บทที่ 2 แรกพบ
ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสจวิ้นอ๋องได้มาที่บ้านของเจ้าเท้าโจเพื่อปรึกษาหารือในเรื่องกองกำลังของแม่ทัพหยวนเป่าที่ตอนนี้ได้อยู่ที่ทางใต้ของแคว้นว่าจะทำเช่นไรต่อไป เมื่อทั้งคู่พูดคุยกันเสร็จสิ้น จวิ้นอ๋องจึงขอตัวกลับจวน
หลิ่งฟู่บุตรสาวของใต้เท้าโจที่กำลังเดินเล่นอยู่กับสาวใช้ได้เดินผ่านจวิ้นอ๋องไป
ด้วยความงามของนางที่เสมือนต้องมนต์ทำให้จวิ้นอ๋องมองนางไม่ละสายตาจนใต้เท้าโจได้ถามขึ้น
"ท่านอ๋องท่านว่านางงดงามใช่มั้ยท่านถึงมองนางไม่ละสายตาเช่นนี้"
"นางงามราวกับนางฟ้าว่าแต่นางเป็นบุตรสาวของบ้านใดทำไมข้าไม่เคยคนงามเช่นนางมาก่อน"
"โฮ๊ะๆ นางเป็นบุตรสาวคนเดียวของกระหม่อมเองพะย่ะค่ะ หลิ่งฟู่ท่านอยากรู้เรื่องของนางทำไมกันหรือพะย่ะค่ะ"
"บุตรสาวของเจ้างั้นรึงั้นข้าก็ขอพูดตามตรงข้ารู้สึกชอบนางแม้จะเห็นนางเพียงครั้งแรกก็ตาม ท่านจะว่าอย่างไรหากข้าจะให้ฝ่าบาทมาขอบุตรสาวของท่านให้กับข้า"
"ท่านอย่าพึ่งใจร้อนกระหม่อมต้องถามความเห็นของลูกสาวกระหม่อมก่อนอีกสามวันจะให้คำตอบแก่ท่าน ท่านอดใจรอหน่อยเถิดพะย่ะค่ะ" แม้จวิ้นอ๋องจะใจร้อนแต่เขาเองก็รู้ดีมันยากที่คนที่เคยเจอหน้ากันจะให้มาแต่งเข้าจวนเลยก็คงไม่ใช่เรื่อง
เขาจึงให้เวลาแก่ใต้เท้าโจได้พูดคุยกับบุตรสาวของเขาเสียก่อน
"ก็ได้ งั้นข้าขอตัวกลับก่อนข้าหวังว่าอีกในสามวันข้าจะได้รับข่าวดี"
"ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัยพะย่ะค่ะ"
หลังจากที่จวิ้นอ๋องกลับไปใต้เท้าโจก็ได้เรียกหลิ่งฟู่เข้ามาพบ
หลิ่งฟู่บุตรสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจตอนนี้ได้เติบโตเป็นสาวสะพรั่งใบหน้างดงามราวกับภาพวาด เขาคิดไตร่ตรองดูมันก็เป็นเรื่องดีเช่นกันหากจวิ้นอ๋องผู้นี้สนใจและรักลูกสาวของเขา
เพราะเขาเองก็ยังไม่มีชายาถ้าบุตรสาวของเขาได้แต่งเข้าไปที่จวนก็จะได้ตำแหน่งพระชายามาครอบครอง
แถมยังได้เแต่งกับเชื้อพระวงค์อีกด้วย
"ท่านพ่อมีเรื่องอันใดถึงเรียกข้ามาพบหรือเจ้าคะ"
"หลิ่งฟู่ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว"
"ปีนี้อายุของข้า18ย่าง19 ปีแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อถามข้าทำไมรึเจ้าคะ"
"อืม อายุของเจ้าก็เข้าสู่วัยออกเย้าออกเรือนแล้ว
ตอนนี้เจ้ารักหรือชอบพออยู่กับชายบ้านใดหรือไม่"
"ข้าไม่มีหรอกเจ้าค่ะ วันๆ ข้าก็อยู่แต่ในบ้านข้าจะไปแอบรักหรือคบกับผู้ใดได้ล่ะเจ้าคะ”
"งั้นก็ดีเลย วันนี้เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ใดมาที่บ้านของเรา"
