บทที่ 10 ถูกไล่ออกจากบ้าน
“ไล่ออกจากบ้านอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อจ้าวเว่ยเว่ยฟื้นขึ้นมาจากการสลบจ้าวเม่ยก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ลูกสาวฟังว่า ทุกคนในครอบครัวตระกูลจ้าวก็ต่างโกรธแค้นนางตบหน้าสะใภ้ใหญ่ และต้องการขับไล่พวกนาง 4 แม่ลูกออกจากบ้านตระกูลจ้าวไปโดยทันที นางจ้าวเม่ยรู้สึกเสียใจและตกใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เธอรู้ดีว่าความใจร้อนของเธอสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวแล้ว แต่ในตอนนั้นที่เห็นลูกสาวนอนอยู่ด้านนอกเหมือนของไร้ค่า ไม่มีใครเหลียวแลเอาใจใส่ ความโกรธก็พลุ่งพล่านจนอดไม่ได้ที่จะลงมือตบสะใภ้ใหญ่ไปหลายฉาด
แม้ต่อมานางจ้าวเม่ยพยายามอธิบายให้ครอบครัวตระกูลจ้าวฟังว่าเธอทำไปด้วยความโกรธและห่วงใยลูกสาว แต่ครอบครัวตระกูลจ้าวก็ไม่ฟัง พวกเขาตัดสินใจเด็ดขาดที่จะขับไล่พวกนางสี่แม่ลูกออกจากบ้านทันที
“แม่ขอโทษนะลูกที่ทำให้พวกลูกต้องลำบากแล้ว"
ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวาย ครอบครัวจ้าวต่างโกรธแค้นนางจ้าวเม่ยที่ลงมือตบหน้าสะใภ้ใหญ่โดยทำเป็นหลงลืมประเด็นที่ว่าทำไม สะใภ้ใหญ่และแม่เฒ่าจ้าวถึงได้เข้ามาค้นหาเงินในห้องของนางจ้าวเม่ย ซึ่งจ้าวเว่ยเว่ยที่เพิ่งฟื้นและตอนนี้เธอก็ได้รับรู้ความทรงจำทั้งหมดของเด็กสาวคนนี้แล้ว ในความทรงจำนั้นครอบครัวนี้ช่างน่าสงสารมากจริง เป็นครอบครัวที่ถูกคนทั้งตระกูลรังแก ตั้งแต่ตอนที่พ่อของเธอเสียชีวิตเมื่อ 3ปีก่อน จากการตกน้ำแล้วหาศพไม่เจอ พวกเขาก็มีชีวิตอยู่ที่นี่เหมือนอยู่ดั่งนรกก็ว่าได้ ตัวเธอและน้องของเธอต้องทำงานอย่างหนักและพวกเธอมักจะถูกตี ถูกทำร้ายเสมอและไหนจะอาหารที่พวกเธอต้องกินของที่เหลือจากพวกเขา ถึงแม้ว่าแม่ของเธอจะเป็นคนที่ทำงานมากที่สุดในบ้านก็ตาม
เมื่อตอนนี้แม่ของเธอบอกว่าคนตระกูลจ้าวต้องการที่ไล่พวกเธอออกจากบ้านทำไมเธอจะไม่ดีใจล่ะ แม้จะยังรู้สึกมึนศีรษะและยังรู้สึกเจ็บปวดจากรอยแผลแต่ภายในใจกลับรู้สึกยินดีที่จะได้หลุดพ้นจากบ้านแห่งนี้เสียที
นางจ้าวเม่ยรู้สึกเสียใจและตกใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าความโกรธแค้นชั่ววูบจะนำพาหายนะและความลำบากมาสู่ครอบครัวขนาดนี้แล้วต่อไปพวกนางจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ? นางไม่ใช่คนในหมู่บ้านนี้ ตอนที่เจอกับพ่อของเว่ยเว่ยนั้นนางก็พเนจรมากับพวกขายของเร่ ไม่มีบ้านช่องเป็นของตัวเอง นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้นางต้องยอมทนให้คนตระกูลจ้าวข่มเหงรังแก
เพื่อที่จะให้ลูกๆ ของนางนั้นอย่างน้อยก็มีตระกูลอยู่มีบ้านให้พักอาศัย นางจ้าวเม่ยเพียงคิดว่า ถ้านางไม่ต่อต้านและยินยอมทำตามที่พวกเขาต้องการ พวกเขาคงจะไม่ทำอะไรครอบครัวของนาง ไหนเลยจะคิดว่าที่ผ่านมาพวกเขาต่างก็ต้องการที่จะขับไล่พวกนางออกจากตระกูลมาตลอด พวกเขาไม่เคยคิดว่าจ้าวหลีเฉิงที่พวกเขาเก็บมาเลี้ยงเมื่อ 15 ปีก่อนนั้นคือคนในครอบครัวจริงๆ พวกเขาเพียงต้องการแรงงานในบ้านเท่านั้น และยังลำเลิกตลอดเวลาว่าดีเท่าไหร่แล้วที่ให้หลีเฉิงใช้แซ่ จ้าวของพวกเขาด้วย เหตุผลอาจจะเป็นเพราะพี่สามที่กำลังจะสอบเป็นขุนนาง พวกเขาไม่ต้องการให้พวกนางนั้นเกาะติดกับตระกูลของพวกเขานั้นเอง
"แม่ขอโทษลูกนะลูก แม่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรตอนนั้นเห็นลูกนอนอยู่เหมือนของไร้ค่า แม่ตกใจมาก หัวใจแม่แทบจะสลาย รู้สึกโกรธแค้นพวกมันที่ทำร้ายลูกของแม่"
นางจ้าวเม่ยร้องไห้ขอโทษลูกสาวจ้าวเว่ยเว่ยมองนางจ้าวเม่ย เธอมองเห็นความรู้สึกหลากหลายในดวงตาคู่นั้น ทั้งความเสียใจ โกรธแค้น และสิ้นหวัง
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านทำถูกต้องและดีที่สุดแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ทำไปเพราะรักลูก ข้าดีใจที่ท่านแม่ปกป้องข้า และความจริงแล้วพวกข้าต้องการที่จะออกจากตระกูลจ้าวเช่นกันเจ้าค่ะ จริงไหมเจ้ารอง น้องเล็ก? "
จ้าวเว่ยเว่ยปลอบใจนางจ้าวเม่ยและหันมามองน้องทั้งสองคนที่ยังนั่งฟังแม่และพี่สาวคุยกันอยู่ เมื่อพี่สาวถามมาพวกเขาต่างก็พยักหน้าอย่างแรง
“ใช่แล้วท่านแม่พวกข้าไม่อยากจะอยู่ที่นี้แล้ว พวกเขาช่างใจร้ายเหลือเกิน ข้าโดนป้าใหญ่ตีทุกวันเลย แม้ว่าข้าไม่เคยดื้อ และทำงานตามที่นางบอกก็ตาม ท่านแม่ดูสิ”
เมื่อพูดเสร็จ เจ้าเล็กจ้าวเย่วชิงก็หันหลังและเปิดเสื้อที่เก่าและเปื่อยเหมือนผ้าขี้ริ้วให้แม่และพี่สาวดู ด้านหลังของเด็กน้อยนั้นบนแผ่นหลังที่ผอมแห้งของนางนั้นมีรอยไม้ขนาดใหญ่อยู่หลายรอย เป็นรอยแดงนูนจ้าวเว่ยเว่ยรู้สึกโกรธแค้นและตกใจ ที่เห็นสภาพน้องสาวของเธอ เด็กอายุเพียงไม่กี่ขวบทำไมถึงถูกทารุณกรรมเช่นนี้ นางจ้าวเม่ยเมื่อเห็นแผ่นหลังของลูกสาวคนเล็ก มือของนางก็สั่นขึ้นมาอย่างแรง และกำแน่นขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าหากมีใครสั่งเกตในตอนนั้นจะเห็นว่านัยน์ตาของนางนั้นเหมือนมีเส้นสีทองและสีเงินพาดผ่าน เพียงวูบเดียวก็หายไปอย่างรวดเร็ว นางสั่นศีรษะและหลบตาและลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเหมือนพยายามจะควบคุมตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
นางเอื้อมมือมากอดร่างเล็กผอมแห้งที่น่าสงสารของลูกสาวคนเล็กและร้องไห้ออกมาเบาๆ
“แม่ขอโทษนะเจ้าเล็ก แม่ขอโทษที่ไม่อาจจะปกป้องลูกได้ ฮืออออ แม่มันไม่เอาไหนความจริง”
นางจ้าวเม่ยได้แต่โทษตัวเอง
"ท่านแม่พวกเราไม่อยากจะอยู่ที่นี่จริงๆ พวกเราอยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ คนตระกูลนี้ไม่สมควรที่ท่านจะต้องมารับใช้พวกเขาหรอก"
จ้าวเว่ยเว่ยพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคง ในตอนนั้นเองมือของเธอก็ยกขึ้นแล้วลูบไปที่คอที่ห้อยจี้กระจกอยู่ เมื่อสัมผัสมันทำให้เธอมั่นใจมากขึ้น และเมื่อเธอหลับตาและเพ่งสมาธิเข้าไปก็เห็นว่าของด้านในวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ เต็มพื้นที่ไปหมด จ้าวเว่ยเว่ยลืมตาอีกครั้งและมองไปที่ครอบครัวเล็กๆ ที่น่าสงสารของเธอ เธอไม่กลัวที่พาแม่และน้องๆ ออกไปหรอกนะ ของที่เธอเตรียมมานั้นมันเยอะมากจนกินใช้ทั้งชีวิตก็ไม่หมด แล้วจะมาทนอยู่ในสถานที่โหดร้ายแบบนี้ทำไมกัน
นางจ้าวเม่ยโอบกอดลูกสาวไว้แน่น น้ำตาไหลรินอาบแก้มทั้งคู่แม้จะรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทั้งนางจ้าวเม่ยและจ้าวเว่ยเว่ยก็รู้ดีว่า นี่คือโอกาสเดียวที่จะหลุดพ้นจากตระกูลนี้
"แม่สัญญาว่าจะดูแลลูกๆ เอง แม่จะไม่ให้ลูกต้องลำบากอีกต่อไป"
นางจ้าวเม่ยสัญญากับลูกๆ ของนาง ตอนนี้นางได้ตัดสินใจแล้วที่จะทำอะไรบางอย่าง จ้าวเว่ยเว่ยโผกอดแม่นางจ้าวเม่ยแน่น พวกน้องๆ ก็ต่างวิ่งมากอดแม่ของพวกเขาด้วยความอบอุ่นจากอ้อมกอดของลูกๆ ทำให้ช่วยปลอบโยนหัวใจที่บอบช้ำของนางจ้าวเม่ยได้
คืนนั้นหลังจากที่แม่และน้องๆ หลับจ้าวเว่ยเว่ยค่อยๆ เปิดประตูและเดินออกมาข้างนอกมอง เธอมองไปที่ประตูครัวของคนตระกูลจ้าว และมุมปากก็ยกขึ้นมาข้างหนึ่ง ในเมื่อพวกเขาร้ายกาจขนาดนี้่ เธอจะออกจากบ้านไปเฉยๆ ได้อย่างไร…หึหึหึ….
