ตอนที่ 4
“มูนา เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เหนื่อยมากหรือเปล่า” ราชิดที่ช่วยผู้เป็นพ่อตรวจตราและจัดเก็บสัมภาระรวมทั้งกับช่วยคนอื่นๆ ตั้งกระโจมเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เดินมานั่งลงไม่ห่างจากเพื่อนรัก พร้อมเสียงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย หากแต่แววตาของชายหนุ่มสื่อความหมายที่มากกว่าห่วงใยออกมา แต่คนมองมิทันได้พบเห็น เพราะมูนาเอาแต่จ้องมองดวงอาทิตย์ที่ใกล้ลับหายจากเนินทรายด้วยหัวใจหดหู่
“มูนา! มูนา นี่เจ้าได้ยินที่ข้าถามเจ้าหรือไม่” ราชิดขานย้ำเสียงดัง
“เจ้าถามข้าว่าอะไรนะราชิด” ดวงตาสวยคมที่อยู่ภายใต้ผ้าฮิญาบสีดำเหลียวมองมายังคนถาม
“ข้าถามว่าเจ้าเหนื่อยบ้างหรือเปล่า เพราะเราเดินทางกันมาทั้งวัน ก็เพิ่งจะได้หยุดพักกัน” ราชิดส่ายหน้าน้อยๆ แล้วยื่นถุงน้ำดื่มให้ มูนารับมาพร้อมกล่าวขอบคุณเบาๆ แต่ไม่คิดจะยกน้ำขึ้นดื่ม ราชิดหน้าเสียไปนิด เมื่อหญิงสาวที่ตนแอบรักมานานไม่สนใจความห่วงใยเล็กๆ น้อยๆ ที่มอบให้
“ข้าเป็นถึงลูกสาวของท่านโมฮัม ข้าจะเหนื่อยได้อย่างไร อีกอย่างข้าก็เดินทางกับท่านพ่อของข้าออกบ่อย เจ้าอย่าห่วงข้านักเลย แต่ข้าก็ขอบใจเจ้ามากนะราชิด ที่มาอยู่เป็นเพื่อนข้า” มูนาคลี่ยิ้มบางเบาภายใต้ผ้าฮิญาบ แต่แววตาที่ซ่อนเร้นความหมองเศร้าเอาไว้ ซึ่งก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของราชิดไปได้ ชายหนุ่มสงสารและเห็นใจหญิงสาวมากมายแต่กลับช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย เหมือนเช่นที่คนอื่นๆ ก็ช่วยเหลือมูนาไม่ได้เช่นกัน สาเหตุเพราะในหมู่บ้านคาเบียนเซียไม่หลงเหลือสาวพรหมจรรย์ที่จะถูกส่งตัวเข้าวังหลวงอีกแล้ว นอกเสียจากมูนา
“ข้ายินดีอยู่เป็นเพื่อนเจ้าตลอดไปมูนา แต่ข้าว่าเจ้าดื่มน้ำบ้างเถอะ จะได้รู้สึกสดชื่นขึ้นบ้าง” มูนายกน้ำขึ้นดื่มอย่างเสียมิได้ ทั้งที่เธอไม่ได้รู้สึกกระหายน้ำแม้สักนิด นั่นเพราะจิตใจของเธอมันหดหู่ เธอคิดถึงท่านพ่อ คิดถึงพี่รอนีย์ คิดถึงหมู่บ้าน คิดถึงผืนทรายที่เคยเหยียบย่ำเล่นตอนเด็กๆ แต่เธอคงไม่มีโอกาสได้หวนกลับไปยังถิ่นฐานบ้านเกิดอีกแล้ว เพราะสตรีทุกคนเมื่อถูกส่งตัวเข้าวังหลวงไปแล้วก็ยากนักที่จะได้ออกมา ในวังหลวงอาจสวยงามและน่าอยู่ แต่เธอกลับเห็นว่าพระราชวังขององค์ฟาตินไม่ได้ต่างจากห้องขังสักนิดเดียว
“เจ้าคิดอะไรอยู่งั้นหรือมูนา” เสียงของราชิดดึงรั้งให้มูนาออกมาจากห้วงความนึกคิดของตน แล้วเหลียวมองไปยังต้นเสียง
“แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะคิดเรื่องใดได้อีกเล่าราชิด” มูนาตอบเสียงแผ่วๆ แล้วยื่นถุงน้ำคืนแก่ราชิด
“ข้าว่าเจ้าเลิกคิดเสียเถอะ เพราะถึงอย่างไรเจ้าก็หลีกหนีเรื่องนี้ไม่พ้นอยู่ดี จริงๆ แล้วข้าไม่ได้อยากพูดเช่นนี้หรอกนะมูนา แต่ข้าแค่อยากเตือนให้เจ้าคิดเสียว่านี่คือวาสนาของเจ้า เจ้าก็รู้ว่าผู้หญิงทั่วประเทศอัสคาซานอยากเข้าไปอยู่ในวังกันทั้งนั้น แล้วข้าก็เห็นว่าเจ้าช่างโชคดีนักที่ถูกเลือกให้เข้าไปอยู่ในวัง คอยถวายรับใช้องค์รัชทายาท” ราชิดพูดปลอบให้อีกฝ่ายรู้สึกดีแต่ภายในใจของชายหนุ่มเจ็บปวดไม่น้อย เมื่อทำได้แค่มองหญิงสาวที่รักจากไป โดยที่ไม่มีสิทธิ์เหนี่ยวรั้งเธอไว้ หากเขาเปิดเผยความในใจเร็วกว่านี้ มูนาอาจไม่ต้องถูกส่งตัวเข้าวังหลวง ราชิดถอนหายใจยาว เพราะแม้เขาจะเก่งกล้าไม่ต่างจากทหาร แต่เรื่องหัวใจเขากลับไม่เก่งกล้าเอาเสียเลย
“ข้าไม่เคยดีใจที่ถูกเลือก แล้วหากเลือกได้ ข้าขออยู่ที่หมู่บ้านคาเบียนเซียไปจนวันตายเสียยังดีกว่าที่ต้องจากท่านพ่อไปอยู่ในวัง” มูนาเอ่ยตอบด้วยเสียงขุ่นเคือง
“ข้าสัญญาว่าจะดูแลท่านโมฮัมแทนเจ้าให้ดี เจ้าอย่าห่วงเลย เพราะข้านับถือท่านโมฮัมเสมือนพ่อของข้าอีกคน เจ้าวางใจเถอะมูนา ข้ารับรองว่าจะไม่ให้ผู้ใดมาทำร้ายท่านพ่อของเจ้าได้” ราชิดให้คำมั่น ยิ้มกว้างให้กำลังใจมูนา
“ข้าขอบใจเจ้ามากราชิด ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้วละ ว่าแต่ข้านี่ก็ช่างเอาเปรียบคนอื่นซะจริง ที่เอาแต่มานั่งมองพระอาทิตย์แทนจะไปช่วยคนอื่นตั้งกระโจมและหุงหาอาหาร” หลังเพิ่งคิดได้มูนาก็เปรยขึ้นเบาๆ
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบทำงานบ้านงานเรือน แล้วเจ้าจะคิดไปช่วยทำอันใดเล่ามูนา” ราชิดหัวเราะร่วน มูนาชักสีหน้าไม่พอใจมอบให้ แต่ก็จริงอย่างที่ราชิดพูด เพราะเธอไม่ชอบเลยทั้งที่มันเป็นหน้าที่ของสตรีทุกคน แม้ว่าพี่รอนีย์จะคอยพร่ำสอนแต่เธอก็ไม่ใคร่ใส่ใจจะทำนัก
“มันน่าขำนักหรือไงราชิด ในเมื่อข้าไม่ชอบและข้าก็ไม่คิดอยากทำเพื่อไปเอาใจชายใด” มูนาเอ่ยด้วยเสียงหงุดหงิด เพราะนึกรำคาญเสียงหัวเราะของราชิดมากขึ้นทุกที
“แม้แต่ท่านพ่อของเจ้าหรือมูนา” ราชิดหยุดหัวเราะแล้วย้อนถาม
“ยกเว้นท่านพ่อของข้าคนเดียว อ๋อ! มีท่านลุงการิดอีกคน ที่ข้าจะทำอาหารให้ทาน แต่เอ...รวมเจ้าไปด้วยก็ได้ เพราะเจ้าเป็นเพื่อนที่ข้ารักมากที่สุด” ถ้อยคำหยอกเย้าของมูนา เรียกให้ราชิดฉีกยิ้มกว้างมากขึ้น แต่ก็ปวดแปลบในใจไม่น้อยเพราะเขาเป็นได้แค่เพื่อนของมูนาเท่านั้น
