Home / ระบบ / ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60 / ตอนที่2 หลานสาวที่น่ารักของฉัน

Share

ตอนที่2 หลานสาวที่น่ารักของฉัน

“นางโม่หากเป็นหลานสาวแกไม่ต้องการอย่างนั้นหรือทำไมถึงถามแบบนี้กัน” หมอทำคลอดแซ่สี่ถามกับหญิงวัยเดียวกันในขณะทำความสะอาดร่างกายของเด็กน้อย

            “จะใช่ที่ไหนล่ะ ที่ฉันถามเพราะต้องการหลานสาวนี่แหละ แกไม่รู้อะไรฉันมีลูกชายมาสามคน พอมีหลานกี่คนต่อกี่คนก็มีแต่หลานชายตัวเหม็น ๆ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเด็กดีก็ตามแต่ฉันก็อยากได้หลานสาวตัวนุ่มนิ่มมาให้หอมให้กอดบ้าง

ตระกูลกู้รวมถึงตระกูลของฉันแกก็รู้ไม่ใช่หรือ กี่รุ่นต่อกี่รุ่นกว่าจะมีหลานสาวตกทอดมาสักคนยาวนานตั้งหลายปี” นางโม่ได้ถ่ายทอดความในใจของตนออกมาอย่างละเอียดทำให้ฟางซินที่ได้ยินยิ้มออกมาอย่างโล่งอก

            ซึ่งการกระทำเช่นนี้ของเจ้าตัวได้ทำให้ผู้ที่กำลังอุ้มตนอยู่ได้แต่มองด้วยความตกตะลึงที่เห็นเด็กทารกแรกเกิดแย้มยิ้มเช่นนี้

            “นะ..นางโม่แกมาดูหลานสาวของแกสิ หล่อนยิ้มหลังจากได้ยินคำพูดของแกด้วยละ แกมาดูสิว่าฉันตาฝาดไปเองหรือเปล่า” นางสี่กล่าวเสียงสั่นพลันยื่นห่อผ้าไปทางสหาย

            “แกว่าอะไรนะ หลานสาวอย่างนั้นหรือ นี่ฉันได้หลานสาวจริงอย่างนั้นหรือ” โม่โฉวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นระคนดีใจ

            “ก็ใช่นะสิมาดูเร็วเข้า หล่อนยิ้มจนเห็นเหงือกแดงแจ๋ น้ำลายไหลย้อยออกจากมุมปากแล้ว” นางสี่กล่าวเร่ง

            “ไหน ๆ โอ๊ย! ตายแล้ว หลานสาวของฉัน หล่อนต้องเป็นดาวนำโชคให้ครอบครัวกู้ของเราแน่ ๆ แกดูรอยยิ้มนี่สิ ดวงตาที่มองฉันเป็นประกายนี่อีก หลานสาวของย่าดีที่สุด” นางโม่พูดไปก็ยิ้มหยอกล้อกับหลานสาวตัวน้อยที่ดวงตายังมองไม่เห็นราวคนเสียสติ

            “แกนี่ท่าจะเป็นเอามากเด็กเพิ่งคลอดจะมองเห็นจนดวงตาเป็นประกายได้ยังไง หลงหลานสาวเกินไปหน่อยมั้ง” ผู้ทำคลอดกล่าวกึ่งหยอกกึ่งประชด

            “เรื่องของฉันเถอะน่า แกรีบไปดูลูกสะใภ้ของฉันก่อนเถอะ อาจินแม่ขอบใจนะที่คลอดหลานสาวออกมา” ความยินดีฉายชัดบนใบหน้าของแม่สามีทำให้หญิงสาวผู้เพิ่งผ่านการคลอดหมาด ๆ ดีใจไม่แพ้กัน

            ส่วนคนด้านนอกเมื่อได้ยินคำพูดของนางโม่แต่ละคนก็หลากความคิดกันไป แต่ส่วนใหญ่มักจะคิดเหมือน ๆ กันคือ (มีหลานสาวมันดีกว่าตรงไหนพอโตจนออกเรือนได้ก็ต้องไปอยู่บ้านของคนอื่น)

            “อาไห่ พี่ได้เป็นลุงของหลานสาวแล้ว แกแน่มากที่มีลูกสาว” กู้เอ๋อกั๋วกำหมัดชกไปยังหัวไหล่ของน้องชายเบา ๆ เชิงหยอกล้อ

