รุ่งเช้าของวันต่อมา สวีเหลียนฮวาลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหนึบที่ศีรษะเป็นอย่างมาก นางคงดื่มเยอะไปสินะเมื่อคืนนี้
"ตื่นแล้วก็ปล่อยข้าเสียที!!!"
สวีเหลียนฮวาที่ได้ยินเสียงของอวิ๋นซีเฉินก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง นางรีบเงยหน้าไปมองทันที ก่อนจะพบว่าเป็นอวิ๋นซีเฉินจริง ๆ
"ฝ่าบาท!!!"
"ปล่อยมือจากกายข้า!!!"
"เพคะ?"
"เจ้าจับสิ่งใดอยู่เล่าตอนนี้ แหกตาดูเสีย!!!"
สวีเหลียนฮวารู้สึกว่ามือของนางจับบางสิ่งบางอย่างอยู่จริง ๆ จึงหันขวับไปมองทันที ก่อนจะต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
"อ๊าส์!!!"
"แหกปากทำไมกัน!!!"
สวีเหลียนฮวารีบดีดตัวลุกหนีออกมาจากเขาทันที แต่ทว่าดวงตาคู่สวยกลับมิอาจหยุดมองลำแท่งเอ็นร้อนขนาดใหญ่ของเขาได้เลย
อวิ๋นซีเฉินรีบสวมอาภรณ์ให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินเข้าไปกระชากตัวนางเข้ามาหาเขา เมื่อคืนเขาต้องอดทนอดกลั้นต่อความอยากขนาดไหน!!!
สวีเหลียนฮวาพยายามผลักไสเขาออกไป ในใจนึกก่นด่าตนเองอยู่หลายครา
"หึ!!! เสแสร้งเก่งเสียจริง เมื่อคืนยังออเซาะข้าอยู่เลย!"
"หม่อมฉันคงเมาเพคะ"
"เช่นนั้นหรือ? คนอย่างเจ้าน่ะมันเชื่อถือไม่ได้ แต่จะโทษเจ้าไปเสียทั้งหมดก็มิถูก ข้าเองก็หล่อเหลาเสียจนเจ้าอดใจไม่ไหว!"
"อุแหวะ!!!"
"บัดซบ!!! เจ้านี่มัน!!!"
"ขออภัยเพคะ อุแหวะ!!!"
"ออกไปไกล ๆ ข้า!!!"
อวิ๋นซีเฉินผลักนางให้ห่างกายก่อนจะถอดอาภรณ์ตัวนอกที่เปื้อนคราบน้ำลายของนางโยนทิ้งลงไปบนพื้น ดวงตาคมจ้องมองนางด้วยความดูแคลน สวีเหลียนฮวาเดินตรงไปที่อ่างน้ำก่อนจะล้างหน้าล้างตาให้สะอาดหมดจด
"ฝ่าบาททรงรอสิ่งใดหรือเพคะ เหตุใดจึงยังมิไปอีกเพคะ?"
"เจ้ากล้าไล่ข้าหรือ?"
"หม่อมฉันอยากล้างตัวน่ะเพคะ พระองค์ทรงอยู่ที่นี่คงจะไม่เหมาะเท่าใดนัก โอ๊ย!!! เจ็บนะเพคะ"
เขาผลักนางให้ล้มลงไปบนพื้นอย่างแรงจนสวีเหลียนฮวาเจ็บบั้นท้ายไม่เบา
"เฮอะ!!! คิดว่าข้าอยากดูนักหรือ! ข้าไม่สนสักนิด!!!"
เขาสะบัดชายเสื้อเดินจากไปทันทีอย่างไม่รั้งรอ สวีเหลียนฮวาถอนหายใจโล่งอกทันที นางไม่ชอบเขาเอาเสียเลย
เขาเดินกลับมาที่ตำหนักมังกรสวรรค์ ก่อนจะผลัดเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่ เพื่อเตรียมจะออกไปประชุมเช้าที่ท้องพระโรง
"ฝ่าบาท"
"ราชเลขา เจ้าไสหัวไปเสีย!!! ก่อนที่ข้าจะโมโหไปมากกว่านี้!!!"
ราชเลขาก้มหน้างุด เขาทำผิดเรื่องใดกัน เมื่อวานก่อนเขาเพียงนำโอสถมาให้ฝ่าบาท แต่ทว่าเมื่อฝ่าบาททรงทอดพระเนตรเห็นคราบโจ๊กที่ขันทีบัดซบผู้ใดก็ไม่รู้ถุยกระเด็นมาโดนที่จานรอง ฝ่าบาทก็กริ้วเขาเป็นอย่างมาก
อวิ๋นซีเฉินมองราชเลขาที่เดินออกไปนอกตำหนักด้วยแววตาที่เย็นชา เป็นราชเลขามานานกลับไม่คิดจะหาทางหลบหลีก!!!
แต่ทว่าข้าก็คงปล่อยให้มันพุ่งแรงไป!!! ช่างมันเถิด ข้าไม่ผิด ข้าทนไม่ไหวใครจะทำไม!!!
เมื่อจัดการเปลี่ยนฉลองพระองค์เสร็จเรียบร้อยแล้วเขาจึงมุ่งหน้าไปที่ท้องพระโรงทันที
"ทูลฝ่าบาท แคว้นเยี่ยน แคว้นเย่ว์คิดแข็งข้อพ่ะย่ะค่ะ มิทรงส่งเครื่องบรรณาการมาให้ต้าเทียนร่วมเดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
อวิ๋นซีเฉินอ่านฎีกาในมือไปพร้อมกับฟังเหล่าขุนนางร้องเรียนไปด้วย เขามิค่อยแปลกใจเท่าใดนัก แต่ไหนแต่ไรมา เยี่ยนอ๋องและเย่ว์อ๋องก็มิเคยยอมสวามิภักดิ์ให้ต้าเทียนอยู่แล้ว
เมื่อหลายปีก่อนเสด็จพ่อทรงรบชนะเหล่ากบฏต่างแคว้นได้ และสถาปนาต้าเทียนเป็นเมืองหลวง ฉินอ๋องและหานอ๋องคนก่อนคิดแข็งข้อ ยุยงแคว้นทั้งสี่ให้ก่อกบฏอีกคราจึงถูกสังหารทิ้งเสีย เสด็จพ่อจึงส่งเสด็จอาไปปกครองแคว้นฉินและแคว้นหานแทนเสีย อีกนัยหนึ่งก็เพื่อจะให้เสด็จอาคอยเป็นหูเป็นตาสอดส่องชายแดนทั้งสี่เอาไว้
เยี่ยนอ๋อง เย่ว์อ๋อง ยอมสวามิภักดิ์ด้วยมิอยากสูญเสียแคว้นของตนไป แต่ทว่าลึก ๆ แล้วเขาย่อมรู้ดีว่าสองแคว้นนี้กำลังรอโอกาสโจมตีเมืองต้าเทียนเขาอยู่
"ปล่อยพวกมันไปก่อน ข้าอยากจะรู้นักว่าพวกมันคิดจะก่อความวุ่นวายเรื่องใดขึ้นมาอีก"
"ทูลฝ่าบาท มิเช่นนั้นเราควรอภิเษกธิดาของเยี่ยนอ๋องกับเย่ว์อ๋องเข้ามาเป็นพระสนมดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่ดี พวกนางคงคิดสอดส่องหาทางส่งข่าวไปบอกบิดาของพวกนางเป็นแน่ เจ้านี่ช่างโง่เสียจริง!!! เป็นขุนนางมาหลายปี กลับคิดชักศึกเข้าบ้าน ลากไปโบยห้าสิบไม้!!!"