เช้าวันต่อมา ครอบครัวจ้าวก็จัดการเก็บข้าวของของนางจ้าวเม่ยและจ้าวเว่ยเว่ย บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดและอึดอัด
"พวกเจ้าออกไปจากบ้านนี้ซะ! ถึงอย่างไรเจ้าสี่ก็ไม่ได้เป็นคนในตระกูลจ้าวอยู่แล้วและตอนนี้นางจ้าวเม่ยยังถึงขนาดทำร้ายสะใภ้ใหญ่แบบนี้ต่อไปคงอยู่กันไม่ได้แล้ว”
จ้าวหนานหัวหน้าครอบครัวตะโกนสั่งและที่ยืนอยู่ข้างเขาก็คือแม่เฒ่าจ้าวเมียของเขา หญิงชราจงเกลียดจงชังจ้าวเม่ยและลูกๆ ของนางมาก นางไม่อยากเห็นพวกนางอีกแม้แต่วินาทีเดียว พวกนางต้องการไล่ให้พวกเขาออกจากบ้านในทันที
“เช่นนั้น พวกท่านคิดจะแบ่งสมบัติอย่างไรเจ้าคะ”
จ้าวเม่ยเอ่ยถามออกมาน้ำเสียงนั้นเย็นชาอยู่หลายส่วน เพราะไหนๆ พวกเขาก็ไม่มีความเห็นอกเห็นใจพวกนางแล้ว ทำไมต้องให้ความเคารพอีกล่ะ
หญิงชราร้องเฮอะขึ้นมาเสียงดัง
“แบ่งรึ? ของของสกุลจ้าว แล้วพวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเรียกร้องให้พวกข้าแบ่งให้ เจ้าสี่ไม่ได้เป็นคนในตระกูลด้วยซ้ำ ดีเท่่าไหร่แล้วที่พวกข้าให้เขาใช้แซ่จ้าวด้วย และตลอดหลายปีที่ผ่านพวกข้าก็ให้พวกเจ้าอาศัยแซ่จ้าวของพวกข้าแล้ว ข้าจะไม่ให้อะไรพวกเจ้าเช่นกันพวกเจ้าจะไปต้องไสหัวออกไปตัวเปล่า!”
บ้านหลังนี้ไม่ใหญ่นัก แม้ทั้งสองคนจะจงใจพูดเสียงเบา ทว่าหลายคนที่ยืนอยู่ไกลก็ยังคงได้ยินอย่างชัดเจน
จ้าวเว่ยเว่ยส่ายหน้าคนเราจะใจร้ายจนถึงขั้นนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว พวกเขาช่างทำได้ดีเหมือนกันทั้งตระกูลจริงๆ
ขณะนั้นเองหัวหน้าหมู่บ้านที่ถูกจ้าวเว่ยเว่ยให้น้องรองวิ่งออกไปเชิญก็มาถึงบ้านตระกูลจ้าวพอดี
**** น้องไม่ได้ถูกแยกบ้านนะคะ น้องถูกไล่ออกจากบ้านค่ะ แบบนี้ก็ตรงกับความต้องการพอดี แต่ว่าจะออกไปโดยไม่ได้ทิ้งความประทับใจให้คนตระกูลจ้าวสักหน่อยก็คงจะผิดธรรมเนียมแล้วล่ะค่ะ5555
ตอนพิเศษ บทส่งท้าย ท่านราชครูหวังหย่งเล่อหลังพิธีแต่งงานของคุณชายหวังหย่งเล่อและเฟิงมิ่งจู่ผ่านมา 6 เดือน ตอนนี้อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันปีใหม่เช้าวันที่หนาวเหน็บหิมะตกโปรยปรายบรรยากาศเหมาะสมกับการเฉลิมฉลองเป็นอย่างยิ่งและอีก 2 วันก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว จวนเฟิงตอนนี้ถือได้ว่าคึกคักขึ้นมาไม่น้อย เพราะตั้งแต่ที่เฟิงฮองเฮาแต่งออกไปที่แคว้นต้าเจียง บรรดาคนไข้ต่างๆ ก็ลดลงมากทำให้จวนเฟิงไม่ค่อยได้รับแขกที่เป็นคนไข้อีกแล้ว แต่ทว่าบ้านพักฟื้นนั้นกลับไม่เคยว่างเลยก็ว่าได้ มันถูกจองเต็มกันข้ามปีกันเลยทีเดียว