รู้สึกว่างเปล่ามากซะจน...เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ นี่ฉันกำลังตกอยู่ในวัยต่อต้านตัวเองรึไง
“ท่านประธานค่ะ โฆษณาที่ให้ดิฉันไปจัดการเสร็จแล้วค่ะ”
จริงสิ....ฉันยังรับบทเป็นประธานบริษัทรถยนต์นำเข้าอยู่นี่น่า คนร่างบางพยักหน้ารับเลขาสาวช้าๆ พลางหยิบแฟ้มอนุมัติงบประมาณขึ้นมาเซ็นต์
“งั้นก็ปล่อยออกไปได้เลย ส่วนยอดขายเดือนนี้บอกให้ทีมเอ กระตุ้นยอดขายโดยการส่งรถยนต์ไปเป็นสปอนเซอร์ของซีรีส์ที่จะออนแอร์ปลายปีนี้ด้วย”
“ได้ค่ะท่านประธาน”
เห็นแบบนี้ฉันก็มีความรับผิดชอบต่องานที่ตัวเองเอามาบังหน้าอยู่นะ อย่างน้อยก็ควรทำตัวให้เป็นแบบอย่างแก่พวกพนักงานที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย
“จริงสิคะ เรื่องหุ้นของบริษัทที่กำลังจะขาดทุนนั่น ท่านประธานจะซื้อเอาไว้ไหมคะ”
บริษัทบราเดอร์ เหตุผลที่ขาดทุนขนาดนั้นคงมีคนโกงในบริษัท ถึงไม่ใช่ปัญหาหลัก แต่เรื่องที่บริษัทของเขาจัดว่าเด่นในเรื่องการรักษาความปลอดภัยก็น่าสนใจ
“แน่นอนสิ แต่ว่าฉันจะไม่ซื้อเปล่าๆ หรอก คุณไปติดต่อให้ประธานบริษัทบราเดอร์มาพบฉันหน่อย เอาเป็นภายในอาทิตย์นี้ บอกเขาว่าถ้าอยากให้ฉันช่วยก็มาพบฉันด้วย”
“รับทราบค่ะท่านประธาน”
“ออกไปได้แล้ว”
“รับทราบค่ะ ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
หลังจากที่เลขาของฉันออกห้องไปแล้ว ฉันก็ได้แต่คิดว่าแผนของรินคุมันจะสำเร็จไปได้ด้วยดีหรือไม่ จนกระทั่งเจ้าตัวส่งรูปพายอาร์ซึ่งกำลังเขียนอวยพรเค้กวันเกิดมาให้ฉันดูด้วยรอยยิ้มแสนอวดเก่งนั่น
ติ้ง! รินคุไม่กินชาส่งรูปภาพให้คุณ
ริคคุไม่กินชา : เป็นไง ถึงขนาดทำเค้กให้กันแล้วนะ ฉันเก่งใช่ไหมล่ะ!
ยูโรคัสตาร์ดเค้ก : ใช่นายเก่ง ทำให้พวกเขารักกันเร็วๆ ล่ะ ฉันจะได้ผ่านบททดสอบแรกซักที :)
ริคคุไม่กินชา : สาบานสิว่าเธอไม่ได้คิดจะหลอกใช้ฉันน่ะ
ยูโรคัสตาร์ดเค้ก : ชิ รู้ทันซะได้ : (
ริคคุไม่กินชา : ไม่ต้องมาชิเลยนะ! จริงสิ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ฉันได้ข่าวมาว่า เดือนหน้าจะมีพวกนางฟ้า ลงมาทำภารกิจที่โลกมนุษย์ด้วยล่ะ
ยูโรคัสตาร์ดเค้ก : แล้วยังไงล่ะ มันน่าตื่นเต้นตรงไหน
ริคคุไม่กินชา : เธอไม่รู้อะไรซักเลยนะ ยัยเด็กใหม่ เฮ้อ ก็ได้ท่านรินคุคนนี้จะยอมอธิบายให้เธอฟังก็แล้วกัน
ยูโรคัสตาร์ดเค้ก : ฉันขอผ่านแล้วกัน วันนี้มีนัดกับรันเวย์นิดหน่อย
ริคคุไม่กินชา : อะไรของเธอ นี่คิดจะเดทกับมันงั้นเหรอ?!