"ฝ่าบาท!"
"ไสหัวไป!!!"
เขาคร้านจะสนใจขุนนางโง่งมเหล่านี้เสียแล้ว จึงยกเลิกการประชุมไปเสียกลางคัน ราชเลขาที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบตามไปทันที
"ฝ่าบาท"
"มีสิ่งใดอีก?"
"คืนนี้จะต้องทรงร่วมพิธีสรงน้ำกับฮองเฮานะพ่ะย่ะค่ะ"
อวิ๋นซีเฉินขมวดคิ้วมุ่น เขาลืมไปเสียสนิทเลย ที่ต้าเทียนจะมีพิธีศักดิ์สิทธิ์หลังจากฮ่องเต้และฮองเฮาอภิเษกสมรสกันแล้ว นั่นคือพิธีสรงน้ำร่วมอ่างเดียวกัน
พิธีสรงน้ำนี้ มีเพียงฮองเฮาผู้เป็นภรรยาเอกเท่านั้นที่จะสามารถร่วมพิธีได้ ภายในสระน้ำจะมีดอกไม้หลากชนิดโรยเอาไว้ส่งกลิ่นหอมสดชื่น ทั้งสองจะต้องแช่น้ำร่วมกันเป็นเวลาครึ่งชั่วยามท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องแสงนวลสว่าง เพื่อให้เทพสวรรค์เป็นพยานว่าทั้งสองจะครองคู่กันชั่วนิรันดร์และร่วมกันปกครองบ้านเมืองให้สงบสุข
อวิ๋นซีเฉินยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก เขาหาทางเอาคืนนางได้แล้ว ให้นางแช่น้ำทั้งคืนจนหนาวตายคงจะสะใจดีไม่น้อย
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงสั่งให้ราชเลขาไปจัดการพิธีให้เรียบร้อย
สวีเหลียนฮวาที่ได้ยินขันทีมาแจ้งเรื่องพิธีสรงน้ำในคืนนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก นางพยายามหาทางหลบเขา นางอยากอยู่ในส่วนของนาง แต่เขาก็พยายามหานั่นนี่มาให้นางทำอยู่เรื่อย ๆ
สวีเหลียนฮวาขมวดคิ้วมุ่นพลางครุ่นคิด นางไม่ไว้ใจเขาเสียเลย คนอย่างอวิ๋นซีเฉินเกลียดนางออกปานนั้น เขาย่อมไม่มีวันปล่อยนางแช่น้ำอย่างสงบสุขเป็นแน่
ต้องระวังตัวให้ดี!!!
เวลาผ่านล่วงเลยมาจนถึงเวลาที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า สวีเหลียนฮวาถูกเหล่านางกำนัลแต่งกายให้อย่างประณีต ก่อนจะพานางไปยังพิธีสรงน้ำที่เตรียมเอาไว้
เมื่อมาถึงนางกลับพบว่าอวิ๋นซีเฉินกำลังนั่งอยู่ในสระน้ำ เขาเอนกายพิงศีรษะกับขอบสระและหลับตาไว้ เมื่อได้ยินว่าสวีเหลียนฮวามาแล้ว เขาจึงลืมตาขึ้น
"ยืนบื้ออยู่ทำไม!!! แก้ผ้าแล้วรีบ ๆ ลงมาสิ!!! ข้ามิสนใจเรือนร่างสกปรกของเจ้าหรอก"
เมื่อได้ยินอวิ๋นซีเฉินบอกว่านางต้องแก้ผ้าแช่น้ำร่วมกับเขา ใบหน้าสวยหวานก็พลันแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
บ้าจริง!!! นี่นางต้องแก้ผ้าอาบน้ำร่วมกับคนเป็นโรคประสาทอย่างนั้นหรือ?
"ฮองเฮา จะทรงเลยฤกษ์ดีแล้วนะเพคะ พระองค์"
"ข้ารู้แล้ว"
สวีเหลียนฮวาจึงพยักหน้าให้หลิวหมัวมัวและหลิงเจียวมาช่วยนางถอดเสื้อผ้าออกจนหมด และประคองนางลงไปแช่ในสระน้ำที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้
อวิ๋นซีเฉินหลับตาลงเช่นเดิม ก่อนจะแอบหรี่ตาเพ่งมองนางคราหนึ่ง ทำให้เขาได้เห็นตอนที่นางถอดเสื้อผ้าออกพอดี
ผิวพรรณของนางนวลเนียนและขาวราวหิมะ เอวบางที่คอดเล็ก กับบั้นท้ายที่งอนงามชวนมอง ทำให้เขารู้สึกสั่นสะท้านเกินจะทน ยิ่งได้มองเห็นหน้าอกอวบอิ่มสองเต้าของนางที่มียอดปลายถันสีหวานชวนหลงใหล ก็ยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแดงระเรื่อขึ้นมา
สวีเหลียนฮวาแช่กายลงไปในบ่อน้ำ ตั้งแต่เกิดมานางยังไม่เคยถอดเสื้อผ้าให้ผู้ใดดูเลย น่าอับอายเสียจริง!!!
นางได้กลิ่นหอมของบุปผาหลากหลายชนิดที่ถูกโรยมาในสระน้ำก็รู้สึกดีเหลือเกิน แต่ทว่าในน้ำนี่ช่างเย็นยิ่งนัก
เขาจงใจบังคับให้นางแช่ในน้ำเย็น!!! คนนิสัยไม่ดี
อวิ๋นซีเฉินที่เห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก เขาจะคอยดูว่านางจะทนทานต่อความหนาวเย็นได้หรือไม่ เขาเองมิสะทกสะท้านสิ่งใดอยู่แล้ว เพราะเขาชื่นชอบน้ำเย็น ๆ มาตั้งแต่ยังเด็ก
สวีเหลียนฮวารู้สึกหนาวไม่น้อย แต่นางยังพอทนไหว ทั้งสองนั่งหลบสายตากันไปมาอยู่เช่นนั้น จนผ่านไปครู่หนึ่งสวีเหลียนฮวาก็เหลือบไปเห็นกบตัวสีเขียวขนาดใหญ่ที่กำลังเกาะอยู่ริมขอบสระ!!!
