Share

ตอนที่10 นางคือบุตรสาวข้า

ในขณะที่นางฟางนั่งอย่างเหนื่อยหอบชาวบ้านกลุ่มใหญ่ที่นำโดยชายวัยกลางคนผิวสีทองแดงใบหน้าซูบเซียวผอมสูงก็ได้ปรากฎตัวออกมา

“ภรรยา นั่นเจ้ากำลังทำอะไร ปล่อยเด็กคนนั้นเถอะ” ฉินเต๋อที่คิดว่าหนิงเซียนกำลังทำร้ายเด็กน้อยเขาจึงเอ่ยเกลี้ยกล่อมคนเคียงหมอนออกมา

“ไม่ นางเป็นลูกสาวข้า ใช่ไหมอาเซียวลูกแม่” นางหนิงส่งเสียงตอบกับสามีก่อนหันมาถามเด็กน้อยในอ้อมแขนเสียงหวาน

“ใช่เจ้าค่ะ ข้าเป็นลูกสาวของท่าน” ฉินเซียวกระชับอ้อมกอดของมารดาแน่นน้ำตาริน

“ลูกสาวแม่ไม่ต้องร้องไห้นะ ต่อไปนี้แม่จะไม่ให้ใครมาพรากเจ้าไปไหนอีกแล้วแม่จะปกป้องเจ้า อีกทั้งที่บ้านยังมีพ่อและพี่ชายของเจ้าอีกสองคนพวกเขาจะต้องดูแลเจ้าได้แน่” นางหนิงเป็นดั่งแม่ไก่หวงไข่นางโอบกอดเด็กน้อยแน่น ผู้คนที่ได้เห็นภาพนี้ต่างรู้สึกสะเทือนใจเนื่องจากพวกเขาต่างทราบดีว่าเมื่อแปดปีก่อนเกิดเรื่องอันใดขึ้น

“พวกเจ้าหลีกทางให้ข้าที” เสียงหญิงสาวตะโกนเพื่อให้ผู้คนหลบทาง

“หนิงลี่เองหรอกหรือ น้องสาวของเจ้าอยู่ตรงนั้นนางกำลังกอดลูกสาวของใครอยู่ก็ไม่รู้เจ้าช่วยไปแยกพวกนางออกจากกันเถอะ” ผู้ใหญ่บ้านแซ่จงกล่าว

“เจ้าค่ะ” หนิงลี่รับคำและเมื่อเธอเห็นร่างอันคุ้นตาที่อยู่ในอ้อมกอดของน้องสาวตัวเองเธอจึงได้อุทานออกมา

“ท่านหมอตัวน้อย” หนิงลี่รีบเดินเข้าไปยังสองคนที่ตอนนี้ได้หันหน้ามาทางเธอด้วยสีหน้าแตกต่างกัน

“ท่านป้าเจ้าคะ” ฉินเซียวกล่าวทักทายหญิงวัยกลางคนเสียงสะอื้น

“เกิดอะไรขึ้นทำไมใบหน้าของเจ้า” หนิงลี่ส่งเสียงดังถามออกมาด้วยความตกใจอึกอักในลำคอด้วยนางกลัวว่าคำพูดของนางจะทำให้เด็กหญิงเสียใจ

“แม่นางหนิง” ฟางหรูที่ดูเหมือนว่าจะถูกลืมส่งเสียงเรียกผู้ว่าจ้างเพื่อช่วยเปลี่ยนสถานการณ์

“แม่นางฟาง เจ้าเป็นอะไร” หนิงลี่ที่ได้ยินเสียงอันคุ้นหูนางจึงได้หันไปแล้วก็เห็นท่าทางอันเหนื่อยอ่อนของคนรู้จัก

“ก็ข้าช่วยแม่นางผู้นี้ขึ้นมาจากเหวเมื่อสักครู่นี้นะสิก็เลยหมดแรง โชคดีนะที่ข้ากับเด็กน้อยมาเห็นทันเวลาไม่อย่างนั้นป่านนี้นางอาจตกลงไปด้านล่างแล้ว” ฟางหรูกล่าวตามจริง