“เจ้าดีใจหรือไม่ ที่ข้าจะทำอาหารให้เจ้าทาน”
“ข้าต้องดีใจอยู่แล้ว ที่ผู้หญิงแสนซนและดื้อรั้นเช่นเจ้าจะทำอาหารให้ข้าทาน” ราชิดยิ้มเอาใจหญิงสาว
“ข้าก็ดีใจเช่นกัน ที่มีเจ้าร่วมเดินทางมาส่งจนกว่าข้าจะไปถึงกองคาราวาน เจ้ารู้หรือไม่ราชิดว่าการมีเจ้าอยู่ใกล้ๆ ทำให้ข้าคลายความหมองเศร้าลงไปได้มาก ข้าขอบใจเจ้ามากนะราชิด แต่จากนี้ไป ข้าคงไม่ได้พบท่านอีกแล้ว แม้กระทั่งท่านลุงการิด ท่านป้าอะมีนะฮ์ข้าก็คงจะไม่ได้พบ” แววตาดำขลับฉายแววหมองเศร้าอีกครั้ง พร้อมเสียงถอนหายใจยาวๆ อย่างยอมรับชะตากรรมของตนเอง
อวสานหนึ่งเดือนต่อมาข่าวการประกาศสละราชบัลลังก์ขององค์ฟาตินก็ดังไปทั่วประเทศอัสคาซาน รวมไปถึงประเทศใกล้เคียงที่ต่างก็ส่งตัวแทนเข้าร่วมพิธีที่ถูกจัดภายในพระราชวังอัสเซโรซานาพร้อมการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ เหล่าประชาชนทั่วประเทศอัสคาซานก็พากันร่วมเฉลิมฉลองในหมู่บ้านของตน พร้อมกับการได้รับข้าวของบริจาคจากราชวังที่องค์ฟาเดลทรงให้ตัวแทนนำออกมาแจกจ่ายให้กับประชาชนของพระองค์ เพื่อเป็นการตอบแทนที่ประชาชนทุกคนต่างร่วมยินดีที่พระองค์ขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขของประเทศอัสคาซาน ในขณะภายในพระราชวังกำลังจัดพิธีเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่อยู่นั้น ที่เนินทรายสูงมีหญิงชายนั่งกอดกันอยู่บนหลังม้าใกล้กับโอเอซิสขนาดเล็ก เพื่อเดินทางกลับหมู่บ้านบาลายูดา หลังจากฟารีฟได้พามูนาเดินทางกลับไปเยี่ยมผู้ให้กำเนิดที่หมู่บ้านคาเบียนเซีย ที่เวลานี้มีแต่ความสงบสุขไม่ต่างจากหมู่บ้านบาลายูดา “ท่านพี่” มูนาขานเรียกเจ้าของอ้อ
ตอนที่ 82จังหวะรักร้อนแรงขึ้นพอๆ กับเสียงครวญครางของสองสามีภรรยา แล้วฟารีฟก็จับร่างเมียรักพลิกนอนคว่ำหน้า ขยับตัวขึ้นทาบทับ เบียดความรุ่มร้อนเข้าหา ปากหยักพรมจูบไปทั่วไหล่ลาดและแผ่นหลังเนียน มือหนาคว้าเอวเล็กไว้แล้วยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อผสานความรักต่อกัน มืออีกข้างก็ลากผ่านไปทางด้านหน้าเพื่อเคล้นคลึงอกอิ่มไปพร้อมกัน เหงื่อไหลย้อยเป็นทางเมื่อความกระชั้นโถมขึ้นหนักหน่วง ชั่วอึดใจคนที่รับความแข็งแกร่งก็ครางลั่นยาวเหยียด สมองที่มืดมนสว่างวาบเมื่อความทรมานที่มาพร้อมความซาบซ่านถึงจุดสิ้นสุด มูนาถึงกับอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว จนต้องฟุบหน้าแนบไปกับฟูกนุ่ม ด้านฟารีฟเมื่อเห็นว่าเมียรักเดินทางไปถึงสวรรค์เรียบร้อยแล้ว