ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมายังคนร่างเพรียวซึ่งกำลังวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ก่อนที่เธอจะถูกผู้หญิงตรงหน้ากระชากแขนเสื้อขึ้นมาโดยที่พายอาร์ไม่ทันได้สนใจสิ่งรอบตัวใดๆ
“.......”
“ถึงกับใบ้กินเลยงั้นหรอ ไม่มีอะไรจะพูดหน่อยหรอไง!”
“พี่ขอโทษ...แต่ถึงยังไงพี่ก็รักเขาไม่ได้อยู่ดี”
“ไหนบอกว่าจะยอมทำทุกอย่างให้เมลไง ที่พูดมาคือคำโกหกงั้นหรอ ว่าแล้วเชียวคนอย่างเธอนี่มันเลวที่สุด!”
“ปล่อยมือก่อนเถอะค่ะ ฉันว่าที่นี่ไม่เหมาะให้มาทะเลาะกันนะ”
ฉันที่เห็นว่าเรื่องราวมันชักจะยุ่งยากมากขึ้นทุกทีจึงห้ามปรามคนร่างบางซึ่งกำลังหันมาโฟกัสทางฉันแทนด้วยแววตาขุ่นมัว
“คุณยูโร? ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้...ไม่สิคุณรู้จักกับพายอาร์ด้วยหรอคะ”
“ถ้าจะให้พูดล่ะก็ ตอนนี้ฉันเป็นนายจ้างของคุณพายอาร์อยู่น่ะค่ะ และฉันก็ได้แต่หวังว่าเมลจะไม่ทำอะไรนางแบบโฆษณาของฉันหรอกนะคะ ”
ฉันยิ้มหน้าตายใส่อีกคนที่ชะงักค้างลงก่อนที่ฉันจะถือวิสาสะพาเธอออกมาท่ามกลางเสียงหือฮาของเหล่าบุคลากรทางแพทย์
“คุณพาฉันออกมาทำไมคะ ฉันยังไม่ได้จัดการกับเธอเลย!”
“เพราะฉันไม่อยากเห็นคุณขาดสติไปมากกว่านี้”
“ฉันกลายเป็นคนผิดหรอคะ ผู้หญิงคนนั้นทำให้พี่ชายของฉันต้องทำร้ายตัวเองซ้ำๆนะ ทั้งหมดก็เพราะเธอคนเดียว”
“ คุณโกรธที่เขาทำให้คุณผิดหวัง เรื่องที่พี่ชายของเมลแอบรักคุณพายอาร์ข้างเดียวน่ะหรอคะ”
ฉันเอ่ยถามคนร่างบางซึ่งยืนสั่นเทาไปด้วยความโกรธเต็มขั้น แน่นอนว่าฉันสามารถรับรู้เรื่องราวผ่านทางความคิดของเธอได้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่กระสับกระส่ายไม่หยุด‘ทำไมถึงมีแต่คนรัก คนปกป้องพี่พายอาร์กันล่ะ ทั้งๆ ที่เธอเป็นฝ่ายผิดสัญญาแท้ๆ แต่ทำไม...’
“เรื่องพี่ชายของคุณ...ฉันจัดการให้ได้นะคะ”
ฉันแอบเสกเอาผ้าเช็ดหน้าผืนบางยื่นให้กับคนหน้าสวยซึ่งเงยใบหน้าขึ้นมาสบตาฉันอย่างจดจ่อ
“อย่าพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ดีกว่าค่ะ.....คุณเองก็อยากให้ฉันออกห่างจากพายอาร์ด้วยใช่ไหมล่ะคะ คืนนั้นในสมุดบันทึกนั่นก็มีชื่อเธออยู่ด้วยนี่น่า”
นี่เธอเห็นสมุดบันทึกของฉันแล้วสินะ....
“แอบดูของคนอื่นมันไม่ดีนะคะ แต่ฉันก็ไม่ได้เกลียดส่วนนั้นของคุณหรอกนะ...”
คนร่างบางส่งยิ้มจางๆให้กับอีเมลซึ่งน้ำตาคลอเบ้าอยู่กับที่
“สิ่งที่ไม่ควรเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือการที่คุณได้มาพบกับฉันค่ะ...ดังนั้น...สบายใจได้เลยว่าพี่ชายของคุณจะเหลือแต่ความทรงจำดีๆที่ฉันทิ้งไว้ให้”
รวมทั้งตัวคุณด้วย...........
ทันทีที่พูดจบแสงสีทองก็พุ่งออกจากตัวของคนร่างสวยนัยต์ตาสีน้ำตาลอ่อนไปยังห้องพยาบาลที่ชายหนุ่มร่างสูงนอนสะบักสะบอมด้วยพิษไข้พลางสะท้อนความทรงจำแย่ๆ ออกมา
“ยูโร เธอเอาตัวเองเข้าไปยุ่งในสิ่งที่ไม่ควรยุ่งอีกแล้วนะ”
รินคุปรากฎกายขึ้นจากด้านหลังของฉันก่อนที่เขาจะใช้พลังทำให้ผู้หญิงตรงหน้าสลบลงในอ้อมกอดของคนร่างบางซึ่งยืนรับร่างของเธอไว้ได้ทันถ่วงที
“ก็แค่ตอบแทนที่เธอเคยช่วยฉันไว้ ว่าแต่นายเถอะทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดี ฉันแทรกแซงให้หมดแล้ว ดูเหมือนแผนของฉันจะได้ผลตามคาด อีกไม่นานภารกิจของเราก็จะจบลงแล้วล่ะ เราจะได้ไปจากที่นี่ซะที ฉันเหนื่อยที่จะต้องเล่นตามเกมพวกมนุษย์เต็มทนแล้ว”
“นั่นสินะ ขืนอยู่นานเกินไปฉันอาจจะติดกับดักเอา”
“กับดัก?”
“บอกนายไปก็คงเท่านั้นล่ะ เอาเป็นว่าจับตาดูพวกเขาเอาไว้ให้ดี เผื่อว่าแผนของนายจะผิดพลาด ฉันจะได้แก้ทัน”
“ไม่มีทางหรอกน่า เชิญตกหลุมรักพวกมนุษย์ให้พอ หวังว่าเธอคงไม่โง่ยอมกลายเป็นมนุษย์ไร้หัวคิดเหมือนเจ้าพวกนั้นหรอกนะ”
ฉันเลือกที่จะเมินคำพูดพวกนั้นพลางย้ายร่างของอีเมลมาไว้ในห้องนอนของเธอแทน มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะหาที่อยู่ของอีเมลจากความทรงจำ แน่นอนว่าต้องไม่ให้ใครรู้ จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกผิดต่อคนร่างบางนิดๆ อยู่ดี ทำยังไงถึงจะสลัดความคิดพวกนี้ออกไปได้กันนะ...
“ยูโร มาทำอะไรที่นี่กันครับ ไหนว่าไม่อยากมาที่แบบนี้ไงล่ะ”
รันเวย์ จริงสิ ครั้งแรกที่ฉันเจอเขาก็อยู่แต่ในแบบนี้นี่นะ
“บางครั้งก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างน่ะ แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะ วันนี้ฉันไม่ได้คิดจะดื่มอะไรที่ทำตัวเองรู้สึกแย่เหมือนวันนั้นแน่นอน”
“ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ค่อยโล่งใจหน่อย”
คนร่างสูงถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะถูกหญิงสาวในชุดราตรีสีเพลิงล้อมหน้าล้อมหลังทำให้คุยกับอีกคนลำบากมากยิ่งขึ้น
“รันเวย์ มัวมาทำอะไรอยู่ตรงนี้กันคะ เราไปสนุกกันดีกว่านะคะ มาสิคะ”
“เอ่อ คือผม...”
“ไปเถอะ”
ฉันทนเห็นคนร่างสูงโดนโอบกอดไล่ประคองจูบใส่กันต่อไปไม่ไหวแล้วจึงลุกขึ้นยืนจากบาร์ตรงหน้าพลางเดินเลี่ยงไปอีกทางปล่อยให้เขาได้ลิ้มลองหญิงสาวในชุดสีแดงเพลิงต่อไป แม้ว่าสายตาของเขาจะจับจ้องมาที่ฉันก็ตาม
“ชักไม่แน่ใจแล้วสิ ว่าบททดสอบครั้งนี้มันมีไว้ให้ใครกันแน่”
คนร่างบางบ่นพึมพำกับท้องฟ้ายามค่ำคืน พลางนั่งอยู่บนจุดสูงสุดของชั้นด่านฟ้า เสียงไซเรนดังผ่านไปตามปกติ และคืนนี้พวกยมทูตก็ออกทำงานกันอีกแล้ว ทั้งที่คิดว่าจะเมินพวกไร้หัวคิดอย่างที่รินคุบอกแล้วเชียว แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้
“สรัน นายเลือกแบบนี้จริงๆ น่ะหรอ”
ชายชุดสูทแบบเดียวกับที่ฉันเจอวันนั้น เขากำลังกอดร่างของผู้หญิงนัยต์ตาสวยซึ่งมีรอยเลือดออกจากศีรษะเป็นทาง คงโดนรถชนมาสินะ
“ฉันจะตายเอง ให้เธอรอดแล้วเอาฉันไปแทน”
“นายก็รู้ว่าถึงยังไงก็ช่วยเธอไม่ได้อยู่ดี นายต่อสัญญาจนมันไม่เหลือให้ต่อแล้วนะ สรันยอมรับความจริงซักทีเถอะ”
คนผมสีดำสนิทเผากระดาษสัญญาของอีกคนพลางทำหน้าเสียใจให้กับเพื่อนสนิทซึ่งกำลังกอดร่างของหญิงสาวคนนั้นเอาไว้แน่น
“ถ้าทำสัญญากับแม่มดล่ะ พวกเขามีใบสัญญากับยมทูตระดับสูงนี่ ถ้าทำแบบนั้น!”
