Share

ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย
ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย
Auteur: เฟยเทียน / เงาจันทราสีหมึก / กัญญ์ญาภัค

ตอนที่1 ลืมตาตื่นในส้วม

‘ทำไมฉันได้กลิ่นตุ ๆ มันช่างเป็นกลิ่นที่ไม่น่าพึงประสงค์เอาเสียเลย นี่ท่านเทพแห่งดวงชะตาส่งฉันกลับมาตอนไหนคงจะไม่ใช่ตอน...หรอกใช่ไหม’ เด็กหญิงร่างผอมใบหน้าเหลืองอย่างคนขาดสารอาหารที่กำลังหลับตาบ่นพึมพำในใจก่อน ที่เธอจะค่อย ๆ เปิดเปลือกตาของตน แต่แล้วหล่อนก็ต้องหลับตาลงไปใหม่เพื่อพยายามมองสิ่งที่อยู่ด้านหน้าอีกครั้ง

‘ประตูที่ทำจากไม้เริ่มผุพังมีไม้ขัดเอาไว้ด้านใน กำแพงดินเป็นผนังกั้นห้องแคบทั้งสี่ด้าน ใช่แน่ ๆ นี่มันตอนที่เธอเคยเป็นลมในห้องปลดทุกข์ตอนมีอายุได้แปดหนาวนี่นา ท่านเทพใยท่านใจร้ายนักส่งข้ากลับมาเข้าร่างอีกครั้งท่านกลับส่งมาในส้วมนี่นะ เหม็นก็เหม็น ท่านแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ได้อยากให้ข้าตายอีกรอบ’

อดีตวิญญาณสาวร้องคร่ำครวญในใจ เด็กสาวคนนี้มีรูปร่างผอมแขนขาเรียวเล็กผิวหยาบกร้าน เนื่องจากถูกใช้ให้ทำงานหนักมาตลอดได้กินอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ในระหว่างที่ร่างวิญญาณสาวกำลังคิดทบทวนความทรงจำเดิมของตนอยู่นั้น ด้านนอกก็ได้มีเสียงอันดังปานฟ้าถล่มดังเข้ามาในโสตประสาทของตน

“แกจะอู้งานหรือยังไง ป่านนี้ยังไม่ออกมาอีกเข้าส้วมแค่นี้นานเป็นชาติ” เสียงก่นด่าด้วยถ้อยคำผรุสวาทต่าง ๆ เท่าที่คนด่าจะคิดขึ้นมาได้ดังอยู่ด้านนอกพร้อมกับเสียงตบประตูที่ไม่กลัวว่ามันจะพังติดมือคนตบด้วยความไม่พอใจ

“ท่านแม่หรือว่ามันจะตายไปแล้ว” เสียงเล็กของเด็กหญิงวัยเดียวกับคนที่อยู่ในห้องปลดทุกข์ถามแม่ของตนด้วยความหวาดหวั่น

“ตายอะไรกันนังเด็กหัวแข็งแบบนั้นมันไม่ตายง่าย ๆ หรอก” เสียงหญิงคนเป็นแม่พูดกับลูกสาวอย่างกลบเกลื่อนทั้งที่ภายในใจเริ่มมีความกลัวเกาะกุมเข้ามา

ฉินเซียวที่ฟังอยู่ก็แน่ใจได้ว่าคนพูดไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นยายแม่จอมเห็นแก่ตัวของตนกับน้องสาวจอมเสแสร้งที่มักทำตัวอ่อนแอบอบบาง

“ข้ากำลังจะออกไปเจ้าค่ะ” คนในส้วมตะโกนออกมาอย่างอ่อนระโหยโรยแรงพร้อมกับที่หล่อนพยามยามหาที่ยึดตัวเองขึ้นด้วยมือหนึ่งข้าง ส่วนอีกข้างก็จับขอบกางเกงของตนแน่นเพื่อไม่ให้หลุดไปกองที่ส้วมหลุมด้านล่างด้วยความทุลักทุเล

จากหญิงสาววัยยี่สิบกว่าตอนตายได้กลับกลายมาเป็นเด็กหญิงตัวน้อยวัยแปดหนาวอีกครั้งทำให้หล่อนค่อนข้างยังไม่คุ้นชินอยู่บ้าง แต่ในเมื่อได้รับโอกาสมาแล้วก็จงอยู่ไป  