ยูโรคัสตาร์ดเค้ก : ไม่ใช่แล้วย่ะ ฉันแค่ถูกขอร้องให้ช่วยนิดหน่อยเอง
ริคคุไม่กินชา : ช่างหัวมันสิ พวกเราไม่ได้รับภารกิจมาให้ทำดีกับพวกปีศาจนั่นซะหน่อยนะ!
ยูโรคัสตาร์ดเค้ก : ญาติดีกับพวกเขาหน่อยก็ไม่เสียหายอะไรนี่ ยิ่งเป็นไอดอลด้วยมันเสี่ยงต่อการถูกจับได้นะรู้ไหม แถมพวกนั้นสามารถทำให้นายถูกปรับตกได้เลยนะ แค่มีมนุษย์รู้ความจริง
ริคคุไม่กินชา :นี่เธอขู่ฉันหรอยูโร!
ยูโรคัสตาร์ดเค้ก : ไม่ได้ขู่ซะหน่อย ตั้งใจทำงานเข้าล่ะ :)
คงร่างบางกระตุกยิ้มนิดๆ ให้กับท่าทีขี้โมโหของใครอีกคนก่อนที่เธอจะหายตัวไปอยู่ ณ จุดนัดพบของปีศาจจิ้งจอกอย่างรันเวย์ซึ่งจงใจทิ้งเอาไว้ให้
“ช่างเป็นสถานที่นัดพบที่ดีจริงๆ ร้านดอกไม้กับกลิ่นของดอกจัสมิน”
ฉันส่งยิ้มให้คนร่างสูงซึ่งนั่งติดกับเก้าอี้สีชมพูท่ามกลางปีศาจสองตนซึ่งกำลังจ้องมายังฉันเป็นสายตาเดียว
“เจ้าคงเป็นยูโร ชิยูอิน ตัวแทนพระเจ้าอันดับที่5 ข้าราฟาเอล หวังว่าเจ้าจะได้ยินเรื่องจากรันเวย์มาบ้างแล้ว”
ชายรูปร่างดีเรือนผมสีม่วงเข้มเอ่ยถามฉันเสียงเรียบ ท่าทางเขาจริงจังจนน่ากลัว ในขณะที่ผู้หญิงอีกคนกลับจ้องฉันอย่างไม่คาดสายตา
“เรื่องปีศาจจอมวงการอย่าง โทมัส ทำให้ระยะหลังมานี้มีแต่พวกคลุ้มคลั่งส่งผลกระทบระยะยาวกับพวกปีศาจด้วยกันสินะคะ”
“ใช่ พวกข้าพยายามจัดการกำราบเขาแล้ว แต่ทว่าเจ้าบ้านั่นได้ร่วมมือกับพวกแวมไพร์ไล่ล่อลวงพวกมนุษย์และฆ่าสังเวยพวกเขาอย่างเลือดเย็น”
“อืม พวกคุณก็เลยอยู่ยาก แล้วจะให้ฉันช่วยอะไรดีล่ะคะ ขนาดพวกคุณสามคนยังหยุดพวกเขาไม่ได้เลย”
ฉันนั่งเท้าค้างมองคนร่างเพรียวซึ่งพยายามสกัดกลั้นอารมณ์ที่มันประทุขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างลืมตัวจนริมฝีปากเรียวสวยของเธอห่อเลือด
“ข้าอยากให้เจ้าควบคุมเขา ได้ยินว่าตัวแทนพระเจ้าอย่างเจ้ามีพลังเหนือปีศาจทั้งมวลในโลกมนุษย์ โดยเฉพาะพวกสายหลักซึ่งมีอยู่แค่ 9 คนอย่างเจ้า”
“สืบประวัติฉันมาน่าดูเลยนะ”
รันเวย์หลบตาฉันอย่างรู้สึกผิด ที่แท้เขาก็รู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นใคร ตามติดโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง... อยากใช้ฉันเป็นเครื่องมือนี่เอง ความคิดชั่วร้ายสมกับเป็นปีศาจดีนะ...