"ข้าพอจะได้ยินมาเจ้าค่ะ มีคนเล่าสู่ข้าฟังว่าเขาเป็นจวิ้นอ๋องผู้โหดร้ายแต่ทำไมใบหน้าของเขาถึงไม่โหดร้ายเช่นดั่งคำรำลือล่ะเจ้าคะข้าว่าท่านอ๋องผู้นี้หน้าดีทีเดียว"
"เจ้าว่าอย่างนั้นรึ พ่อจะบอกเจ้านะแม้ว่าข่าวลือจะเป็นเช่นไร แต่ท่านจวิ้นอ๋องผู้นี้โหดร้ายแค่เพียงศัตรูเท่านั้นเขาเองก็เป็นคนดีและเป็นคนที่ฝ่าบาทโปรดปราน วันนี้เขาเห็นเจ้าและชอบเจ้าในพริบตาแถมยังจะให้ฝ่าบาทมาสู่ขอเจ้าอีกด้วยเรื่องนี้เจ้าคิดว่าเช่นไร "
หลิ่งฟู่ก้มหน้าคิดอยู่นานแม้นางจะได้ยินข่าวลือที่หนาหูว่าชายผู้นี้โหดเหี้ยมและอำมหิตแต่เมื่อนางได้เจอเขาวันนี้
ท่านอ๋องผู้นี้กลับมีรูปลักษณ์ที่สง่างามจนทำให้หัวใจของนางเต้นตึกตักไม่หยุดจนนางอยากเห็นหน้าใกล้ๆ และทำเป็นเดินผ่านหน้าเขาไป
นางคิดไปอมยิ้มไปจนใต้เท้าโจรู้ว่าบุตรของเขาก็คงมีใจให้กับท่านอ๋องผู้นี้
"ท่านจวิ้นอ๋องชอบข้าหรือเจ้าคะ ข้าก็คงแล้วแต่ท่านพ่อกับท่านแม่เลยเจ้าค่ะพวกท่านว่าอย่างไรข้าก็จะทำตามทุกอย่าง”
แม้นางจะพูดเช่นนี้แต่ในใจของนางก็อยากให้ท่านพ่อมอบนางให้กับจวิ้นอ๋องผู้นี้อยู่ดี
“ฮา ฮ่าให้ได้อย่างนี้สิ งั้นอีกสามวันข้าจะส่งสารไปให้ท่านจวิ้นอ๋องว่าเจ้าตอบตกลง เจ้าก็ไปเตรียมตัวเป็นชายาของจวิ้นอ๋องเสียเถิด” หลิ่งฟู่เดินออกมาจากห้องของท่านพ่อ พลางนึกถึงเวลาที่ตนเองได้ใกล้ชิดกับท่านอ๋องทำให้นางเขินจนตัวบิดไปมา จนเป็นที่สังเกตของสาวใช้นาง
“คุณหนูมีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณหนูของข้ายิ้มเล็กยิ้มน้อยได้ขนาดนี้หรือเจ้าคะ ดูสิท่านเขอะเขินจนบิดเสื้อผ้ายับไม่หมดแล้วหมดแล้ว”
ซูฮวาถามคุณหนูของนางด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ซูฮวาเจ้าเห็นท่านจวิ้นอ๋องที่มาวันนี้หรือไม่”
“เห็นนะเจ้าคะ ว่าแต่คุณหนูถามถึงคนผู้นั้นทำไมกันเจ้าคะ ข้าได้ยินมาว่าท่านจวิ้นอ๋องผู้นี้โหดร้ายอย่างกับสัตว์ป่า แค่ได้ยินชื่อข้าก็ขนลุกกลัวแล้วเจ้าค่ะ”
“ก็เพราะว่าท่านจวิ้นอ๋องผู้นั้นบอกท่านพ่อข้าว่าชอบข้า แถมยังจะให้ฝ่าบาทมาสู่ขอข้าอีกด้วยข้าจะได้เป็นพระชายาแล้ว ข้าดีใจมากเลย” เมื่อซูฮวาได้ยินถึงกับยืนสั่นกลัวทำไมคุณหนูของนางถึงไม่เกรงกลัวต่อคำรำลือนี้เลย
“ท่านแน่ใจนะเจ้าคะ ว่าท่านจะแต่งเข้าจวนจวิ้นอ๋อง ข้าไม่ตามคุณหนูไปได้มั้ยเจ้าคะ ข้ากลัวว่าข้าทำตัวไม่ดีแถมข้ายังซุ่มซ่ามท่านจวิ้นอ๋องคงได้สั่งตัดหัวของข้าแน่ๆ”
“เจ้ามีข้าอยู่จะกลัวเรื่องอันใดกันเล่า ข้าไปไหนเจ้าต้องไปกับข้าด้วยเพราะเจ้าเป็นสาวใช้ของข้า วันนี้ข้าอารมณ์ดีไปหาอะไรกินที่ครัวกันเถอะ” หลิ่งฟู่เดินกึ่งวิ่งไปที่ครัวของตนเอง
“โธ่คุณหนูข้าเลือกอะไรได้บ้างมั้ย คุณหนูรอข้าด้วยเจ้าคะ” .