นางกลัวกบ!!!
"ฝ่าบาท!!!"
"เรียกทำไม!!!"
"กบเพคะ!!! หม่อมฉันกลัวกบเพคะ!!!
สวีเหลียนฮวารู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก นางจึงขยับเข้ามาใกล้เขา ก่อนจะจับแขนของเขาเอาไว้แน่น
"ปล่อยข้า!!!"
"ไม่เพคะ!!! มันจ้องหม่อมฉัน!!!"
"แค่กบตัวเดียว!!!"
"ฝ่าบาท!!!"
"โอ๊ะ!!!"
มารดามันเถอะ!!! นางเอานมมาถูหลังข้า!!!
สวีเหลียนฮวาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก นางหลบไปอยู่ด้านหลังของเขา ก่อนจะแนบกายเข้าไปชิดกับแผ่นหลังของอวิ๋นซีเฉิน สองเต้าอวบอิ่มจึงบดเบียดเสียดสีกับแผ่นหลังของเขาทันที
อวิ๋นซีเฉินซู้ดดปากด้วยความเสียวกระสัน แม้เขาจะมิเคยหลับนอนกับสตรีใดมาก่อน แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นบุรุษ มีสตรีมาบดเบียดแนบชิดเช่นนี้เขาจะไม่รู้สึกได้เช่นไร!!!
"อ๊าส์!!! ฝ่าบาท!!!"
"มันไปแล้ว!!! ซี้ดดดด"
"ฝ่าบาททรงส่งเสียงครางทำไมเพคะ!!! หรือว่า!!! กบมัน!!!"
"หุบปาก!!! หน้าอกเจ้าถูไถกับหลังของข้า!!! หน้าไม่อาย!!!"
สวีเหลียนฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบผละออกจากเขาทันที
อวิ๋นซีเฉินจ้องมองนางด้วยแววตาไม่พอใจ สวีเหลียนฮวาที่เห็นเช่นนั้นจึงแสร้งเบือนหน้าหนีไปมองที่อื่นแทน
ก็นางตกใจกบนี่นา!!!
อวิ๋นซีเฉินรู้สึกอยากจับนางกดน้ำอีกสักครา บัดซบ!!! เพราะนางคนเดียว นางทำให้เขาต้องใช้มือรูดชักลำแท่งในน้ำเช่นนี้!!!
เขามองนางไปพลาง มือใหญ่ก็สาวชักลำแท่งที่แข็งชูชันอยู่ใต้น้ำไปพลางด้วยความเสียวกระสัน สวีเหลียนฮวารู้สึกว่าใต้น้ำมีบางอย่างเคลื่อนไหวแต่นางก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก
อวิ๋นซีเฉินพยายามจะทำให้มันเสร็จสมอารมณ์โดยเร็ว แต่ลำแท่งสวรรค์ของเขาก็ช่างแข็งทนนานเสียเหลือเกิน!!!
สตรีต่ำช้า!!! ใครสั่งให้เจ้ารีบขยับหน้าอกออกไปกัน!!!
"ฝ่าบาทเพคะหม่อมฉันหนาวแล้ว!'
"ไม่มีคำสั่งจากข้า เจ้าอย่าหวังจะได้ลุกไปจากสระน้ำแห่งนี้!!!"
"อยากจะแช่ก็ทรงแช่ไปคนเดียวเถอะเพคะ หม่อมฉันขอทูลลา!!!"
"หยุด!!!"
"โอ๊ะ!!! ว้าย!!!"
อวิ๋นซีเฉินกระชากแขนนางให้นั่งลงมาในสระน้ำเช่นเดิม แต่ทว่าสวีเหลียนฮวากลับเซถลามานั่งทับลงบนท่อนขาแกร่งของเขา ลำแท่งแก่นกายใหญ่ยาวที่อ่อนลงแล้วเริ่มกลับมาแข็งชูชันอีกครา ทำให้ท่อนเนื้อท่อนเอ็นนั้นถูไถมาโดนร่องหลืบสวาทของนางเข้าพอดี ยิ่งนางพยายามลุกขึ้นลำแท่งมังกรสวรรค์ก็ยิ่งจ่อมาที่รูสวยของนางมากกว่าเดิม
สวีเหลียนฮวาสะดุ้งเฮือกนางรีบหันไปมองหน้าอวิ๋นซีเฉินทันที เขาเองก็สบตากับนางด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน
แท่งบัดซบ!!! มันไม่เชื่อฟังข้าเลย
"ฝ่าบาทเพคะ!!!"
"ลุกไปสิเจ้าจะรอให้มันเสียบเข้าไปก่อนหรือ? อย่าฝันลม ๆ แล้ง ๆ !!!"
"ฝะ ฝ่าบาท!!!"
"มีสิ่งใดอีก!!!"
"คือว่า!!! ปลายหัวมันทิ่มเข้ามานิดหน่อยเพคะ ฝ่าบาททรงไม่รู้สึกบ้างหรือเพคะ!!! อื้ออ"
อวิ๋นซีเฉิน "..."