ทุกคนที่ได้ฟังโดยเฉพาะครอบครัวของหนิงเซียนต่างพากันชาวาบที่สันหลังนี่พวกเขาเกือบจะสูญเสียบุคคลที่รักไปแล้วอย่างนั้นเหรอ

ในระหว่างที่ทุกคนกำลังตกใจกับสิ่งที่ได้รู้ก็ได้มีเสียงดังของหญิงชราวัยห้าสิบตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ

“นางจะตายทำไมไม่ให้นางตายไปเสีย ขยะแบบนี้อยู่ไปก็เปลืองข้าวเปลืองน้ำทำงานใดก็ทำไม่ได้ช่างไร้ค่า”

“ท่านแม่ นางเป็นภรรยาของข้าเป็นแม่ของลูกข้าทำไมท่านจึงพูดแบบนี้” ฉินเต๋อกล่าวออกมาอย่างเหลืออด

“เจ้ารองข้าเป็นแม่ของเจ้านะ เจ้าเห็นเมียดีกว่าแม่เจ้ามันอกตัญญูเป็นพวกหมาป่าตาขาว” นางเจียงแผดเสียงเท้าเอวเอานิ้วชี้หน้าลูกชาย

ฉินเซียวที่มองหญิงชราผู้นี้ นางก็แอบเบ้ปากพร้อมคิดว่า ข้าพ้นมาจากนรกขุมนั้นได้ก็มาเจอกับขุมใหม่ทันที แต่ไม่เป็นไรเพื่อครอบครัวของข้าหากเขาดีต่อข้า ข้าก็จะดีต่อเขาเช่นเดียวกัน

เด็กหญิงนิ่งคิดในระหว่างจ้องไปยังหญิงชราใบหน้าเหลืองผมขาวเกือบทั้งศีรษะจมูกงองุ้มซึ่งบ่งบอกได้ว่าคนผู้นี้เป็นคนเช่นไร

“เจ้าอัปลักษณ์คราวนี้เจ้าก็ยังคงเจอศึกหนักสินะ” โป๊ยข่วยลอยวนรอบตัวเด็กหญิงกล่าวออกมาอย่างอดเห็นใจโชคชะตาครั้งใหม่ของมนุษย์ผู้นี้ไม่ได้

“ข้าไม่กลัวหรอกในเมื่อข้าต้องการอยู่กับครอบครัวที่แท้จริง แล้วอีกอย่างข้ายังมีเจ้าท่านกระจกเทพผู้ยิ่งใหญ่” ฉินเซียวกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ

“เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้วมีข้าอยู่รับรองเจ้าไม่ตายอนาถเหมือน เดิมแน่” กระจกผู้บ้ายอยกตัวเองเชิดขึ้น เด็กหญิงที่เห็นท่าทางของคู่หูตัวน้อยก็ได้แต่บื้อใบ้ไป

ผู้ใหญ่บ้านจงเมื่อเห็นว่าคนก็เจอแล้วและช่วงนี้ก็เป็นหน้าเก็บเกี่ยวจึงได้ให้ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานของแต่ละคน

“พวกเราแยกย้ายกันเถอะ ไปทำงานกันดีกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องบ้านฉินก็ให้เขาจัดการกันเอาเอง” หลังจากที่ชาวบ้านได้ยินคำพูดของผู้ใหญ่บ้านพวกเขาต่างก็แยกย้ายกันจากไป

หมู่บ้านซุยซวงค่อนข้างจะแตกต่างจากหมู่บ้านอื่นตรงที่พวกเขามักจะสามัคคีกันและต่างช่วยเหลือกัน เนื่องจากผู้คนในหมู่บ้านมีเพียงสามสิบครัวเรือนเพียงเท่านั้น

“เจ้าเองก็ไปทำงานได้แล้วข้าวยังต้องรอการเก็บเกี่ยวอยู่นะพาลูกชายทั้งสองของเจ้าไปด้วยจะมายืนนิ่งกันทำไมหรือไม่อยากจะกินข้าว” นางเจียงพูดใส่หน้าลูกชายคนรอง