แม้ตอนนี้หล่อนจะมีอายุแปดหนาวแต่ด้วยสภาวะแห่งความอดยากทำให้เด็กหญิงคนนี้ดูเหมือนเด็กอายุห้าหกหนาวไม่มีผิด

ท่อนแขนเรียวเล็กที่หากบีบแรง ๆ ก็อาจจะหัก ขาของหล่อนเป็นเหมือนตะเกียบแห้ง ๆ หากยืนไม่ดีก็อาจจะล้มพับได้ตลอดเวลา ผิวดำคล้ำจากการทำงานหนักทุกรูปแบบหน้าตามอมแมม ผมเผ้าดูกระเซอะกระเซิงแม้จะถักเปียคู่ก็ยังดูไม่เรียบร้อย

เมื่อเด็กหญิงลุกยืนได้มั่นคงดีหล่อนก็จัดการผูกเชือกกางเกงของตนให้แน่นแล้วลองดึง เมื่อมั่นใจว่ามันไม่หลุดแน่ ๆ เด็กน้อยจึงได้ดึงไม้ขัดประตูห้องส้วมออก ทันทีที่ประตูไม้บานเก่าเปิดออกแสงสว่างของดวงอาทิตย์ก็สาดเข้ามา ทำให้เด็กหญิงต้องหลับตาลงเพื่อปรับสภาพของดวงตาอีกครั้ง

“กว่าหล่อนจะออกมาได้ช่างทำให้ผู้คนเสียเวลาโดยแท้ ไปเลยรีบไปตัดหญ้ามาเลี้ยงหมูได้แล้วก่อนที่คนอื่นจะแย่งเก็บไปจนหมดฉันไม่อยากเลี้ยงตัวขี้เกียจหรอกนะ หากวันนี้หมูไม่ได้กินข้าวแกก็ไม่ต้องกินเหมือนกัน” หม่านซิงผู้เป็นแม่แผดเสียงดังใส่หน้าลูกสาวคนรองด้วยความไม่พอใจ

“ท่านแม่ ข้าไม่สบายอยู่นะแล้วก็ยังถ่ายไม่หยุดด้วย” เด็กหญิงร่างผอมท้วงแม้จะรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ก็ตาม

“แกไม่ต้องมาสำออยไปทำงานเดี๋ยวนี้ เอาไว้ตายเมื่อไหร่ฉันถึงจะเชื่อ” หญิงอายุยี่สิบเจ็ดแต่ดูภายนอกเหมือนหญิงที่ดูมีอายุมากกล่าวอย่างประชดประชัน

ฉินเซียวจึงได้แต่จำใจหยิบตะกร้าสานใบใหญ่ที่เกือบจะใบเท่ากับตัวเองขึ้นสะพายหลัง โดยในตะกร้าใบนั้นได้มีมีดทื่อสนิมเกรอะไว้สำหรับตัดหญ้าอยู่หนึ่งเล่ม

เด็กหญิงตัวน้อยค่อย ๆ ก้าวเท้าของตนเดินออกจากบ้านดินหลังย่อมที่มีสามห้องนอนไปทางด้านหลังเพื่อที่จะเดินขึ้นเขา ฤดูนี้เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูร้อนเด็กหญิงที่เดินมาได้สักพักเริ่มมีเหงื่อออกจึงทำได้เพียงแค่ยกชายเสื้อเก่าที่ปะแล้วปะอีกจนแทบไม่มีที่จะให้ปะได้อีกเช็ดใบหน้าของตนอย่างลวก ๆ

‘หิวชะมัดน้ำก็ไม่มีดื่ม ข้าในอดีตทำไมถึงได้โง่งมจังนะที่คิดว่าหากทำดีแล้วท่านแม่จะรักพี่น้องจะเห็นใจที่ไหนได้สิ่งที่ทำกลับกลายเป็นไอ นั่นเป็นเพียงเพราะข้าไม่ใช่ลูกที่แท้จริงถึงว่าทำดีแค่ไหนเขาก็ไม่เห็นค่า แต่ถ้าข้าไม่ตายก็ไม่รู้ความจริงนี่สินะที่เขาเรียกกันว่าได้อย่างเสียอย่างเอาเถอะมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว

เอาไว้ค่อยไปตามหาบิดามารดาที่เขาคิดว่าบุตรสาวของตนได้ตายไปตั้งแต่แรกคลอดก็แล้วกัน’  วิญญาณหญิงสาวที่อยู่ในร่างเด็กหญิงคิดไปด้วยในระหว่างเดิน

ยามนี้แสงแดดยังคงแผดเผา เด็กหญิงตัวน้อยได้สาวเท้าสั้นของตนให้เร็วขึ้นเพื่อหวังจะให้ไปให้ถึงธารน้ำด้านหน้า    ยามก้าวเดินฉินเซียวก็คิดหาวิธีหลบหนีออกจากบ้านที่เป็นดั่งขุมนรกไปด้วย การคิดนะมันง่ายหากทว่าการกระทำสิมันเป็นเรื่องยาก

การเดินทางไปไหนก็จำเป็นต้องใช้เงินแล้วตัวข้ายามนี้จะไปหาเงินได้จากที่ใดกัน เด็กหญิงยิ่งคิดยิ่งมีใบหน้าเศร้าหมองและในที่สุดเด็กหญิงก็ได้ถึงเวลานั่งพักจากความพยายามของตน เด็กตัวน้อยได้นั่งอยู่หลังโขดหินริมลำธารที่เจ้าตัวได้ใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะเดินมาถึงสถานที่แห่งนี้ฉินเซียวนั่งมองน้ำใสในลำธารที่มีปลาแหวกว่ายอยู่ในนั้นท้องของเจ้าตัวก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความหิว ก่อนที่หล่อนจะคิดว่าหากได้ปลาตัวใหญ่สักตัวก็คงจะคลายความหิวลงได้

เนื่องจากหลังการทำงานช่วงเช้าเสร็จเธอได้รับเพียงน้ำข้าวใส ๆ ถ้วยเดียวเพียงเท่านั้น และยังมาท้องเสียจนหมดเรี่ยวแรงเป็นลมอยู่ในห้องส้วมอีก จนกระทั่งจิตวิญญาณที่ตกตายจากอนาคตได้กลับมาเข้าร่าง

หลังจากนั้นก็ต้องใช้พลังงานที่มีอยู่อันแสนน้อยนิดเดินขึ้นเขากว่าจะถึงธารน้ำแห่งนี้ด้วยความยากลำบากอีก อนิจจาการเกิดใหม่ครั้งนี้มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ แต่เด็กคนนี้ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนคิดนั้นกำลังจะได้รับผลตอบแทนในไม่ช้า

ในระหว่างที่เจ้าตัวกำลังใช้ใบไม้ทำเป็นกรวยเพื่อตักน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อหวังแก้กระหาย จู่ ๆ ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น ฉินเซียวมองไปยังกึ่งกลางลำธารที่กำลังเกิดการหมุนวนก่อนที่จะมีปลาตัวใหญ่เท่าฝ่ามือของผู้ใหญ่กระโดดลอยจากน้ำขึ้นมาบนฝั่งหนึ่งตัว มันนอนดิ้นกวัดแกว่งตัวไปมาสักพักจากนั้นก็แน่นิ่งไป

ฉินเซียวตัวน้อยที่กำลังจะเอาน้ำเข้าปากก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นจนเผลอปล่อยกรวยใบไม้ในมือตกลงพื้น ทำให้น้ำที่ตักมาได้หวนคืนสู่ธรรมชาติตามเดิม

‘นี่มันอะไรกัน จะเป็นไปได้ยังไงที่จู่ ๆ ปลามันจะกระโดดขึ้นมาเอง หรือว่าในน้ำจะมีพิษแต่ก็ไม่น่าใช่ถ้ามีพิษจริงป่านนี้คนในหมู่บ้านก็น่าจะเจ็บป่วยกันหมดแล้ว