สวีเหลียนฮวาทั้งรู้สึกตื่นตระหนกและอับอายเป็นอย่างมาก นางไม่รู้จะทำเช่นไรแล้ว นางควรจะลุกขึ้นดีหรือไม่?แต่อีกใจหนึ่งก็อยากลอง!!!แต่เขานิสัยแย่เช่นนี้ นางทำใจร่วมรักกับเขาไม่ลงจริง ๆ แต่เขามีใบหน้าที่หล่อ นางควรให้อภัยเขาห้าสิบเปอร์เซ็นต์ดีหรือไม่?อวิ๋นซีเฉินเริ่มทำสิ่งใดไม่ถูก มือไม้ของเขามันลนไปหมด มิรู้ว่าจะทำเช่นไรดี! จะดันเข้าไปให้สุดหรือหยุดแค่นี้ดีเล่า?ความรู้สึกบัดซบเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อนเลย สวีเหลียนฮวาใช้สองมือกำขอบสระเอาไว้แน่น นางทั้งเสียวทั้งเจ็บในคราเดียวกัน "ทูลฝ่าบาท/ฮองเฮาสุรามงคลมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!!!"สวีเหลียนฮวารีบรับสุรามาดื่มเข้าไปสองจอก ความร้อนหลั่งรินราดรดลงไปในลำคอบางระหงของนาง ขับให้ใบหน้าสวยแดงซ่าน สวีเหลียนฮวาส่ายหน้าไปมาพลางครุ่นคิด สุราช่างแรงเสียจริง!!!เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงตัดสินใจลุกขึ้นยืน ก่อนจะก้าวเดินออกจากสระ หลิวหมัวมัวและหลิงเจียวที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบนำผ้ามาซับกายให้นางและช่วยนางสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว แม้จะนึกเสียดายไม่น้อย แต่ทว่ายามนี้มีทั้งขันทีและนางกำนัลเฝ้ามองอยู่มากมาย น่าอายจะตายไป!!!อวิ๋นซีเฉินกัดฟันกรอด สตรีต่ำช้
สวีเหลียนฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่กังวานหวานใส ก่อนจะครอบริมฝีปากกลืนกินลำแท่งเอ็นร้อนของเขาจนมิดลำ นางขยับศีรษะขึ้นลงอย่างรวดเร็วและถี่ระรัว อวิ๋นซีเฉินที่ถูกกระทำเช่นนั้นก็ส่งเสียงครวญครางดังลั่นตำหนักอย่างห้ามไม่อยู่ มือหนาใหญ่จับผ้าปูเตียงเอาไว้แน่น สวีเหลียนฮวาเองก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ท่อนเนื้อท่อนเอ็นของเขามันใหญ่คับปากนางเสียจริง อ๊อก อ๊อก "อ๊าส์!!! ข้าจะไม่ไหวแล้ว!!!"สวีเหลียนฮวายิ่งเร่งจังหวะให้ถี่เร่ามากยิ่งขึ้น นางขยับศีรษะขึ้นลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ร่างของอวิ๋นซีเฉินบิดเกร็งสั่นสะท้าน ก่อนจะปล่อยน้ำกามสีขาวขุ่นเข้าไปในโพรงปากสวยของนางจนมันเอ่อล้นทะลักออกมาตามริมฝีปากสวย "รสชาติดียิ่งนักเพคะ!"นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ชื่นชม ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาด้วยความหวานหยาดเยิ้มราวกับคนไร้สติ "ข้าจะกลับตำหนัก!!!'เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไร้เรี่ยวแรง ร่างกายรู้สึกอ่อนล้าไปหมด "ไม่ได้!!! หม่อมฉันยังไม่พอใจเพคะ!!!""อย่า!!! อ๊าส์! ซี้ดดด!!!"สวีเหลียนฮวาจับลำแท่งแก่นกายของเขามาจ่อที่ปากรูสวยของนาง แล้วจึงบดเบียดเข้าไปจนมิดลำ มีเสียงดังกึกคราหนึ่ง นางแทบจะน้ำตาไหลอาบแก้ม เจ็บ!!! นางใ
อวิ๋นซีเฉินรู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมาก ความรู้สึกของเขาในตอนนี้มันมีทั้งความสับสนและกังวลอยู่ในคราเดียวกัน เขามิได้ชื่นชอบสวีเหลียนฮวา แต่ทว่าเขาเองกลับไม่ได้โหยหาที่จะพบเจอกับสวีหลานฮวาเหมือนเช่นแต่ก่อน นี่มันเกิดสิ่งใดขึ้นกับเขากันแน่!!!อวิ๋นซีเฉินครุ่นคิดเท่าใดก็คิดไม่ออก เขาจึงจัดการเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่และไปประชุมเช้าที่ท้องพระโรงทันที เหล่าขุนนางต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยเขาด้วยความร้อนรน แต่ไหนแต่ไรมาฮ่องเต้พระองค์นี้ก็ทรงชอบทำตามใจตนเองอีกทั้งเจ้าอารมณ์มาแต่ไหนแต่ไร "ฝ่าบาทเสด็จ!!!""ถวายพระพรฝ่าบาท!!!"อวิ๋นซีเฉินพยักหน้าเพียงเล็กน้อย ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่บัลลังก์มังกรอย่างสง่างาม เขายื่นมือไปหยิบฎีกาบนโต๊ะมาอ่านอย่างไม่รีบไม่ร้อน ต้าเทียนในยามนี้ ไม่มีฎีการ้องเรียนเหล่าขุนนางจากราษฎรเท่าใดนัก ตั้งแต่เขาขึ้นครองบัลลังก์มังกร ก็ตัดรากถอนโคนเหล่าขุนนางที่คิดคดโกงกินบ้านเมืองออกไปหลายคน ต้าเทียนจึงอยู่อย่างสงบตั้งแต่เขาได้เป็นฮ่องเต้ "ทูลฝ่าบาท เหล่าขุนนางลงความเห็นกันว่า การล่าสัตว์ที่หางโจวในปีนี้ ควรจะเลื่อนออกไปก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?""เหตุใดจึงต้องเลื่อน?""ทูลฝ่าบา
