“พิมพ์ไม่อยากทำร้ายพี่รัญค่ะ”
พิมพ์ใจบอกเสียงสั่นเจือสะอื้น น้ำตาเอ่อเต็มหน่วยตา เธอมองคุณแม่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
คุณพิมพ์พรสูดลมหายใจลึก แล้วระบายออกช้า ๆ เธอนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงเศร้าน่าสงสารว่า
“ครอบครัวของเรากำลังจะล่มจม ถ้าพิมพ์ไม่ช่วย ธุรกิจของคุณพ่อจะไปไม่รอด และคุณพ่อก็อาจจะต้องติดคุก ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ทั้งหมด จะต้องเอาออกมาขายเพื่อชดใช้หนี้ แม่จะกลายเป็นคนจนเหมือนเดิม ลูกจะไม่ได้เรียนหนังสือในโรงเรียนดี ๆ แล้วสุดท้าย อารัญเขาก็จะทิ้งลูกไป เขาจะมาสนใจอะไร กับคนจน ๆ ไม่มีหน้าตาทางสังคมเทียบเท่าเขา”
“พี่รัญไม่ใช่คนอย่างนั้นแน่นอนค่ะ”
พิมพ์ใจเชื่อมั่นในตัวของพี่รัญ
“พิมพ์...ลูกยังเด็กเกินไป ลูกไม่เคยเจอความโหดร้ายของโลกใบนี้ เพราะมีแม่คอยปกป้อง ลูกเลยมองว่าคนรอบตัวของลูกเป็นคนดี ลูกจึงไว้ใจเขา เชื่อมั่นในตัวเขา แต่จริง ๆ แล้ว รู้อะไรไหม คนที่เรารักและไว้ใจ อาจจะเป็นคนที่ร้ายที่สุดก็ได้ เหมือนอย่างที่แม่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้”
พอพูดจบคุณพิมพ์พรก็สะอื้นไห้ เธอยื่นมือไปดึงกระดาษทิชชูที่อยู่ในกล่องบนโต๊ะตรงหน้า เอามาซับน้ำตาเบา ๆ แล้วก็เอาแต่ก้มหน้าสะอื้นไห้ ไม่ยอมพูดอะไรต่อ
พิมพ์ใจเห็นแม่เอาแต่ร้องไห้ก็ตกใจ เด็กสาวจึงลุกจากเก้าอี้ไปนั่งลงข้าง ๆ ท่าน เธอไม่รู้ว่าที่คุณแม่พูดหมายความว่าอย่างไร แต่ดูจากท่าทางของท่านแล้ว ท่านน่าจะกำลังเผชิญกับเรื่องราวที่ไม่ดีเท่าไรนัก
“นอกจากเรื่องปัญหาธุรกิจของคุณพ่อแล้ว ยังมีปัญหาอย่างอื่นอีกหรือเปล่าคะคุณแม่”
คุณพิมพ์พรสะอื้นไห้เบา ๆ เธอเงยหน้าขึ้นมองลูกสาว จับมือข้างหนึ่งของพิมพ์ใจมากุมไว้ เธอมองสบตาลูกสาว ก่อนจะปั้นแต่งเรื่องราวให้ลูกฟังทั้งน้ำตา และน้ำเสียงที่น่าสงสาร
“จริง ๆ แม่ไม่ได้อยากให้พิมพ์ทำแบบนั้นกับอารัญ แต่ที่แม่ต้องมาขอร้องให้พิมพ์ทำแบบนั้น ก็เพราะคุณพ่อบังคับ เขาบอกแม่ว่า ถ้าพิมพ์ไม่ทำตามที่เขาบอก เขาจะปล่อยคลิป”
พิมพ์ใจขมวดคิ้วมุ่น สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย เธอมองสบตาแม่อย่างไม่เข้าใจ
“คลิปอะไรเหรอคะคุณแม่”
คุณพิมพ์พรยิ้มขมขื่น ก่อนจะบอกกับลูกสาวว่า
“คลิปตอนที่คุณพ่อพาแม่ไปให้เพื่อน ๆ ของเขารุมโทรม”
พอพูดจบ คุณพิมพ์พรก็ร้องไห้โฮ
พิมพ์ใจโผเข้ากอดผู้เป็นแม่ ทั้งตกใจแล้วก็หวาดหวั่น เธอไม่คิดว่าพ่อเลี้ยงของเธอจะทำกับคุณแม่ของเธอแบบนั้น
“คุณพ่อเขามีรสนิยมเซ็กซ์แบบนั้น ตอนแรกแม่ก็ไม่ยอม แต่เขาก็หลอกแม่ไป และใช้กำลังบังคับ มันไม่ได้มีแค่คลิปเดียวนะพิมพ์ มันมีตั้งหลายคลิป แล้วแต่ละคลิปก็เห็นหน้าแม่ชัดเจนมาก”