และเท่าที่ข้าจำได้ไม่เคยมีเรื่องพิษในน้ำนี่แล้วมันกระโดดขึ้นมาได้ยังไง หรือว่าปลามันหนาวไม่ใช่ล่ะยิ่งคิดยิ่ง       เลอะเทอะเดินไปดูดีกว่า’ เด็กหญิงวัยแปดหนาวแม้จะมีร่างวิญญาณข้างในเป็นหญิงอายุยี่สิบปีพูดเองเออเองก่อนที่เธอจะสืบเท้าน้อย ๆ ของตนเดินไปยังปลาผู้เคราะห์ร้ายตัวนั้นเมื่อเดินไปถึงปลาใหญ่ตัวนั้นหล่อนก็นั่งยองพิจารณามองปลาที่แน่นิ่งด้วยความสงสัย ก่อนจะลองเอานิ้วผอมเล็กของตัวเองจิ้มลงไปกึ่งกลางของตัวปลาแล้วค่อย ๆ ไล่ตามลำตัวของปลาระคนไปด้วยความงุนงงแปลกใจ

‘อืมมันน่าจะกินได้แหละใช่ไหม เนื้อมันแน่นอยู่นะดูน่า อร่อย เอาล่ะขอบคุณนะเจ้าปลาน้อยที่กระโดดขึ้นมาเพื่อเป็นอาหารให้ข้ากิน’ เด็กน้อยคิดก่อนที่จะช้อนปลามาใส่ในมือน้อยทั้งสองข้างด้วยความระมัดระวัง

และเมื่อเดินมาถึงหลังโขดหินที่เจ้าตัวได้วางตะกร้าที่มีมีดสนิมเกรอะเอาไว้ ก็จัดการวางปลาตัวนั้นลงก่อนที่หล่อนจะเดินไปหาไม้แหลมเพื่อที่จะนำมาเสียบปลาใหญ่ตัวนี้

และเมื่อเจ้าตัวเล็กหาไม้มาได้เด็กหญิงก็เดินย้อนมาทางปลาผู้เคระห์ร้ายอีกครั้งก่อนที่เธอจะใช้ไม้ในมือแทงเข้าไปในปากของตัวปลาทะลุจนถึงหาง

‘ถ้ามีเกลือนะเยี่ยมเลย แต่ก็...โอ้ย! เจ็บ ๆ นี่มันอะไรนะดู  คุ้น ๆ แฮะ’ เจ้าตัวเล็กคิดขึ้นอีกครั้งเมื่อได้หยิบสิ่งที่ทำให้เธอเจ็บหัวขึ้นมาดู มันเป็นถุงเกลือที่มีขนาดเท่าฝ่ามือของเด็ก หญิงนั่นเอง

“เฮ้ย! เกลือ” ฉินเซียวร้องตกใจก่อนที่จะปล่อยสิ่งที่อยู่ในมือหล่นลงพื้นพร้อมกับที่ตัวเธอได้นั่งจ้ำเบ้าลงกับพื้นด้วยความตื่นกลัว เนื่องจากเธอไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่มันคืออะไร

เด็กน้อยที่ก้นกระแทกพื้นได้ถัดตัวเองถอยหลังจากปลาและเกลือไปหลายช่วงตัวปากคอสั่นมองของสองสิ่งที่อยู่ด้าน หน้าด้วยความหวาดผวา ใบหน้าที่เหลืองอยู่นั่นยิ่งดูซีดเซียวลงไปอีก

รอบ ๆ ตัวของเด็กหญิงในตอนนี้ได้มีลมพัดขึ้นมาอย่างแผ่วเบา ทำให้กิ่งไม้เกิดการเสียดสีเป็นเสียงให้เจ้าตัวเล็กได้ยินดังแกรกกราก ฉินเซียวพอได้สัมผัสลมเย็นที่พัดมาโอบไล้อย่างแผ่วเบาก็ทำให้จิตใจของตนได้ผ่อนคลายลง แม้ว่าบรรยากาศรอบด้านจะไร้ซึ่งสรรพเสียงใดก็ตาม เธอจึงได้ตัดสินใจลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหาของทั้งสองสิ่งอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ามันเป็นเพียงเกลือกับปลาสดธรรมดาเด็กหญิงจึงได้แต่เกาหัวด้วยความไม่เข้าใจ

อีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่อันห่างไกลจากโลกมนุษย์ เทพแห่งดวงชะตากำลังหาของบางอย่างที่ไม่รู้ว่าได้ทำหาย ไปตอนไหนจนตำหนักของตนแทบจะดูไม่ได้ด้วยความระเกะระกะของสิ่งของมากมายที่กองอยู่รวมกัน

“มันหายไปไหนกันข้าจำได้ว่าครั้งสุดท้ายก็นำมันมาส่องดวงชะตาของแม่หนูคนนั้นนี่นา คงไม่ใช่ว่า...แย่แล้ว!” เทพแห่งดวงชะตาบ่นพึมพำก่อนร้องออกมาเสียงหลงไปถึงหน้าตำหนัก

“เจ้าเฒ่าแกเป็นอะไรไป ตะโกนซะเหมือนหมูถูกเชือดเกิดอะไรขึ้น อ้าวมีโจรผู้ร้ายมาปล้นตำหนักเจ้าเหรอ” เสียงนี้เป็นของเฒ่าจันทราที่มักจะมาเยี่ยมคู่หูของตนอยู่เสมอ

“คราวนี้ฉันตายแน่เจ้าแก่ เรื่องนี้ยิ่งกว่ามีโจรปล้นตำหนักข้าเสียอีก” เจ้าของสถานที่โอด

“หมายความว่ายังไง” ผู้มาใหม่ถามพร้อมกางหูรอฟัง

“ข้าทำโป๊ยข่วยหายยังไงล่ะ หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเรียกก็ไม่ตอบข้าว่าเจ้านั่นคงจะได้ไปผูกวิญญาณกับมนุษย์คนหนึ่งเข้าแล้ว” คนพูดกล่าวพร้อมสีหน้าแสดงความกลัดกลุ้ม

“นะ...นี่เรื่องใหญ่จริง ๆ นะ เจ้านั่นมันซนจะตายเจ้าก็รู้หากไปอยู่กับคนไม่ดีหายนะได้บังเกิดแน่” เฒ่าจันทราเริ่มนั่งไม่ติดบ้างแล้ว หากเจ้านั่นเกิดไปป่วนด้ายแดงของใครเข้า   เรื่องยุ่งก็ต้องเข้ามาหาตนเช่นเดียวกัน

“เด็กคนนั้นนางเป็นคนดีอยู่หรอกแต่สิ่งที่ข้าเป็นห่วงก็เพราะนางจะตามเล่ห์เหลี่ยมเจ้านั่นไม่ทันต่างหากเล่า เอาเถอะอีกแค่ไม่กี่วันบนนี้เจ้านั่นก็คงจะกลับมาตอนนี้สิ่งที่ข้าทำได้ก็คงจะต้องเอาใจช่วยแม่หนูคนนั้นแค่นั่นแหละ” เทพแห่งดวงชะตากล่าวอย่างปลดปลง

โดยที่ท่านยังไม่รู้ว่าตอนนี้เด็กน้อยที่ตนกำลังเป็นห่วงกำลังลิ้มรสปลาย่างเกลืออย่างเอร็ดอร่อยเนื่องจากได้คลายความกลัวลงไปแล้วจากท้องที่ร้องครวญครางอยู่ก็ได้ถูกเติมเต็มจนอิ่ม

