ตอนที่ 7
“ข้าไม่ได้ผิดอะไร เจ้าต่างหากที่ผิด เพราะเจ้าสั่งให้สาวใช้ของเจ้ามารุมรังแกข้า ท่านฟาติมาท่านต้องช่วยข้านะเจ้าคะ ข้าเจ็บปวดไปทั่วร่างกายแล้ว และค่ำคืนนี้ข้าคงไปรับใช้องค์รัชทายาทไม่ได้แน่เลยเจ้าค่ะ” ลัยลานำเสนอตัวให้ท่านฟาติมาดูรอยช้ำที่ปรากฏ หากแต่ลัยลาลืมมองเลยไปยังนาดาที่ยืนยิ้มสะใจอยู่ลึกๆ และสมใจเป็นที่สุด เพราะงานนี้ทั้งมีนาและลัยลาคงจะถูกกักบริเวณ แล้วก็หมดสิทธิ์ได้ขึ้นไปปรนนิบัติองค์รัชทายาทบนตำหนักเป็นแน่แท้ แล้วเมื่อนั้นก็จะโอกาสอันดีของเธอ
“ข้าไม่คิดจะเข้าข้างใครหรอกลัยลา เพราะเจ้ากับมีนาจะถูกกักบริเวณให้อยู่ภายในห้องของพวกเจ้าเป็นเวลาสองอาทิตย์ แล้วหากใครฝ่าฝืนคำสั่งของข้า ข้าจะสั่งกักบริเวณพวกเจ้าเพิ่ม” ท่านฟาติมากล่าวเสียงเรียบทว่าเฉียบขาด ลัยลาเบิกตากว้าง และพยายามคิดหาวิธีให้ได้ขึ้นไปปรนนิบัติองค์รัชทายาทบนตำหนัก ต่างจากมีนาที่ได้แต่เก็บกักความไม่พอใจต่อคำสั่งของท่านฟาติมาเอาไว้ในอก เพราะถึงอย่างไรเสียองค์รัชทายาทก็จะต้องเรียกหาเธอ แม้จะไม่ใช่ค่ำคืนนี้ก็เถอะ
“ท่านฟาติมา โปรดเห็นใจข้าบ้างเถิด เพราะค่ำคืนนี้ข้าสัญญากับองค์รัชทายาทไว้ว่าข้าจะไปเต้นระบำให้องค์รัชทายาทอดพระเนตร แล้วหากไม่ไป ข้าคงถูกองค์รัชทายาทลงอาญาเป็นแน่” ลัยลาแสร้งตีหน้าเศร้าวิงวอนขอความเห็นใจ
“เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกลัยลา เพราะข้าหาคนที่จะไปปรนนิบัติองค์รัชทายาทแทนเจ้าได้แล้ว ส่วนเจ้าก็เร่งเข้าไปอยู่ในห้องของเจ้าซะ ก่อนที่ข้าจะเพิ่มวันเวลากักบริเวณเจ้า เจ้าด้วยมีนา” กล่าวจบ ท่านฟาติมาก็เดินออกจากสวนดอกไม้ไป โดยหยุดสายตาอยู่ที่นาดา เพราะท่านหมายตาไว้แล้วว่าค่ำคืนนี้จะให้นาดาขึ้นไปบนตำหนักขององค์รัชทายาท สร้างความขุ่นเคืองให้ลัยลาไม่น้อย เมื่อเพื่อนที่นางสนิทที่สุดได้รับคัดเลือกให้เข้าไปปรนนิบัติองค์รัชทายาทในค่ำคืนนี้แทนตน
ยามวิกาลภายในโอเอซิสเล็กๆ เกิดเงาตะคุ่มสีดำรอบกระโจมที่พักของกลุ่มพ่อจากหมู่บ้านคาเบียนเซีย เจ้าเงาตะคุ่มสีดำพยายามเดินหลบหลีกสายตาของผู้ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้ากระโจมได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่ผ้าม่านหนาหนักจะถูกเปิดเข้าไป ไม่นานก็เกิดเสียงหวีดร้องราวบาดเจ็บปางตายดังออกมาจากกระโจม
“เกิดอะไรขึ้น” การิดเร่งออกมาจากกระโจมพร้อมคำถามกับผู้ทำหน้าที่เฝ้ายาม
