Home / ระบบ / ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60 / ตอนที่3 หลานของฉันคือดาวนำโชค

Share

ตอนที่3 หลานของฉันคือดาวนำโชค

ทางด้านย่ากับหลานตัวน้อยเมื่อเดินเข้ามาภายในห้องอยู่ไฟ ซีห่าวรู้สึกร้อนจึงได้ถามขึ้นอย่างสงสัย “ย่าครับ ร้อนเปิดหน้าต่างได้ไหม”

            “เปิดไม่ได้ แม่ของหลานต้องอยู่ไฟห้ามถูกลมถูกแดด หากหลานทนไม่ไหวก็ออกไปก่อนเถอะ หลังจากน้องกินนมเสร็จย่าก็จะพาออกไปด้านนอกเหมือนกัน” หญิงวัยกลางคนอธิบายให้หลานชายได้เข้าใจ

            ซีห่าวพยักหน้ารับก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกไปด้านนอก โดยที่เจ้าตัวก็ยังเหลียวหน้าไปมองแม่ที่นั่งเอาหลังพิงหมอน        สีหน้าของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

            “แม่ไม่ร้อน อาห่าวออกไปก่อนเถอะลูก” น้ำเสียงของมารดาทำให้เด็กชายใจชื้นขึ้นมาบ้างก่อนที่เขาจะยอมเดินออกไปแต่โดยดี

            คล้อยหลังบุตรคนรองเดินจากไป ลี่จินก็หันมาสนใจบุตรสาวที่แม่สามีอุ้มเข้ามา

            “แม่คะ เจ้าตัวเล็กหิวอย่างนั้นหรือ” เธอถามพร้อมกับยื่นมือไปรับลูกน้อยซึ่งนอนในห่อผ้าอย่างนิ่งเงียบ

            “อืม เด็กคนนี้ฉลาดทีเดียวแม่จะเล่าให้ลูกฟัง....แม่ว่าบรรพบุรุษของเราคงอวยพรและใช้บุญกุศลมากมายเป็นแน่ถึงได้มีเด็กคนนี้เกิดขึ้นในครอบครัวของเรา”

            “จริงหรือคะ” ลี่จินย้อนถามอย่างเหลือเชื่อพลางเปิดเสื้อของตนและอุ้มคนตัวเล็กในห่อผ้าจ่อเข้าไปใกล้กับหน้าอก

            “แม่จะกล้าโกหกหรือ” โม่โฉวตอบก่อนที่เจ้าตัวจะก้มมองใบหน้าเล็กจ้อยของหลานสาวด้วยความรัก

            ลี่จินดีใจที่ลูกสาวนั้นเป็นที่รักของแม่สามีซึ่งผิดกับบ้านอื่น “อ้าปากสิลูก ไม่อย่างนั้นหนูจะดูดนมได้ยังไง” หญิงสาวพูดอย่างจนใจเมื่อบุตรีไม่ยอมอ้าปาก

            นางโม่เองก็เริ่มร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อเห็นว่าหลานสาวไม่ยอมกิน

            “เป่าเป้ยของย่าหากหลานไม่กินหลานจะป่วยและไม่โตนะ” หญิงวัยกลางคนนำนิ้วมือไปสะกิดแก้มของหลานตัวน้อยอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่าผิวละเอียดของเธอจะเป็นรอย

            แม้ฟางซินจะเข้าใจแต่กระนั้นด้วยความที่จิตวิญญาณของตนเป็นผู้ใหญ่มันก็เลยค่อนข้างกระดากอายหากจะต้องมาอ้าปากดูดนมจากอกของมารดา คิ้วน้อย ๆ เริ่มขมวดเข้าหากัน

            “ลูกรักได้โปรดอ้าปากเถอะนะ หนูกินสักนิดหน่อยก็ได้ตกลงไหม” น้ำเสียงเว้าวอนของมารดาก็ทำให้ฟางซินเป็นทุกข์ไม่น้อย

            (เฮ้อ! เป็นไงก็เป็นกัน ตอนนี้เราเป็นเด็กนี่นะก็จงใช้ชีวิตแบบเด็กทารกไปก่อนก็แล้วกันกินให้มากจะได้โตไว ๆ) หลังจากตกตะกอนความคิดได้