อวิ๋นซีเฉินรู้สึกคับแค้นใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะนางคนเดียวที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนเช่นนี้!!!"ต่ำช้า!!! ข้าเกลียดเจ้านัก ซี้ดดดด!!!"ปากก็ก่นด่านางอย่างไม่หยุดหย่อน มือหยาบกร้านก็สาวชักรูดลำแท่งเอ็นร้อนขึ้นลงอย่างถี่ระรัว เขาส่งเสียงครวญครางด้วยความสุขสม ไม่นานนักน้ำกามสีขาวขุ่นก็ไหลล้นทะลักออกมาจนเลอะเทอะเต็มมือของเขาไปหมด อวิ๋นซีเฉินขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ เหตุใดข้าจึงต้องทำเช่นนี้ด้วย!!! ในเมื่อนางคิดข่มเหงจิตใจข้า ข้าก็จะเอาคืนนางให้สาสม!!!เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะยื่นมือไปที่หน้าต่างและสลัดคราบน้ำรักของเขาทิ้งออกไปเสีย ราชเลขาที่เดินผ่านมาพอดี จึงถูกน้ำกามของอวิ๋นซีเฉินกระเด็นเข้ามาโดนใบหน้าเข้าอย่างจัง"บัดซบ!!! ใครถุยโจ๊กเนื้ออีกแล้ว!!! ข้าจะทูลฟ้องต่อฝ่าบาท!!!"ด้านสวีเหลียนฮวาที่อยู่แต่ในตำหนักก็รู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก นางจึงออกมาเดินเล่นที่ริมสระน้ำเพื่อผ่อนคลายเล็กน้อย วันนี้อากาศค่อนข้างดียิ่งนัก นางจึงเดินเล่นได้อย่างไม่รู้สึกร้อนเท่าใดนัก ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะทอดสายตามองลงไปที่สระน้ำ
สวีเหลียนฮวาหลับตาลงและไม่สนใจอวิ๋นซีเฉินอีก แต่ทว่านางกลับรู้สึกหลับไม่สนิทเอาเสียเลย ใจของนางมันสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก อวิ๋นซีเฉินเองก็ข่มตาหลับไม่ลงเช่นกัน หลายต่อหลายคราที่เขาเหลือบมองนาง แต่ทว่านางกลับนอนหันหลังให้เขาอย่างไม่ใส่ใจ มือหนาใหญ่ค่อย ๆ ยื่นออกไปหวังจะจับร่างบางระหงที่นอนอยู่ข้างกาย แต่ทว่าเขากลับชักมือกลับมาที่เดิมเสียหลายครั้ง ความรู้สึกแปลกประหลาดนี้มันคือสิ่งใดกัน? มันแตกต่างจากความรู้สึกที่เขามีต่อสวีหลานฮวาเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่านางไม่ใส่ใจเขา เขาเองก็คร้านที่จะหาเรื่องทะเลาะกับนางอีก จึงพยายามข่มตาหลับไปเสีย เวลาผ่านล่วงเลยไปหลายวัน จนถึงเวลาที่อวิ๋นซีเฉินต้องออกเดินทางไปล่าสัตว์ที่หางโจว เขาสั่งให้เหล่าทหารองครักษ์เตรียมตัวให้พร้อม อีกทั้งยังสั่งคนให้จัดเตรียมเสบียงอาหารไปให้ครบถ้วนอีกด้วยสวีเหลียนฮวาเปลี่ยนใจที่จะไม่ไปล่าสัตว์ในครั้งนี้ด้วย เพราะนางมิอยากพบเจออวิ๋นซีเฉินให้รำคาญใจ แต่ทว่านางอยากออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้าง จึงยอมติดตามเขาไปด้วย เขาเองก็หาทางบีบบังคับนางให้ตามเขาไปเช่นกัน"ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงรับสั่งว่าให้พระองค์ประทับในรถม้าที่ทาง
สวีเหลียนฮวาลุกขึ้นมานั่งจัดเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนเองให้เข้าที่เข้าทาง ใบหน้างามแดงระเรื่อด้วยความเขินอายอย่างที่สุด อวิ๋นซีเฉินที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าหล่อเหลาฉาบไปด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจที่แสนสุข บัดซบ!!! ข้ายิ้มหรือ ข้าหยุดยิ้มไม่ได้ มันเป็นเพราะเหตุใดกัน!!! "อีกเดี๋ยวคงจะถึงหางโจวแล้ว เจ้าเตรียมตัวไว้ด้วยเล่า""เพคะ"สวีเหลียนฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะนั่งพิงกายกับขอบหน้าต่างและผล็อยหลับไป อวิ๋นซีเฉินหรี่ตามองนางเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านางหลับสนิทดีแล้ว เขาจึงจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ช่วงล่างของตนเองออกเล็กน้อย เผยให้เห็นลำแท่งแก่นกายอวบยาวใหญ่ที่แสนเย้ายวนชวนมอง มือหนาใหญ่สาวชักลำแท่งเอ็นร้อนขึ้นลงอย่างรวดเร็วและถี่เร่า ต้องรีบทำให้เสร็จ ๆ ก่อนที่นางจะตื่นขึ้นมาเห็น!!!ด้านสวีเหลียนฮวานั้น แท้จริงแล้วนางมิได้หลับเลยด้วยซ้ำ ดวงตาคู่สวยแอบลืมตาขึ้นมาดูเขาครู่หนึ่ง อุ๊ย!!! ใหญ่เสียจริง เหตุใดเขาจึงไม่ยัดมันเข้ามาในกายนางกันเล่า หึ!!!เมืองหางโจว ขบวนล่าสัตว์เดินทางมาถึงหางโจวในช่วงบ่ายของวันนั้น อวิ๋นซีเฉินเดินลงจากรถม้าไปก่อน แล้วจึงหันกลับมายื่นมือหยาบกร้าน
อวิ๋นซีเฉินพาสวีเหลียนฮวากลับมาที่กระโจมอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมฉายแววเย็นชาเล็กน้อย เขารับรู้ได้ถึงการหลบซ่อนตัวของใครบางคนที่น้ำตกแห่งนั้น แต่ยังไม่แน่ใจเท่าใดนักว่ามันคือใครกันแน่ "หานเยียน!!!""พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!!!""สั่งการลงไปให้องครักษ์คุ้มกันโดยรอบอย่างแน่นหนา อย่าให้มีจุดบกพร่องแม้แต่น้อย พวกเราเดินทางออกมานอกเขตวังหลวงเช่นนี้ ย่อมมีอันตรายที่มองไม่เห็น ระวังไว้ก่อนย่อมดีกว่า""น้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ"หานเยียนน้อมรับคำสั่งของเขาอย่างจงรักภักดี เขาคือรองแม่ทัพแห่งต้าเทียน อีกทั้งยังเป็นสหายสนิทกันอีกด้วย หานเยียนร่วมรบต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับอวิ๋นซีเฉินมาตั้งแต่เข้าร่วมกองทัพต่อสู้กับกบฏเมื่อหลายปีก่อน อีกทั้งยังใช้ชีวิตอยู่ในค่ายทหารร่วมกันตั้งแต่อายุสิบห้าปีสวีเหลียนฮวาในยามเมื่อสวมเสื้อผ้าอาภรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้วนางก็ขมวดคิ้วมุ่น ตอนที่นางอาบน้ำอยู่ที่น้ำตก นางรู้สึกเหมือนมีคนแอบมองอยู่ ด้วยสัญชาตญาณที่ระแวดระวังของนางจึงทำให้นางหยุดอาบน้ำเสีย ก่อนจะนอนพิงโขดหินเพื่อฟังเสียงต่าง ๆ รอบกาย แต่ทว่าอวิ๋นซีเฉินกลับเข้ามาหานางเสียก่อน อวิ๋นซีเฉินเดินกลับเข้ามาในกระโจมก็เห็นว่านาง
อวิ๋นเสวี่ยเฟยออกคำสั่งออกไปด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม พร้อมกับใช้สายตาระแวดระวังมองไปโดยรอบ เหล่าองครักษ์ต่างรีบรุดหน้าเข้าประจำที่เพื่อคอยคุ้มกันอวิ๋นซีเฉินและสวีเหลียนฮวา ธนูพุ่งตรงมาเพียงดอกเดียว ก่อนจะเงียบหายไปอย่างไร้ร่องรอยอวิ๋นซีเฉินหันไปมองสวีเหลียนฮวาคราหนึ่ง ก็พบว่านางกำลังใช้สายตาสอดส่องมองไปโดยรอบ คิ้วสวยได้รูปขมวดมุ่น นางเอียงศีรษะฟังเสียงรอบด้านอย่างไม่ลดละ ทำให้เขาอดที่จะมองนางใหม่ไม่ได้ เมื่อครู่นางช่วยเขาเช่นนั้นหรือ? สวีเหลียนฮวากระโดดลงจากหลังม้า ก่อนจะยอบกายลงและแนบใบหน้าสวยลงกับพื้นดิน อวิ๋นซีเฉินและอวิ๋นเสวี่ยเฟยที่ได้เห็นเช่นนั้นก็อดที่จะเอ่ยถามนางขึ้นมาไม่ได้ "เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่?""ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันได้ยินเสียงฝีเท้าคนเพคะ ไม่น่าจะอยู่ไกลเท่าใดนัก ฟังจากเสียงฝีเท้าที่ได้ยินในตอนนี้ น่าจะมากันหลายร้อยคนเพคะ""เจ้ารู้ได้เช่นไร เพียงแค่ฟังจากพื้นดินน่ะหรือ?"สวีเหลียนฮวาไม่รู้ว่าจะอธิบายเช่นไรให้เขาเข้าใจดี หากจะบอกเขาว่านางมีประสาทสัมผัสทางหูที่ดีเยี่ยมมาตั้งแต่เกิด เขาจะยอมเชื่อนางหรือไม่?ตั้งแต่อายุห้าขวบพอนางจำความได้ ก็พบว่าตนเองมีประสาทสัมผัสทางหูที
สวีเหลียนฮวากลับมาถึงต้าเทียนได้หลายวันแล้ว ยามนี้ท่านแม่ทัพใหญ่สวีที่รู้สึกผิดต่อบุตรสาวก็พยายามมาขอพบนางที่ตำหนักเฟิ่งหวง แต่สวีเหลียนฮวากลับไม่ยอมให้เขาเข้าพบเลยสักครั้งนางมิใช่สวีเหลียนฮวาคนเก่า และนางรู้ดีว่านี่คือความตั้งใจของสวีเหลียนฮวาที่ตายไปแล้ว บิดาผู้นี้ไม่เคยเห็นนางเป็นบุตรสาว เพราะนางอ่อนแอ และสู้สวีหลานฮวาไม่ได้ อีกทั้งตอนที่นางหนีไปจากต้าเทียน หลิงเจียวได้เล่าให้นางฟังว่า แม่ทัพใหญ่สวีโกรธนางมาก ถึงกับมาทูลต่อไท่ซังหวงว่านางคือความอับอายของตระกูลสวี ไท่ซังหวงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงต่อว่าแม่ทัพใหญ่สวีไปเสียยกใหญ่ อีกทั้งยังบอกอีกด้วยว่า หากไม่เห็นนางเป็นบุตรสาว ก็ไม่เป็นไร พระองค์พึงใจสะใภ้ผู้นี้ ใครก็อย่าได้คิดมาต่อว่านางเป็นอันขาดเช่นนั้นนางเองก็จะไม่ขอพบเจอกับบิดาเช่นนี้อีก แม้จะไม่ได้เกลียด แต่การไม่พบกันย่อมจะเป็นเรื่องที่ดีเสียมากกว่าด้านจิ้งกุ้ยเฟยก็ได้ออกจากวังหลวงไปแต่งกับบัณฑิตตระกูลโจว ชีวิตของนางดูจะมีความสุขเป็นอย่างมาก มีหลายคราที่นางแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนสวีเหลียนฮวาถึงในวังหลวงอยู่หลายครั้ง อีกทั้งยังบอกอีกด้วยว่าสามียอดรักของนางนั้น 'ยาว' ถูกใจนางเพียงใ
ท้ายที่สุดสวีเหลียนฮวาก็ต้องปิดร้านบะหมี่ไปก่อน นางนั่งมองอวิ๋นซีเฉินที่เดินไปเก็บร้าน ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหานาง พร้อมกับจ้องมองนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก สวีเหลียนฮวาที่เห็นเช่นนั้น จึงถลึงตามองเขาทันที "มองข้าทำไม?""เหลียนฮวา เจ้ายอมคืนดีกับข้าเถิดนะ""ไม่!!! เจ้ามันคนนิสัยไม่ดี ชอบข่มเหงจิตใจข้า!""ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว ข้ายอมเจ้าแล้ว เอาเถิด ข้าจะรอจนกว่าเจ้าจะยอมใจอ่อนนะ""ไม่..."ยังไม่ทันที่สวีเหลียนฮวาจะเอ่ยสิ่งใดต่อ ดวงตาคู่สวยของนางก็เหลือบลงไปที่หว่างขาของอวิ๋นซีเฉิน คงเพราะเขาไม่ทันระวังตอนที่กระทืบชายผู้นั้น ทำให้เป้ากางเกงของเขาขาดออกเป็นวงกว้าง เผยให้เห็นลำแท่งเอ็นร้อนขนาดใหญ่ที่โผล่ออกมาท้าทายสายตาของนาง สวีเหลียนฮวาลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ คล้าย ๆ กับว่ามันจะใหญ่ขึ้นใช่หรือไม่? นางไม่ได้กินมันมานานแล้วด้วย?ให้ตายเถอะ!!! นางคิดสิ่งใดอยู่กันแน่!!! "ข้าจะไปอาบน้ำแล้ว"สวีเหลียนฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินหนีเขาไปอาบน้ำทันที ยามค่ำคืนมาเยือน เพราะที่นี่คือแคว้นที่อยู่ในป่า จึงค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงเสียงจากสัตว์ป่าดังแว่วมาในบางคราเท่านั้น เหล่าชาวบ้านต่างเข้านอนกันหมดแ