            “นั่นสิคะฉันเองก็อยากมีลูกสาวตัวน้อยบ้าง แต่ที่ไหนได้กลับมีแต่เด็กชายตัวเหม็นน้ำมูกกรังถึงสามแทน แต่ก็ยังนับว่าดีตรงที่เด็กพวกนี้ต่างก็เชื่อฟัง” หยูเซียนมองไปยังใบหน้าเล็กของเด็กชายทั้งห้ากล่าวตามตรง

            ซึ่งสองพี่น้องกู้ก็พากันพยักหน้าอย่างเห็นพ้องก่อนที่         ซานไห่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

            “พี่สะใภ้รองไม่ต้องเสียใจไปหรอกครับ ลูกสาวของผมก็ถือว่าเป็นลูกของพี่รองกับพี่สะใภ้รองด้วย หล่อนจะเป็นดวงใจของคนตระกูลกู้เราใช่ไหมลูก” คำพูดของซานไห่ได้เรียกรอยยิ้มให้กับคนในครอบครัวรวมถึงเด็กชายทั้งห้าคนด้วย

            “ใช่ ๆ น้องสามพูดถูกแล้ว จะว่าไปเมียจ๋าน้องกลับไปช่วยเตรียมห้องอยู่ไฟให้น้องสะใภ้สามดีหรือไม่” เอ๋อกั๋วหัวเราะร่าพูดขึ้นตามน้องชายอย่างเห็นพ้องก่อนหันมาบอกเมียรัก

            “อุ๊ยตาย! นั่นสิคะ ฉันก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย เด็ก ๆ ไปช่วยแม่กับป้าสะใภ้รองที่บ้านกันก่อนเมื่อน้องสาวกับแม่ออกมาพวกเธอจะได้มีที่นอน” หยูเซียนตอบรับพลางเรียกเด็กชายทั้งห้าคน

            “ครับ” พวกเขาตอบรับพร้อมกันก่อนที่จะเดินเรียงแถวหน้ากระดานเดินตามผู้เป็นทั้งแม่และป้าไปด้วยรอยยิ้มอันเบิกบานบนใบหน้า

            ในระหว่างนั้นพวกเขาก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน มีวิ่งไล่กัน เดินหัวเราะ ร้องเพลงเชิดชูผู้นำ พูดคุยถึงน้องสาวผู้ที่ยังไม่เห็นหน้าด้วยรอยยิ้ม

            “เรามีน้องสาว ดังนั้นต่อไปต้องช่วยกันปกป้องน้องให้ดี” ผู้พูดคือกู้ต้าโถววัยแปดขวบบุตรชายของเอ๋อกั๋วกับหยูเซียน

            “ใช่ พี่ใหญ่พูดถูกต้อง ผมจะไปหาปลามาย่างให้น้องกิน” กู้เอ้อเป่าวัยเจ็ดปีพี่น้องท้องเดียวกันพูดออกมาบ้าง

            “พี่เอ้อเป่าน้องเพิ่งเกิดกินปลายังไม่ได้ ต้องกินนมอย่างเดียวไม่ใช่หรือ” กู้ซีห่าวแฝดคนรองน้องชายของกู้ซีซวนแย้งขึ้น

            เอ้อเป่ายกมือเกาศีรษะหัวเราะแห้ง ๆ “พี่ก็ลืมไป ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นว่าให้น้องสาวโตก่อนมีฟันเคี้ยวค่อยไปหาปลาดีไหม”

            “ดี แต่พี่รองกว่าน้องสาวจะโต ผมก็กินเป็นนะพี่หาให้ผมกินก่อนก็ได้” คำว่าดีนั้นพูดขึ้นพร้อมกัน

            ส่วนประโยคหลังเป็นของเด็กชายผู้เป็นน้องสุดท้องของคนพูดซึ่งเขาเกิดปีเดียวกับสองแฝดเพียงแต่แก่เดือนกว่า

            “ซานเหมาอยากกินปลาอย่างนั้นหรือ” กู้ต้าโถวถามน้องชายคนเล็กเสียงอ่อน

            “อืม” เด็กชายพยักหน้ารับคำในลำคอ

            หยูเซียนฟังเด็กทั้งห้าคนพูดคุยกันไปมาอย่างมีความสุข แม้ว่าพวกเธอจะเป็นชาวนาแต่ลูก ๆ กลับเป็นเด็กดีพูดจากันรู้ความ