“ท่านแม่ให้ข้าไปทำงานคนเดียวเถอะให้อาอู๋กับอาฟู่อยู่กับแม่ของเขาก่อน” ฉินเต๋อผู้ไม่ค่อยมีปากเสียงมากนักขอร้อง

“อยู่ทำไมนางก็มีพี่สาวของนางอยู่นั่น หากเด็กทั้งสองคนอยู่พวกเจ้าก็ไม่ต้องกินข้าวเย็นบ้านข้าไม่นิยมตัวขี้เกียจ” นางเจียงแผดเสียงขึ้นอีกรอบ

“แต่ท่านย่า พี่ชายใหญ่เล่อ พี่ชายรองหลิง พี่สาวหยวน พวกนางก็ไม่ทำงานอย่างนั้นเรียกว่าไม่ขี้เกียจหรือขอรับ” ฉินฟู่แย้ง

“เจ้าหมาป่าน้อยเจ้ากล้าเถียงข้าหรือ วันนี้หากข้าไม่ตีเจ้าให้ตายเจ้าคงไม่สำนึกสินะไอ้เด็กชั่ว” หญิงวัยห้าสิบหยิบไม้แถวนั้นเพื่อหวังจะตีหลานชายปากกล้า

“หยุดนะ ท่านจะตีลูกข้าไม่ได้” หนิงเซียนรีบลุกขึ้นยืนเดินไปบังลูกชายคนรองสายตาจ้องไปทางแม่เฒ่าอย่างโหดร้าย

“นางบ้า เพราะลูกของเจ้ามีแม่บ้าแบบนี้ยังไงล่ะพวกมันเลยปีกกล้าขาแข็งมาโต้เถียงกับผู้ใหญ่” แม่เฒ่าผู้ชราไม่กล้าขยับด้วยเกรงสายตาของลูกสะใภ้คนรอง

“ท่านป้าเจียงที่หลานชายข้าถามท่านมันก็ถูกแล้วนี่ เด็กพวกนั้นอายุมากกว่าหลานของข้าเสียอีกแต่เหตุใดพวกเขาไม่ต้องทำงานเล่า” หนิงลี่อดสอดปากว่าแม่ของน้องเขยไม่ได้พูดออกมาบ้าง

“มันเป็นเรื่องของครอบครัวข้าแซ่ฉินหาใช่แซ่หนิงไม่เจ้าอย่า ได้สอดปาก” แม่เฒ่าผู้ไม่ใช่ตะเกียงไร้น้ำมันเหน็บ

“เผอิญว่าลูกสะใภ้รองของท่านแซ่หนิงเหมือนข้าดังนั้นข้าจะยุ่งท่านจะทำไม” หนิงลี่ผู้ไม่ยอมคนถกแขนเสื้อขึ้นย่างสามขุมตรงมาทางแม่เฒ่าผู้นี้

“ฆ่าคนแล้ว พวกเจ้าจะฆ่าข้าหรือ กลับไปข้าจะตัดพวกเจ้าออกจากครอบครัวคอยดูเจ้าพวกอกตัญญู” แม่เฒ่าเจียงขู่ก่อนที่นางจะรีบสาวเท้าเดินจากไป

ฉินเซียวที่เห็นท่าทางอันแข็งแกร่งของท่านป้าผู้นี้นางถึงกับยกนิ้วโป้งน้อย ๆ ให้หญิงวัยกลางคนทันที

“ท่านป้าท่านแน่มาก” เด็กหญิงแม้จะมีใบหน้าไม่น่ามองแต่ดวงตาของนางกลับเปล่งประกายใสกระจ่างยกยิ้มกว้างจนตาหยี

“เจ้านี่นะ ความจริงข้าเองก็กลัวแทบตาย” หนิงลี่พูดความจริงทำให้คนที่เหลือต่างพากันหัวเราะ หลังจากสงบเสียงของตนกันหมดฉินเต๋อจึงได้หันมาสนทนากับฉินเซียว

“ว่าแต่เด็กน้อยเจ้าเป็นลูกเต้าเหล่าใครหรือ” ฉินเต๋อที่รู้สึกถูกชะตากับเด็กหญิงผู้นี้ไต่ถามออกมาด้วยความเอ็นดู

