Accueil / ระบบ / ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย / ตอนที่3 โชคชะตาบทใหม่กำลังเริ่มต้น

Share

ตอนที่3 โชคชะตาบทใหม่กำลังเริ่มต้น

เด็กหญิงได้ลงมือถอดถุงเท้าของหญิงวัยกลางคนผู้นี้ออกจากนั้นเธอก็บีบเลือดพิษออกจากบาดแผลและล้างด้วยน้ำเปล่าที่ได้สหายผู้วิเศษเสกกระบอกไม้ไผ่บรรจุน้ำใส่เอาไว้ให้ ก่อนที่จะนำยาสมุนไพรของตนโปะลงไปยังบาดแผลที่เริ่มเปลี่ยนสีนั้น

เมื่อหนิงลี่ได้สัมผัสถึงความเย็นของตัวยาที่ซึมเข้าบาดแผลของตนก็ทำให้นางได้มีสติมากขึ้นจากนั้นเปลือกตาของเธอก็ค่อย ๆ เปิดขึ้นทีละน้อย

ฉินเซียวที่กำลังง่วนอยู่กับการทำยาใหม่เพื่อจะเปลี่ยนให้กับหญิงผู้นี้อีกรอบไม่ได้รับรู้ว่าตอนนี้เธอได้ตกอยู่ภายใต้สาย ตาเรียวสวยของผู้เป็นป้าตามสายเลือด

หญิงวัยกลางคนที่เห็นเพียงใบหน้ามอมด้านข้างของเด็ก หญิงก็มีความรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้อย่างน่าประหลาด เธอมีความรู้สึกว่าเด็กคนนี้มีบางอย่างคล้ายน้องสาวของตนเมื่อยังเล็ก หลังจากเด็กหญิงทำยาเสร็จเธอก็กำลังจะนำมาเปลี่ยนให้กับผู้บาดเจ็บ เธอก็ได้รับรู้ถึงสายตาที่มองตัวเองอยู่เด็กสาวจึงหันไปทางหญิงวัยกลางคนทันที

“ท่านป้า ท่านไม่ต้องกลัวนะเจ้าคะ แม้ตัวข้าจะเป็นเด็ก แต่ในเรื่องของยาข้าพอมีความรู้อยู่บ้าง รับรองว่าท่านย่อมปลอดภัยอย่างแน่นอน” เด็กหญิงกล่าวกับผู้ป่วยด้วยถ้อยคำรื่นหู

“ป้าเชื่อเจ้า นั่นเป็นเพราะตอนนี้ป้าไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกแล้ว” หนิงลี่ส่งยิ้มให้คนตัวเล็ก

‘จะไม่หายได้ยังไงนั่นน้ำทิพย์วิเศษเลยนะ แม้หยดเดียวก็มีค่าควรเมืองไม่รู้ตั้งกี่เมือง’ โป๊ยข่วยที่ลอยอยู่รอบตัวคนทั้งสองคิดพลางเงยหน้ามองฟ้า

แต่สิ่งที่กระจกน้อยคิดหาได้มีใครรับรู้ด้วยไม่ ทางฉินเซียวเองยังต้องแปลกใจกับผลการรักษาของตนด้วยซ้ำ ว่าเหตุใดบาดแผลของท่านป้าผู้นี้จึงได้หายเร็วนัก แต่เธอก็ยังคงโปะยาใหม่ลงไปอยู่ดีเพื่อให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น หญิงวัยกลางคนมองการกระทำอันคล่องแคล่วเกินเด็กของผู้มีพระคุณ เธอจึงได้เกิดความสงสัยดังนั้นจึงได้ลองถามถึงที่มาที่ไปของเจ้าตัวเล็กด้านหน้าออกมา

“เด็กน้อยเจ้าเป็นใครอย่างนั้นหรือแล้วมาทำอะไรบนภูเขาแห่งนี้” หนิงลี่มองใบหน้าเล็กด้วยความเอ็นดูในขณะถามคำถามไปด้วย

“ข้าชื่อฉินเซียวเจ้าค่ะ อยู่หมู่บ้านด้านล่าง ที่ต้องขึ้นมาบนนี้ก็เพื่อมาตัดหญ้าลงไปให้หมูที่บ้านกิน” เด็กน้อยตอบตามตรงพลางมองใบหน้าของหญิงผู้นี้อย่างตั้งใจ