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่73 เจ้าสิ่งนี้คือผักอะไร

    “ลูกรัก แล้วพวกเราจะเอาไปทำอาหารอะไรกันดีมันมีเยอะอยู่นะ” หนิงเซียนรีบเอ่ยถามบุตรสาวเพราะนางไม่เคยเห็นผักชนิดนี้มาก่อน“ข้าจะนำมาผัดเต้าหู้ก้อนที่ท่านแม่ทำไว้อย่างไรล่ะเจ้าคะ อีกทั้งถั่วงอกยังทำอาหารได้หลากหลายอีกด้วย ข้าจะแสดงฝีมือให้พวกท่านชิมเจ้าค่ะ” เด็กหญิงตอบมารดาด้วยรอยยิ้มดวงตาเป็นประกาย“แต่ว่าคงจะต้องเป็นช่วงเย็นแล้ว เพราะตอนนี้ข้าได้เวลาจะต้องไปเรียนฝังเข็มแล้วเจ้าค่ะ” ฉินเซียวกล่าวเสียงอ่อย“เจ้าอย่าได้เหนื่อยถึงเพียงนั้น เจ้าบอกแม่มาว่ามันทำอย่างไร แม่จะทำออกมาให้เจ้ากินเอง” หนิงเซียนเอามือลูบผมบุตรสาวกล่าวอย่างเป็นห่วงบุตรีตัวน้อย“ถ้าอย่างนั้นข้าจะอธิบายวิธีการทำถั่วงอกผัดเต้าหูก่อนนะเจ้าคะ แล้วก็ทำซุปถั่วงอกใส่ผักดอง ท่านแม่วันนี้ท่านก็ทำผัดเปรี้ยวหวานเส้นถู่โต้วด้วยเลยเจ้าค่ะ ข้ามีลางว่าเราจะทำเงินจากพวกมันได้” ผู้เป็นลูกกอดเอวมารดากล่าวอย่างออดอ้อน“ได้ แม่ตามใจเจ้า” หนิงเซียนกระฉับอ้อมแขนของตนโอบกอดบุตรอย่างรักใคร่ทำให้พี่ชายอีกสองคนต่างเดินเข้ามากอดผู้เป็นน้องสาวกับแม่ของตนด้วย โดยคนเป็นพ่อได้แต่ยืนมองภาพด้านหน้าด้วยความสุขที่เข

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่72 เชื่ออย่างหมดใจ

    แม้ว่าเขาจะเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อ จนเมื่อคนเหล่านั้นได้เห็นเองกับตา ในระหว่างที่เด็กทั้งหมดขึ้นไปนั่งบนหลังเสือฉินเต๋อก็ได้บังคับรถม้ามาเห็นภาพดังกล่าว“ไป๋หู่ ข้าฝากเด็ก ๆ ด้วยนะ” ฉินเต๋อหยุดรถม้าบอกกล่าวสหายของบุตรสาวตัวโต ไป๋หู่ทำเพียงชำเรืองมองเขาอย่างเกียจคร้านก่อนจะส่งเสียงคำรามออกมาแผ่วเบา“เสือ ฝูหมิงน้องรีบพาทุกคนหนีออกมาเร็ว” ช่างหลิวเมื่อได้ยินเสียงของไป๋หู่เด็กหนุ่มจึงได้ลืมตามองออกไปด้านนอก จากนั้นใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดส่งเสียงดังด้วยความตกใจ“เจ้าช่วยควบคุมอารมณ์ด้วย แล้วมองให้ดีสิ” ซินฉีกล่าวกับเด็กหนุ่มอย่างไม่ใส่ใจ“เจ้าเฒ่าเหตุใดเสือพวกนั้นถึงยอมให้เด็กพวกนั้นขึ้นไปขี่หลังของมันได้ง่ายดายขนาดนั้น” หลวนคุนแม้ว่าคราแรกเขาจะตกใจเช่นเดียวกับช่างหลิว แต่เมื่อเห็นภาพที่เสือสองตัวใหญ่ยอมหมอบตัวลงให้เด็กทั้งแปดขึ้นหลังเขาจึงได้รู้สึกแปลกใจแทน“ครอบครัวเสือเป็นสหายของลูกศิษย์ข้าเอง นางบอกข้าแบบนั้น” ซินฉีเอามือลูบเคราแพะของตนตอบเสียงเรียบ“สหายอย่างนั้นหรือ” หลวนคุนทวนคำด้วยความแปลกใจ“คนเป็นเพื่อนกับพยัคฆ