            ซึ่งผิดจากเด็กคนอื่น สาเหตุที่เด็กทั้งหมดว่านอนสอนง่ายจะต้องยกความดีความชอบให้กับแม่สามีที่มีความรักให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม

            “เอาละเรามาถึงบ้านของอาสามแล้ว รีบไปช่วยกันทำความสะอาดห้องกันเถอะ” จบคำของคนพูด

            เด็กทั้งห้าต่างช่วยกันทำงานในสิ่งที่ตนพอจะช่วยได้ไม่ว่าจะเป็นเช็ดถูเตียง ตามขอบหน้าต่าง ตามกำแพง

            บ้านดินหลังนี้มีทั้งหมดสามห้องนอน หลังคามุงด้วยหญ้าแห้งอย่างแน่นหนากำแพงดินเคยทาสีขาวเอาไว้เมื่อนานหลายปีมาแล้ว ตอนนั้นเป็นตอนที่ซานไห่แต่งลี่จินเข้ามาซึ่งตอนนี้สีเริ่มเปลี่ยนเป็นคราบเหลือง

            บนพื้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะยังคงเป็นดินแข็งดังนั้นเท้าของเด็ก ๆ จึงเต็มไปด้วยรอยสีดำ “ก่อนจะขึ้นไปเช็ดบนเตียงหาน้ำมาล้างเท้าตัวเองกันก่อนล่ะ ดูเล็บแต่ละคนสิดูได้ที่ไหนเอาไว้หากมีเงินแม่จะตัดรองเท้าให้”

            หยูเซียนมองสภาพเท้าของลูกหลานแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ (ชาวนาแม้จะถูกจัดว่าเป็นอาชีพมีเกียรติมาตั้งแต่ยุคโบราณกระนั้นใครจะรู้หรือไม่ว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ยากจนมากเช่นกัน ยิ่งตอนนี้ทางรัฐได้ยึดที่ดินทำกินของชาวบ้านมาเป็นของประเทศเมื่อสองปีก่อน ยิ่งทำให้ผลผลิตทุกอย่างถูกจัดสรรตามแรงงาน ยิ่งทำให้พวกนางต้องขยันไม่อย่างนั้นคนในครอบครัวคงได้พากันอดอยากเป็นแน่ แม้จะมีการปันส่วนกระนั้นเงินก็ยังเป็นสิ่งที่หายากอยู่ดี) หญิงสาวคิดไปพลางจัดเตรียมสิ่งของสำหรับการอยู่ไฟให้น้องสะใภ้คนเล็ก

            เวลาเกือบพลบค่ำแสงของดวงตะวันสาดแสงกับท้องทุ่งเป็นสีแดง เสียงของซานไห่ก็ดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะอุ้มลี่จินเดินเข้ามาในลานดินหน้าบ้าน

            “พ่อพาแม่กลับมาแล้ว” สิ้นเสียงของชายหนุ่ม ซีห่าวผู้ได้ยินเสียงจึงได้เดินออกมา “พ่อ น้องล่ะ” คำถามของลูกชายคนเล็กได้เรียกรอยยิ้มของพ่อแม่พร้อมกัน

            “อยู่ในอ้อมกอดย่ากำลังเดินตามหลังมา” ซานไห่ตอบพลางพยักพเยิดหน้าไปทางประตู

            ซีห่าวไม่รอช้าสองเท้าเล็ก ๆ รีบวิ่งออกไปด้านนอกทันทีและเมื่อเห็นย่าเดินอยู่ไม่ไกลเจ้าตัวก็รีบวิ่งไปด้วยความเร็ว

            “ย่า น้องอยู่ไหน” เด็กชายแหงนหน้ามอม ๆ ถามกับหญิงชราสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

            “นี่ยังไงล่ะอยู่ในห่อผ้า น้องตัวเล็กโดนลมไม่ได้เดี๋ยวไม่สบาย” นางโม่ตอบหลานชายด้วยรอยยิ้มเอ็นดู