            เด็กหญิงจึงหลับหูหลับตาอ้าปากสีแดงของตนก่อนที่เจ้าตัวจะออกแรงดูดตามสัญชาตญาณ แต่ไม่ว่าเธอจะออกแรงมากขนาดไหนน้ำนมก็หาได้ไหลออกมาไม่

            “แม่คะ ไม่ดีแล้วน้ำนมของฉันไม่ยอมไหลหรือว่าฉันจะไม่มีน้ำนมให้ลูกกิน ทำยังไงดี” ลี่จินพูดไปก็คล้ายจะร้องไห้ไปด้วยความสงสารบุตรีตัวน้อยที่ตอนนี้ใบหน้าเริ่มแดงก่ำ

            ท้องของเจ้าตัวเล็กก็ส่งเสียงร้องไม่หยุด แม้จะหิวมากขนาดไหนกระนั้นเจ้าตัวกลับไม่เปิดปากร้องไห้โยเยเลยสักแอะ

            โม่โฉวเองก็สงสารหลานสาวจับใจ “แม่จะให้อาซานฆ่าไก่เพื่อต้มน้ำแกงมาบำรุงให้ลูกและให้ไปหาซื้อไข่ไก่มาเพิ่ม วันนี้เห็นทีคงจะต้องให้เป่าเป้ยผู้น่าสงสารกินน้ำข้าวไปก่อน”

            เมื่อฟางซินได้ยินคำพูดนี้เจ้าตัวจึงได้หลับตานึกถึงเทพผู้ชราอีกครั้ง (คุณยายคะ หากไม่มีน้ำนมฉันจะโตได้ยังไง)

            โม่โฉวเพิ่งหันหลังให้กับลูกสะใภ้เจ้าตัวก็ต้องหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงร้องตกใจของสะใภ้คนเล็ก “แม่คะดูนี่” น้ำนมสีขาวปนเหลืองพุ่งออกมา

            “รีบให้เป่าเป้ยกินเร็วเข้า เธอไม่รู้หรือว่าน้ำนมแรกมีประโยชน์มากขนาดไหน” สิ้นเสียงของโม่โฉว ลี่จินมีหรือจะไม่รีบทำตาม ฟางซินตัวน้อยก็อ้าปากดูดนมจากอกของมารดาเสียงดังจ๊วบ ๆ “ลูกรักเปลี่ยนมาดูดอีกข้างได้ไหมแม่เจ็บข้างนี้มากเลย” จบคำพูดนี้คนตัวเล็กก็หยุดการกระทำของตนพลางอ้าปากเล็ก ๆ ออกอย่างรู้ความ

            “อาจินเห็นหรือยังว่าเป่าเป้ยฉลาดรู้ความมากขนาดไหน แม่เกิดมาจนอายุจะครึ่งคนเข้าไปแล้วไม่เคยเห็นเด็กทารกคนไหนจะฟังรู้เรื่องเหมือนเป่าเป้ยบ้านเราเลย” โม่โฉวกล่าวเยินยอหลานตัวน้อยที่หันมายิ้มหวานให้นาง

            “นั่นสิคะ ฉันต้องใช้บุญที่สั่งสมมาหลายชาติหมดไปแล้วเป็นแน่ถึงได้คลอดเด็กที่ทั้งฉลาดและรู้ความแบบนี้ออกมาได้”         ลี่จินกล่าวด้วยรอยยิ้มเห็นพ้องกับแม่สามี

            ฟางซินซึ่งได้เปลี่ยนมาดูดนมจากอกอีกข้างของมารดา รู้สึกชื่นชอบย่าของตนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเธอไม่เคยได้ยินว่ามีครอบครัวใดที่แม่สามีจะรักลูกสะใภ้แบบครอบครัวของตนมาก่อน เจ้าตัวเล็กนอนดูดนมฟังการสนทนาจนท้องอิ่มตาก็เริ่มปรือ

            ลี่จินเมื่อเห็นว่าปากน้อย ๆ ของบุตรสาวคายหัวนมออกแล้วเจ้าตัวก็อุ้มคนตัวเล็กพาดบ่าลูบหลังเล็ก ๆ นั้นอย่างอ่อนโยน ฟางซินเรอออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะตกใจจนลืมตาตื่น

            แต่ก็เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวจากนั้นเธอก็พ่ายแพ้ให้กับความง่วงของร่างกายเด็กน้อยหลับปุ๋ยอย่างเป็นสุข