“นางเป็นลูกสาวของเราท่านพี่ นางคือฉินเซียวท่านจำลูกไม่ได้หรือ พวกเจ้าทั้งสองมารู้จักน้องสาวเร็วเข้า” หนิงเซียนที่ดูเหมือนจะมีสติมากกว่าทุกวันกล่าวอย่างกระตือรือร้นแทนคนตัวเล็ก

ฉินเต๋อกำลังจะอ้าปากกล่าวปฏิเสธแต่หนิงลี่ได้ส่ายหัวห้ามไว้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงได้เม้มปากของตนกลั้นความเจ็บปวดในใจเอาไว้

“เสี่ยวอู๋ เสี่ยวฟู่ อาเต๋อมาทางนี้ ข้ามีเรื่องจะเล่าให้พวกเจ้าฟัง อาเซียนเจ้าดูแลลูกสาวก่อนนะ” หนิงลี่ที่เห็นท่าทางของน้องเขยจึงได้เรียกคนทั้งสามแยกออกมาโดยไม่ลืมกำชับน้องสาวผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มมากกว่าทุกวัน

“ท่านพี่ภรรยา มีเรื่องอะไรหรือขอรับ” ฉินเต๋อถามออกมาด้วยความสงสัย

“เรื่องของเด็กคนนั้นข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง หากเจ้ามีความเห็นใดก็จงบอกออกมาเรื่องมันเป็นแบบนี้...” หนิงลี่เล่าเรื่องตั้งแต่ที่นางโดนงูกัดและได้พบกับฉินเซียวออกมาอย่างละเอียด

คนทั้งสามต่างพากันเห็นใจในโชคชะตาของเด็กหญิง อีกทั้งยังมีความเอ็นดูมากขึ้นถ้าหากว่าในตอนนั้นไม่เห็นศพลูกสาวฉินเต๋อก็คงจะคิดว่าเด็กคนนี้ที่อยู่กับฉินหย่งเป็นลูก  ของตน

“เอาล่ะ พวกเจ้าจะทำอย่างไรหากว่าเจ้าคิดรับเลี้ยงเด็กคนนี้ข้าเกรงว่าแม่ของเจ้านางคงไม่ยินยอมเป็นแน่” หนิงลี่ถามความคิดเห็นของบุคคลทั้งสามก่อนกล่าวออกมาอย่างหนักใจ

ฉินเต๋อกับบุตรชายทั้งสองมองไปยังหนิงเซียนที่มีใบหน้าแย้มยิ้มลูบหัวเด็กหญิงด้วยความรักแล้วต่างก็พากันถอนใจ

“หากภรรยาของข้าคิดว่าเด็กผู้นั้นเป็นลูกของนางข้าก็ยินดีรับนางเป็นลูก ส่วนเรื่องของแม่ข้าบางทีการแยกออกจากบ้านใหญ่ก็เป็นเรื่องดีเหมือนกันขอรับ ข้าเองก็คิดเรื่องนี้มานานแล้ว” ฉินเต๋อกล่าวออกมาตามตรง

ฟางหรูที่เป็นคนนอกมองเด็กหญิงกับหนิงเซียนด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะทั้งสองคนดูเข้ากันได้ดีเหมือนมีสายสัมพันธ์บางอย่างที่นางเองก็บอกไม่ถูก และเด็กหญิงเองก็ดูมีความคล้ายคลึงกับหญิงที่นางช่วย ชีวิตไว้จนน่าฉงน

“ถ้าเจ้าตัดสินใจดีแล้วก็พานางกลับไปบอกพ่อแม่ของเจ้าก่อน หากต้องตัดขาดกันจริงจะได้ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านจงคราวเดียว ตอนนี้พวกเจ้าจงไปขอบคุณแม่นางฟางก่อนเถอะนางเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตหนิงเซียนเอาไว้นะ” หนิงลี่ออกความเห็น

“ขอรับ” ชายทั้งสามกล่าวรับคำพร้อมกัน

เมื่อคนทั้งสามเดินมายังนางฟางที่กำลังยืนมองรอบด้านอยู่ นางก็ตกใจที่พ่อลูกพากันมาคุกเข่าต่อหน้านาง