หนิงลี่รู้สึกตกใจที่ได้รู้ว่าเด็กคนนี้น่าจะเป็นลูกสาวของหญิงใจคดผู้นั้นจางหม่านซิง

“เจ้าเป็นบุตรสาวของหม่านซิงอย่างนั้นเหรอ แต่ทำไมป้าถึงไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อนล่ะเจ้าเป็นบุตรคนที่เท่าไหร่ของนางกัน” หญิงวัยสามสิบถามด้วยความแคลงใจ

“ข้าเป็นบุตรสาวคนที่สองเจ้าค่ะ ท่านป้ารู้จักท่านแม่ข้าด้วยอย่างนั้นหรือเจ้าคะ” เด็กหญิงตัวน้อยหลังจากที่ทำแผลจนเสร็จเรียบร้อยถามออกมาด้วยความสงสัยเนื่องจากเธอจำได้ว่าตนไม่เคยเห็นหญิงคนนี้มาก่อน

“คนที่สองอย่างนั้นเหรอแต่เด็กคนนั้นไม่ได้ชื่อนี้นี่ ใคร ๆ ก็ต่างรู้ดีว่าหม่านซิงมีบุตรชายคนโตหนึ่งกับบุตรสาวคนเล็กหนึ่งมีชื่อว่าฉินจวน” หนิงลี่รู้สึกมึนงงหรือว่าตัวเองจะจำผิด

“ฉินจวนนางเป็นน้องคนสุดท้องเจ้าค่ะ แต่หากจะไม่ค่อยมีคนรู้เรื่องของข้าก็ไม่แปลกเพราะท่านแม่มักจะขังข้าให้อยู่แต่ในเรือนไม่ยอมให้ออกไปที่ใดนักนอกจากขึ้นเขาอย่างเช่นวันนี้” เด็กหญิงตอบด้วยใบหน้าหม่น

“โธ่ช่างน่าสงสารเสียจริง” หนิงลี่รู้สึกสงสารเด็กน้อยหน้ามอมร่างผอมจากใจ

“ว่าแต่ท่านป้าเป็นใครแล้วเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ” เด็กหญิงเปลี่ยนเรื่องสนทนาเพราะเธอรู้สึกสงสัยในความคล้ายคลึงของบุคคลตรงหน้ามาก

“ป้าชื่อหนิงลี่มาจากหมู่บ้านซุยซวงอยู่ห่างจากหมู่บ้านของเจ้าไปหลายลี้ ที่ป้ามาอยู่บนภูเขาวันนี้เป็นเพราะต้องการหาดอกไม้ชนิดหนึ่งไปทำเครื่องหอมจนมาถูกงูกัดแล้วเจ้าก็มาพบนี่แหละ หากว่าเจ้ามาเจอป้าช้าอีกนิดข้าคงตายไปแล้ว” หนิงลี่ตอบตามจริง

แต่สำหรับฉินเซียวตอนนี้ตัวชาไปแล้วเพราะเธอไม่คาดคิดว่าตนจะมีโอกาสได้ช่วยผู้เป็นป้าในสายเลือดด้วยความบังเอิญ เพราะชาติก่อนเหมือนจะเคยมีข่าวลือว่ามีคนขึ้นเขามาหาสัตว์ป่าแต่สิ่งที่พบกลับเป็นศพของหญิงคนหนึ่งที่มีสภาพไม่น่าดูจนจำแทบไม่ได้ว่าหญิงคนนี้เป็นใคร จนกระทั่งญาติจากหมู่บ้านใกล้เคียงมาถามหาตามข่าวที่ได้ยินจึงได้รู้ว่าคนที่ตายเป็นใคร

“ท่านป้า ทะ...ท่านรู้จักผู้หญิงที่ชื่อว่าหนิงเซียนหรือไม่” ฉินเซียวถามคนด้านหน้าออกมาอย่างลืมตัวด้วยความตื่นเต้น เมื่อหนิงลี่ได้ยินคำถามก็รู้สึกแปลกใจ แต่เธอก็ตอบตามตรงเพราะเด็กคนนี้คงอาจจะเคยได้ยินเรื่องของน้องสาวที่กลายเป็นบ้าของตนมากระมั้ง