“เจ้าจะยอมช่วยพวกข้าได้รึไม่ ถ้าหากเจ้ายอมช่วยพวกข้า เจ้าจะขออะไรเป็นของตอบแทนก็ได้ทั้งนั้น”
“อะไรก็ได้งั้นหรอคะ ถ้าเป็นชีวิตของพวกคุณก็ได้สินะ”
ฉันเหยียดยิ้มด้วยแววตาเย็นชาพลางไล่สายตาไปยังชายหนุ่มทั้งสองซึ่งลอบกลืนน้ำลายกันอย่างลำบาก
“......”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะคะ ฉันจะเอาชีวิตพวกคุณจริงๆ ”
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะสละเพื่อเจ้า”
ร่างสูงเอื้อมมือจะเชือดคอตัวเองทิ้งตามคำสั่งของคนร่างบางโดยที่ชายร่างเพรียวกลับมีอาการสั่นกลัวเข้ามาแทนที่
“เจ้าสัญญากับข้าได้หรือไม่ว่าหลังจากพวกข้าตายแล้ว เจ้าจะไปจัดการโทมัสตามสัญญา”
“ ไม่สัญญา เพราะพวกคุณต้องจัดการกับเขาเอง ฉันบอกว่า จะช่วย แต่ไม่จำเป็นต้องแลกชีวิตอะไรทั้งนั้น และฉันก็ไม่ใช่ปีศาจที่เน้นแต่ความสนุกอย่างเดียว”
“หมายความว่า...ไม่ต้องตายแล้วเหรอครับ...”
“แน่นอนสิ หรือนายอยากจะตายก็ได้ มันไม่มีผลอะไรกับฉันอยู่แล้ว”
“เย็นชาจังเลยนะครับ”
“อืม ก็ตั้งแต่รู้ว่านายเข้าหาฉันเพราะอะไรนั่นล่ะ”
“คือผมไม่ได้....”
“ไม่ได้คิดจะหลอกใช้ สาบานมาสิ แลกกับชีวิตที่เหลือของนายทำได้ไหมล่ะ รันเวย์”
“ขอโทษครับ...ผมเสียใจ”
“ข้าเองก็ขอโทษเจ้าด้วย ข้าเป็นคนสั่งให้เขาไปหาเจ้าในคืนวันนั้นเอง”
ราฟาเอลสบตากับฉันอย่างรู้สึกผิด ดูเหมือนว่าเขาจะพูดความจริงซึ่งฉันก็ไม่แปลกใจเลย ลำพังปีศาจจิ้งจอกอย่างรันเวย์ ไม่มีทางซ่อนฉันจากสายตาของปีศาจได้ทั้งหมดหรอก
“เรื่องนั้นเอาไว้ฉันจะคิดบัญชีกับคุณที่หลังราฟาเอล ว่าแต่ผู้หญิงที่จ้องจะกินเลือดกินเนื้อโดยไม่คิดจะปิดบังกันมาตั้งแต่เมื่อกี้ คือเหยื่อแวมไพร์คนล่าสุดของคุณสินะ”
“ถูกต้องตามนั้น ข้าจำต้องสะกดนางไม่ให้หันเขี้ยวเล็บใส่เจ้าอยู่ ลำบากน่าดูเลยล่ะ”
คนร่างสูงยกมือข้างนึงซึ่งมีเถาวัลย์เรืองแสงสีแดงไล่พันธนาการเรือนร่างของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้โชว์ให้ฉันดู มันกระตุกมือของเขาไม่รู้จักหยุดหย่อน
“งั้นคลายเวทย์ลงสิ”
“นี่คุณสติดีหรือเปล่าครับ! ถ้าท่านราฟาเอลคลายเวทย์ ยัยแวมไพร์เลือดร้อนนี่ก็ได้ฆ่าคุณกันพอดี”
รันเวย์พยายามร้องห้ามความคิดของฉันขณะเดียวกันราฟาเอลกลับยอมรับความคิดของฉันง่ายๆ
“ได้สิ ถ้าเจ้าต้องการ”
วู้ม...
“อะ! ระวัง ยูโร!”
รันเวย์รีบลุกขึ้นยืนขวางร่างผอมเพรียวของหญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงแววตาเขียวชอุ่มดุจมรกตเอาไว้ โดยที่เธอก็ยังจับจ้องยูโรไม่วางตาแต่ทว่าหญิงสาวคนนั้นกลับไม่ได้กระโจนเข้าหาอีกฝ่ายแต่อย่างใด
“ไม่เป็นไร เธอไม่ทำร้ายฉันหรอก”
“คุณจะรู้ได้ยังไง เธอเพิ่งถูกเปลี่ยนร่างมานะ!”
