แชร์

Chapter4.  ภาระหน้าที่

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-03 09:04:12

            ทั้งที่ในที่จวนมีบ่าวรับใช้และทหารยามมากมายแต่กลับรู้สึกได้ถึงความเงียบเหงาและวังเวง     มันเป็นเช่นนี้ตั้งแต่วันที่ไข่มุกน้ำตาจันทราหายไปจากตระกูลกัว

            กัวจื่อหรานระบายลมหายใจหนักหน่วง เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา  เจ็ดปีที่แล้วเขายังไม่ได้นั่งในตำแหน่งนี้ ช่วงนั้นเขาอยู่เมืองหลวง   เขาสนิทสนมกับองค์รัชทายาทเพราะเคยเรียนฝึกเพลงกระบี่กับอาจารย์ท่านเดียวกับองค์รัชทายาท  ขณะนั้นเขาทราบข่าวเพียงแค่ว่า  อนุของบิดาพยายามหลบหนีออกจากออกจากตันหยางพร้อมไข่มุกน้ำตาจันทรา  ซึ่งเป็นไข่มุกของตระกูลกัวที่จะมอบให้เฉพาะผู้เป็นภรรยาของประมุขรุ่นปัจจุบัน

            ตามหลักแล้วไข่มุกน้ำตาจันทราเป็นสิ่งที่มอบให้ภรรยาเอกของตระกูล และมารดาจะส่งมอบให้บุตรชายคนโตเพื่อมอบต่อให้ภรรยาเอก  เป็นเช่นนี้สืบทอดมานานยิ่ง  แต่มารดาของเขาตายจากไปตั้งแต่เขายังเด็ก  ไข่มุกน้ำตาจันทราควรอยู่ในมือบิดา รอจนกว่าเขาจะพบสตรีที่เป็นคู่ชีวิตจึงส่งมอบให้ ‘สะใภ้ของบุตรชายคนโต’ รับดูแลต่อไป

            แม้บิดาของเขามีภรรยาเอกเพียงคนเดียว แต่อนุนั้นไม่อาจนับได้หวาดไหว  เขาเองเมื่ออายุสิบสองถูกส่งตัวไปร่ำเรียนวิชายุทธกับอาจารย์ท่านเดียวกับองค์รัชทายาท หลังจากนั้นสามปีจึงได้กลับบ้านเพื่อเตรียมตัวรับตำแหน่งสืบทอดจากบิดา

            กัวจื่อหรานมีพี่น้องร่วมบิดาหลายคน ทว่าเขาไม่สนิทสนมกับใครเลยสักคน  ทุกคนมักก้มหน้าหรือหลบสายตายามที่พบกันเสมอ นานวันเข้าเขาจึงชินชา จนกระทั้งปีที่เขาอายุสิบแปดจึงได้เกิดเรื่องขึ้น  เป็นปีแห่งการพลิกผัน เขารับตำแหน่งสืบทอดผู้ปกครองเมืองตันหยางจากบิดาที่ล้มป่วย และน้องชายคนเล็กถูกลักพาตัว พร้อมกับคำสั่งเสียก่อนสินใจของบิดาที่ติดตามหาไข่มุกน้ำตาจันทราคืนให้ได้

            เป็นเวลาเนิ่นนานราวเจ็ดปีที่กัวจื่อหรานออกสืบเสาะค้นหาการหายไปของ ‘ไข่มุกน้ำตาจันทรา’อย่างเงียบๆ เพราะไม่ต้องการเป็นข่าวและเป็นที่ครหา แต่กระนั้นก็ยังมีเสียงกระซิบนินทาเรื่องทิ่บิดาลอบมอบไข่มุกประจำตระกูลให้อนุคนโปรด เขารังเกียจข่าวคาวเช่นนี้ยิ่งนัก!

            มือใหญ่กำเข้าหากันแน่นก่อนจะทุบไปที่ผนังห้องเพื่อระบาดความโกรธแค้น!