“นางเป็นน้องสาวของข้าเอง ว่าแต่เจ้าถามถึงนางทำไมกัน” ผู้อาวุโสถามเด็กน้อยกลับ แต่แล้วเมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของเด็กหญิงพร้อมกับน้ำตาเม็ดโตที่ร่วงหล่นจากใบหน้ามอมนั้นหนิงลี่ก็หุบปากของตนลง

ก่อนที่เธอจะเอามืออันหยาบกระด้างลูบไปยังศีรษะเล็กของเด็กหญิงตัวน้อยอย่างปลอบใจ ฉินเซียวที่กำลังร้องไห้อยู่นั้นเธอรู้สึกสงสารผู้เป็นแม่ของตนยิ่งนักเนื่องจากตอนที่ตนได้มองเห็นเรื่องราวของตัวเองเธอก็รู้สึกสะเทือนใจอยู่แล้ว    

แต่พอมาได้ยินเรื่องนี้ออกจากปากผู้เป็นป้าก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เธอรู้สึกเสียใจและโกรธแค้นหม่านซิงผู้ที่ขโมยเธอมาจากอกของมารดาแท้ ๆ มากขึ้น โดยการสับเปลี่ยนลูกสาวที่ตายแล้วของตนกับตัวเธอด้วยหวังจะแก้แค้นมารดาผู้ให้กำเนิดของเธอให้เป็นทุกข์จากการที่ฉินเต๋อผู้เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดไม่รับรักนางทำให้นางต้องแต่งกับชายอันธพาลลูกพี่ลูกน้องอย่างฉินหย่งแทน

“เด็กน้อยเจ้าเป็นอะไรไปหยุดร้องไห้ก่อนเถอะ ป้าเห็นแล้วรู้สึกใจคอไม่ดี” หนิงลี่กล่าวอย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบใจเด็กหญิง

ฉินเซียวเอามือที่เต็มไปด้วยร่องรอยพุพองจากการทำงานหนักปาดน้ำตาอย่างลวก ๆ ก่อนจะมองหน้าป้าตามสาย เลือดอีกครั้ง

“ท่านป้า ข้าจะไปบ้านของท่านได้หรือไม่ข้าอยากจะไปดูอาการของมะ...แม่หญิงนางนั้นเผื่อว่าความรู้ที่ข้ามีจะช่วยนางได้” เด็กหญิงวัยแปดหนาวเกือบหลุดคำเรียกแม่ออกมากล่าวอย่างมุ่งมั่น

“ป้าก็อยากจะให้เจ้าไปนะ แต่ว่าแม่ของเจ้าจะไม่ว่าเอาหรือหากนางรู้เข้าว่าเจ้าไปกับข้า” หนิงลี่กล่าวออกมาด้วยความลำบากใจเพราะเรื่องเมื่อครั้งอดีตทำให้ครอบครัวของทั้งสองตัดขาดกัน

“ข้าขอเล่าให้ท่านฟังตามตรงท่านจะเชื่อหรือไม่ข้าก็ไม่ว่า  แต่ข้าหาใช่ลูกที่แท้จริงของนางไม่ครอบครัวนั้นเลี้ยงข้าเอาไว้ ตั้งแต่ข้าจำความได้ก็ถูกใช้งานเยี่ยงทาสมาโดยตลอด” ฉินเซียวกล่าวออกมาด้วยความเจ็บใจทำให้น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง

“นี่เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอแล้วเหตุใดเจ้าถึงได้รู้เรื่องนี้กัน” หญิงวัยกลางคนบัดนี้ได้ตกใจจนลืมความเจ็บปวดไปหมด แล้วถามอย่างรู้สึกตื่นตระหนก

“ข้าเคยแอบได้ยินท่านแม่บอกกับทุกคนในวันที่ข้านอนไม่สบาย แล้ววันนั้นท่านพ่อแม้จะเป็นคนไม่ดีนักในสายตาคนอื่นคิดจะพาข้าไปหาหมอแต่ท่านแม่ผู้นั้นได้ห้ามเอาไว้เจ้าค่ะ พร้อมบอกว่าที่เลี้ยงเอาไว้ก็แค่คนทำงานและจะตามหมอมารักษานางเด็กที่ไม่ใช่สายเลือดของตัวไปทำไม     คราแรกท่านพ่อก็รู้สึกตกใจแต่แล้วเมื่อเขาได้ยินว่าท่านแม่เก็บข้ามาท่านก็ไม่ได้แสดงท่าทีอันใดอีก