จนเฟิงฮองเฮานั้นชักจะสงสัยแล้วว่าที่นางทำนั้นคือ บ้านพักตากอากาศหรือสถานพักฟื้นสำหรับคนป่วยกันแน่ ส่วนเรื่องความวุ่นวายที่เริ่มกลับมาที่จวนเฟิงอีกครั้งนั้นมาจากสาเหตุนี้เรื่องแรกคือท่านหวังหย่งเล่อที่มีศักดิ์เป็นพ่อต่อขององค์ฮ่องเต้แคว้นต้าเจียง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นราชครูของไท่จื่อของแคว้นต้าหมิงนั้นเอง เขาได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของต้าหมิงมีหน้าที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ที่เขามีให้กับองค์ไท่จื่อ โดยเฉพาะด้านวรยุทธ์ที่สูงส่งของเขาและกาพย์กลอน แต่ในด้านการเข้าสังคมนั้นองค์ฮ่องเต้หยางเฟยหล
บทที่ 116 ตอนพิเศษ...คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง (ท่านพ่อท่านแม่)ภายในห้องหอที่ประดับประดาด้วยดอกไม้สีชมพูอ่อนระเรื่อ แสงเทียนระยิบระยับส่องกระทบกับผนังสีทองอร่าม กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้และน้ำมันหอมระเหยอบอวลไปทั่วห้องเฟิงมิ่งจู่นั่งก้มอยู่บนเตียงที่ประดับตกแต่งเอาไว้อย่างประณีตสวยงามสมกับเป็นเตียงของบ่าวสาว สีแดงที่ตัดเย็บอย่างประณีตและสวยงามอลังการสมกับเป็นชุดแต่งงานของคู่รักคู่ครองที่เคยอยู่ร่วมกันมานานปี นางกำลังรอให้เจ้าบ่าว หวังหย่งเล่อของนางที่ตอนนี้กำลังยกดื่มสุราอยู่กับเหล่าขุนนาง ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงเดินเข้ามา ในขณะนั้นข้างกายของเฟิงมิ่งจู่นั้นมีบ่าวรับใช่ขั้นหนึ่งที่หวังฮูหยินส่งมาเพื่อดูแลและแนะนำพิธีการต่างๆ อยู่ต้องทราบว่าก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองแต่งงานกันนั้นพวกเขาทำด้วยความรีบร้อนและไม่ได้มีพิธีการใดๆ เลยนอกจากกราบไหว้ฟ้าดินกันสองคน เพราะครอบครัวจ้าวนั้นไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของพวกเขา มาตอนนี้หวังหย่งเล่อนั้นต้องการที่จะทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณีทั้งหมดไม่ให้ขาดแม้แต่ขั้นตอนเดียว เขาบอกกับทุกคนว่านี่เป็นวิธีการบอกรักและให้เกียรติฮูหยินของเขาอย่างหนึ่ง ซึ่งทุก