คุณพิมพ์พรสะอื้นไห้ กอดลูกไว้เต็มวงแขน
“ถ้าพิมพ์ไม่ช่วยแม่ เขาจะปล่อยคลิปพวกนั้นให้คนอื่นดู แล้วถ้าเป็นแบบนั้น แม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แม่คงต้องฆ่าตัวตาย”
“แม่…ไม่นะคะ แม่ต้องไม่ทำแบบนั้น ถ้าแม่เป็นอะไรไป พิมพ์จะอยู่ยังไง พิมพ์จะอยู่กับใคร”
พิมพ์ใจกอดผู้เป็นแม่ไว้แน่น เธอร้องไห้ไปกับท่าน
สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้อยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่เสียงร้องไห้จะค่อย ๆ เบาลง เหลือเพียงเสียงสะอื้น
คุณพิมพ์พรคลายวงแขนออกจากลูกสาว ขยับตัวออกมาเล็กน้อย แล้วจับบ่าบอบบางสองข้างของลูกไว้ สบสายตากับลูกผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อคลอเต็มหน่วย
“ถ้าอย่างนั้น พิมพ์ต้องช่วยแม่นะลูก พ่อของอารัญเป็นนายตำรวจยศใหญ่ ยังไงเขาก็ช่วยลูกของเขาอยู่แล้ว แล้วเรื่องนี้มันก็จะเป็นความลับระหว่างครอบครัวเรากับครอบครัวเขาเท่านั้น คนอื่นจะไม่รู้เรื่องนี้”
พิมพ์ใจมองสบตามารดาด้วยความลังเลใจ ใจหนึ่งเธออยากช่วยแม่ แต่อีกใจก็กลัวว่าพี่รัญจะเกลียดเธอ
“ถ้าครอบครัวเราต้องล้มละลาย พ่อแม่ของอารัญไม่มีวันยอมรับพิมพ์หรอก อีกอย่าง ความรักของลูกกับอารัญในตอนนี้ มันเป็นแค่ความรักแบบเด็ก ๆ ไม่รู้ว่าจะไปกันตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า ถอยออกมาตั้งแต่ตอนนี้ ยังเจ็บน้อยกว่าที่จะถลำลึกไปมากกว่านี้นะลูก”
พิมพ์ใจมองสบตามารดา เธออยากจะบอกท่านเหลือเกินว่า หากเป็นการเลิกราธรรมดา โดยไม่ได้ทำร้ายกัน มันก็คงจะทำได้ง่ายกว่านี้ แต่นี่…
“แม่เชื่อว่า ความกตัญญูของพิมพ์ที่มีต่อแม่ จะส่งผลให้พิมพ์ได้เจอกับรักดี ๆ ในอนาคตแน่นอน พิมพ์...แม่ไม่รู้จะพึ่งพาใครแล้ว พิมพ์ช่วยแม่ด้วยนะลูก ไม่อย่างนั้น ถ้าคลิปพวกนั้นเผยแพร่ออกไป แม่ก็คงอับอายจนไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว”
คุณพิมพ์พรปล่อยมือจากบ่าบอบบางของลูกสาว และเริ่มสะอื้นไห้อีกครั้ง
พิมพ์ใจขยับเข้าไปใกล้มารดา เด็กสาวจับมือของท่านมากุมไว้ มองสบตาท่านด้วยสายตาที่ไม่มั่นใจเท่าไร แต่เธอก็ตัดสินใจแล้ว
“พิมพ์จะช่วยแม่เองนะคะ”
คุณพิมพ์พรยิ้มทั้งน้ำตา เธอดึงลูกสาวมากอดแนบอก
“ขอบใจมากนะพิมพ์ แม่ขอบใจหนูจริง ๆ ลูกรักของแม่”
พิมพ์ใจพยักหน้าอยู่กับอกของมารดา แม้จะสับสนในใจ แม้จะหวาดหวั่นกับสิ่งที่ต้องทำ และแม้รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่เธอก็ตัดสินใจไปแล้ว เธอเลือกที่จะช่วยมารดา