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทุกคนก็ใช้ข้าเยี่ยงทาสมาโดยตลอดข้าวให้กินก็มีเพียงแค่น้ำต้มใส ๆ ปราศจากเมล็ดข้าว ทั้งที่ความจริงแล้วข้ามีอายุแปดหนาวแต่ตัวกลับเล็กนิดเดียว” ฉินเซียวเล่าเรื่องราวของตนโดยที่ปิดบังในเรื่องการเกิดใหม่เอาไว้

ซึ่งในเรื่องที่เธอเล่านี้เป็นสิ่งที่เธอได้เห็นผ่านกระจกวิเศษทั้งสิ้น ทำให้เธอได้รู้ถึงความใจดำของตระกูลฉินบ้านรองได้อย่างชัดเจน

เมื่อหนิงลี่ได้รู้ความจริงของผู้มีพระคุณตัวเล็กนางก็ยิ่งรู้สึกสงสารเด็กน้อยผู้นี้จับใจ แต่หากจู่ ๆ จะเอาตัวเด็กไปเลยก็เกรงว่าจะโดนหญิงชั่วผู้นั้นแจ้งความจับตนข้อหาขโมยเด็กได้ แต่จะให้นิ่งเฉยเธอก็ไม่อยากทำ

“เด็กน้อยเอาอย่างนี้ดีหรือไม่ เจ้าพอหาสิ่งใดมายืนยันว่าเจ้าไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริงของคนผู้นั้นหรือเปล่า หากว่ามีข้ายินดีจะช่วยเจ้าเต็มที่แต่หากไม่มีเจ้าช่วยอดทนรออีกสักหน่อยเพื่อให้ข้าได้คิดหาหนทางช่วยเจ้า

ยังไงซะข้าก็จะต้องหาทางช่วยผู้มีคุณอย่างเจ้าให้จงได้อย่างแน่นอนแม้ว่าชีวิตความเป็นอยู่ของข้าจะไม่ดีนัก แต่ป้ารับรองได้หากว่าเจ้าไปอยู่ด้วยกันอย่างน้อยก็มีข้าวให้เจ้ากิน” หนิงลี่กล่าวออกมาจากใจ

“ขอบคุณท่านป้า แต่เรื่องข้านั้นยังไม่ด่วนเท่ากับเรื่องของแม่นางผู้นั้นหากปล่อยไว้นานอาการของนางจะหนักขึ้นและการรักษาจะยิ่งทวีความยากลำบากอีกหลายเท่าตัว” ฉินเซียวรู้ดีว่ามารดาป่วยเป็นโรคอันใดกล่าวออกมาอย่างยึดมั่นในเจตจำนงของตน

“แต่หมู่บ้านนั้นอยู่ไกลจากที่นี่หากเจ้าจะไปก็ต้องไปอยู่ที่นั่นข้าว่าไม่มีทางที่หม่านซิงจะปล่อยให้เจ้าไปไกลหูไกลตาแน่” คนที่ผ่านร้อนหนาวมานานกล่าวอย่างหนักใจเพราะรู้นิสัยหญิงคนนั้นดี

ฉินเซียวเองก็รู้ถึงความเห็นแก่ตัวของหญิงผู้นั้นเช่นกัน แต่ในเมื่อมีโอกาสมาถึงแล้วเธอก็ไม่อยากจะปล่อยให้มันผ่านไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไร

ในระหว่างที่เธอกำลังคิดหาทางออกก็ได้ยินเสียงของกระจกวิเศษใบน้อยที่เป็นเหมือนพระมาโปรดในยามยาก