“พวกเจ้ากำลังทำอะไรเข่าของบุรุษมีค่ามากเจ้าไม่รู้หรือ   มาคุกเข่าให้ข้าทำไมกัน” นางผู้ซึ่งเป็นหญิงขายเรือนร่างไม่เคยมีผู้กระทำการคารวะอย่างจริงใจแบบนี้กล่าวเสียงหลง

“พวกข้าขอขอบคุณแม่นางที่ช่วยชีวิตภรรยา/ท่านแม่ขอรับ” คนทั้งสามโขกหัวลงกับพื้นโดยไม่สนใจคำห้ามปรามของนางฟาง

“เอาเถอะข้ารับรู้แล้ว พวกเจ้ารีบลุกขึ้นเร็วเข้า” ฟางหรูตอบอย่างเก้อเขิน

หลังจากที่บุรุษต่างวัยทั้งสามลุกขึ้นยืนพวกเขาต่างพากันมองไปยังเด็กหญิงร่างผอมใบหน้าตอบจนเห็นโหนกแก้มที่เต็มไปด้วยรอยแผลพุพอง เสื้อผ้าสีซีดเต็มไปด้วยรอยปะชุนอย่างพินิจ

ฉินเซียวที่มองเห็นการกระทำของพ่อกับพี่ชายในสายเลือดจ้องมองตนเองแบบนี้แม้ว่าเธอจะมีจิตวิญญาณของคนอายุยี่สิบก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้ เด็กหญิงจึงบิดมือของตนไปมาด้วยความหวาดหวั่น

“เด็กน้อยต่อไปนี้ข้าจะเป็นพ่อของเจ้า ข้าชื่อฉินเต๋อข้าจะปกป้องและรักเจ้าประหนึ่งบุตรในอุทร” ชายร่างผอมผู้มีผิวทองแดงจนเกือบดำจากการทำงานหนักกล่าวอย่างหนักแน่น

“น้องสาวข้าเป็นพี่ใหญ่ชื่อฉินอู๋อายุสิบหนาว ข้ายินดีที่มีน้องสาวต่อไปนี้พี่ชายจะปกป้องเจ้าเอง” เด็กชายตัวเล็กไม่เหมือนเด็กสิบหนาวกล่าวยกยิ้ม

“น้องสาวข้าชื่อฉินฟู่อายุเก้าหนาวเป็นพี่รอง ข้าจะปกป้องเจ้าสุดชีวิต” เด็กชายยิ้มตาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว

นี่ชะตาของนางเปลี่ยนไปอีกแล้วเหรอตอนนี้นางมีพี่ชายถึงสองคนเลยนะ และดูเหมือนว่าพวกเขายินดีที่มีนางเป็นน้องทำให้ฉินเซียวอดน้ำตาไหลออกมาไม่ได้ด้วยความตื้นตันใจที่พวกเขาไม่มีใครรังเกียจนาง

“ขะ...ข้าชื่อฉินเซียวข้าสัญญาจะเป็นบุตรที่กตัญญูต่อท่านพ่อท่านแม่ เป็นน้องสาวที่ดีของพี่ชายทั้งสองโฮ...” เด็กหญิงพูดไปสะอื้นไปจนท้ายที่สุดก็ปล่อยโฮออกมา