            “ถ้าอย่างนั้นย่ารีบเดิน” เด็กชายพูดพลางเปิดทางให้หญิงชรา แม้เจ้าตัวจะยังไม่เห็นน้องน้อยก็ตามกระนั้นเขาก็พร้อมที่จะปกป้องอย่างเต็มที่

            “ได้ ๆ ย่ารีบเดินแล้ว เสี่ยวห่าวก็รีบเดินเข้าบ้านเหมือนกันเล่า แล้วอาซวนไปไหน” ผู้เป็นย่าเดินไปชวนหลานสนทนาไป

            “กำลังช่วยพี่ ๆ กับป้าสะใภ้รองทำอาหารเย็นครับ ย่ารีบเดินระวังอย่าให้น้องป่วย” ซีห่าวตอบตามตรงพลางกล่าวเร่ง

            “รู้แล้ว ๆ รักน้องมากเลยใช่ไหม ดีแล้วเกิดเป็นพี่น้องต้องรักกันช่วยเหลือกัน” โม่โฉวถือโอกาสนี้สอนหลานชายไปในตัว

            “ครับ” เด็กชายตัวน้อยพยักหน้ารับคำเสียงหนัก

            ฟางซินนอนฟังคำพูดของย่ากับพี่ชายด้วยความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ (ขอบคุณนะคะที่ให้ฉันได้เจอครอบครัวดี ๆ) เจ้าตัวคิดก่อนที่จะปล่อยน้ำอุ่น ๆ ออกมารดคนเป็นย่าอย่างไม่รู้ตัว

            “ฮ่า ๆ น้องสาวของหลานท่าจะรักย่ามากแน่ ๆ ฝากรักใส่ย่าเสียแล้ว” น้ำจากห่อผ้าไหลเป็นทางยาว

            “ย่า น้องสาวเป็นอะไร” ซีห่าวถามขึ้นเมื่อเห็นว่าห่อผ้าของน้องสาวมีน้ำไหลออกมา

            “น้องของหลานฉี่ใส่ย่านะสิ เสี่ยวห่าวรีบไปบอกพ่อให้เตรียมผ้าอ้อมเอาไว้ด้วย” ไม่ต้องรอให้ผู้เป็นย่าพูดซ้ำสองเด็กชายก็หายวับไปราวบินได้ เขาวิ่งเข้าไปยังห้องที่เตรียมไว้ให้มารดา

            “พ่อ น้องฉี่ย่าให้พ่อเตรียมผ้าอ้อม เตรียมเอาไว้ให้มากด้วย” คนพูดถ่ายทอดคำสั่งของผู้สูงวัยอย่างไม่ตกหล่น

            “ได้สิ ถ้าอย่างนั้นลูกไปช่วยพ่อฉีกผ้าอ้อมให้น้องก็แล้วกันได้ไหม” ซานไห่พูดพลางลุกขึ้นจากม้านั่ง

            “ครับ” แม้เขาจะยังไม่รู้ว่าผ้าอ้อมคือสิ่งใด กระนั้นในเมื่อพ่อขอความช่วยเหลือเจ้าตัวจึงตอบรับโดยไม่ต้องคิดให้ยุ่งยาก

            ลี่จินฟังการสนทนาของสามีกับบุตรชายด้วยความรู้สึกตื้นตัน เนื่องจากตั้งแต่เธอแต่งเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้จนกระทั่งถึงตอนนี้ไม่มีครั้งไหนเลยที่เธอจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

            (ฉันคงต้องใช้บุญสั่งสมมาจนหมดทุกชาติเป็นแน่ถึงได้มาเจอครอบครัวดี ๆ แบบนี้) หญิงสาวคิดก่อนที่จะเอนกายลงนอน ทั้งพ่อและลูกชายคนเล็กต่างช่วยกันฉีกผ้าอ้อมอย่างแข็งขัน

            ฟางซินเมื่อเจ้าตัวได้ทำสิ่งที่รู้สึกว่าอับอายลงไปเธอก็มีใบหน้าแดงก่ำ นางโม่มองใบหน้าเล็กเหี่ยวย่นของหลานสาวด้วยรอยยิ้มขำ

            “หลานรัก ไม่ต้องอายตอนนี้หลานยังไม่โตมันเป็นเรื่องธรรมดา หากหลานไม่อยากให้เป็นอย่างนี้อีกเอาแบบนี้ดีหรือไม่ เวลาหลานจะถ่ายเบาหลานก็ร้องออกมาหนึ่งครั้ง