เขาไม่มีทางเชื่อว่าบิดาจะทำเช่นนั้น  ทางเดียวที่จะแก้คำครหานั้นได้คือตามหาสิ่งที่หายไปและสืบให้รู้ความจริง

สองเดือนที่แล้ว สายสืบส่งข่าวมาว่า คนที่อนุของบิดาติดต่อก่อนตายเป็นเพียงพ่อค้าที่ตั้งตัวมาจากครอบครัวชาวนา แต่เพียงไม่นานกลับพลิกผันเป็นเศรษฐีได้  อาจเพราะแต่เดิมมีชาติกำเนิดมาจากชาวนายากจน  หลินเหิงอี้จึงมีนิสัยโผงผาง พูดจาเสียงดังแลดูไร้มารยาท แต่เจ้าเล่ห์ในการต่อรอง  ไม่รู้เหตุใดอนุของบิดาผู้เรียบร้อยอ่อนหวานของเขาจึงได้รู้จักชายไร้หัวนอนปลายเท้าเช่นนี้

            “หลานสาว? นี่กล้าพาหลานสาวมาถึงที่นี่รึ!!”

กัวจื่อหรานหัวเราะในลำคอ เอาซิ! ขอให้ได้เห็นหน้าเห็นตาหลานสาวคนใจสกปรกผู้นั้นก่อนเถิด แล้วเขาอาจเมตตาต้อนรับอย่างไม่รู้ลืม!

            เพล้ง!!!

            เสียงของตกแตกทำให้กัวจื่อหรานตื่นจากภวังค์  เขาก้าวเท้าออกไปตามเสียงที่ได้ยิน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องทำงานนัก   หญิงรับใช้สองคนที่รู้ว่าเขาเดินเข้ามาต่างพากันถอยออกห่างเหลือเพียงชายเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปีที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่บนพื้นที่มีเศษแก้วกระจัดกระจาย

            “อี้เซียวเจ้ากำลังทำอะไร” น้ำเสียงเนืองๆ ถามอย่างไม่ได้จะเอาความผิดแต่ประการใด เขาโบกมือให้บ่าวรับใช้ถอยห่างแล้วค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งบนส้นเท้า

            “พี่ใหญ่!”  เด็กหนุ่มเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ข้าเห็นดอกไม้ในแจกันนี่สวยดี อยากจะเอาดอกไม้ให้ท่านพี่แต่ข้าเอาออกไม่ได้ก็เลยทำแจกันแตก”

            “อ่อ…”  กัวจื่อหรานมองดูเศษแก้วที่กระจัดกระจายเกลื่อนอยู่ที่พื้น แจกันแก้วเจียระไนเป็นของล้ำค่า บรรดาบ่าวรับใช้จึงหวาดกลัวจนตัวสั่น

“เจ้าบาดเจ็บหรือไม่”

            “ไม่ๆ แต่ข้าทำแจกันแตก” เด็กหนุ่มส่ายหน้าแล้วยิ้มเจือน “พี่ใหญ่โกรธข้าหรือไม่”

            “ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด” เขาพยุงน้องชายต่างมารดาขึ้นยืนแล้วหันไปทางสั่งบ่าวไพร่จัดการเก็บกวาดเศษแก้ว  “คราวหน้าเจ้าทำอะไรก็ระวังหน่อย”

            “อืม” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเบา “ข้าหิวแล้วอยากกินของหวานๆ พี่ใหญ่ไปกินกับข้านะ”

            “พี่ไม่ชอบของหวาน” กัวจื่อหรานถอนหายใจเบาๆ “เจ้าไปกินเถอะ”

            “อืม”    

            กัวจื่อหรานได้แต่มองร่างของน้องชายต่างมารดาด้วยสายตาที่เหนื่อยอ่อน      ปีนี้กัวอี้เซียวอายุสิบสี่แล้ว  ตอนที่กัวอี้เซียวอายุเจ็ดขวบเคยถูกโจรลักพาตัวไป ตอนนั้นบิดาล้มป่วยอยู่ก่อนแล้ว เป็นเขากับกองทหารไล่ล่าจนพากัวอี้เซียวกลับมาได้อย่างปลอดภัย แต่เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับนิ่งเงียบไปหลายวัน    