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่73 เจ้าสิ่งนี้คือผักอะไร

    “ลูกรัก แล้วพวกเราจะเอาไปทำอาหารอะไรกันดีมันมีเยอะอยู่นะ” หนิงเซียนรีบเอ่ยถามบุตรสาวเพราะนางไม่เคยเห็นผักชนิดนี้มาก่อน“ข้าจะนำมาผัดเต้าหู้ก้อนที่ท่านแม่ทำไว้อย่างไรล่ะเจ้าคะ อีกทั้งถั่วงอกยังทำอาหารได้หลากหลายอีกด้วย ข้าจะแสดงฝีมือให้พวกท่านชิมเจ้าค่ะ” เด็กหญิงตอบมารดาด้วยรอยยิ้มดวงตาเป็นประกาย“แต่ว่าคงจะต้องเป็นช่วงเย็นแล้ว เพราะตอนนี้ข้าได้เวลาจะต้องไปเรียนฝังเข็มแล้วเจ้าค่ะ” ฉินเซียวกล่าวเสียงอ่อย“เจ้าอย่าได้เหนื่อยถึงเพียงนั้น เจ้าบอกแม่มาว่ามันทำอย่างไร แม่จะทำออกมาให้เจ้ากินเอง” หนิงเซียนเอามือลูบผมบุตรสาวกล่าวอย่างเป็นห่วงบุตรีตัวน้อย“ถ้าอย่างนั้นข้าจะอธิบายวิธีการทำถั่วงอกผัดเต้าหูก่อนนะเจ้าคะ แล้วก็ทำซุปถั่วงอกใส่ผักดอง ท่านแม่วันนี้ท่านก็ทำผัดเปรี้ยวหวานเส้นถู่โต้วด้วยเลยเจ้าค่ะ ข้ามีลางว่าเราจะทำเงินจากพวกมันได้” ผู้เป็นลูกกอดเอวมารดากล่าวอย่างออดอ้อน“ได้ แม่ตามใจเจ้า” หนิงเซียนกระฉับอ้อมแขนของตนโอบกอดบุตรอย่างรักใคร่ทำให้พี่ชายอีกสองคนต่างเดินเข้ามากอดผู้เป็นน้องสาวกับแม่ของตนด้วย โดยคนเป็นพ่อได้แต่ยืนมองภาพด้านหน้าด้วยความสุขที่เข

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่72 เชื่ออย่างหมดใจ

    แม้ว่าเขาจะเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อ จนเมื่อคนเหล่านั้นได้เห็นเองกับตา ในระหว่างที่เด็กทั้งหมดขึ้นไปนั่งบนหลังเสือฉินเต๋อก็ได้บังคับรถม้ามาเห็นภาพดังกล่าว“ไป๋หู่ ข้าฝากเด็ก ๆ ด้วยนะ” ฉินเต๋อหยุดรถม้าบอกกล่าวสหายของบุตรสาวตัวโต ไป๋หู่ทำเพียงชำเรืองมองเขาอย่างเกียจคร้านก่อนจะส่งเสียงคำรามออกมาแผ่วเบา“เสือ ฝูหมิงน้องรีบพาทุกคนหนีออกมาเร็ว” ช่างหลิวเมื่อได้ยินเสียงของไป๋หู่เด็กหนุ่มจึงได้ลืมตามองออกไปด้านนอก จากนั้นใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดส่งเสียงดังด้วยความตกใจ“เจ้าช่วยควบคุมอารมณ์ด้วย แล้วมองให้ดีสิ” ซินฉีกล่าวกับเด็กหนุ่มอย่างไม่ใส่ใจ“เจ้าเฒ่าเหตุใดเสือพวกนั้นถึงยอมให้เด็กพวกนั้นขึ้นไปขี่หลังของมันได้ง่ายดายขนาดนั้น” หลวนคุนแม้ว่าคราแรกเขาจะตกใจเช่นเดียวกับช่างหลิว แต่เมื่อเห็นภาพที่เสือสองตัวใหญ่ยอมหมอบตัวลงให้เด็กทั้งแปดขึ้นหลังเขาจึงได้รู้สึกแปลกใจแทน“ครอบครัวเสือเป็นสหายของลูกศิษย์ข้าเอง นางบอกข้าแบบนั้น” ซินฉีเอามือลูบเคราแพะของตนตอบเสียงเรียบ“สหายอย่างนั้นหรือ” หลวนคุนทวนคำด้วยความแปลกใจ“คนเป็นเพื่อนกับพยัคฆ