“นั่งลงเถอะ รันเวย์ ตั้งแต่ที่นางเข้ามา พวกเราก็ไม่มีทางทำร้ายนางได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
เจ้าของผิวขาวเนียนส่งยิ้มแทนคำตอบให้กับราฟาเอลซึ่งมองการกระทำของเธอออกทั้งหมด
“นี่คุณควบคุมพวกเราไว้แต่แรกแล้วเหรอครับ”
น้ำเสียงของรันเวย์เหวอไปเล็กน้อย
“รู้ตัวซะแล้ว แต่ฉันควบคุมแค่ความคิดไม่ดีของคุณก็เท่านั้นเอง ”
“นะ น่ากลัวเกินไปแล้ว...คุณเป็นตัวแทนพระเจ้าสายควบคุมสินะครับ...”
รันเวย์กะพริบตาถี่ๆ ใส่คนร่างบางซึ่งยกยิ้มมาให้คนร่างสูงจนรู้สึกเสียวสันหลังวาบเป็นเท่าตัว
“ไม่ใช่เวลามากลัวฉันสักหน่อยนี่คะ จริงไหม”
“ถูกของเจ้า เราต้องรีบไปจัดการเจ้าโทมัสจอมปั่นหัวแวมไพร์หน้าโง่พวกนั้นด้วยความสนุก และข้าคิดว่าเราต้องรีบแล้วล่ะ ”
ราฟาเอลลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางเปิดประตูวงแหวนเวทย์ไปยังปราสาทซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าอสูรรับใช้ของราชาแวมไพร์ซึ่งยืนต้อนรับเรียงรายด้วยแววตาดุดันคล้ายอยากกระชากวิญญาณของใครก็ตามที่ผ่านเข้ามาในบริเวณแห่งนี้
“หึหึหึ พวกเจ้าทั้งหลายจงดูนี่สิ เจ้าหมาป่าเหม็นสาบกับเจ้าลูกหมาขี้โรคว่ะ มันกล้าเสนอหน้าบุกเข้ามาถึงถิ่นของพวกเราเลยว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
อสูรกายซึ่งมีน็อตโผล่ออกมาจากขมับข้างซ้ายเหนือศีรษะของตัวเองหัวเราะรวนอยู่กับที่ในขณะที่แวมไพร์นักทำนายของราชาแวมไพร์กลับมีท่าทีที่แตกต่างกันออกไป
“มัวรออะไรของพวกเจ้า! จัดการพวกมันซะ!”
“รับทราบขอรับนายท่าน! พวกเรา บุก!!!!!”
อสูรกายทั้งหลายต่างวิ่งกรูกันเข้าไปใส่ราฟาเอลและรันเวย์ตามคำสั่งของแวมไพร์นักทำนายทันทีแต่ทว่าหญิงสาวนัยน์ตาสีฟ้าครามก็ย่างกรายออกมาจากบานประตูดังกล่าวทำให้เหล่าอสูรกายทั้งหลายต่างหยุดชะงักลงราวกับรูปปั้นหินที่มีชีวิตอยู่ก็ไม่ปาน
“กะ เกิดอะไรขึ้น!! ทำไมข้าขยับไม่ได้!!! เจ้าทำสัญญากับพวกแม่มดงั้นเหรอราฟาเอล!!!”
“แม่มด? แม่มดไม่มีทางหยุดการเคลื่อนไหวกองทัพทั้งหมดได้หรอกมิราล เจ้ามองไม่ออกจริงๆ หรือว่าแกล้งโง่กันแน่”
นัยน์ตาสีดำสนิทมองกลับไปยังเด็กสาวดวงตาสีฟ้าครามเรือนผมสีฟ้าอ่อนซึ่งกำลังพริ้วไหวตามแรงลมประกายระยิบระยับออกมาจากคนร่างเล็กซึ่งกำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์กับคำพูดของคนตรงหน้าเป็นอย่างมาก
“ว้าว ร่างจริงของท่านเป็นเด็กหญิงตัวเล็กหรอกเหรอเนี่ย น่ารักจัง!”
“อย่าเอานิ้วมาจิ้มแก้มฉันนะ รันเวย์! จำนวนเยอะขนาดนี้ ถ้าไม่ใช้ร่างจริงก็คงควบคุมไม่ไหวหรอก! เอามือออกไปนะ!”
“นี่เจ้า...เป็นไปได้ยังไง เจ้าเอาตัวแทนพระเจ้ามาเป็นพวกได้ยังไง แบบนี้มันโกงเกินไปแล้ว!”
“ตะ ตะ ตัวแทนพระเจ้างั้นหรอ!!!!”