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่73 เจ้าสิ่งนี้คือผักอะไร

    “ลูกรัก แล้วพวกเราจะเอาไปทำอาหารอะไรกันดีมันมีเยอะอยู่นะ” หนิงเซียนรีบเอ่ยถามบุตรสาวเพราะนางไม่เคยเห็นผักชนิดนี้มาก่อน“ข้าจะนำมาผัดเต้าหู้ก้อนที่ท่านแม่ทำไว้อย่างไรล่ะเจ้าคะ อีกทั้งถั่วงอกยังทำอาหารได้หลากหลายอีกด้วย ข้าจะแสดงฝีมือให้พวกท่านชิมเจ้าค่ะ” เด็กหญิงตอบมารดาด้วยรอยยิ้มดวงตาเป็นประกาย“แต่ว่าคงจะต้องเป็นช่วงเย็นแล้ว เพราะตอนนี้ข้าได้เวลาจะต้องไปเรียนฝังเข็มแล้วเจ้าค่ะ” ฉินเซียวกล่าวเสียงอ่อย“เจ้าอย่าได้เหนื่อยถึงเพียงนั้น เจ้าบอกแม่มาว่ามันทำอย่างไร แม่จะทำออกมาให้เจ้ากินเอง” หนิงเซียนเอามือลูบผมบุตรสาวกล่าวอย่างเป็นห่วงบุตรีตัวน้อย“ถ้าอย่างนั้นข้าจะอธิบายวิธีการทำถั่วงอกผัดเต้าหูก่อนนะเจ้าคะ แล้วก็ทำซุปถั่วงอกใส่ผักดอง ท่านแม่วันนี้ท่านก็ทำผัดเปรี้ยวหวานเส้นถู่โต้วด้วยเลยเจ้าค่ะ ข้ามีลางว่าเราจะทำเงินจากพวกมันได้” ผู้เป็นลูกกอดเอวมารดากล่าวอย่างออดอ้อน“ได้ แม่ตามใจเจ้า” หนิงเซียนกระฉับอ้อมแขนของตนโอบกอดบุตรอย่างรักใคร่ทำให้พี่ชายอีกสองคนต่างเดินเข้ามากอดผู้เป็นน้องสาวกับแม่ของตนด้วย โดยคนเป็นพ่อได้แต่ยืนมองภาพด้านหน้าด้วยความสุขที่เข

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่72 เชื่ออย่างหมดใจ

    แม้ว่าเขาจะเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อ จนเมื่อคนเหล่านั้นได้เห็นเองกับตา ในระหว่างที่เด็กทั้งหมดขึ้นไปนั่งบนหลังเสือฉินเต๋อก็ได้บังคับรถม้ามาเห็นภาพดังกล่าว“ไป๋หู่ ข้าฝากเด็ก ๆ ด้วยนะ” ฉินเต๋อหยุดรถม้าบอกกล่าวสหายของบุตรสาวตัวโต ไป๋หู่ทำเพียงชำเรืองมองเขาอย่างเกียจคร้านก่อนจะส่งเสียงคำรามออกมาแผ่วเบา“เสือ ฝูหมิงน้องรีบพาทุกคนหนีออกมาเร็ว” ช่างหลิวเมื่อได้ยินเสียงของไป๋หู่เด็กหนุ่มจึงได้ลืมตามองออกไปด้านนอก จากนั้นใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดส่งเสียงดังด้วยความตกใจ“เจ้าช่วยควบคุมอารมณ์ด้วย แล้วมองให้ดีสิ” ซินฉีกล่าวกับเด็กหนุ่มอย่างไม่ใส่ใจ“เจ้าเฒ่าเหตุใดเสือพวกนั้นถึงยอมให้เด็กพวกนั้นขึ้นไปขี่หลังของมันได้ง่ายดายขนาดนั้น” หลวนคุนแม้ว่าคราแรกเขาจะตกใจเช่นเดียวกับช่างหลิว แต่เมื่อเห็นภาพที่เสือสองตัวใหญ่ยอมหมอบตัวลงให้เด็กทั้งแปดขึ้นหลังเขาจึงได้รู้สึกแปลกใจแทน“ครอบครัวเสือเป็นสหายของลูกศิษย์ข้าเอง นางบอกข้าแบบนั้น” ซินฉีเอามือลูบเคราแพะของตนตอบเสียงเรียบ“สหายอย่างนั้นหรือ” หลวนคุนทวนคำด้วยความแปลกใจ“คนเป็นเพื่อนกับพยัคฆ