            หนึ่งเดือนผ่านไปใบหน้าของฟางซินในขณะนี้กลมราวซาลาเปาผิวของเจ้าตัวก็ขาวราวหิมะทำให้เธอเป็นที่รักของทั้งคนในบ้านและผู้คนที่พบเห็น

            วันนี้เป็นวันรับขวัญหลานสาวของบ้านกู้ทำให้ภายในลานดินค่อนข้างครึกครื้น

            แม้ว่าจะขาดแคลนอาหารแต่กระนั้นนางโม่ก็ไม่ขี้เหนียวนางจึงได้ลงมือทำซาลาเปาผสมแป้งข้าวโพดสีเหลืองทองแจกจ่ายให้กับคนที่มาร่วมอวยพรหลานสาวตัวเล็ก

            ในขณะที่ทุกคนกำลังเข้าร่วมพิธีภายในห้องโถงเล็กของตัวบ้านด้านนอกก็มีเสียงดังเอะอะจากชายคนหนึ่ง

            ซึ่งเป็นน้องชายของสามีนางโม่ผู้จากไปจากการพลีชีพในช่วงสงครามกลางเมืองระหว่างพรรคเมื่อหลายปีที่ผ่านมา

            “พี่สะใภ้รอง อาซานกับเอ๋อกั๋วอยู่ไหนผมมีข่าวดีมาบอก” น้ำเสียงของคนพูดหอบเล็กน้อยเนื่องจากเจ้าตัวทั้งวิ่งทั้งเดินมาตั้งแต่กลางหมู่บ้าน

            “อาสี่มีเรื่องอะไรหรือครับ เข้ามาดื่มเหล้ากินซาลาเปามงคลของหลานน้อยก่อน” ซานไห่เดินออกมาหลังจากได้ยินเสียงของชายวัยกลางคน

            “ดี ดี ดี วันนี้นับว่าเป็นมงคลหลานน้อยคนนี้ต้องเป็นดาวนำโชคมาเกิดเป็นแน่ทั้งลุงรองทั้งพ่อได้เข้าไปทำงานในโรงงานทั้งคู่” เมื่อคำพูดนี้หลุดออกจากปากของเขา

            ก็เกิดเสียงฮือฮาจากคนที่ได้ยินทันที โดยเฉพาะเจ้าของเรื่องอย่างซานไห่เขาแทบจะสติหลุดไปแล้ว

            “อาสี่อาพูดจริงอย่างนั้นหรือเรื่องนี้พูดเล่นไม่ได้นะครับ” ซานไห่ถามย้ำเนื่องจากเขากับพี่ชายคนรองไปสมัครเข้าโรงงานผลิตน้ำมันพืชมามากกว่าครึ่งปีนับตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ยังไม่มีวี่แวว

            “ไฮ! เรื่องแบบนี้ใครจะกล้าเอามาล้อเล่น พวกแกรีบไปรายงานตัวกันวันพรุ่งตั้งแต่เช้าได้เลย” ชายวัยกลางคนยกจอกเหล้าเหลืองที่หลานชายรินให้กระดกเข้าปากก่อนตบเข่าพูดขึ้นสีหน้าจริงจัง

            ซานไห่ไม่รอช้าจึงรินเหล้าให้เขาอีกเพราะตอนนี้เจ้าตัวรีบวิ่งเข้าไปในห้องโถงของบ้านอีกทั้งยังตะโกนเรียกพี่รองของตนให้ลั่นอีกด้วย “พี่รอง พวกเราได้เข้าทำงานในโรงงานแล้ว”

            ฉับพลันความเงียบได้เกิดขึ้นเมื่อทุกชีวิตที่กำลังสนทนากันพร้อมใจกันหยุดปากของตนลง “ลูกสาม/น้องสาม แกพูดจริงอย่างนั้นหรือ” ทั้งแม่และพี่ต่างถามออกมาพร้อมกัน

            “อาสี่เป็นคนมาบอก หากไม่เชื่อก็ถามเขาได้เลย” ซานไห่ ตอบเสียงหนักพลางชี้นิ้วไปทางชายวัยกลางคนที่เดินตามตนเข้ามา “สื่อหม่าเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ” โม่โฉวถามกับน้องชายสามีคนเล็กออกมาน้ำเสียงตื่นเต้นใบหน้าเต็มไปด้วยความหวัง