บทที่ 114 ตอนพิเศษ 3 คิดถึงเหลือเกิน..ที่รักของข้าหลังพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของทั้งสองแคว้นผ่านไปชีวิตผู้คนทั้งสองแคว้นต่างก็อยู่กันอย่างปรกติสุข เพราะทั้งสองแคว้นนั้นต่างก็ช่วยเหลือและพึ่งพาอาศัยกัน ตอนนี้ราคาของเกลือและน้ำตาลนั้นลดลงมาเป็นอย่างมากแล้ว เพราะการผลิตที่เข้มงวดและเพิ่มกำลังออกมาเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนของทั้งสองแคว้นได้มีสินค้าที่ดีและมีคุณภาพและราคายุติธรรมออกมาขาย ประชาชนจึงพออกพอใจการบริหารและดูแลพวกเขามาก ตอนนี้ไม่ว่าจะไปทางไหนก็มีแต่คนยกย่องสรรเสริญฮ่องเต้และราชวงค์ ไม่ว่าพวกเขาเดินทางไปทางไหนผู้คนก็จะทรงพระเจริญไปทั่ว เหล่าราชวงค์ พระสนมนางในต่างก็มีความสุขกันทั่วหน้าด้วยเช่นกัน เพราะว่าตอนนี้การเงิน การทอง และเบี้ยหวัดของพวกนางนั้นฮ่องเต็ได้เพิ่มให้มาขึ้นแล้ว ตอนนี้พวกนางสามารถซื้อครีม ซื้อกระเป๋ารองเท้าตามแบบเว่ยฮองเฮาได้แล้วไม่ว่านางจะออกแบบสิ่งที่เว่ยฮองเฮาเรียกว่า คอลเลกชั่น ออกมากี่คอลเลกชั่นพวกนางก็สามารถสั่งซื้อได้ทันที ความสุขจึงได้เกิดขึ้นภายในวังมังกรของฮ่องเต้หยางเฟยหลงแล้วแต่ทว่าสิ่งเหล่านั้นหาได้เกิดขึ้นกับวังหลงหว่างฝู่ ของชินอ๋องอย่างสิ้นเชิง เวล
ตอนที่ 113 ตอนพิเศษ2 ฮันนีมูนที่ปารีสดึกดื่นคืนหนึ่งภายใต้แสงจันทร์นวลฉายแสงระยิบระยับลงบนผิวน้ำใสของทะเลสาบหูซีอันเลื่องชื่อบรรยากาศเงียบสงบ ไร้เสียงรบกวนเหลือเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งแผ่วเบาฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนที่ทรงว่างจากภาระงานราชการพระองค์เอ่ยชวนเฟิงฮองเฮาอันเป็นที่รักกลับมาที่แคว้นต้าหมิง โดยทิ้งเหล่าองค์ชายและองค์หญิงให้กับทางแม่ยายและพ่อตาดูแล ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนทรงจับมือเฟิงฮองเฮาสุดที่รัก พาท่านล่องเรือไม้ลำน้อยออกสู่กลางทะเลสาบ สายลมเย็นพัดโชยมาแตะใบหน้า กลิ่นหอมของดอกไม้ป่าโชยมาตามสายลม บรรยากาศโรแมนติกโอบล้อม ฉู่อี้เทียนที่มีเฟิงฮองเฮาอิงแอบอยู่ในอ้อมแขน เขาก้มลงมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ทรงเอ่ยขึ้นว่า"คืนนี้น้องหญิงช่างงดงามเหลือเกิน" ก่อนจะจุมพิตลงบนผมที่มีกลิ่นหอมของดอกกุหลาบอ่อนๆ ของนางเฟิงฮองเฮาเงยหน้าขึ้นมา นางยื่นหน้าขึ้นมาจูบที่คางของเขาเบาๆ และยิ้มอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะเอ่ยตอบว่า“ท่านพี่ก็เช่นกัน คืนนี้ท่านดูหล่อเหลาเป็นพิเศษข้าชอบ”พูดเสร็จก็ยื่นหน้าไปจุมพิตเขาอีก 2 ทีฉู่อี้เทียนยิ้มทรงโอบไหล่เฟิงฮองเฮาเข้าไว้เขาค่อยๆ ถอนหายใจออกมาอย่างมีความสุข และ