“มีคนบุกรุกครับ ท่านการิด” อุสมานเร่งรายงานหลังสั่งให้ลูกน้องเข้าไปตรวจตรารอบกระโจมหลังอื่น และสั่งให้อีกกลุ่มเร่งไปดูกระโจมที่เกิดเหตุร้าย ภายในกำลังเกิดการต่อสู้กัน เมื่อเจ้าของเงาตะคุ่มที่เล็ดรอดเข้ามาในบริเวณที่ตั้งกระโจมของการิดทั้งสามคนคิดหนี
“พวกมันบุกเข้ามาสามคนครับท่านการิด และมันก็เอ่อ...ทำร้ายเมียของข้าด้วยครับ” รีฮานเร่งกลับมารายงานการิดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แต่โชคดีที่ผู้เป็นภรรยาไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก นอกเสียจากถูกคมดาบเฉี่ยวเข้าที่แขน
“อย่าให้พวกมันหนีไปได้ ส่วนเจ้าราชิด เจ้าเร่งไปที่กระโจมของมูนาเร็วเข้า ข้าว่าเป้าหมายของพวกมันไม่ใช่กระโจมของรีฮานเป็นแน่” สิ้นคำของผู้เป็นพ่อ ราชิดก็เร่งฝีเท้าไปยังกระโจมของมูนาทันที พอดีกับที่หญิงสาวก็เดินออกมาจากกระโจม
“ราชิด เกิดอะไรขึ้น ข้าได้ยินเสียงเอะอะดังเข้าไปถึงกระโจมของข้า” มูนาเอ่ยถามทันที ก่อนที่ราชิดจะอ้าปากเอ่ยถาม
“มีคนบุกเข้ามา แต่ตอนนี้ท่านพ่อของข้าเร่งให้คนไปจับตัวพวกมันเอาไว้แล้ว แล้วเจ้าเล่ามูนา เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ตกใจมากหรือเปล่า” ราชิดเอ่ยถามด้วยความห่วงใย แววตาสื่อความหมายออกมาอย่างลึกซึ้ง หากแต่มูนาก็ทำทีมองไม่เห็นและเสมองไปยังกลุ่มคนที่ล้อมวงอยู่กลางกองไฟ ที่คงจับตัวผู้บุกรุกได้แล้ว
“ข้าว่าเราเร่งไปหาพ่อเจ้ากันเถิดราชิด ว่าแต่ท่านป้าเล่า ท่านป้าปลอดภัยหรือไม่ราชิด” มูนาเอ่ยถามเสียงร้อนรน ก่อนเร่งฝีเท้าย่ำไปบนผืนทรายตรงไปยังวงล้อม ราชิดยังไม่ทันตอบคำถามของหญิงสาว ก็ต้องเร่งเดินตามไป
“ท่านลุงการิด เกิดเหตุอะไรขึ้น”
“มีคนบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ตั้งกระโจมของพวกเรา แต่ลุงว่าเจ้ากลับไปพักผ่อนเสียเถิดมูนา ส่วนเรื่องทางนี้ลุงจะจัดการเอง ราชิด เจ้าไปส่งมูนากับแม่ของเจ้าเข้าไปพักผ่อนในกระโจมซะเถอะ” การิดเอ่ยสั่งพร้อมแววตาบีบบังคับ เพราะไม่อยากให้มูนาเห็นหน้าค่าตาของคนที่ถูกจับได้ แต่โชคร้ายที่พวกมันหนีรอดไปได้หนึ่งคน
“แต่ข้าอยากเห็นหน้าคนบุกรุกก่อนนี่นาท่านลุง” มูนาค้านตามนิสัยดื้อรั้นและอยากรู้อยากเห็น
“มูนากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะนะ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันแต่เช้า” อะมีนะฮ์รั้งตัวมูนาให้เดินกลับไปที่กระโจมโดยมีราชิดตามไปส่ง พร้อมกับกวาดตามองรอบๆ ที่พัก จนแน่ใจว่าไม่มีผู้ใด จึงได้กล่าวลาทั้งมารดาและมูนาก่อนกลับไปสะสางคนร้าย ส่วนมูนาก็ได้แต่นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนพรมหนังสัตว์ เพราะเวลานี้เธอไม่อาจข่มตาหลับลงได้อีกแล้ว นั่นเพราะสิ่งที่อยากรู้ยังคงค้างคาใจอยู่ ส่วนที่วงล้อมหน้ากองไฟการิดกำลังให้คนสนิทเปิดหน้าของคนร้าย เพื่อจะได้เค้นหาความจริงว่าพวกมันเป็นใคร
อวสานหนึ่งเดือนต่อมาข่าวการประกาศสละราชบัลลังก์ขององค์ฟาตินก็ดังไปทั่วประเทศอัสคาซาน รวมไปถึงประเทศใกล้เคียงที่ต่างก็ส่งตัวแทนเข้าร่วมพิธีที่ถูกจัดภายในพระราชวังอัสเซโรซานาพร้อมการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ เหล่าประชาชนทั่วประเทศอัสคาซานก็พากันร่วมเฉลิมฉลองในหมู่บ้านของตน พร้อมกับการได้รับข้าวของบริจาคจากราชวังที่องค์ฟาเดลทรงให้ตัวแทนนำออกมาแจกจ่ายให้กับประชาชนของพระองค์ เพื่อเป็นการตอบแทนที่ประชาชนทุกคนต่างร่วมยินดีที่พระองค์ขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขของประเทศอัสคาซาน ในขณะภายในพระราชวังกำลังจัดพิธีเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่อยู่นั้น ที่เนินทรายสูงมีหญิงชายนั่งกอดกันอยู่บนหลังม้าใกล้กับโอเอซิสขนาดเล็ก เพื่อเดินทางกลับหมู่บ้านบาลายูดา หลังจากฟารีฟได้พามูนาเดินทางกลับไปเยี่ยมผู้ให้กำเนิดที่หมู่บ้านคาเบียนเซีย ที่เวลานี้มีแต่ความสงบสุขไม่ต่างจากหมู่บ้านบาลายูดา “ท่านพี่” มูนาขานเรียกเจ้าของอ้อ
ตอนที่ 82จังหวะรักร้อนแรงขึ้นพอๆ กับเสียงครวญครางของสองสามีภรรยา แล้วฟารีฟก็จับร่างเมียรักพลิกนอนคว่ำหน้า ขยับตัวขึ้นทาบทับ เบียดความรุ่มร้อนเข้าหา ปากหยักพรมจูบไปทั่วไหล่ลาดและแผ่นหลังเนียน มือหนาคว้าเอวเล็กไว้แล้วยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อผสานความรักต่อกัน มืออีกข้างก็ลากผ่านไปทางด้านหน้าเพื่อเคล้นคลึงอกอิ่มไปพร้อมกัน เหงื่อไหลย้อยเป็นทางเมื่อความกระชั้นโถมขึ้นหนักหน่วง ชั่วอึดใจคนที่รับความแข็งแกร่งก็ครางลั่นยาวเหยียด สมองที่มืดมนสว่างวาบเมื่อความทรมานที่มาพร้อมความซาบซ่านถึงจุดสิ้นสุด มูนาถึงกับอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว จนต้องฟุบหน้าแนบไปกับฟูกนุ่ม ด้านฟารีฟเมื่อเห็นว่าเมียรักเดินทางไปถึงสวรรค์เรียบร้อยแล้ว จึงเร่งทะยานพาตัวเองไปถึงจุดนั้นตามเธอไปติดๆ เพียงไม่นานก็เปล่งเสียงครางลึกอย่างสุขสม เมื่อปลดปล่อยความรักทั้งหมดทั้งมวลให้เมียรักจอมดื้อรั้นไปแล้ว ก่อนทิ้งร่างลงนอนทาบ อ้อมแขนกำยำสอดเข้าไปโอบกอดร่างนุ่มที่ยังสั่นสะท้านเพราะฤทธิ์รักไว้แน่น จูบซับเม็ดเหงื่อให้อย่างอ่อนโยน แต่เหมือนความต้องการของเขาไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อเนื้อสัมผัสเนื้อจึงเกิดกระแสความปรารถนาขึ้น
ตอนที่ 81ฟารีฟขยับตัวเพียงนิดเพื่อจะเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าบนกายเมียรักออก ปากของเขาลากลงมาที่ลำคอระหง จูบซับอย่างเอาใจคนใต้ร่าง โดยที่มืออีกข้างก็สอดหายเข้าไปใต้ชายผ้าที่รั้งขึ้นมาจนถึงโคนขาเรียว วาดผ่านแผ่วเบาไปบนความนุ่มละมุมของความเป็นหญิง กอบกุมลูบไล้ด้วยความพึงพอใจ ก่อนจับร่างเล็กพลิกให้นอนคว่ำ แล้วเข้าทาบทับทางด้านหลัง ไซ้จมูกและปากไปกับก้านคอขาวผ่อง พร้อมปลดพันธนาการของตัวเองจนเหลือเพียงกายเปลือยเปล่า ผิดกับอาภรณ์บนกายเมียรักเขาค่อยๆ ถอดออกทีละชิ้น พยายามใจเย็นที่สุดในชีวิต ซึ่งเมื่อผิวนวลขาวของเมียรักเผยตรงจุดไหนเขาก็ก้มหน้าพรมจูบไปตรงนั้น แล้วจบลงที่สะโพกงอนงามหลังจากที่ตอนนี้หญิงสาวนอนเปลือยอวดเรือนร่างให้เห็นตลอดทั้งตัว“ยอดรักของพี่” ฟารีฟเคลื่อนตัวขึ้นไปกระซิบคำหวานใส่ใบหูเล็ก แล้วกดปากร้อนลงกับแก้มนุ่ม ทาบเรือนกายส่วนหน้าแนบชิดกับเรือนร่างบอบบางด้านหลัง ทำให้มูนาสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าผู้เป็นสามีจะไร้อาภรณ์เช่นเดียวกัน หนำซ้ำความแข็งขึงที่ถูไถไล้วนเวียนกับสะโพกของเธอ ก็ส่งผลให้ใบหน้าคมสวยร้อนผ่าวและเห่อแดงขึ้นมาทันตา
ตอนที่ 80“เจ้าจะกลับไปหาไอ้ราชิดหรือไงมูนา!” ฟารีฟตะคอกถามเสียงแข็งกระด้าง จากที่โมโหเพราะความดื้อรั้นของเมียรักอยู่นั้น ตอนนี้กลับมีแรงหึงหวงเข้ามาเพิ่ม ยิ่งทำให้ใบหน้าคมที่เต็มไปด้วยหนวดเครายาวเฟื้อยบึ้งตึงมากยิ่งขึ้น “หากใช่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับท่าน” มูนาเชิดใบหน้าขึ้นอย่างท้าทาย ขุ่นเคืองเขาที่ดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวทั้งที่ต้นเหตุของเรื่องคือเขาคนเดียวเท่านั้นที่หลอกลวงเธอมาตลอด “มูนา!” ฟารีฟคำรามลั่น แววตาคมลุกวาวไม่จากกองไฟที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เป็นจุณ “ออกไป! ไปให้พ้นหน้าข้า” ปากบอกขณะที่มือก็คว้าหมอนที่เกลื่อนพื้นขึ้นมาปาใส่ร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาหาด้วยใบหน้าที่เหี้ยมจัด ตามด้วยข้าวของที่พอจะฉวยหยิบขึ้นมาได้จนฟารีฟต้องถลันเข้ามาคว้าข้อมือเล็กไว้แน่น พร้อมกับตวาดเสียงแข็งเพื่อปราม&nb