จึงเร่งทะยานพาตัวเองไปถึงจุดนั้นตามเธอไปติดๆ เพียงไม่นานก็เปล่งเสียงครางลึกอย่างสุขสม เมื่อปลดปล่อยความรักทั้งหมดทั้งมวลให้เมียรักจอมดื้อรั้นไปแล้ว ก่อนทิ้งร่างลงนอนทาบ อ้อมแขนกำยำสอดเข้าไปโอบกอดร่างนุ่มที่ยังสั่นสะท้านเพราะฤทธิ์รักไว้แน่น จูบซับเม็ดเหงื่อให้อย่างอ่อนโยน แต่เหมือนความต้องการของเขาไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อเนื้อสัมผัสเนื้อจึงเกิดกระแสความปรารถนาขึ้น
ตอนที่ 81ฟารีฟขยับตัวเพียงนิดเพื่อจะเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าบนกายเมียรักออก ปากของเขาลากลงมาที่ลำคอระหง จูบซับอย่างเอาใจคนใต้ร่าง โดยที่มืออีกข้างก็สอดหายเข้าไปใต้ชายผ้าที่รั้งขึ้นมาจนถึงโคนขาเรียว วาดผ่านแผ่วเบาไปบนความนุ่มละมุมของความเป็นหญิง กอบกุมลูบไล้ด้วยความพึงพอใจ ก่อนจับร่างเล็กพลิกให้นอนคว่ำ แล้วเข้าทาบทับทางด้านหลัง ไซ้จมูกและปากไปกับก้านคอขาวผ่อง พร้อมปลดพันธนาการของตัวเองจนเหลือเพียงกายเปลือยเปล่า ผิดกับอาภรณ์บนกายเมียรักเขาค่อยๆ ถอดออกทีละชิ้น พยายามใจเย็นที่สุดในชีวิต ซึ่งเมื่อผิวนวลขาวของเมียรักเผยตรงจุดไหนเขาก็ก้มหน้าพรมจูบไปตรงนั้น แล้วจบลงที่สะโพกงอนงามหลังจากที่ตอนนี้หญิงสาวนอนเปลือยอวดเรือนร่างให้เห็นตลอดทั้งตัว“ยอดรักของพี่” ฟารีฟเคลื่อนตัวขึ้นไปกระซิบคำหวานใส่ใบหูเล็ก แล้วกดปากร้อนลงกับแก้มนุ่ม ทาบเรือนกายส่วนหน้าแนบชิดกับเรือนร่างบอบบางด้านหลัง ทำให้มูนาสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าผู้เป็นสามีจะไร้อาภรณ์เช่นเดียวกัน หนำซ้ำความแข็งขึงที่ถูไถไล้วนเวียนกับสะโพกของเธอ ก็ส่งผลให้ใบหน้าคมสวยร้อนผ่าวและเห่อแดงขึ้นมาทันตา
ตอนที่ 80“เจ้าจะกลับไปหาไอ้ราชิดหรือไงมูนา!” ฟารีฟตะคอกถามเสียงแข็งกระด้าง จากที่โมโหเพราะความดื้อรั้นของเมียรักอยู่นั้น ตอนนี้กลับมีแรงหึงหวงเข้ามาเพิ่ม ยิ่งทำให้ใบหน้าคมที่เต็มไปด้วยหนวดเครายาวเฟื้อยบึ้งตึงมากยิ่งขึ้น “หากใช่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับท่าน” มูนาเชิดใบหน้าขึ้นอย่างท้าทาย ขุ่นเคืองเขาที่ดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวทั้งที่ต้นเหตุของเรื่องคือเขาคนเดียวเท่านั้นที่หลอกลวงเธอมาตลอด “มูนา!” ฟารีฟคำรามลั่น แววตาคมลุกวาวไม่จากกองไฟที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เป็นจุณ “ออกไป! ไปให้พ้นหน้าข้า” ปากบอกขณะที่มือก็คว้าหมอนที่เกลื่อนพื้นขึ้นมาปาใส่ร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาหาด้วยใบหน้าที่เหี้ยมจัด ตามด้วยข้าวของที่พอจะฉวยหยิบขึ้นมาได้จนฟารีฟต้องถลันเข้ามาคว้าข้อมือเล็กไว้แน่น พร้อมกับตวาดเสียงแข็งเพื่อปราม&nb