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่75 ช่วยเหลือคนคุ้นเคย

    ไม่รู้จักเจ้าค่ะ” ฉินเซียวปฏิเสธ“อ้าว แต่เจ้ารู้จักชื่อของนางหรือว่าท่านเทพจะให้เจ้าช่วยเหลือนางใช่หรือไม่” หนิงเซียนกระซิบข้างหูบุตรีถามเสียงเบา“เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ แล้วอีกอย่างท่านแม่อย่าได้กังวลไปเลยข้าในตอนนี้ไม่ได้เป็นอันใดแล้วจริง ๆ” ฉินเซียวกล่าวกับมารดาเสียงเบายกยิ้มยืนยันให้คนเป็นแม่“เจ้าไม่เป็นอันใดก็ดี คราวหลังเจ้าอย่าได้ร้องไห้เช่นนั้นอีกเลยหัวใจแม่เจ็บปวดนัก” หนิงเซียนเอามือลูบผมของลูกสาวอย่างอ่อนโยน ซึ่งการกระทำของนางก็อยู่ภายใต้สายตาของเยว่เสี่ยง ทำให้นางมองความอบอุ่นตรงหน้าด้วยความรู้สึกอิจฉาที่นางไม่มีมารดาเหมือนผู้อื่น“พี่สาวเจ้าคะ ท่านเป็นอันใดหรือไม่” ฉินเซียวเมื่อเห็นใบ หน้าอันผิดแปลกไปของหญิงแรกรุ่นนางนี้เธอจึงได้เอ่ยถามด้วยความสงสาร ด้วยนางรู้ชะตาของนางร้ายคนนี้เป็นอย่างดี“เจ้าอัปลักษณ์เจ้าเปลี่ยนชะตาของนางได้นะ” โป๊ยข่วยเอ่ยออกมาเมื่อรับรู้ความคิดของคู่หู“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเปลี่ยนเพราะนางเป็นคนดี” ฉินเซียวสื่อสารกับกระจกเทพอย่างยินดี แล้วการสนทนาของกระจกเทพกับเด็กหญิงตัวน้อยก็หยุดลง“ขะ...ข้าไม่เป็นอันใดหร

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่71 แลกเปลี่ยนระหว่างกัน

    “เจ้าไม่ต้องสุภาพนักหรอก เจ้ารีบกินมันเข้าไปตอนยังร้อนเถอะ” หลวนคุนรีบเอ่ยแย้ง“ขอรับ” ช่างหลิวจึงได้นำช้อนที่ซินฉีส่งให้ตักซุปไก่เข้าปากทันทีก่อนที่เขาจะเบิกตากว้าง“รสชาติเป็นอย่างไรหากว่ามันไม่อะ…” ซินฉียังพูดไม่ทันจบเสียงของเด็กหนุ่มก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาก่อน“อร่อยขอรับ มันอร่อยมากเลยข้าไม่คิดว่าอาหารยาจะอร่อยถึงเพียงนี้” ช่างหลิวยกยิ้มอย่างพอใจ“อ๋อเป็นเช่นนั้นถ้ามันอร่อยก็ดี แล้วถ้าอย่างนั้นเจ้าก็กินให้หมดถ้วยเถอะหากยังไม่พอก็ยังมีในหม้ออีก” หลวนคุนเอ่ยอย่างโล่งอก“ขอรับ ข้าต้องขอบพระคุณท่านหมอมาก” ช่างหลิวยกยิ้มมองหมอทั้งสองด้วยความซาบซึ้งใจ“จุ๊ ๆ เจ้าอัปลักษณ์อาจารย์ของเจ้ากับเจ้านี่ช่างเจ้าเล่ห์ไม่ต่างกันเลย ช่างสมกับเป็นศิษย์อาจารย์กันเสียจริง” กระจกเทพที่รับรู้เรื่องราวของอีกห้องได้ลอยตัวมาบอกกับสหาย“นะ...นั่นเจ้ากำลังจะลงเข็มผิดแล้ว มีสมาธิหน่อยสิ” แต่กระจกเทพก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาด้วยความตกใจ“ก็ข้ามัวแต่ฟังเจ้าอยู่นี่นา ฮู่ว์! เกือบไป” ฉินเซียวถอนหายใจอย่างโล่งอกแม้จะเป็นการฝึกก็ตาม“แม้สิ่งนี้จะเป็นเพียงหุ่