            “จริง ผมเพิ่งกลับมาจากโรงงานก็เลยแวะไปดูที่ป้ายประกาศก็เห็นชื่อหลานทั้งสองคนอยู่ในนั้น อาไห่ได้เป็นคนขับรถรับส่งน้ำมัน ส่วนอากั๋วได้อยู่แผนกผลิต”

            ทันทีหลังจบประโยคของคนผู้นี้ เสียงแสดงความยินดีจากผู้คนและคนที่รู้สึกอิจฉาในวาสนาของคนในครอบครัวนี้ต่างก็กล่าวออกมากับนางโม่

            ฟางซินนอนฟังน้ำเสียงอันหลากหลายจนกระทั่งเคลิ้มหลับ เจ้าตัวรู้แค่ว่าพ่อกับลุงได้เข้าทำงานในโรงงานเพียงเท่านั้นซึ่งเธอยังไม่ค่อยเข้าใจว่าผู้คนดีใจอะไรกัน

            ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเพราะเด็กน้อยรู้แค่ว่าตนน่าจะมาเกิดที่ไหนสักแห่งซึ่งเป็นชนบทแต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองได้มาอยู่ในยุค1960ซึ่งเป็นปีที่ผู้คนต่างพากันรัดเข็มขัดและหลังจากปีนี้ยังมีเรื่องอีกมากมายตามมา

            ในระหว่างที่เด็กหญิงตัวน้อยหลับใหลปากของเธอก็ขมุบขมิบคล้ายกับว่ากำลังกินอะไรอยู่ คุณย่าผู้หลงหลานสาวก็เอ่ยปากพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “หลานของฉันต้องเป็นดาวนำโชคเป็นแน่”

            “แม่พูดถูกทุกอย่างเลย” เอ๋อกั๋วกล่าวเสียงดังอย่างเห็นพ้อง แม้ใบหน้าของผู้เป็นแม่จะยิ้มอยู่ทว่าเจ้าตัวกลับกล่าวตำหนิบุตรชายคนรองออกมา “แกเบาเสียงหน่อย หลานหลับอยู่ไม่เห็นหรือ”

            เอ๋อกั๋วรีบหุบปากของตนลงทันที สำหรับซานไห่นั้นชายหนุ่มได้เดินเข้าไปอุ้มบุตรตัวน้อยจากเมียรักขึ้นมาแนบอกพลางก้มใบหน้าลงจุมพิตบนหน้าผากของบุตรตัวน้อยอย่างแผ่วเบา

            ฟางซินทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเล็กน้อยก่อนที่คนตัวเล็กจะคลายใบหน้าของตนและหลับต่อไป

            ภายในความฝันของเจ้าตัว ฟางซินรู้สึกว่าตัวเองเหมือนลอยอยู่ยังสถานที่อันแสนคุ้นเคย “ที่นี่ในห้างไม่ใช่หรือ” เธอพึมพำพลางกวาดตามองไปจนรอบห้างแห่งนี้

            “เด็กน้อย เจ้าพอใจในสิ่งที่ข้ามอบให้หรือไม่” น้ำเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของหญิงสาวรูปร่างงดงาม

            “เอ๋! คุณยายหรือคะ ไม่ใช่สิท่านเทพอย่างนั้นหรือ!!” ฟางซินรู้สึกตกใจ “ใช่แล้วละ ฉันยังมีอีกอย่างมอบให้เจ้าด้วยนะ” จบคำเทพสาวได้จิ้มนิ้วชี้ลงไปยังกึ่งกลางหน้าผากของฟางซิน

            ซึ่งตอนนี้อยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กน้อยวัยไม่เกินห้าปีและในขณะที่เจ้าตัวยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเทพสาวก็พูดขึ้นพร้อมกับกดนิ้วของตนลงแนบกับหน้าผากเล็กของเด็กหญิง

            “พลังที่ฉันมอบให้เธอนั้นคือการรวมเป็นหนึ่งกับธรรมชาติ เด็กน้อยเจ้าจงใช้ให้ดีเพราะมันเกี่ยวข้องกับหน้าที่ของเจ้าในอนาคตหลังจากเติบโต” จบคำพูดของเทพสาวร่างของ    ฟางซินก็ถูกแสงอบอุ่นอันสว่างเจิดจ้าเข้าครอบคลุม

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนพิเศษที่4 ความทรงจำอันงดงาม

    หน้าสมุดบันทึกเล่มหนึ่งภายในนั้นได้มีตัวอักษรงดงามเรียบเรียงเอาไว้อย่างงดงามเป็นระเบียบ ลมจากทางหน้าต่างหอบใหญ่ได้พลิกหน้ากระดาษหลายหน้านั้นขึ้น จนทำให้หญิงสาวหน้าตาสะสวยผู้กำลังสาละวนอยู่กับการนำสิ่งของมากมายออกจากกล่องต้องรีบลุกขึ้นมาหยิบสมุดเล่มดังกล่าว “เฮ้อ! ดีนะที่ไม่เสียหาย ไม่อย่างนั้นโดนแม่ทำโทษแน่” เสียงถอนหายใจของเธอดังขึ้นพร้อมกับใช้นิ้วมือเรียวคลี่กระดาษที่ถูกม้วนเข้าหากันให้คลายออกอย่างทะนุถนอม เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น “แม่แน่ ๆ” เจ้าตัวคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้าเสร็จสรรพ “น้าเสี่ยวเซิงว่าอะไรนะคะ น้ารอหนูอยู่ข้างล่างเหรอ เอ๋! น้าพาเสี่ยวเสวี่ยมาด้วยหนูจะรีบลงไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” หญิงสาวคนสวยกดวางสายก่อนหย่อนมือถือรุ่นล่าสุดที่บริษัทขอ

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนพิเศษที่3 ความในใจของเสี่ยวเซิง

    สวัสดีครับ ผมคือกู้ซินเซิงหรือคนในครอบครัวมักจะเรียกว่าเสี่ยวเซิง ผมหาใช่ลูกหลานตระกูลกู้อย่างแท้จริงไม่แต่เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผมเลยในเรื่องของความรักและความกตัญญูที่ผมมีต่อคนในครอบครัวนี้ ทั้งนี้เป็นเพราะนับตั้งแต่วันที่พี่สาวคนดีของผมได้ช่วยให้รอดจากความตายตั้งแต่ครั้งยังเป็นทารกผมก็ตั้งมั่นเอาไว้แล้วว่าจะเป็นวัวเป็นม้าและตอบแทนเธอไปจนกว่าชีวิตจะดับสูญ เพียงแต่ผมไม่คิดว่าคนในครอบครัวกู้จะมีความรักให้ผมอย่างท่วมท้นทุกคน โดยเฉพาะพ่อแม่บุญธรรมที่คิดว่าตัวผมนั้นคือเลือดเนื้อในอกของตนอย่างแท้จริง ซึ่งยิ่งเมื่อผมได้ฟังเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ว่าเธอมีน้ำนมให้ผมดื่มกินตั้งแต่วันแรกที่ผมฟื้น หากไม่ใช่ว่าคนในครอบครัวรวมถึงพี่สาวสุดที่รักของผมยืนยันผมคงคิดว่าเรื่องเล่านี้คงเป็นเรื่องโกหก 

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนพิเศษที่2 ลูกสาวพ่อ

    “พ่อบุญธรรมรีบเลยครับ ผมช่วยอุ้มดีไหม” เจียอินแทบจะทำตามที่พูดเมื่อเห็นว่าพ่อผู้ชรายังนั่งคล้ายไม่ทุกข์ร้อนอยู่ที่เดิม “เฮ้อ! แกนี่นะโตจนป่านนี้แล้วยังทำตัวไม่มีสติอีก ดูเจ้าตัวเขายังไม่ร้อนใจขนาดแกเลย หล่อนต้องเดินเข้ามาหาฉันสิ แกลืมแล้วเหรอว่าฉันอายุเท่าไหร่แล้ว” เหตุที่อู๋เหยียนไม่รู้สึกอนาทรร้อนใจเป็นเพราะเขามองท่าทางของศิษย์คนโปรดออก “แหะ ๆ ผมก็ลืมไปมักจะคิดว่าพ่อยังหนุ่มอยู่เรื่อย” คำแก้ตัวของเจียอินทำให้ชายชรามองเขาตาเขียว “แกเอาตาไหนดูว่าฉันยังหนุ่มเห็นทีว่าสายตาของแกคงจะยิ่งแย่กว่าคนแก่อย่างฉันเสียอีก หล่อนเห็นด้วยไหมศิษย์รัก” ถ้อยคำจิกกัดของอู๋เหยียนหาได้ทำให้เจียอินรู้สึกอันใดไม่ ตรงกันข้ามเขายังแย้มยิ้มยอมรับอีกต่างหาก “ฉันว่าที่พี่เจียอิน

