ฉันที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่างรวมถึงเสียงโหยหวนของผู้หญิงและผู้ชายด้วย ฉันยืนตัวแข็งด้วยความตกใจ ขนลุกซู่กับเสียงที่ฟังเพราะฟังยังไงก็ไม่ใช่เสียงคนแน่ๆ
"บ้าน่า เราคงหูฝาดไป" ฉันยืนสะกดจิตตัวเองเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกกลัว แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล เมื่อเสียงร้องโหยหวนนั้นยังคงดังก้องเข้ามาในโสตประสาท
"ช่วยแล้วนะ" เสียงกระซิบยานๆเย็นๆของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นที่ข้างหูฉัน
"กรี๊ดดดดดดดดดด" ฉันกรีดร้องด้วยความตกใจแล้ววิ่งใส่เกียร์หมาออกจากคฤหาส์หลังนั้นทันที
"แฮ่ก แฮ่กๆ" เสียงฉันหอบหายใจเมื่อมายืนอยู่ที่หน้าผับที่ฉันทำงาน คนที่ยืนอยู่ข้างนอก บ้างคุยกันบ้างสูบบุหรี่ หันมามองฉันเป็นตาเดียว ไม่สิ....ไม่ได้มองฉัน แต่มองข้างหลังฉันต่างหาก ฉันหันกลับไปมองก็พบแต่ความว่างเปล่า อะไรของพวกเขาล่ะเนี่ย
เมื่อฉันหายเหนื่อย ฉันจึงเข้าไปในผับแล้วทำงาน ชงเหล้า ดูแลลูกค้าปกติ จนกระทั่งเลิกงานฉันก็เดินกลับหอพัก จากผับถึงหอพักไม่ไกลกันมาก ฉันจึงเดินกลับแทนการนั่งรถเพราะประหยัดเงินได้อีกนิดหน่อย
ฉันเดินเข้ามาในซอยหอพักที่ฉันเช่าอยู่ จากถนนใหญ่ต้องเข้าเดินมาในซอยประมาณ400เมตร ตอนนี้คนในซอยหลับกันหมดแล้วทุกบ้านเงียบสนิท มีเพียงแสงไฟสลัวๆจากเสาไฟฟ้าและมีเพียงเสียงรถยนต์จากถนนใหญ่ที่ดังขึ้นบ้างเป็นบางคราแว่วเข้าหูให้ได้ยินเท่านั้น
"กึก กึก กึก" เสียงร้องเท้าส้นสูงดังขึ้นเมื่อฉันก้าวเดิน แต่ฉันรู้สึกว่าเหมือนมีเสียงรองเท้าของคนอื่นเดินตามฉันด้วย ฉันจึงหันหลังไปมอง เอ๋ ก็ไม่มีใครนี่นา เพ้อเจ้ออีกแล้วสิเรา
"กึก กึก กึก" เสียงรองเท้าส้นสูงของฉันดังประสานกับรองเท้าของใครอีกคน คราวนี้ฉันหยุดชะงักแล้วหันไปมองข้างหลังอีกที เอ๋ ก็ไม่มีใครนี่นา ฉันหูแว่วอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย ฉันคิดในใจแต่ขนลุกซู่ขึ้นทันใด อยู่ตรงนี้ไม่ไหวแล้วโว้ย
ฉันรีบวิ่งเข้าไปในหอพักและขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น5 ซึ่งก็คือห้องของฉันนั่นเอง เฮ้อ ค่อยยังชั่ว ฉันมองซ้ายมองขวา เมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก เฮ้อ
"มองหาใครเหรอ"