คราแรกหมอเข้าใจว่าเป็นเพราะตกใจอย่างหนัก แต่เมื่อค่อยๆ ดูอาการต่อมาจึงรู้แน่ชัดว่า กัวอี้เซียวได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง จนเหมือนสติปัญญาจะหยุดการเจริญเติบโต  เขากลายเป็นเด็กเจ็ดขวบที่ไม่ประสีประสาและเอาแต่เล่นสนุกไปวันๆ แม้ในขณะนี้เขาจะเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบสี่ปีแล้วก็ตาม

            บิดาของของเขามีลูกมากมายก็จริง  แต่มีเพียงไม่กี่คนที่บิดารับมาอยู่ในจวนและมอบฐานะให้ สำหรับกัวอี้เซียวก็เป็นหนึ่งใน ‘ลูกรัก’ ที่บิดาเป็นกังวล ก่อนที่จะสิ้นใจทรงย้ำหนักหนาให้เขาดูแลกัวอี้เซียวอย่างดีที่สุด           

            ภาระและหน้าที่มันช่างแสนหนักหน่วงจนชายหนุ่มรู้สึกเหมือนไหล่ทั้งสองถูกกดทับด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น  อีกนานเท่าไหร่ที่ภาระหน้าที่เหล่านั้นจะเบาบางลงเสียที

จะมีสักวันไหมที่เขาจะได้ยิ้มหรือหัวเราะเช่นเดียวกับคนธรรมดาทั่วไป

            หลังจากได้พักผ่อนเต็มที่หลินอวี้เจินก็พร้อมที่จะออกไปผจญภัย  แต่เพราะหลินเหิงอี้ยุ่งกับการตระเตรียมของขวัญสำหรับท่านเจ้าเมือง  หลินอวี้เจินไม่มีหญิงรับใช้ข้างกาย แม้ครอบครัวของนางมิได้ขัดสน  ฐานะของท่านลุงใหญ่ค้ำชูครอบครัวให้มีความเป็นอยู่สุขสบาย แต่ที่บ้านมีบ่าวรับใช้เพียงไม่กี่คน หลังจากมารดาตายไป  นางรับหน้าที่ดูแลเรื่องต่างๆ ในบ้านด้วยตนเอง และเมื่อบิดาอนุญาตให้นางเดินทางไกลเป็นครั้งแรก  ท่านลุงใหญ่เป็นผู้จัดการตระเตรียมรถม้าและคนดูแลนางไว้พร้อมสรรพ ด้วยเป็นช่วงที่ส่งสินค้ากลับมาที่เมืองจู้หยางพอดี  นางจึงได้อาศัยเดินทางกลับมาที่ตันหยางพร้อมกัน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 54 จบ

    ค่ำคืนก่อนที่กัวจื่อหรานจะนำไข่มุกน้ำตาจันทรามาถอนพิษร้ายให้หลินอวี้เจิน เขาได้พูดสู่ขอหลินอวี้เจินเป็นภรรยาและสัญญาว่าจะมีนางเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของเขา แน่นอนว่าบุรุษด้วยกันย่อมมองออกว่า กัวจื่อหรานจริงใจกับหลินอวี้เจินมากเพียงใด ชีวิตของนางแขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งโชคชะตา ทั้งสองยินยอมให้กัวจื่อหรานแต่งงานกับหลินอวี้เจิน กัวจื่อหรานจึงสวมชุดสีแดงเข้าไปพร้อมไข่มุกน้ำตาจันทรา แต่หลังจากที่กัวจื่อหรานปิดบานประตูลง ไม่นาน เสียงที่รอดผ่านบานประตูก็ทำเอาคนที่ยืนเฝ้าด้านนอกทำสีหน้าไม่ถูก เป็นจางหยวนที่ขับไล่บ่าวรับใช้ออกไปจนหมด และเชิญให้บุรุษสกุลหลินพักผ่อนในห้องรับรองก่อน ได้ยินเสียงแว่วครวญหวานจากในห้อง ผู้เป็นพ่อก็แอบร้อนใจ แม้รู้ว่าอีกฝ่ายทำเพื่อกำจัดพิษร้ายแรง แต่ก็เกรงว่าบุตรสาวที่รักปานแก้วตาดวงใจจะบอบช้ำไปเสียก่อน เป็นเหตุผลที่ทำให้พ่อตาอย่างหลินยี่ห้านมีสีหน้ามึนตึงทุกครั้งที่คิดถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น หนึ่งเดือนให้หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น ก็คืองานมงคลอันยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองตันหยาง เล่าลือกันว่าเพราะนางสามารถรักษาอาการป่วยของกัวอี้เซียวได้ แม้การแ