“พวกแม่มดไม่มีทางมาทำสัญญากับยมทูตระดับล่างอย่างเราหรอก ฉันถึงบอกให้นายปล่อยเธอไปไง!”
ความรักทำให้คนเราตาบอดจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่กระทั่ง ยมทูตซึ่งกำลังตั้งตนเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกแลกกับความรักที่ไม่มีทางเป็นจริงได้เขาก็ยอม
“ถ้านายไม่ยอม พวกฉันก็จำเป็นต้องกำจัดนายทิ้ง อย่าให้เป็นแบบนั้นเลยน่า ”
“หยุดพูด! ถ้าพวกนายไม่คิดจะช่วยฉันก็ถอยไป!”
เงาทะมึนเริ่มเข้าควบคุมร่างกลายของชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลเข้มขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามีคนค่อยชักจูงเขาอยู่เบื้องหลัง
“อย่าให้ความมืดควบคุมนายสิสรัน! นายต้องปล่อยเธอไป ! ”
“ไม่!!!!!!”
“แย่ล่ะสิ! เขาคลุ้มคลั่งไปแล้ว! ถ้าไม่รีบจัดการล่ะก็ พวกปีศาจได้แห่กันมาแน่!!”
เหล่ายมทูตที่เหลือพยายามใช้พลังสะกดเขาเอาไว้ แต่ก็ไม่สำเร็จเนื่องจากคนร่างสูงกลายรูปร่างเป็นสุนัขหมาป่าตัวใหญ่สีดำทมิฬ
“มัวทำอะไรอยู่ล่ะ มูน! นายต้องฆ่าเขาเดี๋ยวนี้เลย!”
“ตะ แต่ว่ารุ่นพี่เขายังมีสติอยู่เลยนะครับ! รุ่นพี่!!!!”
เรือนผมสีบลอนด์ขยับตัวออกห่างเจ้าหมาป่าสีดำอย่างตื่นหนก ดวงตาแดงฉานจ้องมายังเหล่ายมทูตด้วยความโกรธแค้นพลางกระโดดตะครุบร่างชายหนุ่มผมบลอนด์เอาไว้ด้วยอาการคลุ้มคลั่ง
“มูน!!!!!”
ทันทีที่สิ้นเสียงตะโกนสีเลือดแดงฉานก็กระเซ็นไปทั่วบริเวณภาพของหญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อนปรากฎตัวขึ้นขวางหมาป่าสีดำทมิฬฉายชัดขึ้นในดวงตาของชายหนุ่มอย่างลืมตัว
“เพิ่งจะเคยเห็นการถูกกัดกินจิตใจครั้งแรกแท้ๆ แต่แปลกจังนะ ที่คุณร้องไห้แบบนี้”
คนร่างบางแตะมือลงบนศีรษะของหมาป่าสีดำตัวใหญ่ซึ่งกำลังคลุ้มคลั่งก่อนที่เขาจะค่อยๆสงบสติตัวเองลงและกลับกลายเป็นมนุษย์ดั่งเดิม
รอยเลือดไหลซึมออกจากปลายแขนของยูโรช้าๆ ....จนกระทั่งอีกคนสังเกตเห็น
“แขนของคุณ...ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ!”
“ แค่นี้เองไม่เป็นอะไรหรอก”
ยูโรบอกปัดอีกคนซึ่งดูกระตื้อรื้อร้นกับรอยแผลของเธอ
“ขอบคุณที่มาช่วยพวกเราเอาไว้นะครับ ตัวแทนพระเจ้าอันดับที่ 5”
“ตะ ตัวแทนอันดับที่ 5 งั้นหรอครับ!!!”
อีกคนตกใจอย่างมากก่อนที่เขาจะรีบก้มโค้งให้กับคนร่างบางตามรุ่นพี่คนอื่นๆ
“กับคนพวกนี้พวกคุณจะทำยังไงกับเขาหรอคะ”
คนร่างบางปลายตาไปยังชายหนุ่มร่างสูงซึ่งนั่งกอดร่างของหญิงสาวเอาไว้แน่น ไม่ยอมไปไหน ถ้าพูดให้ถูกคือ ไปไหนไม่ได้เลยต่างหากเนื่องจากถูกโซ่พันธนาการเอาไว้หมดทุกทางแล้วด้วยฝีมือของยมทูตด้วยกันเอง
“ก็คงต้องจับตัวเขาไปให้ทางเบื้องบนจัดการอีกทีน่ะครับ ส่วนวิญญาณของเธอก็จะนำไปสู่ปรโลกให้ ว่าแต่แขนของคุณ...”
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ”
ฉันกลับมายังคอนโดของตัวเองพลางคิดไม่ตกเลยว่า จะทำยังไงกับความรู้สึกชวนปวดหัวนี้ดี ระหว่างนั้นแผลของฉันมันก็ค่อยๆสมานติดกันไปจนไม่เหลือร่องรอยอะไรเอาไว้อีก และมันก็คงเหมือนกับความรู้สึกของฉันตอนนี้ล่ะมั่ง ที่ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว....