นิยาย อันดับสอง ของจักรวาล มหาสุวรรณทวีป เรื่องราวของเอลฟ์รานุน (ดาร์กเอลฟ์) นามว่า ดิสมัส ที่พลัดหลงเข้ามาในดินแดนแห่งนี้
View Moreลำนำแห่งว๊าก
จากบันทึกของออร์ค
ณ ดวงดาวดวงหนึ่งในจักรวาลที่อันแสนไกล ดาวดวงนี้เดิมที่เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าแมลงยักษ์ แต่ต่อมาได้เกิดเหตุการณ์ประตูมิติเปิด ได้นำพาสิ่งมีชีวิตอีกหลายพันธุ์เข้ามา แต่สิ่งที่มากที่สุดและพอจะมีสติปัญญาคือ พวก ออร์ค อมนุษย์รูปร่างสูงใหญ่ผิวสีเขียว มีความป่าเถื่อน ชอบในการทำสงครามเข้ามาในดาวดวงนี้ พวกมันเข่นฆ่าเหล่าแมลงยักษ์ แม้พวกแมลงยักษ์จะร่างกายที่แข็งแกร่งเพียงใด พวกออร์คนั้นมีพละกำลังและความบ้าเลือดจึงสามารถฆ่าแมลงยักษ์ได้จนหมด ดาวดวงนี้ถูกเรียกว่า ว๊าก ! หลักจากนั้นพวกมันก็เริ่มขยายเผ่าพันธุ์และดินแดนจนเรียกได้ว่าครองดาวด้วยนี้ได้แล้ ทำให้ดวงดาวกลายเป็นดาวที่ป่าเถื่อนและมีสงครามไม่เว้นในแต่ละวัน !
จบบันทึกแห่งออร์ค ซึ่งก็ไม่รู้ว่าออร์คตัวไหนเขียน เพราะขืนไปถามมัน จะโดนฆ่าแทน
บันทึกของโดวาฟกลุ่มแรก ผู้บันทึกคือ สโตน ราชาแห่งโดวาฟกลุ่มแรกรวมกับโดวาฟอีก 6 คนที่ไม่ขอเอ่ยนาม
ข้านำพาโดวาฟกลุ่มใหญ่ทั้งชายและหญิงพันคน ขุดเหมือนที่ภูเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งข้าเองในเวลานั้น ยังเป็นแค่หัวหน้าคนงานเท่านั้นเอง แต่เราขุดลึกเกินไปมันเกิดแสงสว่างวาปขึ้นมา มารู้ตัวเองที่พวกเราก็อยู่ในที่เราไม่คุ้นเคยแล้ว พวกเราได้เจอกับสิ่งมีชีวิตประหลาดอีกหลายสายพันธุ์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราไม่คิดว่าจะได้เจอเลยคือ พวกออร์ค ! การได้เจอพวกมันถือเป็นเรื่อง แย่ที่แล้ว โชคดีที่เรามีอาวุธที่ดีกว่า เลยทำให้ต่อกรพวกออร์คได้ ข้าเลยตัดสินใจ ไปตั้งรกรากกันที่ภูเขาลูกหนึ่งที่เต็มไปด้วยสินแร่สารพัดชนิด สถาปนา อาณาจักร โดวาฟแห่งแรกขึ้นโดย ตั้งชื่อดินแดน วันเทาซั่น ตามจำนวนคนที่มาที่แรก และแต่งตัวเองเป็นปฐมกษัตริย์ ดินแดนของโดวาฟเริ่มมีความเจริญมากขึ้น แต่เราก็ไม่ได้คิดจะขยายดินแดนเพิ่มเติม แค่ให้คนของปลอดภัยเท่านั้นเอง
บันทึกจาก พ็อตไชลอง วีรบุรุษและกวีชาวเอลฟ์รูมิแย่
พวกเราเอลฟ์นั้นไซร์ ได้หนีภัยสงครามจากดินแดนของพวกเราเอง แรก ๆ ยังไม่มีการแยกเผ่ากัน พวกเรามีแต่เอลฟ์เท่านั้น โดยมาทางเรือ ฝ่าเกลียวคลื่นและพายุร้าย ที่หมายจะเอาชีวิตพวกเราตลอดเวลา โอเหตุได้กันพวกเรา ถึงได้เจอกับชะตากรรมอันโหดร้ายเช่นนี้ คลื่นลูกใหญ่โถมเข้ามาแต่แล้วก็เกิดแสงสว่าง วาปขึ้นมา พวกเรามาโผล่ที่ดินแดนที่เราไม่รู้จัก พวกเราไม่รู้จะทำเช่นไรดินแดนเต็มไปด้วยพวกป่าเถื่อน อัปลักษ์ อย่างพวกออร์คตัวเขียว และพวกโดวาฟตัวเตี้ย พวกเราที่มาโผล่ที่นี่โดยไร้ซึ่งอาวุธ จึงถูกตามล่าและขับไล่ จากที่นี่แต่เราไม่มีไปแล้วเพราะกลับสู่บ้านเกิดก็ไม่ได้แล้ว แต่แล้วสวรรค์ก็เมตตาเราพวก ได้มีเทพีที่แสนงดงามนามว่าเทพี ดานู[1] ได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเรา นางเห็นพวกเราโดยเข่นฆ่าก็สงสาร นางจึงขออาสาสมัครที่จะเรียนวิชากับนาง ซึ่งได้เอลฟ์ผู้กล้าหาญสามตนได้อาสามาเรียนวิชากับนาง คือ
มาริยง นางเป็นผู้หญิงคนเพียงคนเดียวในกลุ่มสามตนนั้น นางมากจาเอลฟ์ตระกูลสูงในดินแดนเดิมของเราได้เรียนวิชากับเทพีดานู ทำให้พวกเรานั้น มีรูปร่างหน้าตาที่งดงาม ส่องประกายดุจดวงตะวัน พวกเราจึงเรียกตัวเองว่า รูมิแย่ หรือ เอลฟ์แสง และกลายเป็นธรรมเนียมว่า ผู้ปกครองดินแดนของเหล่า เอลฟรูมิแย่ ต้องเป็นหญิงเท่านั้น
ยออาน เอลฟ์ใจโฉด เอลฟ์ทมิฬ มันเป็นอดีตนักโทษเอลฟ์ที่ทำผิดมาจนนับไม่ได้เลย มันเรียนวิชากับเทพีดานู แต่กลับมกมุ่นในศาสตร์มืด จนเรียกได้ว่า มันทำตัวเองกลายสิ่งที่เอลฟ์รับไม่ได้จริง ๆ คือ พวกมันมีผิวซีด ผมขาว แถมตายังเหมือนแมวอีก พวกมันเรียกตัวเอง เอลฟ์รานุน หรือ เอลฟ์มืด
ซูม่า เอลฟ์ผู้นิยมธรรมชาติ เป็นคนเรียนวิชาเทพีดานูแล้ว รู้สึกว่าจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติจึงทำให้พวกเขากลายเป็นคนป่าคนดอย และเรียกตัวเองว่า เอลฟ์ฟอร์แคร์ หรือเอลฟ์ป่า
หลังจากนั้นเหล่าเอลฟ์ได้รับการถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ จากทั้งสามตนจึงทำให้แบ่งสามกลุ่ม หลังจากที่สามารถสร้างดินแดนที่ยิ่งใหญ่ให้กับพวกเราแต่ล่ะเผ่าได้แล้ว ทำให้เอลฟ์กลายเผ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว หากแต่เราเอลฟ์รูมิแย่ยังต้องคอยจัดการพวกเอลฟ์เผ่าอื่นเสมอ อย่างไม่จบไม่สิ้น
(แต่เรื่องนี้ เอลฟ์รานุนเป็นตัวนำนะเฟ้ย)
[1] เทพี ดานู เทพมารดร ตามความเชื่อของชาวไอริช นางเป็นผู้สอนวิชาให้เทพกลุ่มแรกในตำนานของไอริช
“ข้าคิดว่า พวกเราสองดินแดนน่าจะร่วมมือเป็นพันธมิตรกัน แลกเปลี่ยนทำการค้าด้วยกัน และยังสามารถแลกเปลี่ยนความรู้ด้วยกันได้อีกด้วย” อสิซซ่าพูด“ตูไม่เห็นอยากจะได้ความรู้อะไรจากสูเลย” แคนนอร์สวน อลิซช่า ตั้งสติระงับอารมณ์โกรธและรีบพูดต่อไปว่า“พวกท่านกับข้ามีศัตรูคนเดียวก็สมควรแล้วล่ะที่จะต้องร่วมกันสู้กับพวกมัน”“นี่สูหาพวกตูจะสู้ ไอ้ตัวซีดนั่นไม่ได้หรือไงกัน !” แคนนอร์เริ่มหัวเสียแล้ว อลิซซ่ารีบพูดว่า“มิได้เป็นเช่นนั้น พวกเราต่างหากที่ต้องพึ่งความแข็งแกร่งของท่าน” อลิซซ่าพูด แคนนอร์ถามทันที“หมายความว่าอะไร”“พวกเราไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนท่าน จึงต้องให้ท่านช่วยเหลือ เราถึงจะต่อสู้กับพวกรานุนได้” อลิซซ่าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แคนนอร์เริ่มมีทางทีที่อ่อนลง อลิซซ่าส่งสัญญาณ มารีสเป่าขลุ่ยนักดนตรีคนอื่นเริ่มเล่นเครื่องดนตรีของตนด้วยทำนองเพลงที่เป็นจังหวะเพลงช้า อลิซซ่าเป็นคนร้อง เสียงของนางไพเราะจับใจมาก จนทำให้แคนนอร์เริ่มที่จะเคลิ้ม แต่เพลงก็เริ่มที่มีจังหวะสนุกสนานขึ้น อลิซซ่าเริ่มร้ายรำด้วยลีลาสวยงามและอ่อนช้อย หลังเพลงจบ แคนนอร์ตบมือให้ด้วยความชื่นชม“เยี่ยมมาก ตูตกลงที่จะเป็นพันธมิตรกั
“ข้าจะมอบกำลังทหารให้สามร้อยคน ให้เจ้าบัญชาการ” การมีทหารในสังกัดตัวเองนั้น ถือว่าดิสมัสมีอำนาจมากขึ้นกว่าเดิน ดิดีเยร์รีบแย้งว่า “มันจะไม่มากไปหน่อยหรือขอรับ ท่านพ่อ” “เขาทำความชอบก็สมควรได้รับรางวัลสิ พวกเจ้าจะกังวลทำไม มีทหารในสังกัดเป็นพัน อีกอย่างเขาก็เป็นลูกข้าเหมือนกับเจ้านั่นล่ะ พวกเจ้าน่ะมัวทำอะไรอยู่ แค่กรีนฮาร์ทเผ่าเดียว รบได้ตั้งเดือนหนึ่ง ดิสมัสเลยอาสาไปจัดการให้แป๊บเดียวเท่านั้น” เทียรี่พูดอย่างไม่ไว้หน้า สองแฝดทำหน้าไม่ถูกได้เก็บความโกรธไว้ในใจ “ข้าขอไปพบท่านแม่ก่อนนะขอรับ” ดิสมัสรีบตัดบท และเดินออกไป เพราะเขารู้ว่าขืนอยู่ต่อจะต้องมีสงครามน้ำลายแน่ ๆ “เจ้าเพิ่งชนะสงครามมานะ ทำหน้าเป็นตูดอยู่ได้” เบต้าพูดด้วยเสียงแหลม ๆ ดิสมัสนั้นนอกจากวิชาหมอผีแล้ว เขายังสามารถอัญเชิญภูตได้ด้วยเป็นวิชาของเอลฟ์ฟอร์แคร์ที่เขาเอามาดัดแปลงใส่พลังความมืดเข้าไป ซึ่ง เบต้าเป็นภูตตนแรกที่เขาอัญเชิญได้มีพลังในการปล่อยผงสามชนิดคือ ผงรักษา ผงพิษ และผงลอยตัว เบต้ามีความพิเศษคือ จะปรากฏตัวได้ตามใจไม่ต้องรอให้เขาเรียกเหมือนภูตตัวอื่น ส่วนเจ
แม้ว่าสลิงจะเป็นจะเป็นอาวุธที่ดูเรียบง่ายแต่อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะกระสุนของมันเป็นหิน แถมเป้าหมายในการโจมตีคือหัว ซึ่งโดนเข้าทีเดียวก็ถึงตาย “มันอยากลองดีสินะ พลหน้าไม้ !” ดิดิเย่ร์ลตะโกน พลหน้าไม้ตั้งแถวและยิงลูกศรใส่ทันที หน้าไม้นั้นมีแรงดึงมากกว่าธนูซะอีก ทำให้ลูกศรนั้นมันความรุนแรงและพุ่งได้เร็วกว่าธนูหลายเท่า พวกเอลฟ์ ฟอร์แคร์เริ่มมีล้มตายกันบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีเอลฟ์รานุนถูกสังหารไปอีกหลายตัว โดยฝีมือของเอลฟ์ร่างสูงใหญ่ ทาหน้าทาตัว ด้วยสีดำ และสวมหมวกขนนกทั้งหัว นั่นคือเครื่องหมายของหัวหน้าเผ่า ในมือถึงขวานหินคู่ มันโจมตีอย่างบ้าคลั่งและรุนแรง “เข้ามาเลย เอ็น ผู้นี้จะส่งพวกแกไปลงนรก” แม้ว่ามันจะไม่เกราะสวมเกราะ แต่ไม่รู้ว่าเพราะสีที่ทาตัวมันหรือเพราะอะไรกันแน่ทำให้มันหนังเหนียวอาวุธมีคมไม่อาจต้องกายมันได้ ดาเมียงกำลังไปต่อสู้กับมัน แต่ว่า ดิสมัสกลับมาขว้างหน้าเขาเอาไว้ “หลบไปดิสมัส ! ข้าจัดการเอง”แต่เหมือนดิสมัสจะไม่ได้สนใจฟังเลย เขาเข้าไปต่อสู้กับเอ็นทันที ขวานหินของเอ็นมีทั้งความคมและความหนาเรียกได้ว่ามันเป็นอาวุธที่ผสมระหว่างกา
เสียงกลองศึกและเสียงอาวุธกระทบกันดังไปทั่วบริเวณ นี่คือสงครามของเอลฟ์ ทั้งสามเผ่า รานุน รูมิแย่ ฟอร์แคร์ดำเนินกันมาช้านาน แม้เอาจริง ๆ เอลฟ์ทั้งสามเผ่าก็มาจากรากเหง้าเดียวกัน เคยก่อร่วมสงครามชิงดินแดนกับพวกออร์คและโดวาฟมาแล้ว แต่หลังเสร็จศึกใหญ่ครั้งนั้น พวกเอลฟ์ก็หันมารบกันเอง ศึกนี้เป็นของเอลฟ์รานุนกับเอลฟ์ฟอร์แคร์ เอลฟ์รานุนคือ กลุ่มเอลฟ์ที่มีเชี่ยวชาญการใช้ศาสตร์มืด มนตร์ดำ การอัญเชิญภูต เสกโครงกระดูก และโกเล็ม ยังชำนาญในการสร้างอาวุธที่มีคำสาปหรือพลังเวทย์อาบเอาไว้ด้วย นอกจากหูที่แหลม ลักษณะเด่นของเอลฟ์พวกนี้ ผิวซีดเหมือนศพ ตาเหมือนแมว ผมสีขาว พวกเขามีดินแดนเป็นอาณาจักรใหญ่ ที่พวกเขาตั้งชื่อดินแดนว่า ยออาน ตามชื่อของเอลฟ์รานุนตนแรกที่ไปฝึกวิชากับเทพีดานูและได้สำเร็จวิชาสายมืดส่วนพวกเอลฟ์ฟอร์แคร์ คือเอลฟ์ที่อยู่ในป่าและชอบอยู่กับธรรมชาติ เชี่ยวการยิงธนู และการใช้สลิง[1] เวทย์สายธรรมชาติ และการสื่อสารกับสัตว์ป่า พวกนี้จะมีผมสีดำ ผิวจะค่อนข้างคล้ำ และนิยมใช้สีทาตัวทาหน้า พวกเขาไม่ได้รวมกันเป็นอาณาจักรใหญ่เหมือนกับเอลฟ์รานุน แต่มักจะอยู่กระจายกันเป็นชนเผ่ามากกว่าและตั้ง
ลำนำแห่งว๊าก จากบันทึกของออร์ค ณ ดวงดาวดวงหนึ่งในจักรวาลที่อันแสนไกล ดาวดวงนี้เดิมที่เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าแมลงยักษ์ แต่ต่อมาได้เกิดเหตุการณ์ประตูมิติเปิด ได้นำพาสิ่งมีชีวิตอีกหลายพันธุ์เข้ามา แต่สิ่งที่มากที่สุดและพอจะมีสติปัญญาคือ พวก ออร์ค อมนุษย์รูปร่างสูงใหญ่ผิวสีเขียว มีความป่าเถื่อน ชอบในการทำสงครามเข้ามาในดาวดวงนี้ พวกมันเข่นฆ่าเหล่าแมลงยักษ์ แม้พวกแมลงยักษ์จะร่างกายที่แข็งแกร่งเพียงใด พวกออร์คนั้นมีพละกำลังและความบ้าเลือดจึงสามารถฆ่าแมลงยักษ์ได้จนหมด ดาวดวงนี้ถูกเรียกว่า ว๊าก ! หลักจากนั้นพวกมันก็เริ่มขยายเผ่าพันธุ์และดินแดนจนเรียกได้ว่าครองดาวด้วยนี้ได้แล้ ทำให้ดวงดาวกลายเป็นดาวที่ป่าเถื่อนและมีสงครามไม่เว้นในแต่ละวัน !จบบันทึกแห่งออร์ค ซึ่งก็ไม่รู้ว่าออร์คตัวไหนเขียน เพราะขืนไปถามมัน จะโดนฆ่าแทนบันทึกของโดวาฟกลุ่มแรก ผู้บันทึกคือ สโตน ราชาแห่งโดวาฟกลุ่มแรกรวมกับโดวาฟอีก 6 คนที่ไม่ขอเอ่ยนาม ข้านำพาโดวาฟกลุ่มใหญ่ทั้งชายและหญิงพันคน ขุดเหมือนที่ภูเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งข้าเองในเวลานั้น ยังเป็นแค่หัวหน้าคนงานเท่านั้นเอง แต่เราขุดลึกเกินไปมันเกิดแสงสว่างวาปขึ้น
Comments