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนพิเศษที่1 เป่าเป้ยหมายถึงสุดที่รัก (ของผม)

    ความนัยใจของผมถึงภรรยาสุดที่รัก ในช่วงเย็นของทุกวันหลังจากเลิกงานกลับถึงบ้าน สิ่งที่ผมมักจะทำเป็นอย่างแรกและทุกครั้งก็คือการมองหาภรรยาเช่นเดียวกับวันนี้เมื่อผมถามหาเธอจากเด็กรับใช้ สองเท้าของผมเดินมาทางห้องครัว ผมจึงได้เร่งฝีเท้ามากยิ่งขึ้นหลังจากได้กลิ่นหอมซึ่งผู้ที่กำลังทำอาหารอยู่นั้นจะต้องเป็นสุดที่รักของผมอย่างแน่นอน และก็เป็นอย่างที่คาดเมื่อสองสายตามองเห็นหญิงสาวร่างบางรวบผมเป็นหางม้ากำลังยืนหันหน้าเข้าหาเตา ขาทั้งสองข้างของผมยังไม่ได้ก้าวเท้าเดินเข้าไปหาหล่อนในทันทีแม้ว่าใจอยากจะกอดเธอให้สมกับความคิดถึง ทั้งนี้เป็นเพราะผมกำลังยืนนิ่งมองผู้กำลังให้ความสนใจกับสิ่งที่ทำด้วยค

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนที่105 แต่งครับ (ตอนจบ)

    หลายวันผ่านไปข่าวคราวของพวกเขายังคงเงียบงัน ฟางซินเองแม้อยากจะไปดูให้เห็นกับตาทว่าก็จนใจด้วยสถานที่แห่งนั้นเธอกับเสี่ยวหม่าวยังไม่เคยไปมาก่อน ‘ท่านเทพได้โปรดอย่าทำให้ฉันผิดหวังนะคะ’ ฟางซินอ้อนวอนร้องขอเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้พี่ชายของตนกับคนรักกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะหนานเสิ่นกับมู่เฉินได้ย้อนกลับมาช่วยคนเห็นแก่ตัวกลุ่มหนึ่ง เพียงเพราะความโลภคนกลุ่มนี้จึงได้อาศัยช่วงเวลาดังกล่าวทำตัวเป็นโจรหมายจะปล้นชิงสิ่งของมีค่าของผู้อื่นแต่ทว่าเป็นพวกเขาเองที่โดนคนประเภทเดียวกันเล่นงาน “อาเสิ่นนายหนีไปก่อน ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่เอง” มู่เฉินพูดขึ้นเมื่อเห็นคนกลุ่มนั้นมีอาวุธร

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนที่104 ไม่มีแล้วอย่างไร?

    ฟางซินเริ่มฝึกงานหลังวันปีใหม่ บริษัทแห่งนี้เป็นอาคารสูงห้าชั้น ซึ่งในยุคนี้อาคารสูงส่วนใหญ่ยังไม่มีมีลิฟท์ หญิงสาวจึงรู้สึกทดท้อเป็นอย่างมากหากจะต้องให้เธอเดินขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นสุดท้าย “เอ๋! ที่นี่สมกับเป็นบริษัทข้ามชาติมีลิฟท์ด้วย” ฟางซิน รู้สึกประหลาดใจเมื่อเดินเข้ามาภายในอาคารแล้วมองเห็นประตูลิฟท์ที่กำลังปิดแม้ว่าจะมีอยู่เพียงตัวเดียวก็ตาม หลังจากเจ้าตัวกดลิฟท์รออยู่สักพักในที่สุดประตูของมันก็เปิดออก ฟางซินก้าวเท้าของตนเข้าไปอย่างไม่รอช้า ชุดที่หญิงสาวสวมมาวันนี้ค่อนข้างเรียบร้อยดูดีมากว่าทุกวัน อีกทั้งยังค่อนข้างทันสมัยมีเสื้อโค้ตตัวยาวสีน้ำตาลอ่อนสวมอยู่ภายนอก จึงยิ่งเพิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status