หากจะถ่ายหนักก็ร้องสองครั้ง และถ้าเมื่อไหร่ที่หิวหลานก็ร้องสามครั้ง” ถ้อยคำของโม่โฉวทำให้ผู้ที่ได้ยินต่างพากันหัวเราะคิกคัก “แม่ครับ หลานเพิ่งจะลืมตาดูโลกเธอจะเข้าใจที่แม่พูดได้อย่างไร” เอ๋อกั๋วยกยิ้มสัพยอกแม่

            แต่แล้วเมื่อเจ้าตัวได้ยินน้ำเสียงเล็ก ๆ ของเด็กทารกในห่อผ้าดวงตาของชายหนุ่มก็เบิกกว้างเช่นเดียวกับซานไห่ ยกเว้นเพียงแต่บุตรชายที่ยังเล็กจึงยังไม่รู้เรื่องพวกนี้

            “แม่ เมื่อสักครู่หูของผมฝาดไปใช่หรือเปล่า เหมือนว่าจะได้ยินเสียงตอบรับจากหลานสาวตัวน้อยน้องสามได้ยินไหม” เอ๋อกั๋วถามขึ้นโดยที่ในตอนนี้เจ้าตัวได้มายืนมองดูเด็กตัวน้อยในห่อผ้าบนโต๊ะตัวใหญ่พร้อมกับน้องชายผู้เป็นพ่อของเด็กหญิง

            “หูฝาดอะไรแม่ก็ได้ยิน ซานไห่แกก็ได้ยินใช่หรือเปล่า หากแกไม่เชื่อเป่าเป้ยของย่าหลานส่งเสียงให้ลุงรองได้ยินอีกครั้งสิ” หญิงชราพูดเสียงสองกับหลานสาวคนโปรด

            ฟางซินจึงส่งเสียงออกมาอีกครั้ง เอ๋อกั๋วแทบไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินจะเป็นเรื่องจริงและยังไม่ทันที่เขาจะถามอะไรเช่นเดียวกับซานไห่

            เสียงร้องจากท้องน้อย ๆ ของคนในห่อผ้าก็ดังขึ้น ฟางซินใบหน้าแดงอีกครั้งก่อนที่จะส่งเสียงร้องออกมาสามครั้งตามที่ผู้เป็นย่าพูดเอาไว้ก่อนหน้า

            “ฮ่า ๆ แกเห็นไหมหลานสาวของฉันฉลาดที่สุด” นางโม่ หัวเราะร่วนพูดขึ้นอย่างชอบใจ “ย่าจะพาหลานไปกินนมอาห่าวไปกับย่าไหม” หญิงวัยกลางคนหาได้สนใจลูกชายทั้งสองของตนอีกต่อไปเพราะในตอนนี้ทั้งความคิดและจิตใจอยู่ที่หลานสาวหลานชายเพียงเท่านั้น

            กว่าทั้งเอ๋อกั๋วกับซานไห่จะได้สติก็ตอนที่ได้ยินน้ำเสียงของหยูเซียน “พ่อต้าโถวคุณเป็นอะไรยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นเชียวหรือจะป่วย” น้ำเสียงของหญิงสาวเต็มไปด้วยความกังวล

            “มะ...ไม่ใช่เมียจ๋า เมื่อสักพักนี่ผมได้ยินเสียงของยาโถวน้อยร้องกินนม”

            “เด็กร้องกินนมก็ธรรมดานี่คะ แปลกตรงไหน หากคุณไม่มีอะไรก็มาช่วยฉันยกอาหารเย็นเถอะ” หยูเซียนถอนใจอย่างโล่ง อกก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มขันให้กับท่าทางของสามี

            ส่วนซานไหตอนนี้เขาได้เดินตามแม่กับบุตรชายคนเล็กไปติด ๆ แต่หลังจากเจ้าตัวคิดได้ใบหน้าของชายหนุ่มก็เกิดแดงก่ำดังนั้นสองเท้าจึงได้เดินเลี้ยวไปทางครัวด้านหลังแทน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนพิเศษที่4 ความทรงจำอันงดงาม

