เมื่อพระเอกในนิยายที่อ่านทะลุมิติออกมานอนอยู่ข้างๆ ระหว่างเลี้ยงดูกับหาวิธีส่งกลับไป เราควรเลือกอะไรก่อนดี
Lihat lebih banyak“หนู ดูสร้อยมั้ยลูก ป้าถักเองทุกเส้นเลยนะขายไม่แพงหรอก ลองเข้ามาดูก่อนก็ได้ ไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร”
เสียงของแม่ค้าแผงลอยที่ตั้งอยู่ริมทางเดินเท้าเรียกสายตาศศินาให้หันไปมองอย่างไม่อาจปล่อยผ่าน เธอมักจะรู้สึกไม่ดีหากใครตั้งใจพูดด้วยแล้วเมินไปทั้งที่บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องสนใจอะไร เพราะความจริงเธอก็แค่มาเดินเล่นไม่ได้ตั้งใจจะซื้ออะไรอยู่แล้ว และคนขายของก็คงเรียกแบบนี้ทุกคนเพื่อหาโอกาสในการขาย ถึงจะรู้แบบนั้นแต่ศศินาก็ยังหันไปยิ้มให้และเดินเข้าไปดูอยู่ดี
“ตามสบายเลยนะหนู สนใจเส้นไหนก็ถามได้ป้าให้ราคาพิเศษเลย”
“ค่ะ”
ศศินากวาดตามองบรรดาเชือกถักที่สีสันและลวดลายต่างกันไปแทบไม่มีซ้ำ ก่อนจะสะดุดตากับเส้นที่เป็นเชือกสีดำเล็กๆตรงกลางมีจี้เงินรูปพระจันทร์เสี้ยว ดูเรียบๆแต่ก็น่ารักจนต้องหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ พระจันทร์ก็คือความหมายของชื่อเธอ และเป็นสิ่งที่เธอชอบที่สุดด้วยเหมือนกัน
“ชอบอันนั้นเหรอลูก”
“ค่ะ”
ศศินาตอบก่อนจะส่งไปให้แม่ค้าใส่ถุงผ้าเล็กๆให้ ไม่ได้คิดถามราคาเพราะรู้ว่างานฝีมือแบบนี้ต้องใช้เวลาและความตั้งใจมากๆ หากไม่ได้แพงเกินจริงเธอก็ยินดีจ่าย
“อันนี้ป้าแถมให้นะ พอดีมันเหลือเส้นเดียวเหมือนกันเผื่อหนูอยากเอาไปฝากแฟน”
“คือ ไม่ต้องก็ได้ค่ะป้าหนูเอาอันเดียวพอค่ะ”
ศศินาปฏิเสธตอนที่ยื่นเงินไปแล้วแม่ค้าส่งถุงมาให้ แต่ก็ไม่ทันเพราะคนขายได้ยัดใส่ถุงมาให้เธอเรียบร้อยแล้ว
“รับไปเถอะลูก ป้าทำเองไม่ได้ขาดทุนมากมายอะไรหรอก เอาไว้ผ่านมาคราวหน้าก็แวะมาอุดหนุนกับบ้างก็พอ”
“ขอบคุณค่ะ จะบอกให้เพื่อนๆที่ทำงานแวะมานะคะ”
ศศินาก้มหัวขอบคุณก่อนจะเดินออกมาด้วยรอยยิ้มเล็กๆ สองเท้าพาตัวเองเดินไปเรื่อยๆบนทางเท้าที่เริ่มคึกคักขึ้นทุกทีเพราะเป็นเวลาใกล้มืดแล้ว แสงไฟที่เปิดตามร้านต่างๆส่งให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวามากขึ้น คนที่เพิ่งเลิกจากงานต่างพากันทยอยมาที่ตลาดนี้เรื่อยๆเพื่อหาของกินและนัดพบปะสังสรรค์ก่อนจะได้หยุดยาวสามวัน ศศินาเองก็ตั้งใจว่าจะหาอะไรกินแล้วกลับไปห้องทีเดียวเลย ถ้าเป็นวันหยุดก็อาจจะทำอาหารกินเองบ้าง แต่ถ้าเหนื่อยมากก็ซื้อกินเพื่อประหยัดเวลาตัวเองด้วย
พอมองเห็นคนอื่นเดินกันกับเพื่อนๆก็อดจะอิจฉาไม่ได้ เพราะพอเข้าวัยทำงานแล้วก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนที่เคยสนิทอีกเลย ยิ่งโตก็ยิ่งรู้สึกว่าการอยู่คนเดียวมันสบายใจกว่าเยอะเลยจริงๆ