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่74 โชคชะตาที่ต้องเจอ

    ในระหว่างการขายผลลี่จื่อนั้นฉินเซียวก็ได้บอกกับลูกค้าว่าร้านของนางน่าจะขายได้พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายเพราะผลสุกของมันนั้นหมดแล้ว“หมดแล้วอย่างนั้นหรือ ต่อไปข้าจะไปซื้อกินที่ไหนได้” ชายวัยกลางคนลูกค้าประจำกล่าวอย่างเสียดาย“เอาไว้ปีหน้านะเจ้าคะ” ฉินเซียวแย้มยิ้มบอกชายวัยกลาง คนผู้นั้น นางเองก็รู้สึกเสียดายเงินเหมือนกันต่อให้ปลูกต้นลี่จื่อเพิ่มก็ยังช้าอยู่ดี อีกอย่างในครึ่งเดือนข้างหน้านางกับพี่ ๆ ก็จะต้องไปเรียนกันด้วย“แม่หนู ที่เจ้าพูดนั้นเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ แล้วอย่างนี้ฮูหยินผู้เฒ่าจะกินอะไรได้กันล่ะ” พ่อบ้านผิงกล่าวอย่างเศร้าหมอง“ข้าคิดว่าลองให้ฮูหยินผู้เฒ่ากินผักสดดีหรือไม่ น่าจะดีกว่ากินผลลี่จื่อกับผักดองอย่างเช่นทุกวันนี้” ฉินเซียวเอ่ยแนะพ่อบ้านชรา“ผักสดอย่างนั้นหรือ อากาศเย็นขนาดนี้อีกทั้งใกล้ปีใหม่หิมะก็จะตกที่ไหนจะมีผักสดขายกัน” ชายชรายิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกหดหู่หากมีผักสดเขาคงจะไม่ต้องลำบากขนาดนี้หรอก“หากข้ามีท่านจะซื้อหรือไม่ แต่ข้ามีไม่เยอะนะเจ้าคะ อันที่จริงที่ข้าบอกท่านนั้นก็เป็นเพราะข้าเห็นใจคนชราเจ้าค่ะ” ฉินเซียวกระซิบเส

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่70 อาหารยา

    “เป็นเจ้า” หลวนคุนเอ่ยเสียงดัง“เจ้าเฒ่าสบายดีหรือไม่” ซินฉีทักสหายรักด้วยรอยยิ้ม“สหายน่าชังอย่างเจ้ายังมีหน้ามาถามว่าข้าสบายดีอยู่อีกหรือ เล่นทิ้งงานไว้ให้ข้าเพียงผู้เดียว” หลวนคุนได้ทีกล่าวประชดประชันคนหน้าตายผู้นี้ แม้ว่าเขาจะไปหายาถอนพิษก็ตามแต่แม้จดหมายก็ไม่ส่งข่าวมันก็เกินไป“เอาน่าเจ้าอย่าได้โมโหนัก ตอนนี้ข้าก็กลับมาแล้ว เอาไว้ข้าสั่งสอนศิษย์จนทั้งสองเข้าสำนักศึกษาได้ข้าจะกลับไปช่วยเจ้าก็แล้วกัน” ซินฉีเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม“เจ้ายังรู้สำนึกแต่อีกสองเดือนเลยนะ ว่าแต่เรื่องพิษของเจ้าล่ะเป็นอย่างไรบ้างข้าได้ตัวยาสำคัญมาแล้วนะ แต่จะว่าไปหากนางเป็นศิษย์ของเจ้าเรื่องยาก็คงไม่ต้องห่วงแล้วสิ” หลวนคุนรีบถามสหาย แต่พอเขาฉุกคิดได้ว่าผู้ใดเป็นคนนำสมุนไพรหายากชนิดนั้นมาขายให้ตนชายชราก็นิ่งเงียบไป“หายดีแล้วละ เรื่องนี้ต้องยกความดีให้ศิษย์เอกตัวน้อยของข้า” ซินฉียกยิ้มตอบด้วยความภูมิใจ“ข้าดีใจด้วยเจ้าจะได้หยุดออกเร่ร่อนเสียทีและมาช่วยข้าทำงานได้แล้ว ว่าแต่ศิษย์ของเจ้าอีกคนเป็นใคร” หลวนคุนอดเอ่ยถามสหายไม่ได้เพราะเขาเคยได้ยินว่าสหายจะรับศิษย์เพียงคนเ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status