อารัญไม่สนใจข่าวพวกนั้นหรอก เพราะคนอื่นไม่ได้มาใช้ชีวิตร่วมกับเขากับพิมพ์ใจ แค่ครอบครัวของเราเข้าใจและยอมรับกัน รักและเข้าใจกัน เขาก็ไม่เห็นต้องแคร์คนอื่นเลยเขาแคร์เฉพาะคนที่ยืนข้างกายเขาในตอนนี้ต่างหาก เขาอยากให้เธอมีความสุขในทุกวัน ไม่อยากให้ใครหรืออะไรมาทำให้เธอทุกข์ร้อนใจสักนิด ดังนั้น เมื่อเห็นว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เขากับภรรยา อารัญก็กอดเอวบางรั้งเธอมาแนบชิดอย่างปกป้องหวงแหน“ซื้อไว้สักยูนิตดีมั้ยครับ เอาไว้แอบหนีเจ้าพอร์ชไปจู๋จี๋กันสองต่อสอง” อารัญกระซิบถามยิ้ม ๆพิมพ์ใจหันขวับไปมองสบตาสามี เธอขึงตาใส่คนหื่น“พี่รัญ หน้าไม่อาย”“อายทำไมล่ะครับ พี่ชอบ” อารัญบอกพลางทำทีเหลือบตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบบอกเมียว่า“วิวห้องมุมดีมากเลยนะครับ จัดที่ระเบียงน่าจะฟินมาก โอ๊ย !”คนคิดหื่นกลางวันแสก ๆ โดนเมียหยิกจนต้องร้องโอดโอยเบา ๆ กระนั้นคนถูกเมียหยิกก็ยังยิ้มกรุ้มกริ่มได้การโอบกอดเมียไว้แนบกายตลอดเวลา การส่งสายตาหวานเชื่อมมองกัน และการพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกของสามีภรรยา ทำให้คนที่มองพวกเขาตั้งแต่เดินเข้ามาในงานหมั่นไส้วาสินีก็มางานนี้เช่นกัน พอเห็นภาพสวีตของสองคนนั้นแล้วก็อดไม่ได้
เมื่อห้วงเวลาแสนเสียวเบาบาง พิมพ์ใจก็นอนหอบหายใจแรงจนทรวงอกสะท้านขึ้นลงอารัญดูดเนื้อนวลเต็มปาก เขาดื่มด่ำกับความหวานละมุนอย่างพอใจ ก่อนจะไล้เลียไปทั่วทุกซอกหลืบความสาว แล้วจึงค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าขึ้นมา เขาพรมจูบเนินเนื้ออวบอูมนวลเนียนไร้พุ่มไหม ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าขึ้นมา เพื่อจูบสลับกับไล้เลียผิวเนียนจากหน้าท้องแบนราบ ขึ้นมาถึงชายโครง ก่อนจะเข้าครอบครองทรวงอกอวบอิ่มด้วยปากร้อนผ้าว ดูดดึง ไล้เลีย จนเมียครางหวิวในลำคอ และเริ่มมีอารมณ์อยากขึ้นมาอีกครั้ง“พิมพ์จ๋า...ขึ้นให้พี่นะครับ”อารัญกระซิบอ้อนเสียงแตกพร่าพิมพ์ใจลืมตาขึ้นสบตาคมเข้ม หญิงสาวผลักอกกว้างเบา ๆ สามีของเธอก็เอนกายลงนอนหงายอย่างเต็มใจอารัญนอนมองเมียป่ายขาคร่อมตัวเขา แล้วหยัดกาย นั่งคุกเข่าคร่อมอยู่ตรงกลางหว่างขา เธอล้วงมือลงจับหัวมนทู่เอามันไปถูไถกลางกลีบเนื้ออ่อนนุ่ม“ซี้ด ! พิมพ์จ๋า...”อารัญครางเสียว แล้วกัดฟันแน่น เขายื่นมือไปจับเอวบางไว้หลวม ๆ มองใบหน้าเมียอย่างแสนรัก แสนเสน่หา อารัญกลั้นหายใจ ในตอนที่เมียจับหัวอวบใหญ่กดลงตรงปากทางแอ่งอุ่นนุ่มลื่น และพอเธอโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย กดสองมือลงบนอกกว้าง แล้วขย่มลงมา
“พี่รัญ...พอแล้ว” พิมพ์ใจทั้งดิ้น ทั้งขำ เธอทุบบ่ากว้างไปหนึ่งที คนขี้แกล้งจึงหยุดอารัญทาบทับตัวเองลงบนเรือนกายเนียนนุ่ม เขาสอดแขนลงใต้แผ่นหลังบาง กกกอดเธอไว้เต็มอ้อมอก และซุกหน้าอยู่ซอกคอหอมกรุ่น“เฮ้อ ! รู้สึกดีจังเลย พี่อยากกอดพิมพ์ไว้แบบนี้ตลอดไป”พิมพ์ใจยิ้มอ่อนหวาน เธอยกแขนขึ้นกอดเขาไว้เต็มวงแขน ตัวเขาใหญ่โตกว่าเธอมาก พอถูกเขาทาบทับและกอดไว้แน่น ๆ แบบนี้ เธอรู้สึกหนักอยู่เหมือนกัน แต่ความรู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัวทั้งใจมันมากกว่า“งั้นก็กอดอย่างนี้ไปจนถึงเช้าเลยดีมั้ยคะ”ทำไมจะไม่รู้ว่า สามีอยากทำมากกว่ากอด เพราะตอนนี้ ความเป็นชายของเขาแข็งคึกแนบอยู่กับต้นขาของเธอคนอยากทำมากกว่ากอดรีบพลิกตัวลงนอนหงาย โดยกอดรัดเมียให้มานอนเกยก่ายอยู่บนตัวเขาแทน“อยากทำมากกว่ากอด แต่วันนี้เหนื่อยจังเลยครับ พิมพ์จ๋า พิมพ์ที่รัก ทำให้พี่หน่อยนะครับ”พิมพ์ใจยิ้มอย่างรู้ทัน หญิงสาวลุกขึ้นนั่งคร่อมหน้าท้องแกร่ง เธอไขว้มือลงจับชายกระโปรงชุดนอนแล้วดึงออกทางศีรษะเธอไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน ดังนั้น สิ่งที่อารัญเห็นตอนนี้คือ เรือนร่างขาวนวลล้อแสงไฟ กับเต้านมอวบใหญ่ของคุณแม่ลูกหนึ่งแม้น้องพอร์ชจะเลิกกินนมแม่ไปแล้ว
พอได้ไอติมถ้วยเล็กมาแล้ว อารัญก็พาลูกชายไปนั่งรอที่ม้านั่งตัวยาวซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับร้านขนม เขานั่งหันหลังให้ร้าน ใช้ตัวบังลูกชายที่นั่งอยู่บนตัก ป้อนไอติมให้ลูกกินอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าจะเลอะ แล้วแม่พิมพ์จะจับได้คุณพ่อรัญยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นลูกกินอย่างมีความสุข พอลูกชายกินไอติมจนหมดถ้วย เขาจึงเอ่ยถามว่า“อร่อยมั้ยครับ”“อะหย่อยฮับ” น้องพอร์ชเงยหน้าขึ้นมาตอบและยิ้มหวานให้คุณพ่อ“เปื้อนขนาดนี้ เช็ดปากให้ลูกหน่อยมั้ยคะ”เสียงดุ ๆ มาพร้อมกับทิชชูเปียกยื่นมาตรงหน้าคุณพ่อคนตามใจลูกถึงกับใจหายวาบ เขาเงยหน้ามองคุณแม่หน้าหวานแต่ตาดุ แล้วยิ้มแหยให้เธอ“พิมพ์บอกแล้วว่า ช่วงนี้ น้องพอร์ชต้องงดไอติมและเครื่องดื่มเย็น”“กะ...ก็ลูกอยากกิน” ไม่รู้จะเถียงยังไง และก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลใดไปเถียงพิมพ์ใจถอนหายใจแรง หญิงสาวเช็ดปากเช็ดแก้มเลอะไอติมของลูกชาย“กลับบ้านกันได้แล้วค่ะ วันนี้ต้องมีคนโดนทำโทษแน่นอน”พิมพ์ใจพูดพร้อมกับส่งสายตาดุให้สามี ก่อนจะหันไปมองลูกชาย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร เจ้าเด็กหัวหมอก็พูดเสียงอ่อนเสียงหวาน“จุนแม่ฮับ จุนแม่คนฉวย จุนแม่ใจดี๊ดีของพอร์ช”พิมพ์ใจถึงกับส่ายหน้ากับ