อสูรกายตัวอื่นๆ พากันพึมพำไปมาอย่างหวาดระแวง เนื่องจากโดยปกติแล้วตัวแทนพระเจ้าจะไม่เข้ามายุ่งยามกับอาณาเขตของตนในโลกมนุษย์ แต่เหตุใดเล่า ผู้มีพลังอำนาจอันดับที่5 ถึงได้บุกมาเยือนปราสาทของราชาแวมไพร์ซะได้
“ทะ ท่านชิยูอิน จะละเมิดสัญญาหรือขอรับ”
แวมไพร์นักทำนายเอ่ยเสียงสั่นพลางแลสายตาไปยังจิ้งจอกหนุ่มซึ่งเอาแต่ลูบหัวคนร่างเล็กไม่ยอมหยุดทำให้เขาต้องลงไปนั่งคุกเข่าตามการควบคุมของคนร่างบาง
“ข้อสัญญาอะไรงั้นเหรอ”
“ข้อสัญญาที่ว่าพระเจ้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสงครามภายในของปีศาจด้วยกันไงขอรับ”
“อืม ฉันก็ไม่ได้มายุ่งนี่”
“ก็ท่าน ช่วยราฟาเอล!”
“ฉันแค่อยากมาเห็นราชาแวมไพร์ตัวเป็นๆก็เท่านั้นเอง”
“อย่ามาล้อกันเล่นสิขอรับ”
“ส่งตัวโทมัสมาให้ข้า พวกเจ้ากำลังโดนมันหลอกใช้”
“อย่ามาสั่งว่าให้ข้าต้องทำอะไรเจ้าหมาบ้าน!”
ราฟาเอลทำท่าจะเขวี้ยงเวทย์ไฟใส่ชายร่างท้วมทำให้คนร่างเล็กดับไฟบันดาลโทสะขอราฟาเอลลง
“หยุดทั้งคู่นั่นล่ะ คุณพาฉันไปหาราชาแวมไพร์ของคุณที”
“ถ้าเป็นท่านชิยูอิน ย่อมได้ตามบัญชา แต่พวกเจ้าหมาบ้านทั้งสองต้องอยู่ในการควบคุมของข้าจนกว่าท่านจะกลับออกมา”
“ได้สิ เอาตามคุณว่า”
“เดี๋ยวสิครับ ยูโร!! ปล่อยพวกผมไว้กับแวมไพร์ป่าเถื่อนพวกนี้เหรอครับ?!!”
รันเวย์ร้องเสียงหลงในขณะที่ราฟาเอลกับพยักหน้ารับกับการตัดสินใจของฉันโดยไม่ท้วงติงใดๆ
“คุณน่ะเหรอ ราชาแวมไพร์”
คนร่างเล็กเดินไปยังบังลังก์ของผู้ชายร่างสูงใบหน้าหล่อเหล่าซึ่งกำลังหลับตาพริ้มอยู่กับที่
“คิดว่าไงล่ะ ข้าใช่รึเปล่า หรือว่าไม่ใช่”
“ ไม่ใช่ ”
“เด็กน้อยเจ้าจะกวนประสาทข้าไปแล้วนะ”
คนร่างสูงลืมตาขึ้นมาช้าๆ พลางจ้องเด็กสาวกลับอย่างอารมณ์ดี
“ปีศาจที่ชื่อโทมัส อยู่ไหนล่ะ ฉันคิดว่าคุณรู้จักเขานะ”
“ถึงข้าจะรู้จัก แต่ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วยล่ะ”
“อย่ามาเล่นลิ้นได้ไหม เขาอยู่ไหน”
“อยู่ในที่ๆ เจ้าคิดไม่ถึง เอาเถอะ ข้าจะใบ้ให้เจ้าก็ได้ เดิมทีข้าก็ไม่ได้สนใจเขาเท่าไรอยู่แล้ว”
คนร่างสูงมองร่างเล็กอย่างอารมณ์ดี ‘แก้มอ้วนดีจัง...’
“งั้นก็บอกมาสิ”
“จะให้ข้าบอกเจ้าฟรีๆ เลยงั้นรึ”
“ที่ฉันทำไปก็เพื่อช่วยให้พวกคุณนะ เดี๋ยวก็โดนเหมารวมเป็นปีศาจไม่ดีไปด้วยหรอก”
“เรื่องนั้นไม่เห็นจะกระทบกับแวมไพร์อย่างข้าเลยซักนิด มีแต่พวกหมาป่าล่ะสิ ที่เป็นเดือดเป็นร้อน”
“แล้วคุณต้องการอะไรจากฉันล่ะ”
“อ้อนข้าสิ แล้วข้าจะบอกที่อยู่ของเจ้านั่นให้”
“อ้อนงั้นเหรอ...ทำไมฉันต้องอ้อนคุณด้วยล่ะ!”