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่75 ช่วยเหลือคนคุ้นเคย

    ไม่รู้จักเจ้าค่ะ” ฉินเซียวปฏิเสธ“อ้าว แต่เจ้ารู้จักชื่อของนางหรือว่าท่านเทพจะให้เจ้าช่วยเหลือนางใช่หรือไม่” หนิงเซียนกระซิบข้างหูบุตรีถามเสียงเบา“เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ แล้วอีกอย่างท่านแม่อย่าได้กังวลไปเลยข้าในตอนนี้ไม่ได้เป็นอันใดแล้วจริง ๆ” ฉินเซียวกล่าวกับมารดาเสียงเบายกยิ้มยืนยันให้คนเป็นแม่“เจ้าไม่เป็นอันใดก็ดี คราวหลังเจ้าอย่าได้ร้องไห้เช่นนั้นอีกเลยหัวใจแม่เจ็บปวดนัก” หนิงเซียนเอามือลูบผมของลูกสาวอย่างอ่อนโยน ซึ่งการกระทำของนางก็อยู่ภายใต้สายตาของเยว่เสี่ยง ทำให้นางมองความอบอุ่นตรงหน้าด้วยความรู้สึกอิจฉาที่นางไม่มีมารดาเหมือนผู้อื่น“พี่สาวเจ้าคะ ท่านเป็นอันใดหรือไม่” ฉินเซียวเมื่อเห็นใบ หน้าอันผิดแปลกไปของหญิงแรกรุ่นนางนี้เธอจึงได้เอ่ยถามด้วยความสงสาร ด้วยนางรู้ชะตาของนางร้ายคนนี้เป็นอย่างดี“เจ้าอัปลักษณ์เจ้าเปลี่ยนชะตาของนางได้นะ” โป๊ยข่วยเอ่ยออกมาเมื่อรับรู้ความคิดของคู่หู“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเปลี่ยนเพราะนางเป็นคนดี” ฉินเซียวสื่อสารกับกระจกเทพอย่างยินดี แล้วการสนทนาของกระจกเทพกับเด็กหญิงตัวน้อยก็หยุดลง“ขะ...ข้าไม่เป็นอันใดหร

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่71 แลกเปลี่ยนระหว่างกัน

    “เจ้าไม่ต้องสุภาพนักหรอก เจ้ารีบกินมันเข้าไปตอนยังร้อนเถอะ” หลวนคุนรีบเอ่ยแย้ง“ขอรับ” ช่างหลิวจึงได้นำช้อนที่ซินฉีส่งให้ตักซุปไก่เข้าปากทันทีก่อนที่เขาจะเบิกตากว้าง“รสชาติเป็นอย่างไรหากว่ามันไม่อะ…” ซินฉียังพูดไม่ทันจบเสียงของเด็กหนุ่มก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาก่อน“อร่อยขอรับ มันอร่อยมากเลยข้าไม่คิดว่าอาหารยาจะอร่อยถึงเพียงนี้” ช่างหลิวยกยิ้มอย่างพอใจ“อ๋อเป็นเช่นนั้นถ้ามันอร่อยก็ดี แล้วถ้าอย่างนั้นเจ้าก็กินให้หมดถ้วยเถอะหากยังไม่พอก็ยังมีในหม้ออีก” หลวนคุนเอ่ยอย่างโล่งอก“ขอรับ ข้าต้องขอบพระคุณท่านหมอมาก” ช่างหลิวยกยิ้มมองหมอทั้งสองด้วยความซาบซึ้งใจ“จุ๊ ๆ เจ้าอัปลักษณ์อาจารย์ของเจ้ากับเจ้านี่ช่างเจ้าเล่ห์ไม่ต่างกันเลย ช่างสมกับเป็นศิษย์อาจารย์กันเสียจริง” กระจกเทพที่รับรู้เรื่องราวของอีกห้องได้ลอยตัวมาบอกกับสหาย“นะ...นั่นเจ้ากำลังจะลงเข็มผิดแล้ว มีสมาธิหน่อยสิ” แต่กระจกเทพก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาด้วยความตกใจ“ก็ข้ามัวแต่ฟังเจ้าอยู่นี่นา ฮู่ว์! เกือบไป” ฉินเซียวถอนหายใจอย่างโล่งอกแม้จะเป็นการฝึกก็ตาม“แม้สิ่งนี้จะเป็นเพียงหุ่