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่75 ช่วยเหลือคนคุ้นเคย

    ไม่รู้จักเจ้าค่ะ” ฉินเซียวปฏิเสธ“อ้าว แต่เจ้ารู้จักชื่อของนางหรือว่าท่านเทพจะให้เจ้าช่วยเหลือนางใช่หรือไม่” หนิงเซียนกระซิบข้างหูบุตรีถามเสียงเบา“เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ แล้วอีกอย่างท่านแม่อย่าได้กังวลไปเลยข้าในตอนนี้ไม่ได้เป็นอันใดแล้วจริง ๆ” ฉินเซียวกล่าวกับมารดาเสียงเบายกยิ้มยืนยันให้คนเป็นแม่“เจ้าไม่เป็นอันใดก็ดี คราวหลังเจ้าอย่าได้ร้องไห้เช่นนั้นอีกเลยหัวใจแม่เจ็บปวดนัก” หนิงเซียนเอามือลูบผมของลูกสาวอย่างอ่อนโยน ซึ่งการกระทำของนางก็อยู่ภายใต้สายตาของเยว่เสี่ยง ทำให้นางมองความอบอุ่นตรงหน้าด้วยความรู้สึกอิจฉาที่นางไม่มีมารดาเหมือนผู้อื่น“พี่สาวเจ้าคะ ท่านเป็นอันใดหรือไม่” ฉินเซียวเมื่อเห็นใบ หน้าอันผิดแปลกไปของหญิงแรกรุ่นนางนี้เธอจึงได้เอ่ยถามด้วยความสงสาร ด้วยนางรู้ชะตาของนางร้ายคนนี้เป็นอย่างดี“เจ้าอัปลักษณ์เจ้าเปลี่ยนชะตาของนางได้นะ” โป๊ยข่วยเอ่ยออกมาเมื่อรับรู้ความคิดของคู่หู“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเปลี่ยนเพราะนางเป็นคนดี” ฉินเซียวสื่อสารกับกระจกเทพอย่างยินดี แล้วการสนทนาของกระจกเทพกับเด็กหญิงตัวน้อยก็หยุดลง“ขะ...ข้าไม่เป็นอันใดหร

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่71 แลกเปลี่ยนระหว่างกัน

    “เจ้าไม่ต้องสุภาพนักหรอก เจ้ารีบกินมันเข้าไปตอนยังร้อนเถอะ” หลวนคุนรีบเอ่ยแย้ง“ขอรับ” ช่างหลิวจึงได้นำช้อนที่ซินฉีส่งให้ตักซุปไก่เข้าปากทันทีก่อนที่เขาจะเบิกตากว้าง“รสชาติเป็นอย่างไรหากว่ามันไม่อะ…” ซินฉียังพูดไม่ทันจบเสียงของเด็กหนุ่มก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาก่อน“อร่อยขอรับ มันอร่อยมากเลยข้าไม่คิดว่าอาหารยาจะอร่อยถึงเพียงนี้” ช่างหลิวยกยิ้มอย่างพอใจ“อ๋อเป็นเช่นนั้นถ้ามันอร่อยก็ดี แล้วถ้าอย่างนั้นเจ้าก็กินให้หมดถ้วยเถอะหากยังไม่พอก็ยังมีในหม้ออีก” หลวนคุนเอ่ยอย่างโล่งอก“ขอรับ ข้าต้องขอบพระคุณท่านหมอมาก” ช่างหลิวยกยิ้มมองหมอทั้งสองด้วยความซาบซึ้งใจ“จุ๊ ๆ เจ้าอัปลักษณ์อาจารย์ของเจ้ากับเจ้านี่ช่างเจ้าเล่ห์ไม่ต่างกันเลย ช่างสมกับเป็นศิษย์อาจารย์กันเสียจริง” กระจกเทพที่รับรู้เรื่องราวของอีกห้องได้ลอยตัวมาบอกกับสหาย“นะ...นั่นเจ้ากำลังจะลงเข็มผิดแล้ว มีสมาธิหน่อยสิ” แต่กระจกเทพก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาด้วยความตกใจ“ก็ข้ามัวแต่ฟังเจ้าอยู่นี่นา ฮู่ว์! เกือบไป” ฉินเซียวถอนหายใจอย่างโล่งอกแม้จะเป็นการฝึกก็ตาม“แม้สิ่งนี้จะเป็นเพียงหุ่