ตอนที่ 79หลายวันผ่านพ้นไปนับตั้งแต่เรื่องราวเศร้าสะเทือนใจชาวบ้านค่อยๆ จางหาย แต่ชาวบ้านทุกคนก็มิเคยลืมเลือนพ่อเฒ่าซุกกี ทุกอย่างในหมู่บ้านบาลายูดากลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะมีคนหนึ่งดูไม่ค่อยเป็นสุขนัก เมื่อเมียรักยังไม่ยอมพูดจาด้วย หลังฟารีฟเริ่มปฏิบัติการง้อเมียรักอยู่หลายวันแต่ก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จ และในค่ำคืนนี้ก็เช่นกันที่ฟารีฟยังคงเดินหน้าง้อเมียรักเช่นเดิมผิดกับมูนาที่นับวันก็ยิ่งโกรธเคืองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีมากขึ้นทุกวัน หลังเขาสั่งกักขังเธอไว้แต่ในบ้านราวกับสัตว์เลี้ยงเมื่อเธอยืนยันว่าจะไปจากเขา ‘คนใจร้าย อย่าให้ข้าหนีไปได้นะ ชาตินี้ทั้งชาติ ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่านแน่ คนหลอกลวง!’มูนาเค้นเสียงลอดไรฟันอย่างโกรธจัด หากแต่ตนก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านั่งระบายความเคียดแค้นกับผ้าห่มที่ถูกกระชากทิ้งลงพื้นไปไม่รู้กี่ครั้ง ทว่าก็ถูกดึงกลับขึ้นมาแล้วจับขมวดเป็นก้อนกลมแล้วปาทิ้งอยู่อย่างนั้น
ตอนที่ 78“นัจมีย์ไม่ทราบหรอกเจ้าค่ะ พอเห็นนัจมีย์ก็รีบมาบอกคุณหนูนี่แหละเจ้าค่ะ หรือว่า! พวกชาวบ้านจะรู้กันแล้วว่าคนที่วางยาท่านพ่อเฒ่าคือคุณหนู แล้วจะทำอย่างไรกันดีล่ะเจ้าคะคุณหนู” นัจมีย์โผเข้าไปเกาะแข้งเกาะขาอันดาด้วยเนื้อตัวสั่นงันงก น้ำตาก็ไหลพรากด้วยความหวาดกลัว“หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้นัจมีย์ แล้วก็จำไว้ว่าข้าไม่ได้เป็นคนวางยาท่านลุง แต่เป็นเจ้าต่างหากที่เป็นคนใส่ยาพิษลงไปในอาหารของท่านลุง แล้วก็เป็นเจ้าอีกเช่นกันที่ใส่ยาพิษลงไปในขนมของนังมูนา” อันดาสะบัดขาของตนออกจากเกาะกุมของสาวใช้“คุณหนู! เหตุใดถึงได้พูดเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ” นัจมีย์หน้าไร้เลือดมาหล่อเลี้ยงพร้อมส่ายหน้าที่เจิ่งนองด้วยน้ำตาไปมา“ก็มันเป็นเจ้าจริงๆ ที่เป็นคนวางยาท่านลุงของข้า” อันดายังคงโบ้ยความผิดให้สาวใช้“แต่นัจมีย์ทำไปเพราะคำสั่งของคุณหนูนะเจ้าคะ”“หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้นัจมีย์!” อันดาโผเข้าไปตบหน้าของสาวใช้ฉาดใหญ่ แล้วบังคับให้นัจมีย์ยอมรับผิดเพียงคนเดียว แต่นัจมีย์ยังไม่ได้