"เฮือก" ฉันสะดุ้งจนตัวโยนแล้วมองร่างสูง อีตาคนนี้มาจากไหนวะ เมื่อกี้ยังไม่มีใครแท้ๆ.....เดี๋ยวนะ ไม่สิ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนมายืนอยู่ตรงนี้ เพราะฉันอยู่ห้องริมสุด ตรงนี้มันก็มีแค่หน้าต่าง เขาคงไม่ได้ปืนหน้าต่างเข้ามาแน่ๆเพราะนี่มันชั้น5 แล้วจะบอกว่าเขาตามฉันมาจากลิฟต์ก็คงไม่ได้เหมือนกันเพราะเมื่อกี้มีฉันคนเดียวนี่นา
ฉันหันควับมามองเขาก็แทบล้มทั้งยืนเมื่อพบว่าใบหน้าของเขาเหมือนกับรูปถ่ายที่แขวนอยู่บนผนังชั้น2ของคฤหาสน์หลังนั้นเปี๊ยบเลย
"...กะ.....กรี๊ดดดดดดด.....ผีหลอก" ฉันร้องโวยวายแล้วเป็นลมล้มฟุบอยู่หน้าประตูห้องทันที ส่งผลให้คนเกือบทั้งหอพักต้องสะดุ้งตื่นจากการหลับไหลเพราะเสียงฉันที่ดังลั่นหอพัก
"เฮ้ย เป็นอะไร" เสียงคนข้างห้องเปิดประตูมาถามแล้วยื่นมือมาสะกิดฉัน เพื่อนบ้านคนอื่นๆก็ออกมาดูฉัน บางคนก็หยิบยาดมยื่นมาอังจมูกให้ฉันดม บางคนก็ใช้พัดมาพัด จนฉันฟื้นคืนสติ ฉันจึงกล่าวขอโทษเพื่อนร่วมหอพักแล้วไขกุญแจเข้าห้องตัวเอง ฉันเปิดไฟสว่างทั่วห้องแล้วเปิดประตูอาบน้ำ โดยที่ไม่รู้ว่ามีสายตาของผู้อื่นจ้องมองอยู่ ร่างนั้นมองหญิงสาวแล้วแสยะยิ้มที่มุมปากนิดๆ
ฉันอาบน้ำเสร็จก็มาสวดมนต์ไหว้พระ หลังจากนั้นจึงพูดลอยๆว่า "ไปที่ชอบๆนะคะ แล้วแพรจะทำบุญไปให้ค่ะ" พูดจบฉันก็ห่มผ้าคลุมโปงทันที ฮือๆ ยัยแพรวา ผีไม่มีจริง จิตปรุงแต่งขึ้นมาเอง แกก็ก็แค่มโนอ่ะ เข้าใจป่ะ เดี๋ยวพอคืนนี้ผ่านพ้นไปก็ไม่มีอะไรแล้ว ฉันนอนสะกดจิตตัวเองอยู่
อย่างนั้นจนผล็อยหลับไป
หนึ่งปีต่อมา วันนี้เป็นวันแต่งงานของฉันกับพี่นที ตอนนี้ฉันเปลี่ยนมาเรียกเขาว่าพี่แล้วเพราะเขาอายุห่างกับฉัน10ปี โดยเราจัดงานแต่งงานกันที่สวนในคฤหาสน์ของคุณวาคิน โดยจัดเป็นงานเล็กๆ มีคุณวาคินกับแพรเป็นแม่งาน ภายในงานตกแต่งด้วยดอกไม้และมีรูปของฉันกับพี่นทีติดอยู่ทั่วงาน คนร่วมงานมีพี่อิงฟ้า พี่ข้าวสวยและไอ้กัน เซ็ตเดิมเหมือนงานแต่งของไอ้แพรกับคุณวาคินนั่นแหละ "กูดีใจว่ะ ที่มึงกับคุณนทีแต่งงานกัน อย่างที่กูบอกไงเหมือนชาติที่แล้วเป๊ะๆ" แพรยิ้มให้ฉันพร้อมจับมือฉันไปเขย่าด้วยความดีใจ "ไอ้แพรมึงจะพูดเรื่องผีอีกแล้วเหรอวะ กูกลัวนะเว้ย" ไอ้กันพูดขึ้นพร้อมกับลูบแขนตนเองไปมา "คุณนทีคะ ข้าวสวยฝากดูแลน้องสาวด้วยนะคะ" พี่ข้าวสวยพูดกับพี่นทีที่เดินเข้ามาหาฉัน "แน่นอนอยู่แล้วครับ ไม่ต้องห่วงนะ" พี่นทีตอบพี่ข้าวสวยพร้อมกับหันมาส่งยิ้มให้ฉัน ฉันจึงยิ้มตอบอย่างเขินๆ "สองคนนี้เปลี่ยนแนวเหรอวะ หวานกันเฉย ตอนจีบกันกูเห็นฮาร์ดคอร์กันจะตาย" ไอ้กันหันไปกระซิบกับไอ้แพร ฉันจึงเขกหัวมันเบาๆและพูดว่า "กูได้ยินนะเว้ย" ทุกคนจึงหัวเราะออกมา "อาตมามาทันใช่ไหม ยินดีกับโยมนทีและโยมข้าวหอมด้วยนะ" หลวงปู่เดินเข้าม
"พี่ข้าวสวย ทำไมต้องพาอีตาบ้านี่มาด้วย" ฉันดึงแขนพี่ข้าวสวยมาใกล้และกระซิบถามเมื่อเห็นพี่ข้าวสวย พี่อิงฟ้าและอีตาบ้านทีเดินเข้ามาในร้านด้วยกันซึ่งฉันนั่งรอที่โต๊ะอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้พวกเราอยู่กันที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งที่เป็นร้านชิลๆมีดนตรีสดและมีดีเจคอยเปิดเพลง บางโต๊ะก็ลุกขึ้นมาเต้นอย่างสนุกสนาน ภายในร้านมี1ชั้นพื้นที่ค่อนข้างกว้าง "ข้าวหอมน้องรักอย่าบ่นไปเลยน่า คนยิ่งเยอะยิ่งสนุก"พี่ข้าวสวยกระซิบตอบแล้วนั่งลงข้างฉัน พี่อิงฟ้าจึงนั่งตรงข้ามกับพี่ข้าวสวย "ชิ"ฉันเบะปากและส่งเสียงออกมาเบาๆเพราะคนที่นั่งตรงข้ามกับฉันก็คืออีตาบ้านทีน่ะสิ "เส้นกระตุกเหรอครับ?" เขาถามฉันพร้อมเหยียดยิ้มที่มุมปาก กวนประสาทสุดๆเลยคนสวยอารมณ์เสีย"ไม่ต้องมายุ่ง" ฉันตอบเขาและหันไปคุยกับพี่ข้าวสวยกับพี่อิงฟ้าว่าจะเอาเมนูอาหารอะไรเพิ่มเติมเพราะฉันสั่งของกินเล่นมากินก่อนแล้ว "คุณนทีอยากกินอะไรคะ?"พี่ข้าวสวยหันไปถามเขาที่นั่งเยื้องกันอยู่ฝั่งตรงข้าม "ผมเหรอ อยากกิน...ข้าวหอม" เขาตอบแล้วมองหน้าฉันก่อนจะยักคิ้วอย่างกวนๆให้หนึ่งข้าง "ข้าวหอมบ้าบออะไรล่ะ อยากโดนต่อยป่ะ" ฉันหันไปพูดกับเขาด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์และกำหมั
เดือนต่อมา ประจำเดือนของฉันไม่มาฉันจึงไปหาหมอก็พบว่าฉันตั้งครรภ์ได้สามสัปดาห์แล้ว เฮียดีใจจนแทบจะวิ่งรอบโรงพยาบาล เมื่อกลับมาถึงบ้านก็บอกข่าวดีกับพี่ข้าวสวย คุณนที คุณเอิงฟ้าและลูกน้องของเฮีย พวกเขาแสดงความยินดีและดีใจที่จะมีเด็กๆมาเพิ่มสีสันให้กับคฤหาสน์หลังนี้ฉันโทรบอกไอ้กรและไอ้ข้าวหอมพวกมันสองคนก็ตื่นเต้นและก็พากันทายว่าหลานจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายจะหน้าตาเหมือนใคร ส่วนเฮียวาคินก็คิดว่าจะให้ลูกนอนห้องไหน เรียนที่โรงเรียนอะไร เอ่อ ลูกยังเป็นวุ้นอยู่เลยจ้ะ=_= "แพร....