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 53.  รู้สึกเป็นหนึ่งเดียว

    เมื่อได้กอดเขาแล้ว นางกลับรู้สึกว่าตนเองได้ครอบครองช่วงเวลาอันแสนอัศจรรย์ นุ่มนวลและเร่าร้อนราวกับจะหลอมละลายคนสองคนให้เป็นหนึ่งเดียวนางรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับเขาเขารู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับนาง “เจ็บหรือไม่” เขากระซิบถามให้ช่องทางคับแน่นและฉ่ำร้อนของนางปรับตัวรับกับแก่นกายที่แข็งแกร่งของเขา“ไม่...ไม่เจ็บแล้ว” นางตอบด้วยท่าทีเขินอาย ร่างกายเหมือนหิวกระหายในสิ่งที่นางไม่รู้จัก“ท่าน...ช่วย...ได้หรือไม่ ...”แต่เขาชื่นชอบความซื่อตรงของนาง นางไม่เคยปิดบังความรู้สึกตนเอง ตั้งแต่พบกันครั้งแรก นางเป็นอย่างนี้เสมอมา และเมื่ออยู่ร่วมเตียง นางไม่ปกปิดอารมณ์ของตน ซึ่งปลุกเร้าความปรารถนาให้แผดเผาเขาจนต้องทำตามความต้องการของนางและเป็นความต้องการเดียวของเขาเช่นนั้นนางอ้อนวอนอย่างไม่รู้ว่าสิ่งที่ร้องขอนั้นคือสิ่งใด นางต้องการเขา ต้องการมากกว่านี้ นางบดเบียดเรือนร่างเข้าหา เชื้อเชิญให้เขาดื่มกินนางอีกครั้ง เขาขยับสะโพกช้าๆ ทว่าลึกล้ำ ดอกไม้งามเย้ายวนจนเขาไม่อาจฝืนกลั้น ความเสียวซ่านระลอกแล้วระลอกเล่าทำให้เขาใช้สองมือจับเอวคอดกิ่วไว้มั่นแล้วเริ่มแรงควบทะยาน ความซ่านเสียวทำให้หญิงสาวไปแตะข

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 52 เจ้าไม่อยากได้ข้าเป็นสามีหรือไร