ตอนที่ 79หลายวันผ่านพ้นไปนับตั้งแต่เรื่องราวเศร้าสะเทือนใจชาวบ้านค่อยๆ จางหาย แต่ชาวบ้านทุกคนก็มิเคยลืมเลือนพ่อเฒ่าซุกกี ทุกอย่างในหมู่บ้านบาลายูดากลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะมีคนหนึ่งดูไม่ค่อยเป็นสุขนัก เมื่อเมียรักยังไม่ยอมพูดจาด้วย หลังฟารีฟเริ่มปฏิบัติการง้อเมียรักอยู่หลายวันแต่ก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จ และในค่ำคืนนี้ก็เช่นกันที่ฟารีฟยังคงเดินหน้าง้อเมียรักเช่นเดิมผิดกับมูนาที่นับวันก็ยิ่งโกรธเคืองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีมากขึ้นทุกวัน หลังเขาสั่งกักขังเธอไว้แต่ในบ้านราวกับสัตว์เลี้ยงเมื่อเธอยืนยันว่าจะไปจากเขา ‘คนใจร้าย อย่าให้ข้าหนีไปได้นะ ชาตินี้ทั้งชาติ ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่านแน่ คนหลอกลวง!’มูนาเค้นเสียงลอดไรฟันอย่างโกรธจัด หากแต่ตนก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านั่งระบายความเคียดแค้นกับผ้าห่มที่ถูกกระชากทิ้งลงพื้นไปไม่รู้กี่ครั้ง ทว่าก็ถูกดึงกลับขึ้นมาแล้วจับขมวดเป็นก้อนกลมแล้วปาทิ้งอยู่อย่างนั้น
ตอนที่ 78“นัจมีย์ไม่ทราบหรอกเจ้าค่ะ พอเห็นนัจมีย์ก็รีบมาบอกคุณหนูนี่แหละเจ้าค่ะ หรือว่า! พวกชาวบ้านจะรู้กันแล้วว่าคนที่วางยาท่านพ่อเฒ่าคือคุณหนู แล้วจะทำอย่างไรกันดีล่ะเจ้าคะคุณหนู” นัจมีย์โผเข้าไปเกาะแข้งเกาะขาอันดาด้วยเนื้อตัวสั่นงันงก น้ำตาก็ไหลพรากด้วยความหวาดกลัว“หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้นัจมีย์ แล้วก็จำไว้ว่าข้าไม่ได้เป็นคนวางยาท่านลุง แต่เป็นเจ้าต่างหากที่เป็นคนใส่ยาพิษลงไปในอาหารของท่านลุง แล้วก็เป็นเจ้าอีกเช่นกันที่ใส่ยาพิษลงไปในขนมของนังมูนา” อันดาสะบัดขาของตนออกจากเกาะกุมของสาวใช้“คุณหนู! เหตุใดถึงได้พูดเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ” นัจมีย์หน้าไร้เลือดมาหล่อเลี้ยงพร้อมส่ายหน้าที่เจิ่งนองด้วยน้ำตาไปมา“ก็มันเป็นเจ้าจริงๆ ที่เป็นคนวางยาท่านลุงของข้า” อันดายังคงโบ้ยความผิดให้สาวใช้“แต่นัจมีย์ทำไปเพราะคำสั่งของคุณหนูนะเจ้าคะ”“หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้นัจมีย์!” อันดาโผเข้าไปตบหน้าของสาวใช้ฉาดใหญ่ แล้วบังคับให้นัจมีย์ยอมรับผิดเพียงคนเดียว แต่นัจมีย์ยังไม่ได้