เฮียบอกว่าให้อยู่เฉยๆไง" เฮียทำหน้าดุใส่ฉันเมื่อฉันเดินไปหยิบน้ำที่ตู้เย็นมาดื่ม "เฮียคะ แพรแค่ท้องนะคะ" ฉันหันไปมองหน้าเฮียแล้วยื่นปากใส่เขา"นั่นแหละ ถ้าแพรหกล้มขึ้นมาล่ะจะว่ายังไง มานี่เลยนะ" เฮียพูดจบก็เดินมาอุ้มฉันไปวางบนเตียงอย่างทะนุถนอม "เฮียคะ เฮียจะให้แพรนอนเฉยๆอย่างเดียวไม่ได้นะคะ แพรเบื่อ" ฉันงอแงใส่เขา"แพรอยากทำอะไรล่ะครับ" "แพรอยากไปเดินห้าง อยากกินชาบู" "ก็ได้ครับ เดี๋ยวเฮียพาไป" เฮียพูดจบก็เดินมาพยุงฉันให้ลุกจากเตียงและเดินจับมือฉันเดินลงมาข้างล่างเพื่อเดินไปลานจอดรถและเปิดประตูให้ฉันขึ้นไปนั่ง
สองอาทิตย์ต่อมา วันนี้เป็นวันแต่งงานของฉันกับเฮียวาคินก่อนหน้านี้เราไปจดทะเบียนสมรสกันมาแล้ว เฮียอยากมีรูปสวยๆไว้เก็บเป็นความทรงจำ เราจึงจัดงานแต่งในสวนภายในคฤหาสน์ ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสีและจะขาดไปไม่ได้เลยก็คือดอกฟอร์เก็ตมีน็อตนั่นเอง ภายในงานมีรูปภาพฉันกับเฮียวาคินที่ถ่ายรูปกันในสตูดิโอวางไว้ด้านหน้างานโดยคนมาร่วมงานก็เป็นแค่คนสนิทเท่านั้น พิธีการยังคงเนินไปเรื่อยๆจนถึงช่วงเวลาที่ต้องกล่าวคำสาบาน"ผมว่าคิน....สัญญาว่าจะรักและดูแลแพรตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่" เฮียพูดด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมจับมือฉัน ฉันจึงส่งยิ้มให้เฮียแล้วพูดประโยคเดียวกัน "แพรก็สัญญาค่ะ ว่าจะรักและดูแลเฮียวาคินตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่" "จูบเลยๆๆๆๆ" ข้าวหอมตะโกนและส่งเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ "ไม่ต้องบอกก็จะจูบอยู่แล้ว หึหึ" เฮียวาคินบอกข้าวหอมจึงทำให้ข้าวหอม คุณนที พี่ข้าวสวย คุณอิงฟ้า ไอ้กรและบรรดาลูกน้องของเฮียส่งเสียงโห่ร้องอย่างชอบใจ เฮียดึงรั้งท้ายทอยของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงมาจูบอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน ฉันจึงจูบเขาตอบเช่นกัน ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงแล้วสินะ รอคอยมาตั้งหลายชาติได้อยู่ด้วยกันจริงๆสักที ฉันรู้สึกอิ่มเ