    หน้าสมุดบันทึกเล่มหนึ่งภายในนั้นได้มีตัวอักษรงดงามเรียบเรียงเอาไว้อย่างงดงามเป็นระเบียบ ลมจากทางหน้าต่างหอบใหญ่ได้พลิกหน้ากระดาษหลายหน้านั้นขึ้น จนทำให้หญิงสาวหน้าตาสะสวยผู้กำลังสาละวนอยู่กับการนำสิ่งของมากมายออกจากกล่องต้องรีบลุกขึ้นมาหยิบสมุดเล่มดังกล่าว “เฮ้อ! ดีนะที่ไม่เสียหาย ไม่อย่างนั้นโดนแม่ทำโทษแน่” เสียงถอนหายใจของเธอดังขึ้นพร้อมกับใช้นิ้วมือเรียวคลี่กระดาษที่ถูกม้วนเข้าหากันให้คลายออกอย่างทะนุถนอม เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น “แม่แน่ ๆ” เจ้าตัวคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้าเสร็จสรรพ “น้าเสี่ยวเซิงว่าอะไรนะคะ น้ารอหนูอยู่ข้างล่างเหรอ เอ๋! น้าพาเสี่ยวเสวี่ยมาด้วยหนูจะรีบลงไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” หญิงสาวคนสวยกดวางสายก่อนหย่อนมือถือรุ่นล่าสุดที่บริษัทขอ

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนพิเศษที่3 ความในใจของเสี่ยวเซิง

    สวัสดีครับ ผมคือกู้ซินเซิงหรือคนในครอบครัวมักจะเรียกว่าเสี่ยวเซิง ผมหาใช่ลูกหลานตระกูลกู้อย่างแท้จริงไม่แต่เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผมเลยในเรื่องของความรักและความกตัญญูที่ผมมีต่อคนในครอบครัวนี้ ทั้งนี้เป็นเพราะนับตั้งแต่วันที่พี่สาวคนดีของผมได้ช่วยให้รอดจากความตายตั้งแต่ครั้งยังเป็นทารกผมก็ตั้งมั่นเอาไว้แล้วว่าจะเป็นวัวเป็นม้าและตอบแทนเธอไปจนกว่าชีวิตจะดับสูญ เพียงแต่ผมไม่คิดว่าคนในครอบครัวกู้จะมีความรักให้ผมอย่างท่วมท้นทุกคน โดยเฉพาะพ่อแม่บุญธรรมที่คิดว่าตัวผมนั้นคือเลือดเนื้อในอกของตนอย่างแท้จริง ซึ่งยิ่งเมื่อผมได้ฟังเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ว่าเธอมีน้ำนมให้ผมดื่มกินตั้งแต่วันแรกที่ผมฟื้น หากไม่ใช่ว่าคนในครอบครัวรวมถึงพี่สาวสุดที่รักของผมยืนยันผมคงคิดว่าเรื่องเล่านี้คงเป็นเรื่องโกหก 

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนพิเศษที่2 ลูกสาวพ่อ

    “พ่อบุญธรรมรีบเลยครับ ผมช่วยอุ้มดีไหม” เจียอินแทบจะทำตามที่พูดเมื่อเห็นว่าพ่อผู้ชรายังนั่งคล้ายไม่ทุกข์ร้อนอยู่ที่เดิม “เฮ้อ! แกนี่นะโตจนป่านนี้แล้วยังทำตัวไม่มีสติอีก ดูเจ้าตัวเขายังไม่ร้อนใจขนาดแกเลย หล่อนต้องเดินเข้ามาหาฉันสิ แกลืมแล้วเหรอว่าฉันอายุเท่าไหร่แล้ว” เหตุที่อู๋เหยียนไม่รู้สึกอนาทรร้อนใจเป็นเพราะเขามองท่าทางของศิษย์คนโปรดออก “แหะ ๆ ผมก็ลืมไปมักจะคิดว่าพ่อยังหนุ่มอยู่เรื่อย” คำแก้ตัวของเจียอินทำให้ชายชรามองเขาตาเขียว “แกเอาตาไหนดูว่าฉันยังหนุ่มเห็นทีว่าสายตาของแกคงจะยิ่งแย่กว่าคนแก่อย่างฉันเสียอีก หล่อนเห็นด้วยไหมศิษย์รัก” ถ้อยคำจิกกัดของอู๋เหยียนหาได้ทำให้เจียอินรู้สึกอันใดไม่ ตรงกันข้ามเขายังแย้มยิ้มยอมรับอีกต่างหาก “ฉันว่าที่พี่เจียอิน