ผู้นำแคว้นม่อเป่ยรีบวิ่งหนีไปทันทีอย่างไม่รีรอ อวิ๋นซีเฉินจึงหันไปมองเสิ่นเหยาและหานเยียนเล็กน้อย "เรียบร้อยดีหรือไม่?""อาเฉิน ทางนั้นเรียบร้อยดี เจ้าจะกลับต้าเทียนเมื่อใด?""ยังไม่มีกำหนด เจ้ากลับไปกราบทูลเสด็จพ่อเสียก่อน ว่าข้าจะพาเหลียนฮวากลับไปด้วย""นางยังมิยอมกลับหรือ?""ยัง แต่อีกไม่นานหรอก""ตกลง ข้าจะกลับไปรายงานไท่ซังหวงที่ต้าเทียนเสียก่อน แล้วจะกลับมาหาเจ้าอีกครา ส่วนศพของอวิ๋นเสวี่ยเฟยข้าโยนทิ้งเป็นอาหารสัตว์ป่าไปแล้ว""อืม ดีมาก! นำศีรษะมันไปเสียบประจานที่หน้าประตูเมืองต้าเทียนด้วย ส่วนเจ้าเสิ่นเหยา ข้าขอบใจเจ้ามาก""กระหม่อมมิกล้ารับพ่ะย่ะค่ะ เป็นเพราะความเมตตาของฝ่าบาท กระหม่อมจึงสามารถล้างแค้นให้ตระกูลเสิ่นได้"เมื่อเอ่ยวาจากันจนเข้าใจแล้ว เสิ่นเหยาและหานเยียนจึงขอตัวลากลับทันที อวิ๋นซีเฉินมุ่งหน้ากลับมาที่บ้านของสวีเหลียนฮวา ก่อนจะเอ่ยเรียกนาง "เหลียนฮวา""มีอะไร?""ข้านำอาหารมาเผื่อเจ้าด้วย เจ้าออกมากินเสียหน่อยเถิด""ไม่ ข้าจะนอนแล้ว"สวีเหลียนฮวาเอ่ยปฏิเสธเพียงเท่านั้น ก่อนจะดับแสงเทียนในห้องลงทันที อวิ๋นซีเฉินก้มหน้างุดด้วยความเหนื่อยล้า เขาเอนกายพิงที่เสาไม้ตร
สวีเหลียนฮวาที่เห็นว่าหมดหน้าที่ของตนเองแล้ว จึงหันหลังเพื่อจะกลับไปที่แคว้นม่อเป่ยทันที "อาเฉิน""พวกเจ้าจัดการเก็บกวาดแคว้นฉินให้เรียบร้อย สังหารให้หมดสิ้น ส่วนชาวบ้านบริสุทธิ์ก็อย่าเข่นฆ่าให้พวกเขาหวาดกลัว""เจ้าจะไปที่ใด?""อาเยียน ข้าจะไปตามหัวใจของข้ากลับคืน"อวิ๋นซีเฉินเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะมุ่งหน้าติดตามสวีเหลียนฮวาไปทันที สวีเหลียนฮวาที่เห็นว่าเขาติดตามนางมาด้วยก็รีบเร่งฝีเท้าให้เร็วมากกว่าเดิม นางไม่อยากเจอหน้าเขาอีก แต่ทว่าอีกใจหนึ่งนางก็แอบดีใจที่เห็นว่าเขาปลอดภัยดี "เหลียนฮวา""ตามมาทำไมเพคะ?""เหลียนฮวา อยู่ที่นี่ข้ามิใช่ฝ่าบาท แต่ข้าเป็นอาเฉินของเจ้า""ของหม่อมฉันหรือ?""อย่าเอ่ยวาจาห่างเหินกับข้าเช่นนี้เลย""ไม่พอใจก็ไสหัวไปเสีย!!! ข้าขอให้เจ้ามาตามข้าหรืออย่างไรกัน!!!"สวีเหลียนฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะสะบัดหน้าหนีเขาและเดินจากไปทันที อวิ๋นซีเฉินเองก็ไม่ยอมลดละ เขายังคงตามนางจนเข้าสู่แคว้นม่อเป่ย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มองดูแคว้นม่อเป่ยอย่างชัดเจน ที่นี่มีทั้งอากาศที่บริสุทธิ์ และอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติที่จรรโลงใจ เดินตามนางมาได้ครู่หนึ่ง ก่อนจะพบกับบ้
อวิ๋นซีเฉินส่งคนออกไปตามหาสวีเหลียนฮวาอย่างไม่ยอมลดละ แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววของนาง เขานึกโกรธเกลียดตนเองในใจเป็นอย่างยิ่ง ที่คืนนั้นเขาคลาดสายตาจากนางและยังพูดจากระทบกระเทือนจิตใจของนางอีก ยามนี้เขาเข้าใจแล้ว ว่าหากไม่มีนางคอยอยู่ข้างกาย เขาเองก็ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป เรื่องของหัวใจก็ช่างหนักหนาสาหัส เรื่องของฉินอ๋องก็ประเดประดังเข้ามาอย่างรวดเร็ว อวิ๋นเสวี่ยเฟยส่งคนมาสอดแนมที่ต้าเทียน และให้ลอบสังหารเสิ่นเหยาเสีย เสิ่นเหยาคือผู้ที่จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้ เนื่องจากมันล่วงรู้ความเป็นไปของแคว้นฉินเป็นอย่างดี อวิ๋นเสวี่ยเฟยรู้ว่าสวีเหลียนฮวาได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขายกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก เช่นนี้ก็ดีแล้ว เขาจะได้สังหารอวิ๋นซีเฉินให้ตกตายไปเสีย และตามล่าหาตัวนางมาเป็นนางบำเรอของเขา เขาชื่นชอบนางเป็นอย่างมาก นางทั้งงดงามและเก่งกาจกว่าสตรีใดในใต้หล้า หากเขาได้นางมาครอบครอง ย่อมต้องเป็นเรื่องดีแต่ทว่าหน่วยสอดแนมของอวิ๋นเสวี่ยเฟยก็ถูกอวิ๋นซีเฉินจับได้ในเวลาต่อมา และถูกเขาสังหารทิ้งทันที พร้อมกับส่งหัวของหน่วยสอดแนมผู้นั้นกลับไปให้อวิ๋นเสวี่ยเฟยที่แคว้นฉิน อวิ๋นเสวี่ยเฟยโกรธแค้นเป็นอย
ด้านเสิ่นเหยานั้น เขาต่อสู้กับฉินอ๋องอย่างเอาเป็นเอาตาย ด้วยเพราะเขาเก่งทั้งด้านบุ๋นและด้านบู๊ จึงสามารถรอดตายมาได้อย่างเหลือเชื่อ เขาพาร่างที่โชกเลือดโซซัดโซเซมาถึงต้าเทียนอย่างยากลำบาก เดิมทีเหล่าทหารที่เฝ้าเวรยามหน้าประตูไม่ยอมให้เขาเข้าไปในต้าเทียนได้ แต่ทว่าอวิ๋นซีเฉินและหานเยียนกลับมาถึงต้าเทียนพอดี จึงได้พบกับเสิ่นเหยา ก่อนจะพาเขาเข้ามารักษาตัวในวังหลวง สวีหลานฮวาที่ได้รู้ข่าวว่าเสิ่นเหยายังไม่ตาย นางจึงรีบวิ่งเข้ามาหาเขาที่ตำหนักมังกรสวรรค์ทันที ภาพที่นางเห็นคือเสิ่นเหยาบาดเจ็บสาหัส ร่างกายของเขาโชกไปด้วยเชือด สวีหลานฮวาทนไม่ไหวจนต้องปล่อยโฮออกมา "เสิ่นเหยา ท่านห้ามตายนะ ฮึก อย่าตายนะ""หลานฮวา""ข้าตั้งครรภ์ลูกของท่าน ข้าตั้งครรภ์แล้วเสิ่นเหยา"เสิ่นเหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขาพยายามเอื้อมมือไปจับใบหน้าของนางด้วยความยากลำบาก "หลาน ฮวา""ฮือออ ท่านต้องอยู่กับข้านะ!!!"อวิ๋นซีเฉินสั่งให้ตามหมอหลวงมารักษาเขาอย่างเร่งด่วน เสิ่นเหยาเจ็บหนักปางตาย แต่ยังดิ้นรนมาถึงต้าเทียนเพื่อพบกับคนรักของเขา อวิ๋นซีเฉินที่ได้เห็นเช่นนั้นก็อดชื่นชมไม่ได้ "เจ้าก็อยู่เฝ้าสามีเจ้
สวีเหลียนฮวาและสวีหลานฮวาเอ่ยเล่าเรื่องราวของกันและกันจนถึงรุ่งเช้า ทั้งสองพี่น้องต่างยิ้มแย้มแจ่มใส และดีใจที่ได้กลับมาพบกันอีกครา "ข้าขอให้สามีของเจ้าปลอดภัยนะหลานฮวา""เจ้าค่ะ ข้าก็ขอให้เป็นเช่นนั้น หากเขาตายจากข้าไป ชีวิตนี้ของข้าจะไม่ขอมีสามีอีก ข้าจะบวชชีอยู่ที่วัดบนเขาไปชั่วชีวิตเจ้าค่ะ"สองวันต่อมา อวิ๋นซีเฉินกับหานเยียน ออกเดินทางไปที่แคว้นเยี่ยนและแคว้นเย่ว์ในทันที ทางวังหลวงแห่งนี้นั้น เขาสั่งให้สวีเหลียนฮวาคอยรักษาการแทนเขาไปก่อนอวิ๋นซีเฉินควบม้าห้อตะบึงไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดพัก จนกระทั่งไปถึงที่แคว้นเยี่ยนและแคว้นเย่ว์ ซึ่งมีทางเชื่อมต่อกันได้ เย่ว์อ๋องและเยี่ยนอ๋องที่ทราบว่าฝ่าบาททรงเสด็จมา จึงรีบออกมาทำการต้อนรับอย่างเร่งด่วน "ถวายพระพรฝ่าบาท""ไม่ต้องมากพิธี ข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษาพวกท่านเสียหน่อย""ทูลเชิญฝ่าบาทที่ตำหนักเยี่ยนอ๋องของกระหม่อมก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ""อืม"อวิ๋นซีเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปที่ตำหนักของเยี่ยนอ๋องทันที แคว้นเยี่ยนเป็นแคว้นที่อยู่ติดทะเลทราย จึงค่อนข้างแห้งแล้งไปบ้าง ต่างจากแคว้นเย่ว์ ที่อยู่ติดกับภูเขาจึงทำให้อากาศเย็นชื้นตลอด
อวิ๋นซีเฉินเดินเข้ามาในตำหนักเฟิ่งหวง ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น เมื่อพบว่าภายในตำหนักช่างเงียบเชียบ ไร้เสียงหัวเราะกังวานสดใสของสวีเหลียนฮวาเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับนางที่กำลังนั่งอยู่ริมหน้าต่าง โดยมีเปาจื่อกอดเอาไว้แนบอก "เหลียนฮวา"สวีเหลียนฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันไปมองอวิ๋นซีเฉินทันที นางเก็บแววตาที่เศร้าโศกซ่อนเอาไว้ไม่ให้เขามองเห็น ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขาอย่างไม่รีบไม่ร้อน "หลานฮวาเล่าเพคะ?'"ถามทำไมกัน นางก็อยู่ในตำหนักที่ข้าจัดเอาไว้ให้สิ"อวิ๋นซีเฉินเอ่ยตอบด้วยความสงสัย จะทำหน้าเหมือนใกล้ตายเช่นนี้ไปทำไมกัน เขาไม่ได้ฆ่าน้องสาวของนางเสียหน่อย เพียงให้สวีหลานฮวาหลบซ่อนตัวอยู่ในวังหลวงรอจนสถานการณ์คลี่คลายก็เท่านั้น สวีเหลียนฮวาพยักหน้าเล็กน้อย ในใจนึกก่นด่าตนเองที่ไม่สมควรไปถามเขาเลยด้วยซ้ำ สวีหลานฮวาเป็นคนรักของเขา อวิ๋นซีเฉินย่อมไม่มีทางยอมปล่อยนางให้หนีไปอีกเป็นแน่ "ฝ่าบาทเพคะ?""หืม?""หม่อมฉันจะกลับไปอยู่ที่จวนตระกูลสวีเพคะ ฝ่าบาทจะได้ไม่ต้องทรงลำบากพระทัยอีก"อวิ๋นซีเฉินจ้องมองสวีเหลียนฮวาด้วยแววตาที่เย็นชา "นี่เจ้าเป็นอะไรไปอีก? เราเคยพูดคุยกันเรื่องนี้ไปแ
ภายในตำหนักมังกรสวรรค์ อวิ๋นซีเฉินจ้องมองสวีหลานฮวาอย่างไม่ละสายตา ตั้งแต่ได้พบนางอีกครา เขาก็เดินเข้าไปจับแขนของนางและพานางเข้ามาในตำหนักมังกรสวรรค์ โดยสั่งห้ามไม่ให้ผู้อื่นเข้ามา ไม่เว้นแม้แต่สวีเหลียนฮวา สวีหลานฮวาจ้องมองอวิ๋นซีเฉินด้วยแววตาที่ว่างเปล่า นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นใบหน้าของเขาชัดเจนเช่นนี้ แต่อย่างไรเสียคนที่นางรักมีเพียงเสิ่นเหยาผู้เดียวเท่านั้น!"หลานฮวา""เพคะฝ่าบาท""เจ้าหนีข้าไปทำไมกัน?"อวิ๋นซีเฉินจ้องมองนางราวกับจะคาดคั้นเอาคำตอบ สวีหลานฮวาเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาอย่างไม่ลดละเช่นกัน เขารู้สึกว่าการได้เผชิญหน้ากับนางตรง ๆ เช่นนี้ ไม่ได้ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหวและโหยหานางมากเหมือนเช่นที่เขาคิดเอาไว้ เขาเพียงต้องการฟังคำตอบที่ยังคาใจจากนางก็เพียงเท่านั้น "ตอบข้า""หม่อมฉันมิได้รักฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันมีคนรักอยู่แล้ว ขอฝ่าบาททรงอภัยด้วย"อวิ๋นซีเฉินพยักหน้าเล็กน้อย นับว่านางยังกล้าเอ่ยความจริงไม่คิดปิดบังเขา เขาไม่ได้มีความรู้สึกโกรธแค้นนางเช่นในวันวาน กลับเป็นความรู้สึกอื่นที่เข้ามาแทนที่ แม้นางจะมีใบหน้าเดียวกันกับสวีเหลียนฮวา แต่นางมิ