และก่อนที่จะได้ออกมาจากย่านนั้น สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับร้านขายของเก่าที่ชื่อแปลกๆว่า ‘เก็บเวลา’ ศศินาตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านอย่างสนใจ ตึกแถวเก่าๆที่ไม่ต่างจากร้านข้างเคียงแต่บรรยากาศกลับดูแตกต่าง แค่ก้าวเข้ามาในร้านก็ได้ยินเสียงดนตรีที่ดังคลอเบาๆ เป็นเสียงที่ศศินาก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเครื่องดนตรีชนิดไหนรู้แต่ว่ามันเพราะมากแม้ไม่มีเสียงนักร้องก็ตาม รู้สึกผ่อนคลายพอๆกับกลิ่นดอกไม้ที่หอมอ่อนๆฟุ้งกระจายอยู่ทั่วไปในร้าน ทั้งที่มีแต่ของเก่าแต่กลับไม่มีกลิ่นเหม็นอับอย่างที่ควรจะเป็น ศศินาสูดกลิ่นนั้นก่อนจะยิ้มบางๆเพราะถูกใจ อยากรู้เหลือเกินว่าใช้กลิ่นอะไรเธออยากเอาไปไว้ในห้องบ้าง มันสดชื่นแล้วก็ผ่อนคลายมากๆ
“ดูตามสบายเลยนะลูก สนใจชิ้นไหนก็ถามราคาได้”
น้ำเสียงใจดีจากคุณลุงที่อยู่ตรงโต๊ะกลางร้านดังขึ้น ศศินาหันไปยิ้มให้ก่อนจะหันมาสำรวจของในร้านต่อ มีตั้งแต่ชิ้นใหญ่มากๆอย่างพวกโต๊ะเก้าอี้ ตู้ไม้เก่าๆที่มีแกะสลักลวดลายสวยงาม เครื่องเรือนที่ศศินารู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง โมบายหลายชนิดที่แขวนอยู่บนเพดานส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่เสียงทั้งหมดรวมกันกลับไม่น่ารำคาญเลยสักนิด
กลับกัน ศศินารู้สึกลืมไปด้วยซ้ำตั้งแต่เข้ามาในร้านนี้ว่าเธอกำลังอยู่ในตลาดที่มีคนพลุกพล่านขนาดไหน ความเงียบสงบที่โอบล้อมรอบตัว กำลังดึงให้ศศินาหลุดเข้าไปในโลกของบรรดาข้าวของที่ถูกนำมาขายต่อด้วยความเพลิดเพลิน ร่างบางเดินไปเรื่อยๆจนถึงของชิ้นเล็กๆที่เป็นของตกแต่ง
จนเมื่อเห็นกล่องไม้เล็กๆที่ด้านบนแกะสลักลวดลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวและพระอาทิตย์คู่กัน ศศินาถึงได้หยิบขึ้นมาดูด้วยความสงสัยเพราะปกติพระอาทิตย์กับพระจันทร์มักไม่ได้ถูกจับให้คู่กันแบบนี้ มือบางลูบกล่องไม้ที่ถูกขัดอย่างดีจนเรียบกริบไร้รอยสะดุด ลวดลายแกะสลักก็ไร้ที่ติจนสงสัยว่าเจ้าของคนก่อนไม่เสียดายแย่หรือไงที่เอามาขายต่อแบบนี้
“นั่นเป็นกล่องดนตรีนะ ลองเปิดฝาดูสิลูก”
“มันยังดังอยู่เหรอคะ”
ศศินาหันกลับไปถามด้วยความแปลกใจ คุณลุงที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านทำเพียงยิ้มให้แล้วพยักหน้าเบาๆเท่านั้น ศศินาเลยค่อยๆเปิดฝามันออกแล้วบิดตัวไขลานที่อยู่ด้านข้างกล่อง จากนั้น เสียงดนตรีที่ทำให้ศศินาเหมือนถูกหยุดเวลาก็ดังขึ้นตามกลไกที่ถูกสร้าง แม้ในร้านจะมีเสียงอื่น แม้ภายนอกจะเสียงดังแค่ไหน แต่ตอนนี้ศศินากลับได้ยินเพียงเสียงดนตรีจากกล่องไม้เท่านั้น
“ชอบมั้ย ลุงว่าเสียงมันเพราะดีนะแต่ไม่มีใครซื้อไปสักที สงสัยมันจะเก่าเกินไป เดี๋ยวนี้คงมีกล่องดนตรีสวยๆเยอะแยะ ไม้ธรรมดาคงสู้ไม่ได้เนอะ”
ศศินาสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคุณลุงพูดขึ้น เผลอเหม่ออยู่นานจนไม่รู้ว่าเสียงดนตรีหยุดไปตอนไหน เธอปิดมันลงก่อนจะถือเดินไปหาคุณลุงแบบไม่ต้องคิด ก็แค่รู้สึกชอบและไม่อยากทิ้งมันไว้ที่นี่เท่านั้นเอง
“หนูขอซื้ออันนี้ค่ะ”
“ได้สิ ลุงว่ามันก็น่าจะรอหนูมานานเลยนะ”
“พูดเรื่องจริงไงครับ ผมอยากมีลูกเยอะๆเคยบอกแล้วนี่นา”อคิราห์บอกพลางทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กขัดใจ ศศินาเลยบีบแก้มอีกคนอย่างหมั่นไส้แล้วบ่นออกมาไม่จริงจังนัก“เลี้ยงคนแรกให้รอดก่อนเถอะค่ะพ่อคนขี้เห่อ”“คุณแม่ดุมากต้องจัดการซะแล้ว”อคิราห์บอกด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ในแบบที่ศศินารู้ทันทีว่าจะโดนเอาเปรียบแต่ก็ไม่เคยทันเพราะอีกคนก้มลงมาปล้นลมหายใจเธอไปด้วยจูบที่หวานล้ำอีกแล้ว“อื้อ…”—-------“ลูกพ่อ ฮึก…”“แสง นี่คุณร้องไห้เหรอคะ”ศศินาเลิกคิ้วถามอย่างไม่อยากเชื่อเมื่อเห็นสามีตัวเองเช็ดน้ำตาป้อยๆจนป้ากชที่ยืนอยู่ห่างๆยังแอบขำออกมา“เปล่าสักหน่อย ผมแค่ดีใจที่ลูกออกมาแล้ว ดูสิครับลูกหน้าเหมือนผมเลยใช่มั้ยที่รัก”อคิราห์ปฏิเสธทั้งที่ตายังเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใส ทำเอาศศินาขำออกมาเบาๆอย่างอดไม่ได้ น่าเอ็นดูซะเหลือเกินคุณพ่อที่เพิ่งได้เห็นหน้าลูกเนี่ย แถมยังเป็นลูกแฝดชายหญิงที่หาได้ยากซะด้วย ไม่รู้เธอโชคดีหรืออคิราห์ร้องขอจากพระจันทร์ทุกคืนกันแน่ คนที่เลือกไม่ได้เพราะอยากได้ทั้งลูกชายลูกสาว ผลสุดท้ายเลยได้มาทั้งคู่อย่างน่าอัศจรรย์แบบนี้“แค่กี่วันเองจะดูออกเลยเหรอคะ คนอะไรขี้เห่อมาก”“ลูกน่ารักตั้งสอง
“อื้อ…”ศศินาที่ไม่ทันได้ทักท้วงถูกอีกคนปล้นจูบไปจนได้ มือเล็กขยุ้มอกเสื้ออีกคน ใบหน้าสวยถูกจับให้เงยรับจูบที่แสนหวาน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นดูดดื่มและเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆจนต้องทุบอกแกร่งแรงๆหลายที อคิราห์เพียงละออกมาให้ภรรยาหอบหายใจแล้วก็ประกบลงไปกลืนกินความหวานจากปากเล็กครั้งแล้วครั้งเล่าเท่าที่คิดถึงมาหลายวัน จนกระทั่งศศินาตัวอ่อนเปลี้ยในอ้อมแขนอีกคน และอคิราห์เองก็เริ่มจะหักห้ามใจไม่ไหวจนกลัวจะเลยเถิดถึงได้หยุดจูบที่ยาวนานนั้นได้“ทำอะไรคะเนี่ย เดี๋ยวป้ากชก็มาเห็นหรอก”ศศินาฟาดไปที่แขนแกร่งแรงๆพลางบ่นออกมาทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำ อคิราห์ยิ้มพลางลูบแก้มเนียนที่ขึ้นสีแผ่วเบาแล้วบอกออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าเพราะกำลังปรับอารมณ์อยู่ การห้ามใจไม่ให้เกินเลยกับภรรยาตัวเองนี่มันทำร้ายกันชัดๆอคิราห์ไม่ชอบเลย“ป้าเค้าไม่ว่างหรอกครับ กำลังทำมื้อเย็นอยู่ในครัวนู่น ว่าแต่คุณแม่ของลูกผมหิวรึยังครับ”“หิวค่ะ”“งั้นก็ไปทานข้าวเย็นกันดีกว่า ผมซื้อของมาฝากเยอะเลยที่รักต้องชอบแน่ๆ”อคิราห์ชวนพลางจับคนตัวเล็กให้ค่อยๆลุกขึ้นมาจากที่นั่งด้วยความระมัดระวัง “น่ารักจังเลยคนนี้”“สามีคุณเองครับ รักผมให้มากๆด้วย”คนต