ฝั่งด้านจวิ้นอ๋องได้กลับมาถึงจวนของตนเองจิตใจของเขาก็ยังคำนึงหาแต่บุตรสาวของใต้เท้าโจ จนทำให้เขาอยู่เฉยไม่ได้จึงได้เข้าวังไปเพื่อพบฝ่าบาท และขอให้ฝ่าบาทเขียนราชโองการขอบุตรสาวของใต้เท้าโจให้ตนเอง
ฝ่าบาทรู้เรื่องก็เห็นดีด้วยเรื่องการขอชายาให้จวิ้นอ๋องเขาเองก็สมควรมีชายาของตนเพื่อดูแลจวนและปรนนิบัติเขา
จวิ้นอ๋องผู้นี้ชื่อว่า เจิ้งซื่อ มีใบหน้าที่หล่อเหลาฉลาดหลักแหลมเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้แต่ทว่าเขามิใช่ลูกของฮองเฮ่า ฮ่องเต้จึงแต่งตั้งเขาเป็นจวิ้นอ๋องและตัวของเจิ้งซื่อเองที่ไม่อยากอยู่ภายในวังที่ชิงดีชิงเด่น เขาจึงมาปกครองแคว้นเล็กๆ อยู่นอกเมือง ตามคำรำลือว่าชายผู้นี้มีความโหดเหี้ยมเพียงเพราะเขานั้นเป็นคนใจเด็ดสามารถจัดการศัตรูที่อยู่ตรงหน้าได้โดยไม่ลังเล ไม่ว่าจะเป็นโจรหรือชาวบ้านที่ทำผิดเขาก็จะตัดสินประหารทันทีและนำหัวมาเสียบประจาน ทำให้ชาวบ้านต่างพากันกล่าวขานถึงความโหดร้ายนี้ของเขา
ตอนพิเศษเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายเดือนสายลมพัดผ่านร่างเล็กที่ยืนมองทอดไปด้านหน้าสายตาจับจ้องไปที่ท้องฟ้ายามนี้บ้านเมืองสงบสุข ความรักของนางก็เช่นกันไม่มีวันใดที่นางไม่เคยได้รับความรักความห่วงใยจากท่านจวิ้นอ๋องเลย“พระชายาเจ้ามายืนอยู่ด้านนอกเช่นนี้ไม่หนาวรึ เข้าไปด้านในกันเถอะ” ท่านอ๋องเดินมาจากด้านหลังสวมกอดร่างเล็ก“ข้าหวนนึกถึงอดีตเพคะ เข้าฤดูหนาวทีไรใจของข้ามักจะเจ็บปวดทุดครั้งเลยเพคะ” หลิ่งฟู่เงยหน้ามองชายที่โอบกอดนางอยู่“ใยเจ้าต้องนึกถึงอดีตอีกเล่าตอนนี้ข้าเองก็ได้แก้ไขทุกอย่างไปหมดสิ้นแล้ว เจ้าทำใจสบายเถิด ซูฮวาเจ้าไปนำชาอุ่นๆ มาให้พระชายาทีร่างกายจะได้อบอุ่น” ท่านอ๋องได้หันไปบอกแก่สาวใช้“เพคะ” ซูฮวาเดินเข้าไปด้านในหลิ่งฟู่เองก็เช่นกันนางได้เดินตามท่านอ๋องเข้ามาในห้อง สักพักฉางอู่ก็ได้เข้ามาหาท่านอ๋อง“ท่านอ๋องพะย่ะค่ะ ตอนนี้ท่านแม่ทัพหยวนเป่ามาขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”“งั้นรึ เจ้าพาแม่ทัพหยวนเป่าไปรอที่ห้องรับรองเถิดเดี๋ยวข้ากับพระชายาจะตามไป”“พะย่ะค่ะ” ฉางอู่ได้เดินออกไป“ท่านแม่ทัพมาหาท่านทำไมกันนะเพคะ ช่วงเวลานี้บ้านเมืองก็สุขสงบไม่มีข้าศึกโจมตีแล้วแท้ๆ” หลิ่งฟู่ถามออกมาด้วยคว
บทที่ 33 ครองรักกันอีกครั้งนางได้นั่งรถม้ามาหาท่านจวิ้นอ๋องถึงกองทัพพร้อมกับซูฮวา ยามนั้นนางปากแข็งหากว่าเขาเป็นอะไรหรือหายไปจากชีวิตของนางก็คงดี บัดนี้ท่านจวิ้นอ๋องได้รับบาดเจ็บจริงๆ นางกลับรู้สึกใจหาย และกระวนกระวายอยากไปพบท่านจวิ้นอ๋องด้วยตัวของนางเองเพียงไม่นานรถม้าก็ได้มาหยุดอยู่ที่หน้ากองทัพ ทหารก็ได้เข้ามาถามว่าแม่นางทั้งสองมาหาผู้ใด"ไม่ทราบว่าแม่นางทั้งสองมาหาผู้ใดกันหรือขอรับ ข้าจะได้ไปแจ้งให้แม่ทัพหยวนเป่าได้รู้""ข้าเป็นคนรักของท่านจวิ้นอ๋อง ข้าได้รู้ข่าวว่าท่านจวิ้นอ๋องได้รับบาดเจ็บข้าขอเขาไปพบได้หรือไม่""เดี๋ยวข้าต้องเข้าไปเรียนท่านแม่ทัพแม่นางโปรดรอสักครู่" ทหารผู้นั้นวิ่งเข้าไปที่กองทัพ แม่ทัพหยวนเป่าต่างแปลกใจที่กองทัพเช่นนี้สตรีนางใดก็ไม่กล้าเข้ามาเยือน เขาจึงได้ออกมาพบนาง เมื่อนางเห็นแม่ทัพหยวนเป่าหลิ่งฟู่รีบวิ่งไปหาเขาทันที."แม่ทัพหยวนเป่าท่านจวิ้นอ๋องเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ บาดเจ็บมากน้อยเพียงใด" แม่ทัพถึงกับงงงวยว่าสตรีนางนี้รู้จักชื่อเขาได้อย่างไร สงสัยเป็นเพราะท่านจวิ้นอ๋องคงเล่าเรื่องของเขาให้นางฟัง เขาเลยเชื่อว่าเป็นคนรักของท่านจวิ้นอ๋องจริงๆ"ท่านจวิ้นอ๋อง
บทที่ 32 ลาก่อนหมอกควันหนาเตอะทำให้หลิ่งฟู่มองไม่เห็นหนทางด้านหน้า มือของนางเต็มไปด้วยเลือดที่ไม่รู้ว่าเป็นเลือดของผู้ใด บรรยากาศช่างเยือกเย็น นางหันมองซ้ายมองขวาและเห็นเงาของบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังเดินจากนางไป นางจึงรีบเดินตามหลังชายผู้นั้นหวังจะออกมาหมอกควันนี้ไป"นี่เจ้าเป็นผู้ใด รอข้าด้วยให้ข้าออกไปกับเจ้าด้วย" หลิ่งฟู่ตะโกนบอกชายตรงหน้าและเขาก็หันหน้ามามองหลิ่งฟู่ด้วยรอยยิ้มที่แสนหวานแต่แววตากลับโศกเศร้า"ในที่สุดเจ้าก็เรียกข้าและจะมาพร้อมกับข้าแล้วหรือพระชายา" ทันทีที่ชายผู้นั้นหันกลับมาหลิ่งฟู่ก็จำได้ว่านั้นคือท่านจวิ้นอ๋อง แต่ทว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดขาวริมฝีปากแห้งเกรอะ เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่เป็นชุดเกาะที่สวมใส่เพื่อออกรบเต็มไปด้วยเลือด นางมองต่ำลงเรื่อยๆ ก็พบเลือดที่ไหลรินอกมาจากหน้าท้องด้านซ้ายของจวิ้นอ๋องที่ไม่ยอมหยุดเสียที"ท่านเกิดอะไรขึ้นเหตุใดเลือดของท่านถึงไหลออกมามากมายขนาดนี้ " หลิ่งฟู่รีบเดินเข้าไปไกลแต่เหมือนท่านจวิ้นอ๋องนั้นไกลจากนางยิ่งกว่าเดิม"ข้าทำได้แล้วนะ ข้าไม่ต้องรับมู่เอ๋อร์เข้าที่จวนของเราแล้ว แต่ข้าคงไม่มีวาสนาได้เคียงข้างกับเจ้า วันนี้ข้าเลยจะมาลา ได้โปร
บทที่ 31 โหยหาวันคืนไม่ย้อนกลับวันเวลาแห่งความสุขไปสิ้นหายไปตั้งแต่คืนนั้นมาหลิ่งฟู่เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ที่ห้องของตนเองไม่ออกไปพบเจอผู้ใด ไม่ว่าใต้เท้าโจและท่านแม่ของนางจะเข้ามาหาเพื่อถามถึงเหตุุที่บุตรสาวของตนเองเปลี่ยนไปก็ไม่รู้แจ้งซูฮวานางรู้สึกสงสารที่คุณหนูของนางเอาแต่เม่อลอย นางไม่รู้เลยว่าคุณหนูของนางกับท่านจวิ้นอ๋องโกรธเคืองเรื่องใดกันถึงทำให้คุณหนูหลิ่งฟู่ถึงเอาแต่เหม่อลอยอยู่ทุกคืนวัน"คุณหนูเจ้าคะ ช่วงนี้ก็หมดฤดูฝนแล้วเราออกไปเดินเล่นที่ตลาดกันดีมั้ยเจ้าคะ ""ข้าเหนื่อย ไม่อยากออกไปที่ใดเลย ""คุณหนูรู้มั้ยเจ้าคะ ที่คุณหนูเป็นอยู่เช่นนี้ทุกคนต่างก็เป็นห่วงข้าไม่รู้หรอกนะเจ้าคะว่าคุณหนูกับท่านจวิ้นอ๋องเกิดเรื่องอันใดขึ้น และข้าก็รู้ว่าคุณหนูเองก็ชอบท่านอ๋องทำไมท่านต้องคอยไล่ให้ท่านอ๋องไปไกลๆ จากชีวิตท่านด้วยละเจ้าคะ ""ข้าไม่ได้ชอบท่านจวิ้นอ๋องเสียหน่อย" หากแต่ว่านางดันรักเขาหมดหัวใจ"หากท่านไม่ได้ชอบแล้วท่านจะมานั่งเศร้าโศกเสียใจในวันที่ท่านอ๋องไม่มาหาท่านอย่างนี้ทำไมเจ้าคะ ท่านต้องดีใจมิใช่หรือ ชีวิตของคนเรานั้นมันสั้นนักนะเจ้าคะ ข้าไม่อยากให้คุณนูของข้าต้องมานั่งเสียใจภ