“ถ้าไม่ทำ ข้าก็ไม่บอกที่อยู่ให้เจ้า”
จะเอาแต่ใจเกินไปแล้วนะ เจ้าราชาแวมไพร์งี่เง่านี่!
“และข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน ตราดใดที่เจ้ายังไม่ใช่พระเจ้าเต็มตัว เจ้าไม่มีอำนาจควบคุมข้าได้ เจ้าเด็กน้อยแก้มอ้วน”
“มะ ไม่อ้วนซะหน่อยนะ!”
“งั้นรีบอ้อนข้าซักทีสิ รอจนเมื่อยแล้วนะ”
“แล้วมันต้องทำยังไงเล่า!”
คนร่างเล็กทำหน้ามุ้ยใส่ราชาแวมไพร์ซึ่งกำลังระบายยิ้มกับท่าทางน่ารักของคนตรงหน้า ‘เจ้าเด็กน้อยซื่อบื้อ แค่เจ้าอ้อนข้าแบบที่เด็กน้อยธรรมดาคนหนึ่งจะทำได้ ข้าก็ยอมบอกเจ้าแล้ว’
“พูดดีๆ กับข้าสิ พูดว่าท่านราชาสุดที่รัก ช่วยบอกหนูได้ไหมคะว่าที่ซ่อนของโทมัสอยู่ที่ไหน”
“ทะ ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย...!”
“เพราะว่าข้าอยากเห็นน่ะสิ”
เจ้าราชากวนโอ้ยเอ้ย! แค่ฉันยอมพูดด้วยดีๆ ก็พอใช่ไหมเล่า....
“ท่าน...ราชา...ที่รัก”
“ว่าไง”
“ช่วยบอกหนูได้ไหมคะ ว่าที่ซ่อนของโทมัสอยู่ที่ไหน...”
“อืม ย่อมได้ถ้าเจ้าสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกหมาป่านั่นอีก”
“คุณเกลียดราฟาเอลมากหรอ ไม่สิ ไหนคุณบอกว่าถ้าอ้อนแล้วจะบอกไง”
“มันเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว ใช่ข้าจะบอกเจ้า หลังจากที่เจ้าให้คำตอบข้าแล้วนะ เด็กน้อย เวลาไม่เคยคอยใคร เด็กสาวที่เจ้ารู้จักก็ด้วย”
“หมายความว่ายังไง”
“โทมัสรู้ตั้งแต่แรกว่าเจ้าจะยอมช่วยราฟาเอล และเด็กคนนั้นคือเครื่องต่อรองของเจ้ากับเขา”
“สร้อยเส้นนั้น...”
“ใช่ เจ้านั่นเอาออกไปตั้งนานแล้ว เจ้าจึงไม่รับรู้ถึงอันตรายที่เกิดกับเจ้าตัวเลยไงล่ะ เด็กสาวผู้ตกหลุมรักเจ้ากำลังอยู่ในอันตราย”
รอยยิ้มเยือกเย็นส่งกลับมาให้คนร่างเล็กซึ่งมีสีหน้าเป็นห่วงอีกคนอย่างมาก
“ก็ได้ ตกลง! คุณบอกที่อยู่ของเธอมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“ว้าว ยอมจริงๆ ซะด้วย ย่อมได้ โทมัสอยู่ทะเลทางตอนเหนือ เขากำลังรวบรวมพรรคพวกและข้อมูลบางอย่าง”
“ทำไมคุณถึงยอมช่วยฉัน”
“เหตุผลเดียวกับที่เจ้าดูเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องของเด็กสาวคนนั้น”
‘ข้าสนใจเจ้า...’
“รีบไปเถอะ เดี๋ยวข้าคุยกับพวกหมาป่านั่นให้เอง”
เมื่อเห็นสีหน้าลังเลใจของอีกฝ่ายราชาแวมไพร์ก็ยกยิ้มหนักกว่าเดิม
“ยังไงก็...ขอบคุณ...นะ....ราชาแวมไพร์”
เด็กแก้มอ้วนพูดจาอ้อมแอ้มก่อนจะหายตัวไปจากปราสาทของราชาแวมไพร์ซึ่งมองอีกฝ่ายด้วยแววตารักใคร่เอ็นดู
ไรท์: พวกคลั่งรักเด็กล่ะดูออก ~