทธิ์ได้เลือกสามีหรอก พี่รอนีย์อย่าโกรธข้าเลย” มูนากล่าวขอโทษพี่เลี้ยงสาวแล้วโผเข้ากอด น้ำตาซึม อดน้อยใจในโชคชะตาไม่ได้ ที่เกิดมาก็มีแต่คนเฝ้ามองด้วยความเกลียดชัง พอเริ่มโตเป็นสาวก็ถูกส่งตัวเข้าไปเพื่อไปปรนนิบัติรับใช้องค์รัชทายาท ทั้งที่ภายในวังก็มีสาวงามมากมาย แต่เหตุใดองค์รัชทายาททั้งสองพระองค์ขององค์ฟาตินถึงยังไม่พอพระทัยกันเสียที
“พี่ไม่ได้โกรธคุณหนูหรอกเจ้าค่ะ แต่พี่ไม่อยากให้คุณหนูพูดหรือคิดเช่นนี้อีก โดยเฉพาะต่อหน้าท่านโมฮัม หากท่านรู้ ท่านคงไม่สบายใจ พี่ว่าเวลานี้คุณหนูเข้านอนเถอะเจ้าค่ะ พักผ่อนให้มากๆ หน้าตาจะได้สดใสนะเจ้าคะ” รอนีย์ยิ้มเอ็นดู
“พี่รอนีย์ก็กลับไปพักผ่อนเช่นกันเถิด ข้าขอนั่งมองดวงจันทร์สักครู่ก่อนเถอะ เพราะข้าคงไม่มีโอกาสได้มานั่งมองดวงจันทร์จากห้องพักของข้าอีกแล้ว” ดวงตาคมสวยหมองหม่น ไม่ต่างจากน้ำเสียงที่ฟังดูเศร้าสร้อยสะเทือนใจคนฟัง
“ถ้าเช่นนั้นคุณหนูก็อย่านั่งมองจนดึกดื่นนะเจ้าคะ” กล่าวจบ รอนีย์ก็เดินออกจากที่พักของมูนาไป นางยกมือกรีดน้ำตาที่เอ่อคลอออกจากหางตา ก่อนจะเหลียวมองหญิงสาวที่นั่งมองดวงจันทร์ด้วยความรู้สึกสงสารและเห็นใจแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะนี่อาจเป็นชะตากรรมของมูนา เด็กสาวที่เกิดมาพร้อมคำทำนายของแม่เฒ่า
สามวันถัดมา ณ. ลานหน้าหมู่บ้านคาเบียนเซียในช่วงเช้าตรู่ เหล่าชาวบ้านนับร้อยชีวิตตั้งแต่เด็กจนไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่เดินออกมาร่วมส่งมูนาเดินทางไปกับขบวนค้าขายของหมู่บ้าน ที่ต้องเร่งเดินทางเพื่อไปให้ทันกับกองคาราวานของพ่อค้าเร่ที่จะนำพาสาวงามแต่ละหมู่บ้านไปส่งยังพระราชวัง อัสเซโรซาน่า
“ท่านพ่อ ท่านดูแลตัวเองดีๆ นะเจ้าคะ พี่รอนีย์ ข้าฝากดูแลท่านพ่อของข้าด้วย” มูนาเอ่ยเสียงสั่นเครือ ก่อนจะหันหลังเดินไปขี่หลังอูฐโดยมีการิดและราชิดคอยดูแลหญิงสาว จนกระทั่งส่งมูนาขึ้นหลังอูฐเรียบร้อยสองพ่อลูกก็หันไปกล่าวลาท่านโมฮัม พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลมูนาเป็นอย่างดี จนกว่าจะส่งนางถึงขบวนพ่อค้าเร่ของชาวเบดูอิน
โมฮัมเฝ้ามองบุตรสาวคนเล็กจากไปด้วยใจอาวรณ์ เพราะนับตั้งแต่ มูนาลืมตาดูโลก ท่านมิเคยให้นางห่างกายเลยสักวัน แม้กระทั่งตัวท่านออกไปทำการค้ากับหมู่บ้านอื่นๆ ท่านยังพามูนาไปด้วย คิดแล้วน้ำตาของผู้เป็นพ่อที่เป็นห่วงบุตรสาวสุดหัวใจก็ซึมผ่านหางตา ไม่ต่างจากรอนีย์ที่ก็ร้องห่มร้องไห้ต่อการจากไปของมูนา แต่กลับมีชาวบ้านบางคนดีอกดีใจกันยกใหญ่ที่เด็กสาวมูนาออกไปให้พ้นหมู่บ้าน โดยเฉพาะพรรคพวกของซากีรอฟฟ์