    นางงุนงง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมให้สมองของนางคิดเรื่องอื่นใด เขาขมเม้มริมฝีปากของนางอีกครั้ง เรียกร้องและเว้าวอนจนนางครางในลำคอ คราแรกนางผลักไสเขาแต่เพราะร่างกายของเขาใหญ่โตเกินไป มือนางนั้นก็ไร้เรี่ยวแรง หรือเพราะแผ่นอกกำยำนั้นเย้ายวนนาง ฝ่ามือของนางอ้อยอิ่งอยู่ที่สาบเสื้อของเขา ดวงตาของเขาที่จ้องมองนางนั้นแสนร้อนแรงจนนางต้องหลับตาลง และโดยไม่รู้ตัวนิ้วมือของเขาบีบกรามของนางเบาๆ เพื่อให้นางเปิดปากแล้ว ‘บางสิ่ง’ ก็เข้ามาในโพลงปากของนาง นางลืมตาขึ้นอย่างตกใจแต่เขาไม่ยอมให้นางดื้อดึง ปลายลิ้นอุกอาจดุนดัน ‘บางสิ่ง’ ให้อยู่บนลิ้นของนาง‘บางสิ่ง’ นั้นเป็นทรงกลม ให้ความรู้สึกอุ่นและเรียบลื่นหรือนี่จะเป็น‘ไข่มุกน้ำตาจันทรา’เมื่อรู้ว่านางกำลัง ‘อม’ ไข่มุกล้ำค่าของตระกูลกัวอยู่ นางขยับตัวขัดขืน นางไม่รู้ว่าเขาได้ ‘สิ่งนี้’ กลับคืนมาได้อย่างไร แต่เขาไม่ควรนำมาใช้กับนาง นางมิใช่สะใภ้เอกสกุลกัว นางไม่ได้เป็นภรรยาของเขาภรรยา…แววตาของนางที่จ้องมองเขานั้นทึมทือและสับสน ฝ่ามือของเขาเลื่อนผ่านเรือนร่างอรชรของหญิงสาว เขาไม่เคยเห็นนางสวมเสื้อผ้าสีสันสดใสเลยสักครั้งครา นางเหมาะกับสีแดงเช่นนี้นัก

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 51 ลงอาญาใด

    “พี่ใหญ่ ท่านใช้สิ่งนี้รักษาแม่นางหลินเถิด ที่นางตั้งเงื่อนไขให้พี่ใหญ่แต่งนางเป็นภรรยาก็เพื่อนำไข่มุกจากข้าไปมอบให้ท่าน บีบบังคับทั้งข้าและพี่ใหญ่ สตรีร้ายกาจเช่นนี้ใครได้นางเป็นภรรยาชีวิตต้องพบกับคามหายนะเป็นแน่” “เจ้า! เจ้าเด็กปัญญาอ่อน!” “พูดได้ดี พูดได้ดี” ปี่จื้อหัวเราะออกมา “สตรีร้ายกาจเช่นนี้ใครได้ไปก็พบแต่หายนะ!” “ทำเป็นปากดี เจ้าคิดว่าตนเองจะรอดรึ!” เฉียนอิ๋นอิ๋นกรีดร้องเมื่อจางหยวนสั่งคนมาลากนางออกไป “ข้าไม่มีอะไรให้เป็นกังวลอีกแล้ว เชิญใต้เท้ากัวลงอาญาข้าได้” กัวจื่อหรานที่ตกตะลึงที่ได้ไข่มุกน้ำจันทรากลับคืนมาสู่มือเพิ่งได้สติ เขามองนายทหารหนุ่มแล้วแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “ลงอาญาใดรึ นายกองจง” กัวจื่อหรานกำไข่มุกน้ำตาจันทราแน่นแล้วรีบหมุนตัวเดินออกไป ไม่สนใจสีหน้าประหลาดใจของปี่จื้อ หลันเอ๋อร์บีบไหล่ของกัวอี้เซียวแล้วหันไปส่งยิ้มเล็กน้อยให้ปี่จื่อ ประคองกัวอี้เซียวเดินออกมา ด้านนอกมีหลินเหิงอี้รอด้วยใจกระวนกระวาย เมื่อเห็นนางออกมาอย่างปลอดภัยก็ยิ้มโล่งอก นับจากนี