พิมพ์ใจเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเก้าอี้ที่สองพ่อลูกนั่งอยู่ เธอยื่นสองมือไปหาลูกชาย เพื่อจะอุ้มไปนั่งรอคุณพ่อที่โซฟา“ไม่อาว...พอร์ชจะอยู่กับจุนพ่อ” เจ้าหนูหันหน้าเข้าหาคุณพ่อ แขนเล็กป้อมกอดลำคอแกร่งไว้แน่น ซุกหน้ากับบ่ากว้าง ไม่ยอมไปหาคุณแม่อารัญกอดลูกชายไว้ด้วยวงแขนข้างหนึ่ง มืออีกข้างลูบศีรษะอย่างรักใคร่เอ็นดูสุดหัวใจ“พี่รัญคะ ส่งลูกมาให้พิมพ์เถอะค่ะ พี่รัญจะได้ทำงาน”“ไม่เป็นไรครับ อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว พี่อุ้มลูกไว้เอง พิมพ์ไปนั่งรอที่โซฟาเถอะ”พิมพ์ใจถอนหายใจบางเบา พลางคิดในใจว่า ดื้อทั้งพ่อทั้งลูกเลย แต่เธอก็ยอมเดินไปนั่งรอที่โซฟาแต่โดยดี“คุณแม่ไปแล้วครับ”คุณพ่อกระซิบกระซาบบอก น้องพอร์ชจึงค่อย ๆ เหลียวหลังไปมอง พอเห็นว่าคุณแม่ไปนั่งอยู่ตั้งไกลแล้ว เด็กชายก็ยิ้มพอใจ เขาขยับตัวนั่งลงบนตักของคุณพ่อ พิงหลังกับอกอบอุ่นที่เขาชื่นชอบอารัญสอดแขนลงใต้รักแร้คนตัวเล็ก โอบกอดลูกไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง มืออีกข้างก็ตรวจงาน เซ็นเอกสารไปเรื่อย ๆน้องพอร์ชนั่งนิ่ง ไม่ดื้อ ไม่ซน นั่งรอคุณพ่อทำงานอย่างเรียบร้อยครู่เดียวอารัญก็ทำงานเสร็จ เขาจึงอุ้มลูก ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และพาเดินไปหาคุณมาที่นั่งอ่า
พอพูดถึงบ้านตัวเอง ใบหน้าของพิมพ์ใจก็หม่นเศร้าลง หญิงสาวมองไปนอกหน้าต่างรถ ถนนเส้นนี้เป็นเส้นที่เธอคุ้นเคย และรถก็กำลังเคลื่อนเข้าใกล้บ้านที่เคยเป็นของครอบครัวเธอ เธออยากเห็นอีกสักครั้ง อยากเห็นบ้านที่เธอเคยพักพิง ที่ที่เคยมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยกัน...อยากเห็นก่อนที่มันจะถูกขายไปเป็นของคนอื่นอารัญกระชับมือนุ่มที่กุมอยู่ เขามองใบหน้าด้านข้างของพิมพ์ใจ เธอกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เขารู้ว่าเธอรอดูตอนที่รถขับผ่านบ้านของเธอ แต่เขาจะไม่ให้รถขับผ่านไปเฉย ๆ เขาจะให้คนขับรถจอด เพื่อเธอจะได้ลงไปดูบ้านหลังเดิมของเธอได้ชัด ๆพิมพ์ใจย่นหัวคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เมื่อรถตู้จอดที่หน้าประตูรั้วบ้านที่ถูกปิด และมีโซ่กับแม่กุญแจอันใหญ่คล้องไว้ หญิงสาวหันไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างเธออารัญยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะบอกเธอว่า“ลงไปดูใกล้ ๆ มั้ยครับ”“ลงไปดูได้เหรอคะ”เพราะที่ประตูรั้วบ้านมีแผ่นป้ายปิดประกาศเอาไว้ว่า เป็นทรัพย์ของธนาคารแห่งหนึ่ง พิมพ์ใจจึงไม่แน่ใจว่า เธอจะเข้าไปดูใกล้ ๆ ได้จริงเหรอ“ได้สิครับ มาเถอะ พี่พาไปเอง”เมื่อคนขับรถเปิดประตูด้านข้างรถ อารัญลงจากรถก่อน แล้วหันมาประคองคุณแม่ท้องคนสวย