หลังออกเดินทางจากหมู่บ้านคาเบียนเซียจนตะวันใกล้ลาลับ ขบวนค้าขายของหมู่บ้านคาเบียนเซียก็หยุดพักที่โอเอซิสเล็กๆ ที่ถัดไปจะต้องเดินทางผ่านหุบเขาสลับซับซ้อนและมักมีกลุ่มโจรย่อยๆ คอยดักปล้นดักทำร้ายอยู่ ทำให้การิด ผู้ซึ่งเป็นผู้นำขบวนต่างให้เหล่าลูกบ้านเป็นชายและได้รับการฝึกฝนฝีมือมาอย่างดีคอยดูแลขบวน มิให้ผู้ใดย่างกรายเข้ามาได้
อวสานหนึ่งเดือนต่อมาข่าวการประกาศสละราชบัลลังก์ขององค์ฟาตินก็ดังไปทั่วประเทศอัสคาซาน รวมไปถึงประเทศใกล้เคียงที่ต่างก็ส่งตัวแทนเข้าร่วมพิธีที่ถูกจัดภายในพระราชวังอัสเซโรซานาพร้อมการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ เหล่าประชาชนทั่วประเทศอัสคาซานก็พากันร่วมเฉลิมฉลองในหมู่บ้านของตน พร้อมกับการได้รับข้าวของบริจาคจากราชวังที่องค์ฟาเดลทรงให้ตัวแทนนำออกมาแจกจ่ายให้กับประชาชนของพระองค์ เพื่อเป็นการตอบแทนที่ประชาชนทุกคนต่างร่วมยินดีที่พระองค์ขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขของประเทศอัสคาซาน ในขณะภายในพระราชวังกำลังจัดพิธีเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่อยู่นั้น ที่เนินทรายสูงมีหญิงชายนั่งกอดกันอยู่บนหลังม้าใกล้กับโอเอซิสขนาดเล็ก เพื่อเดินทางกลับหมู่บ้านบาลายูดา หลังจากฟารีฟได้พามูนาเดินทางกลับไปเยี่ยมผู้ให้กำเนิดที่หมู่บ้านคาเบียนเซีย ที่เวลานี้มีแต่ความสงบสุขไม่ต่างจากหมู่บ้านบาลายูดา “ท่านพี่” มูนาขานเรียกเจ้าของอ้อ
ตอนที่ 82จังหวะรักร้อนแรงขึ้นพอๆ กับเสียงครวญครางของสองสามีภรรยา แล้วฟารีฟก็จับร่างเมียรักพลิกนอนคว่ำหน้า ขยับตัวขึ้นทาบทับ เบียดความรุ่มร้อนเข้าหา ปากหยักพรมจูบไปทั่วไหล่ลาดและแผ่นหลังเนียน มือหนาคว้าเอวเล็กไว้แล้วยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อผสานความรักต่อกัน มืออีกข้างก็ลากผ่านไปทางด้านหน้าเพื่อเคล้นคลึงอกอิ่มไปพร้อมกัน เหงื่อไหลย้อยเป็นทางเมื่อความกระชั้นโถมขึ้นหนักหน่วง ชั่วอึดใจคนที่รับความแข็งแกร่งก็ครางลั่นยาวเหยียด สมองที่มืดมนสว่างวาบเมื่อความทรมานที่มาพร้อมความซาบซ่านถึงจุดสิ้นสุด มูนาถึงกับอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว จนต้องฟุบหน้าแนบไปกับฟูกนุ่ม ด้านฟารีฟเมื่อเห็นว่าเมียรักเดินทางไปถึงสวรรค์เรียบร้อยแล้ว จึงเร่งทะยานพาตัวเองไปถึงจุดนั้นตามเธอไปติดๆ เพียงไม่นานก็เปล่งเสียงครางลึกอย่างสุขสม เมื่อปลดปล่อยความรักทั้งหมดทั้งมวลให้เมียรักจอมดื้อรั้นไปแล้ว ก่อนทิ้งร่างลงนอนทาบ อ้อมแขนกำยำสอดเข้าไปโอบกอดร่างนุ่มที่ยังสั่นสะท้านเพราะฤทธิ์รักไว้แน่น จูบซับเม็ดเหงื่อให้อย่างอ่อนโยน แต่เหมือนความต้องการของเขาไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อเนื้อสัมผัสเนื้อจึงเกิดกระแสความปรารถนาขึ้น
ตอนที่ 81ฟารีฟขยับตัวเพียงนิดเพื่อจะเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าบนกายเมียรักออก ปากของเขาลากลงมาที่ลำคอระหง จูบซับอย่างเอาใจคนใต้ร่าง โดยที่มืออีกข้างก็สอดหายเข้าไปใต้ชายผ้าที่รั้งขึ้นมาจนถึงโคนขาเรียว วาดผ่านแผ่วเบาไปบนความนุ่มละมุมของความเป็นหญิง กอบกุมลูบไล้ด้วยความพึงพอใจ ก่อนจับร่างเล็กพลิกให้นอนคว่ำ แล้วเข้าทาบทับทางด้านหลัง ไซ้จมูกและปากไปกับก้านคอขาวผ่อง พร้อมปลดพันธนาการของตัวเองจนเหลือเพียงกายเปลือยเปล่า ผิดกับอาภรณ์บนกายเมียรักเขาค่อยๆ ถอดออกทีละชิ้น พยายามใจเย็นที่สุดในชีวิต ซึ่งเมื่อผิวนวลขาวของเมียรักเผยตรงจุดไหนเขาก็ก้มหน้าพรมจูบไปตรงนั้น แล้วจบลงที่สะโพกงอนงามหลังจากที่ตอนนี้หญิงสาวนอนเปลือยอวดเรือนร่างให้เห็นตลอดทั้งตัว“ยอดรักของพี่” ฟารีฟเคลื่อนตัวขึ้นไปกระซิบคำหวานใส่ใบหูเล็ก แล้วกดปากร้อนลงกับแก้มนุ่ม ทาบเรือนกายส่วนหน้าแนบชิดกับเรือนร่างบอบบางด้านหลัง ทำให้มูนาสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าผู้เป็นสามีจะไร้อาภรณ์เช่นเดียวกัน หนำซ้ำความแข็งขึงที่ถูไถไล้วนเวียนกับสะโพกของเธอ ก็ส่งผลให้ใบหน้าคมสวยร้อนผ่าวและเห่อแดงขึ้นมาทันตา
ตอนที่ 80“เจ้าจะกลับไปหาไอ้ราชิดหรือไงมูนา!” ฟารีฟตะคอกถามเสียงแข็งกระด้าง จากที่โมโหเพราะความดื้อรั้นของเมียรักอยู่นั้น ตอนนี้กลับมีแรงหึงหวงเข้ามาเพิ่ม ยิ่งทำให้ใบหน้าคมที่เต็มไปด้วยหนวดเครายาวเฟื้อยบึ้งตึงมากยิ่งขึ้น “หากใช่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับท่าน” มูนาเชิดใบหน้าขึ้นอย่างท้าทาย ขุ่นเคืองเขาที่ดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวทั้งที่ต้นเหตุของเรื่องคือเขาคนเดียวเท่านั้นที่หลอกลวงเธอมาตลอด “มูนา!” ฟารีฟคำรามลั่น แววตาคมลุกวาวไม่จากกองไฟที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เป็นจุณ “ออกไป! ไปให้พ้นหน้าข้า” ปากบอกขณะที่มือก็คว้าหมอนที่เกลื่อนพื้นขึ้นมาปาใส่ร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาหาด้วยใบหน้าที่เหี้ยมจัด ตามด้วยข้าวของที่พอจะฉวยหยิบขึ้นมาได้จนฟารีฟต้องถลันเข้ามาคว้าข้อมือเล็กไว้แน่น พร้อมกับตวาดเสียงแข็งเพื่อปราม&nb