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่74 โชคชะตาที่ต้องเจอ

    ในระหว่างการขายผลลี่จื่อนั้นฉินเซียวก็ได้บอกกับลูกค้าว่าร้านของนางน่าจะขายได้พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายเพราะผลสุกของมันนั้นหมดแล้ว“หมดแล้วอย่างนั้นหรือ ต่อไปข้าจะไปซื้อกินที่ไหนได้” ชายวัยกลางคนลูกค้าประจำกล่าวอย่างเสียดาย“เอาไว้ปีหน้านะเจ้าคะ” ฉินเซียวแย้มยิ้มบอกชายวัยกลาง คนผู้นั้น นางเองก็รู้สึกเสียดายเงินเหมือนกันต่อให้ปลูกต้นลี่จื่อเพิ่มก็ยังช้าอยู่ดี อีกอย่างในครึ่งเดือนข้างหน้านางกับพี่ ๆ ก็จะต้องไปเรียนกันด้วย“แม่หนู ที่เจ้าพูดนั้นเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ แล้วอย่างนี้ฮูหยินผู้เฒ่าจะกินอะไรได้กันล่ะ” พ่อบ้านผิงกล่าวอย่างเศร้าหมอง“ข้าคิดว่าลองให้ฮูหยินผู้เฒ่ากินผักสดดีหรือไม่ น่าจะดีกว่ากินผลลี่จื่อกับผักดองอย่างเช่นทุกวันนี้” ฉินเซียวเอ่ยแนะพ่อบ้านชรา“ผักสดอย่างนั้นหรือ อากาศเย็นขนาดนี้อีกทั้งใกล้ปีใหม่หิมะก็จะตกที่ไหนจะมีผักสดขายกัน” ชายชรายิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกหดหู่หากมีผักสดเขาคงจะไม่ต้องลำบากขนาดนี้หรอก“หากข้ามีท่านจะซื้อหรือไม่ แต่ข้ามีไม่เยอะนะเจ้าคะ อันที่จริงที่ข้าบอกท่านนั้นก็เป็นเพราะข้าเห็นใจคนชราเจ้าค่ะ” ฉินเซียวกระซิบเส

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่70 อาหารยา

    “เป็นเจ้า” หลวนคุนเอ่ยเสียงดัง“เจ้าเฒ่าสบายดีหรือไม่” ซินฉีทักสหายรักด้วยรอยยิ้ม“สหายน่าชังอย่างเจ้ายังมีหน้ามาถามว่าข้าสบายดีอยู่อีกหรือ เล่นทิ้งงานไว้ให้ข้าเพียงผู้เดียว” หลวนคุนได้ทีกล่าวประชดประชันคนหน้าตายผู้นี้ แม้ว่าเขาจะไปหายาถอนพิษก็ตามแต่แม้จดหมายก็ไม่ส่งข่าวมันก็เกินไป“เอาน่าเจ้าอย่าได้โมโหนัก ตอนนี้ข้าก็กลับมาแล้ว เอาไว้ข้าสั่งสอนศิษย์จนทั้งสองเข้าสำนักศึกษาได้ข้าจะกลับไปช่วยเจ้าก็แล้วกัน” ซินฉีเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม“เจ้ายังรู้สำนึกแต่อีกสองเดือนเลยนะ ว่าแต่เรื่องพิษของเจ้าล่ะเป็นอย่างไรบ้างข้าได้ตัวยาสำคัญมาแล้วนะ แต่จะว่าไปหากนางเป็นศิษย์ของเจ้าเรื่องยาก็คงไม่ต้องห่วงแล้วสิ” หลวนคุนรีบถามสหาย แต่พอเขาฉุกคิดได้ว่าผู้ใดเป็นคนนำสมุนไพรหายากชนิดนั้นมาขายให้ตนชายชราก็นิ่งเงียบไป“หายดีแล้วละ เรื่องนี้ต้องยกความดีให้ศิษย์เอกตัวน้อยของข้า” ซินฉียกยิ้มตอบด้วยความภูมิใจ“ข้าดีใจด้วยเจ้าจะได้หยุดออกเร่ร่อนเสียทีและมาช่วยข้าทำงานได้แล้ว ว่าแต่ศิษย์ของเจ้าอีกคนเป็นใคร” หลวนคุนอดเอ่ยถามสหายไม่ได้เพราะเขาเคยได้ยินว่าสหายจะรับศิษย์เพียงคนเ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status