"แพรรักเฮียนะ" "แพรก็มีความสุขที่ได้อยู่กับเฮียค่ะ" "เฮีย...ต่อไปนี้เรามาใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขกันเถอะค่ะ" "เฮียรักแพรไหมคะ" "โอ๊ยยยยย ฝันอีกแล้วเหรอวะเนี่ย" ร่างสูงบ่นแล้วทำหน้าตาหงุดหงิดตื่นขึ้นมาบนเตียง เขาฝันถึงผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัยจนตอนนี้เขาอายุ30ก็ยังคงฝันอยู่ ทุกเรื่องราวทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาจำได้ทั้งหมดแต่ที่เขาหงุดหงิดก็คือเขาไม่เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นต่างหาก "แพรวา....เธอเป็นใครกันแน่" ร่างสูงขมวดคิ้วแล้วพึมพำกับตัวเอง ณ ผับxxx "ไอ้แพรมึงระวังโต๊ะนั้นไว้ให้ดี ดูแล้วแม่งจะเล่นมึงว่ะเห็นมองมาทางมึงเป็นพันรอบแล้วมั้ง" ข้าวหอมเพื่อนสาวสุดที่รักของฉันพูดขึ้นพลางใช้มือชี้ที่ห้องวีไอพีห้องหนึ่ง ฉันกับข้าวหอมมาเที่ยวผับด้วยกันเพื่อฉลองวันเกิดของฉัน วันนี้ฉันอายุครบ22ปีแล้ว "มึงด้วยแหละไอ้ข้าวหอม มึงดูสายตาของพวกมันดิโคตรหื่น" ฉันบอกข้าวหอม "รู้แบบนี้น่าจะชวนไอ้กันมา" ข้าวหอมคร่ำครวญ "แล้วทำไมไม่ชวนมาล่ะ" "ก็มึงชอบเล่าเรื่องความฝันเพี้ยนๆของมึงอ่ะ ที่บอกว่ามีแฟนเป็นผีที่ชื่อวาคินอะไรนั่นน่ะ ไอ้กันมันก็กลัวน่ะสิแถมมึงเล่าเรื่องนี้ตั้งแต่ปีหนึ
สามเดือนต่อมาฉันเดินทางไปคฤหาสน์โดยรถของกรซึ่งฉันตัดสินใจกับคุณวาคินว่าฉันกับเขาจะใช้ชีวิตคู่กันที่นี่ โดยเราจะรีโนเวทแค่ภายในคฤหาสน์บางส่วนโดยที่ภายนอกเหมือนเดิมเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตของผู้คนถึงแม้ว่าจะไม่มีค่อยมีคนกล้ามาก็เถอะ โดยจ้างกรและผีในคฤหาสน์เนี่ยแหละให้ช่วยๆกัน กรได้เงิน บรรดาผีทั้งหลายได้ส่วนบุญ "อยู่ที่นี่ไม่มีพวกขโมยใช่ไหม กูเป็นห่วงว่ะผู้หญิงตัวคนเดียว" กรพูดกับฉันด้วยความห่วงใย "ตัวคนเดียวบ้าอะไร ผัวมันก็อยู่ มึงคิดว่าคุณวาคินจะให้แพรมีอันตรายเหรอ" ข้าวหอมพูดแล้วชี้นิ้วไปทางคุณวาคินที่นั่งสมาธิอยู่กับบรรดาผีทั้งหลาย "นั่นสิ ไม่ต้องห่วงหรอกมึง เวลามีคนอื่นบุกรุกก็เจอผีบริวารของเฮียจัดการก่อนเลย วิ่งป่าราบกันทุกราย" ฉันพูดแล้วยิ้มให้กร "บรื๊อ~ คิดแล้วกูก็สยอง" กรทำท่าขนลุกซู่ ยังคงไม่ชินกับผีสักเท่าไหร่ "นี่มึงยังกลัวผีอยู่เหรอ" ข้าวหอมถามกร กรมันจึงพยักหน้ารับ "ไม่ลองมีแฟนเป็นผีบ้างล่ะ แบบกูกับข้าวหอมไง" ฉันแกล้งถามมัน มันส่ายหน้ารัวๆ "ไม่ไหวว่ะ ทุกวันนี้แค่เจอผีคุณอิงฟ้ากับผีพี่ข้าวสวยกูก็จะเป็นลมแล้ว ขยันแกล้งกูกันเหลือเกิน" มันพูดแล้วทำหน้าซีดลงเล็กน้อย "