บทที่ 30 ข้ารักเจ้าท่านจวิ้นอ๋องเองก็เฝ้าคิดทั้งคืนวันเขาเป็นห่วงนางเหลือเกินแต่ก็ออกตามนางไปไม่ได้ หากเขาตามนางไปจะคอยทำให้นางเสียใจมากกว่าเดิม จนรุ่งเช้าท่านอ๋องก็ยังคงเป็นห่วงนาง ท่านอ๋องจึงตัดสินใจไปหานางที่บ้านเมื่อมาถึงท่านอ๋องก็ได้เข้าไปพบกับใต้เท้าโจก่อนจะขอมาหาบุตรสาวของเขาและรู้ว่าหลิ่งฟู่ไม่สบายเป็นไข้หวัด"ซูฮวาคุณหนูของเจ้าอยู่ด้านในหรือไม่" ท่านอ๋องเดินมาที่หน้าห้องของหลิ่งฟู่เห็นซูฮวากำลังนำน้ำไปเช็ดตัวเขาเลยนอ่ยถามนาง"คาระวะท่านจวิ้นอ๋อง วันนี้คุณหนูของหม่อมฉันไม่สบายนอนที่ในห้องเพคะ""นางป่วยหนักเลยรึ ข้าขอเข้าไปพบนางได้หรือไม่""หม่อมฉันขอเข้าไปถามคุณหนูก่อนนะเพคะ ท่านจวิ้นอ๋องโปรดรอสักครู่"ซูฮวาเดินเข้าไปหาฟลิ่งฟู่ที่ห้องนอนเพื่อถามว่าจะออกไปพบท่านจวิ้นอ๋องหรือไม่"คุณหนูเจ้าคะ เมื่อครู่นี้ก่อนที่ข้าจะเข้ามาท่านจวิ้นอ๋องขอเข้ามาพบท่าน ท่านจะอกไปพบท่ายจวิ้นอ๋องมั้ยเจ้าคะ" หลิ่งฟู่ที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นทันที"ไม่ ข้าไม่ต้องการพบบุรุษผู้นี้เจ้าจงไปบอกท่านจวิ้นอ๋องว่าชาตินี้ไม่ต้องมาหาข้าอีก ""ได้เจ้าค่ะ " ซูฮวาก็ได้รู้ทันทีว่าที่คุณหนูของนางร้องไห้เมื่อวานต้องเกิดมาจ
บทที่ 29 อย่าได้พบเจอกันอีกเลยข้าไม่อยากมีชะตาเช่นดังอดีตเมื่อใกล้แจ้งนางจึงรีบไปหาท่านจวิ้นอ๋องที่จวนของเขา และนางจำได้ดีว่าทางไปที่จวนของท่านจวิ้นอ๋องนั้นไปทางใด แม้ตอนนี้นางฝนยังคงตกอยู่ไม่รู้จักหยุดแต่ก็ไม่ได้ทำให้นางหวนกลับบ้านของตน วันนี้นางต้องไปพบเจอท่านจวิ้นอ๋องให้ได้ นางไม่ลืมที่จะคว้านำปิ่นที่เขานำมาให้นางกลับไปให้เขาดังเดิม และถือร่มเดินตากฝนไปที่จวนของงท่านจวิ้นอ๋องโดยไร้ความกลัวใดๆเมื่อนางมาถึงที่จวนของจวิ้นอ๋องก็ได้บอกให้ทหารแจ้งต่อท่านอ๋อง เมื่อเขารู้ว่านางมาหาเขาถึงที่จวน เขาดีใจอย่างมากและเป็นเห่วงนางซะเหลือเกินที่เดินผ่าฝนมาทหารได้พาหลิ่งฟู่ไปพบท่านจวิ้นอ๋องที่ตำหนักของเขา ทันทีที่เห็นหน้าหลิ่งฟู่ท่านจวิ้นอ๋องยิ้มในนางด้วยความดีใจแต่ทว่าเมื่อหลิ่งฟู่เข้ามาถึงนางก็โยนปิ่นอันนั้นใส่หน้าของท่านจวิ้นอ๋องอย่างแรง"ที่ท่านนำปิ่นมาให้ข้าเพราะว่าจะให้ข้าได้รับรู้ว่าปิ่นอันนี้ข้าใช้ปลิดชีพตนเองหรือไร ไม่ว่าเมื่อใดท่านก็ยังคงใจร้ายเช่นเคย" นางเปล่งเสียงออกมาอย่างติดขัดเพราะตอนนี้น้ำตาของนางกำลังไหลรินออกมาด้วยความคับแค้นใจและเจ็บปวดเจียนตายจวิ้นอ๋องหุบยิ้มทันที เขาไม่เข้า