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่74 โชคชะตาที่ต้องเจอ

    ในระหว่างการขายผลลี่จื่อนั้นฉินเซียวก็ได้บอกกับลูกค้าว่าร้านของนางน่าจะขายได้พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายเพราะผลสุกของมันนั้นหมดแล้ว“หมดแล้วอย่างนั้นหรือ ต่อไปข้าจะไปซื้อกินที่ไหนได้” ชายวัยกลางคนลูกค้าประจำกล่าวอย่างเสียดาย“เอาไว้ปีหน้านะเจ้าคะ” ฉินเซียวแย้มยิ้มบอกชายวัยกลาง คนผู้นั้น นางเองก็รู้สึกเสียดายเงินเหมือนกันต่อให้ปลูกต้นลี่จื่อเพิ่มก็ยังช้าอยู่ดี อีกอย่างในครึ่งเดือนข้างหน้านางกับพี่ ๆ ก็จะต้องไปเรียนกันด้วย“แม่หนู ที่เจ้าพูดนั้นเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ แล้วอย่างนี้ฮูหยินผู้เฒ่าจะกินอะไรได้กันล่ะ” พ่อบ้านผิงกล่าวอย่างเศร้าหมอง“ข้าคิดว่าลองให้ฮูหยินผู้เฒ่ากินผักสดดีหรือไม่ น่าจะดีกว่ากินผลลี่จื่อกับผักดองอย่างเช่นทุกวันนี้” ฉินเซียวเอ่ยแนะพ่อบ้านชรา“ผักสดอย่างนั้นหรือ อากาศเย็นขนาดนี้อีกทั้งใกล้ปีใหม่หิมะก็จะตกที่ไหนจะมีผักสดขายกัน” ชายชรายิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกหดหู่หากมีผักสดเขาคงจะไม่ต้องลำบากขนาดนี้หรอก“หากข้ามีท่านจะซื้อหรือไม่ แต่ข้ามีไม่เยอะนะเจ้าคะ อันที่จริงที่ข้าบอกท่านนั้นก็เป็นเพราะข้าเห็นใจคนชราเจ้าค่ะ” ฉินเซียวกระซิบเส

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่70 อาหารยา

    “เป็นเจ้า” หลวนคุนเอ่ยเสียงดัง“เจ้าเฒ่าสบายดีหรือไม่” ซินฉีทักสหายรักด้วยรอยยิ้ม“สหายน่าชังอย่างเจ้ายังมีหน้ามาถามว่าข้าสบายดีอยู่อีกหรือ เล่นทิ้งงานไว้ให้ข้าเพียงผู้เดียว” หลวนคุนได้ทีกล่าวประชดประชันคนหน้าตายผู้นี้ แม้ว่าเขาจะไปหายาถอนพิษก็ตามแต่แม้จดหมายก็ไม่ส่งข่าวมันก็เกินไป“เอาน่าเจ้าอย่าได้โมโหนัก ตอนนี้ข้าก็กลับมาแล้ว เอาไว้ข้าสั่งสอนศิษย์จนทั้งสองเข้าสำนักศึกษาได้ข้าจะกลับไปช่วยเจ้าก็แล้วกัน” ซินฉีเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม“เจ้ายังรู้สำนึกแต่อีกสองเดือนเลยนะ ว่าแต่เรื่องพิษของเจ้าล่ะเป็นอย่างไรบ้างข้าได้ตัวยาสำคัญมาแล้วนะ แต่จะว่าไปหากนางเป็นศิษย์ของเจ้าเรื่องยาก็คงไม่ต้องห่วงแล้วสิ” หลวนคุนรีบถามสหาย แต่พอเขาฉุกคิดได้ว่าผู้ใดเป็นคนนำสมุนไพรหายากชนิดนั้นมาขายให้ตนชายชราก็นิ่งเงียบไป“หายดีแล้วละ เรื่องนี้ต้องยกความดีให้ศิษย์เอกตัวน้อยของข้า” ซินฉียกยิ้มตอบด้วยความภูมิใจ“ข้าดีใจด้วยเจ้าจะได้หยุดออกเร่ร่อนเสียทีและมาช่วยข้าทำงานได้แล้ว ว่าแต่ศิษย์ของเจ้าอีกคนเป็นใคร” หลวนคุนอดเอ่ยถามสหายไม่ได้เพราะเขาเคยได้ยินว่าสหายจะรับศิษย์เพียงคนเ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status