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนพิเศษที่1 เป่าเป้ยหมายถึงสุดที่รัก (ของผม)

    ความนัยใจของผมถึงภรรยาสุดที่รัก ในช่วงเย็นของทุกวันหลังจากเลิกงานกลับถึงบ้าน สิ่งที่ผมมักจะทำเป็นอย่างแรกและทุกครั้งก็คือการมองหาภรรยาเช่นเดียวกับวันนี้เมื่อผมถามหาเธอจากเด็กรับใช้ สองเท้าของผมเดินมาทางห้องครัว ผมจึงได้เร่งฝีเท้ามากยิ่งขึ้นหลังจากได้กลิ่นหอมซึ่งผู้ที่กำลังทำอาหารอยู่นั้นจะต้องเป็นสุดที่รักของผมอย่างแน่นอน และก็เป็นอย่างที่คาดเมื่อสองสายตามองเห็นหญิงสาวร่างบางรวบผมเป็นหางม้ากำลังยืนหันหน้าเข้าหาเตา ขาทั้งสองข้างของผมยังไม่ได้ก้าวเท้าเดินเข้าไปหาหล่อนในทันทีแม้ว่าใจอยากจะกอดเธอให้สมกับความคิดถึง ทั้งนี้เป็นเพราะผมกำลังยืนนิ่งมองผู้กำลังให้ความสนใจกับสิ่งที่ทำด้วยค

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนที่105 แต่งครับ (ตอนจบ)

    หลายวันผ่านไปข่าวคราวของพวกเขายังคงเงียบงัน ฟางซินเองแม้อยากจะไปดูให้เห็นกับตาทว่าก็จนใจด้วยสถานที่แห่งนั้นเธอกับเสี่ยวหม่าวยังไม่เคยไปมาก่อน ‘ท่านเทพได้โปรดอย่าทำให้ฉันผิดหวังนะคะ’ ฟางซินอ้อนวอนร้องขอเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้พี่ชายของตนกับคนรักกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะหนานเสิ่นกับมู่เฉินได้ย้อนกลับมาช่วยคนเห็นแก่ตัวกลุ่มหนึ่ง เพียงเพราะความโลภคนกลุ่มนี้จึงได้อาศัยช่วงเวลาดังกล่าวทำตัวเป็นโจรหมายจะปล้นชิงสิ่งของมีค่าของผู้อื่นแต่ทว่าเป็นพวกเขาเองที่โดนคนประเภทเดียวกันเล่นงาน “อาเสิ่นนายหนีไปก่อน ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่เอง” มู่เฉินพูดขึ้นเมื่อเห็นคนกลุ่มนั้นมีอาวุธร

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนที่104 ไม่มีแล้วอย่างไร?

    ฟางซินเริ่มฝึกงานหลังวันปีใหม่ บริษัทแห่งนี้เป็นอาคารสูงห้าชั้น ซึ่งในยุคนี้อาคารสูงส่วนใหญ่ยังไม่มีมีลิฟท์ หญิงสาวจึงรู้สึกทดท้อเป็นอย่างมากหากจะต้องให้เธอเดินขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นสุดท้าย “เอ๋! ที่นี่สมกับเป็นบริษัทข้ามชาติมีลิฟท์ด้วย” ฟางซิน รู้สึกประหลาดใจเมื่อเดินเข้ามาภายในอาคารแล้วมองเห็นประตูลิฟท์ที่กำลังปิดแม้ว่าจะมีอยู่เพียงตัวเดียวก็ตาม หลังจากเจ้าตัวกดลิฟท์รออยู่สักพักในที่สุดประตูของมันก็เปิดออก ฟางซินก้าวเท้าของตนเข้าไปอย่างไม่รอช้า ชุดที่หญิงสาวสวมมาวันนี้ค่อนข้างเรียบร้อยดูดีมากว่าทุกวัน อีกทั้งยังค่อนข้างทันสมัยมีเสื้อโค้ตตัวยาวสีน้ำตาลอ่อนสวมอยู่ภายนอก จึงยิ่งเพิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status