ตอนที่ 79หลายวันผ่านพ้นไปนับตั้งแต่เรื่องราวเศร้าสะเทือนใจชาวบ้านค่อยๆ จางหาย แต่ชาวบ้านทุกคนก็มิเคยลืมเลือนพ่อเฒ่าซุกกี ทุกอย่างในหมู่บ้านบาลายูดากลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะมีคนหนึ่งดูไม่ค่อยเป็นสุขนัก เมื่อเมียรักยังไม่ยอมพูดจาด้วย หลังฟารีฟเริ่มปฏิบัติการง้อเมียรักอยู่หลายวันแต่ก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จ และในค่ำคืนนี้ก็เช่นกันที่ฟารีฟยังคงเดินหน้าง้อเมียรักเช่นเดิมผิดกับมูนาที่นับวันก็ยิ่งโกรธเคืองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีมากขึ้นทุกวัน หลังเขาสั่งกักขังเธอไว้แต่ในบ้านราวกับสัตว์เลี้ยงเมื่อเธอยืนยันว่าจะไปจากเขา ‘คนใจร้าย อย่าให้ข้าหนีไปได้นะ ชาตินี้ทั้งชาติ ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่านแน่ คนหลอกลวง!’มูนาเค้นเสียงลอดไรฟันอย่างโกรธจัด หากแต่ตนก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านั่งระบายความเคียดแค้นกับผ้าห่มที่ถูกกระชากทิ้งลงพื้นไปไม่รู้กี่ครั้ง ทว่าก็ถูกดึงกลับขึ้นมาแล้วจับขมวดเป็นก้อนกลมแล้วปาทิ้งอยู่อย่างนั้น
ตอนที่ 78“นัจมีย์ไม่ทราบหรอกเจ้าค่ะ พอเห็นนัจมีย์ก็รีบมาบอกคุณหนูนี่แหละเจ้าค่ะ หรือว่า! พวกชาวบ้านจะรู้กันแล้วว่าคนที่วางยาท่านพ่อเฒ่าคือคุณหนู แล้วจะทำอย่างไรกันดีล่ะเจ้าคะคุณหนู” นัจมีย์โผเข้าไปเกาะแข้งเกาะขาอันดาด้วยเนื้อตัวสั่นงันงก น้ำตาก็ไหลพรากด้วยความหวาดกลัว“หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้นัจมีย์ แล้วก็จำไว้ว่าข้าไม่ได้เป็นคนวางยาท่านลุง แต่เป็นเจ้าต่างหากที่เป็นคนใส่ยาพิษลงไปในอาหารของท่านลุง แล้วก็เป็นเจ้าอีกเช่นกันที่ใส่ยาพิษลงไปในขนมของนังมูนา” อันดาสะบัดขาของตนออกจากเกาะกุมของสาวใช้“คุณหนู! เหตุใดถึงได้พูดเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ” นัจมีย์หน้าไร้เลือดมาหล่อเลี้ยงพร้อมส่ายหน้าที่เจิ่งนองด้วยน้ำตาไปมา“ก็มันเป็นเจ้าจริงๆ ที่เป็นคนวางยาท่านลุงของข้า” อันดายังคงโบ้ยความผิดให้สาวใช้“แต่นัจมีย์ทำไปเพราะคำสั่งของคุณหนูนะเจ้าคะ”“หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้นัจมีย์!” อันดาโผเข้าไปตบหน้าของสาวใช้ฉาดใหญ่ แล้วบังคับให้นัจมีย์ยอมรับผิดเพียงคนเดียว แต่นัจมีย์ยังไม่ได้