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 50. คงได้ยินหมดแล้ว

    “อี้เซียว อย่าไปฟังนางนะ” เฉียนอิ๋นอิ๋นได้สติรีบปรับน้ำเสียงพูดจาหว่านล้อมเด็กหนุ่มตรงหน้า “เจ้ามีข้าเป็นญาติเพียงคนเดียว ไม่มีผู้ใดรักเจ้าเท่าข้าอีกแล้ว” กัวอี้เซียวกลอกตาไปมา คนเหล่านี้แย่งกันพูดจนเขาฟังไม่รู้เรื่องแล้วยกมือขึ้นปิดหู ไม่ต้องการได้ยินเสียงใครอีก พลันเขานึกรอยยิ้มจริงใจของหลินอวี้เจิน นางใส่ใจเขา เล่นเป็นเพื่อนเขา ไม่เคยดูแคลนเขาในสภาพนี้ และไม่คิดเปิดโปงเรื่องของเขาใช่! เขารู้ความลับของตนเองดียิ่ง“พอแล้ว!”กัวอี้เซียวตวาดเสียงดัง น้ำเสียงแข็งกร้าวสั่นเล็กน้อย แต่มิใช่น้ำเสียงของเด็กหนุ่มอ่อนแอที่มีสติของเด็กเจ็ดขวบอีกแล้วท่าทางของเขาทำให้คนทั้งหมดตื่นตะลึงไร้ถ้อยคำ มีเพียงความเงียบงันในห้องคุมขังอันหนาวเหน็บ!“พอเสียที!” เด็กหนุ่มจ้องมองเฉียนอิ๋นอิ๋น “เลิกใช้ข้าเป็นเครื่องมือของเจ้าเสียที!”“อี้เซียว” หญิงสาวละลำละลัก เหตุใดเขาไม่เป็นเด็กปัญญาอ่อนแล้ว ยามนี้สายตาของเขาดุดันจนแทบจะฉีกนางออกเป็นชิ้นๆ “ข้าทำเพื่อเจ้า เจ้าอย่าลืมซิ ว่าข้าคือญาติคนเดียวของเจ้า”“ญาติ! เจ้ายังกล้าใช้คำนี้อีกเรอะ!” กัวอี้เซียวตัวสั่นด้วยความโกรธ “สำหรับเจ้า ข้าก็คือเด็กปัญญาอ่อน

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 49.  แค่รู้สึกผิด

    “หากท่านแค่รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น...ไม่จำเป็น หากท่านแค่ต้องการรับผิดชอบเรื่องที่ผ่านมา...ไม่จำเป็น หากท่านเพียงสงสารเห็นใจข้า...ไม่จำเป็น ท่านไม่จำเป็นต้องแต่งข้าเป็นภรรยาเพื่อชดเชยความผิดใด เรื่องที่ผ่านมาล้วนมีเหตุผลในตัวเอง ข้าและท่านลุงใหญ่มิได้ขโมยไข่มุกน้ำตาจันทราไป ขอเพียงท่านเชื่อใจเรื่องนี้ข้าก็ยินดีมากแล้ว” สิ้นถ้อยคำของนางแล้ว กลับกลายเป็นเขาที่พูดไม่ออก คล้ายมีบางสิ่งจุกอยู่ในอก เขาต้องพูดออกไป พูดความจริงใจต่อนาง แต่คนอย่างเขาผู้ถูกเลี้ยงดูให้เป็นประมุขสกุลกัว เขาคือกัวจื่อหรานที่ก้มหัวให้ใครไม่เป็น ไม่เคยแพ้พ่ายแต่ยามนี้....เขากลายเป็นคนโง่งมที่สุดในใต้หล้าแล้ว “หากท่านต้องการทำเพื่อข้า ข้าอยากขอร้องท่านเรื่องเดียว” “เรื่องใด” “ข้าขอให้ท่านดูแลกัวอี้เซียวเช่นนี้ตลอดไป” “เขาเป็นน้องชายข้า แม้เป็นน้องชายต่างบิดา เป็นลูกอนุ แต่เขาก็เป็นคนสกุลกัว” หญิงสาวส่ายหน้าไปมา ทำให้อีกฝ่ายขมวดคิ้ว นางเผลอหัวเราะเบาๆ ยื่นมือออกจากผ้าห่มไปคลึงหัวคิ้วของเขาพลางเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน “ขอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status