กล่องดนตรีไม้ถูกจับมาหมุน เสียงดนตรีแสนไพเราะดังขึ้นอีกครั้งท่ามกลางลมหนาวของเดือนธันวาคม เส้นผมยาวสีดำขลับพริ้วไหวคลอเคลียใบหน้าหวาน ดวงตาคู่สวยเหม่อมองไปยังภูเขาที่อยู่ไกลลับตา ราวกับจะมองไปให้ถึงคนที่อยู่ไกลแสนไกล คนที่ทำให้เธอเฝ้าคิดถึงมาหลายวันจนมองอะไรก็น่าเบื่อไปหมด ไม่รู้ว่าป่านนี้จะคิดถึงเธอเหมือนกันหรือเปล่า เพราะกิจการคาเฟ่ของอคิราห์ไปได้ดีกว่าที่คิด เลยมีคนติดต่อขอให้ไปเปิดอีกสาขาที่กรุงเทพ เนื่องจากมีลูกค้าหลายคนติดใจขนมและเครื่องดื่มที่มีขายเฉพาะที่นี่ อคิราห์เองก็ไม่อยากขายสูตรที่คิดขึ้นมาให้คนอื่นไปทำเพราะกลัวว่าจะผิดเพี้ยนไปจากเดิม เลยปรึกษากับศศินามาสักพักจนได้ข้อสรุปว่าเราจะไปเปิดอีกสาขาที่นั่น โดยจ้างคนดูแลและไปตรวจทานด้วยตัวเองบ่อยๆแทน พอได้พื้นที่ที่ต้องการอคิราห์เลยต้องไปดูแลการรีโนเวทร้านขึ้นมาให้เหมือนกับสาขานี้มากที่สุด ถึงแม้จะยกธรรมชาติที่เขาใหญ่ไปนู่นไม่ได้ก็ตาม อย่างน้อยก็สร้างพอให้ได้บรรยากาศเพื่อลูกค้าที่โหยหาธรรมชาติสักนิดก็ยังดี ส่วนเหตุผลที่ศศินามานั่งเหม่อคิดถึงสามีสุดหล่ออยู่ตรงนี้ ก็เพราะอคิราห์ไม่ยอมให้ไปด้วยเพราะกลัวว่าภรรยาจะเหนื่อยเกินไปที่ต
“รู้แล้วครับ ผมจะค่อยๆนึกนะ อืม เรื่องของที่ข้ามมาที่นี่ได้ท่านบอกไว้ว่าเพราะการที่ของโลกนู้นมาโผล่ที่นี่มันไม่แปลกเพราะเป็นของสมัยเก่าที่เคยมีมาแล้ว แต่การที่ของโลกนี้ไปที่นู่นไม่ได้เพราะยังไม่เคยมีสิ่งของพวกนี้มาก่อนครับ”“อย่างนี้นี่เอง ถ้าข้ามไปได้มันจะผิดจากยุคสมัยที่ควรเป็นสินะ”ศศินาพยักหน้าเข้าใจ ถ้าคนเรานำสิ่งของข้ามเวลาไปอดีตได้จริงคงได้วุ่นวายน่าดู เพราะหากใครย้อนเวลาหรือข้ามมิติได้ก็คงอยากเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างจนโลกวุ่นวายไปหมดแน่ๆ “ส่วนตัวตนของคุณ เพราะโลกนั้นเป็นโลกที่ท่านสร้างขึ้นเองเลยมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงต้นฉบับทุกอย่าง แต่กับโลกปัจจุบันนี้ท่านไม่มีอำนาจเปลี่ยนแปลงอะไรมากนักนอกจากโชคชะตาจะกำหนดไว้แล้วครับ”“อ้อ นักเขียนคือพระเจ้านี่เองศิก็ลืมไป”“ครับ ท่านบอกผมอย่างนั้นเหมือนกัน ตอนแรกผมก็โมโหมากที่ท่านมาล้อเล่นกับชีวิตคนอื่นแบบนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องขอบคุณอยู่ดีไม่งั้นผมคงไม่ได้มาพบคุณ”“งั้นสุดท้าย ทำไมเราสองคนถึงได้ถูกกำหนดให้มาเจอกันทั้งที่อยู่คนละโลกแบบนี้คะ”ศศินาถามอย่างสุดท้ายที่สำคัญมากๆ ถึงจะรู้สึกขอบคุณแต่ก็ยังไม่หายสงสัยอยู่ดีว่าอะไรที่ทำให้เกิดเรื่องรา
บ่ายวันนึงของหน้าร้อนที่คู่แต่งงานใหม่พากันไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หลังบ้าน มองดูสวนผลไม้หลากชนิดและยอดเขาที่เห็นไกลๆ กลิ่นหอมจากดอกไม้รอบบริเวณลอยมากับลมเย็นๆจากธรรมชาติ สร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้กับช่วงเวลาที่พระอาทิตย์สว่างจ้าจนแสบตาแบบนี้ได้ไม่น้อย ศศินาเอนตัวลงนอนบนตักของสามีพลางหลับตาพริ้มอย่างอารมณ์ดี ขณะที่อคิราห์ทอดสายตาที่เต็มไปด้วยความรักมองภรรยาคนสวยแล้วลูบผมอีกคนแผ่วเบา ศศินาคว้าเอามือหนาไปกุมไว้แนบแก้มก่อนจะถามเรื่องที่เคยสงสัยมานานตั้งแต่ที่เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ถึงจะเคยคุยกันไปแล้วบ้างแต่ด้วยตอนนั้นเกิดเรื่องขึ้นมากมายจนไม่ได้ถามรายละเอียดมากนัก “แสงคะ” “ครับ” “ยังจำตอนที่คุณกลับไปครั้งสุดท้ายได้มั้ย” “ได้ครับ ทำไมเหรอ” “ตอนนั้นคุณบอกว่าไปเจอคุณนักเขียนที่เขียนหนังสือเรื่องนั้นมาใช่มั้ยคะ” “ครับ คนที่คุณตานักปราชญ์เคยบอก แต่มันเหมือนความฝันมากกว่าถึงตอนที่คุยกันจะเป็นจริงก็เถอะ” อคิราห์บอกยิ้มๆ พอนึกถึงภาพตอนนั้นก็รู้สึกเลือนลางขึ้นมาแม้จะจำได้ทุกอย่างแล้วก็ตาม ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดีว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ หากไม่มีเสื้อผ้ากับของที่มาจากโลกนู้นอยู่
“อ๊าาา อะ อย่า อื้อ”บั้นท้ายงอนงามยกขึ้นอย่างเสียดเสียวเมื่อถูกลิ้นสากละเลงลงไปบนกลีบบอบบาง ติ่งเสียวที่ไวต่อความรู้สึกถูกดูดดุนจนตัวกระตุกสั่นไปหมด วันนี้อคิราห์ร้อนแรงเป็นพิเศษแบบที่ไม่เคยทำแบบนี้กันมาก่อนเลย ถึงจะเคยทำในห้องน้ำแต่ก็แค่ในอ่างแบบเมื่อกี้หรือยืนอยู่บนพื้นในท่าหันหลังเท่านั้น ไม่เคยถูกพามานั่งบนนี้สักครั้งและศศินาก็เพิ่งรู้ว่าการเปลี่ยนที่มันก็เปลี่ยนความรู้สึกไปด้วยเช่นกัน เหมือนตอนนี้ที่เธอหูอื้อตาลายไปหมด สติเริ่มถูกพรากไปกับความกระสันเสียวที่อีกคนมอบให้ไม่รู้จบ อคิราห์กำลังจะทำให้เธอเป็นบ้า ด้วยปากและลิ้นที่ละเลงใส่เธอไม่หยุด แม้แต่เสียงครางตอนนี้ศศินายังไม่อยากเชื่อว่ามันออกมาจากปากของเธอ มันดูร่านร้อนและยั่วยวนจนน่าอาย แต่เธอควบคุมหรือต่อต้านอะไรไม่ได้เลย ในเมื่อร่างกายมันซ่านเสียวจนโอนอ่อนตามอีกคนไปหมดแบบนี้“ฮึก แสง อ๊าา”ร่างบางกระตุกสั่น ปลดปล่อยออกมาอีกครั้งอย่างง่ายดาย อคิราห์ปาดเลียน้ำรักกลืนกินก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วกดกระแทกตัวตนที่แข็งขืนเข้าไปทันทีจนศศินาครางเสียงหลง“อ๊ะ อ๊าา”แขนเล็กกอดคอหนาเอาไว้แน่น อคิราห์ไม่ได้เว้นให้เธอที่กำลังเสร็จแม้แต่น้อย ร่าง
Komen