บทที่ 113 ตอนพิเศษ 1 CPR มิใช่การจุมพิตแต่เป็นการช่วยชีวิต“เพี๊ยะ!”ใบหน้าอันหล่อเหลาของคุณชายถงเจี้ยนหลานหันไปตาแรงตบของฝ่ามือเล็กๆ นั้น เขาค่อยๆ หันหน้ากลับมาและมองมือเล็กที่ยังคงเปียกชื้นอยู่ ซึ่งตอนนี้มันแดงก่ำเพราะการใช้กำลัง และแน่นอนบนใบหน้าของเขาก็ปรากฎรอยแดงขึ้นมาทันทีเช่นกัน“เจ้า..เจ้าคนสารเลว เจ้าเป็นโจรเด็ดบุปผาหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงได้ทำกับข้ากลางวันแสกๆเช่นนี้” เสียงเล็กหวาน แว๊ดขึ้นมาใส่เขาอีกครั้งหนึ่ง นางน่าจะตกใจจนลืมไปว่าตัวเองเพิ่งจะตกน้ำจนหมดสติไป ตอนนี้ถงเจี้ยนหลานยังคงหาเสียงของตัวเองไม่เจอและเขาก็ค่อนข้างตกใจเหมือนกันที่อยู่ๆ ก็โดนตบเช่นนี้ เขาที่เป็นถึงเจ้ากระทรวงสาธารณสุขที่ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นต้าหมิง ช่วยชีวิตคนแล้วโดนตบ รู้ถึงไหนอายถึงนั้นจริงๆ แล้ว!!!!ย้อนไปเมื่อ หนึ่งเคอก่อนหน้านี้ ถงเจี้ยนหลานที่ปีนี้อายุอานามเข้า35ปีแล้ว แต่ว่าเขายังไม่แต่งงาน ตอนนี้เขากำลังอ่านหนังสือแพทย์ที่ท่านอาจารย์ซึ่งก็คือฮองเฮาแห่งแคว้นตาเจียงให้มา ในหนังสือแพทย์เล่มนั้นสอนเรื่องการผ่าตัดที่ซับซ้อนทำให้เขาสนใจมาก ตอนนี้คุณชายถงเจี้ยนหลานนั้นมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงเจ้ากระทรวงสาธา
บทที่ 112 การจากลา (จบ)พิธีแต่งงานระหว่างสองแคว้น ต้าเจียงและต้าหมิง จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ ด้วยการเฉลิมฉลองที่ยาวนานถึง 7 วัน 7 คืน ประชาชนต่างมาร่วมแสดงความยินดีอย่างล้นหลาม สร้างความชื่นมื่นทั่วทั้งแคว้นต้าเจียง นับเป็นงานสมรสที่ยิ่งใหญ่และทรงเกียรติที่สุดในยุคสมัยสามเดือนผ่านไป ภายในพระตำหนัก ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนในเวลานี้กำลังนอนเอนอยู่บนแท่นบรรทมอันหนานุ่มที่ฮองเฮาทรงเตรียมไว้เป็นพิเศษ ข้างกายของพระองค์มีจานมะนาวฝานบางๆ วางอยู่ ถัดจากนั้นเป็นถาดผลไม้รสเปรี้ยวหลากหลายชนิด ตั้งเรียงไว้เพื่อช่วยบรรเทาอาการอยากอาเจียนที่ฮ่องเต้กำลังประสบ ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนหลับตาแน่น คิ้วขมวดเป็นปม พร้อมกับอมมะนาวไว้ในปากเพื่อบรรเทาความรู้สึกคลื่นไส้ที่ไม่หายไปง่ายๆขันทีประจำพระองค์ยืนอยู่ใกล้ๆ คอยมองด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าฮองเฮา ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะตรวจและบอกไปแล้วว่านี่เป็นอาการปรกติของผู้ชายที่ "แพ้ท้องแทนเมีย" ซึ่งไม่ร้ายแรงและจะหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป แต่ความทุกข์ทรมานที่ฮ่องเต้ต้องเผชิญทุกครั้งที่มีอาการอยากอาเจียน ทำให้ขันทีอดที่จะรู้สึกไม่สบายใจตามไปด้วยไม่ได้ฮ่องเต้ฉู่อี้เทีย