สวีเหลียนฮวาทั้งรู้สึกตื่นตระหนกและอับอายเป็นอย่างมาก นางไม่รู้จะทำเช่นไรแล้ว นางควรจะลุกขึ้นดีหรือไม่?
แต่อีกใจหนึ่งก็อยากลอง!!!
แต่เขานิสัยแย่เช่นนี้ นางทำใจร่วมรักกับเขาไม่ลงจริง ๆ แต่เขามีใบหน้าที่หล่อ นางควรให้อภัยเขาห้าสิบเปอร์เซ็นต์ดีหรือไม่?
อวิ๋นซีเฉินเริ่มทำสิ่งใดไม่ถูก มือไม้ของเขามันลนไปหมด มิรู้ว่าจะทำเช่นไรดี!
จะดันเข้าไปให้สุดหรือหยุดแค่นี้ดีเล่า?
ความรู้สึกบัดซบเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อนเลย
สวีเหลียนฮวาใช้สองมือกำขอบสระเอาไว้แน่น นางทั้งเสียวทั้งเจ็บในคราเดียวกัน
"ทูลฝ่าบาท/ฮองเฮาสุรามงคลมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!!!"
สวีเหลียนฮวารีบรับสุรามาดื่มเข้าไปสองจอก ความร้อนหลั่งรินราดรดลงไปในลำคอบางระหงของนาง ขับให้ใบหน้าสวยแดงซ่าน สวีเหลียนฮวาส่ายหน้าไปมาพลางครุ่นคิด
สุราช่างแรงเสียจริง!!!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงตัดสินใจลุกขึ้นยืน ก่อนจะก้าวเดินออกจากสระ หลิวหมัวมัวและหลิงเจียวที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบนำผ้ามาซับกายให้นางและช่วยนางสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
แม้จะนึกเสียดายไม่น้อย แต่ทว่ายามนี้มีทั้งขันทีและนางกำนัลเฝ้ามองอยู่มากมาย น่าอายจะตายไป!!!
อวิ๋นซีเฉินกัดฟันกรอด สตรีต่ำช้าผู้นี้คิดจะไปก็ไปอย่างนั้นหรือ?
เดี๋ยวก่อน!!! เข้าไปแค่ปลายหัวเช่นนี้ ก็แปลว่าเขาตกเป็นสามีของนางแล้วเช่นนั้นหรือ!!!
ไม่จริง!!! เข้าแค่หัวก็เสียตัวแล้วหรือ?
"ทูลฝ่าบาท พิธีสรงน้ำเสร็จสิ้นแล้ว เชิญประทับที่ตำหนักเฟิ่งหวงพ่ะย่ะค่ะ"
อวิ๋นซีเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะลุกจากสระน้ำและจัดการให้ราชเลขาสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ให้เขา เดิมทีเขามิคิดจะไปนอนที่ตำหนักของนาง แต่ต้าเทียนเชื่อเรื่องของเทพสวรรค์เป็นอย่างมาก เขาจึงมิอาจขัดพิธีเช่นนี้ไปได้
สวีเหลียนฮวาเหลือบมองลำแท่งเอ็นร้อนของเขาด้วยท่าทีที่ตื่นตระหนก มันช่างใหญ่ยิ่งนัก!!! ใหญ่เสียจนนางรู้สึกเสียวท้องน้อย
นางยังไม่เคยบอกผู้ใดเลยว่านางมีโรคประจำตัว
โรคแพ้ของใหญ่!!!
ตำหนักเฟิ่งหวง
สวีเหลียนฮวาเดินตามอวิ๋นซีเฉินเข้ามาในตำหนักเฟิ่งหวงด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ ยามนี้นางรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ปากรูสวยยิ่งนัก คงเพราะถูกลำแท่งมังกรสวรรค์ของเขาจ่อทิ่มเข้ามาเป็นแน่
รู้อย่างนี้น่าจะอดทนดันเข้าไปให้มิด!!!
ไม่ได้สิ!!! นางกับเขาไม่ถูกกัน จะทำเช่นนั้นไม่ได้!!!
เพราะความใจลอยทำให้สวีเหลียนฮวาเดินไปชนกับแผ่นหลังของอวิ๋นซีเฉินเข้าอย่างจัง เขาเองก็ตกใจเป็นอย่างมาก ยังรู้สึกขวัญเสียกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้อยู่เลย
"ไม่แหกตาดูหรือไรจึงมาชนข้าเช่นนี้!!!"
"ตาไม่แหกเพคะ แต่อย่างอื่นแหกไปแล้ว อุ๊ย!!!"
"เจ้าหมายความว่าเช่นไร?"
"ไม่มีสิ่งใดเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันก็พูดไปเรื่อยเปื่อย"
"ก็ดี!!! คืนนี้เจ้าจงนอนที่พื้นไปเสีย เตียงนี้เป็นของข้า!!!"
"ไม่เพคะ!!! หากพระองค์อยากจะทรงนอนบนเตียงก็ห้ามใช้ผ้าห่มของหม่อมฉันเพคะ!!!"
"เหลียนฮวา!!!"
สวีเหลียนฮวาไม่สนใจเขาอีก นางดึงผ้าห่มออกมาทันที แต่ทว่านางกลับรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาและมีอาการมึนงงเล็กน้อย คงเพราะฤทธิ์สุราที่นางดื่มเข้าไปสองจอกใหญ่นั่นเป็นแน่
ช่างแรงยิ่งนัก!!!
อวิ๋นซีเฉินที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก สตรีอ่อนแอเช่นนี้มิควรได้เป็นฮองเฮาของเขาเลยแม้แต่น้อย!!!
"หึ!!! อ่อนแอถึงเพียงนี้ยังคิดมาต่อกรกับข้า!!! ข้าใจดีกับเจ้าถึงเพียงนี้ยังมิสำนึก ข้าไม่ถีบตกเตียงก็เป็นวาสนาของเจ้าแล้ว!!!"
สวีเหลียนฮวาเริ่มรู้สึกว่ามือไม้ของนางเริ่มสั่น ร่างกายร้อนผ่าวราวกับถูกไฟเผา มันร้อนรุ่มไปทั้งกายเสียจนใบหน้าสวยมีเหงื่อเม็ดเล็กออกเต็มไปหมด
"ฝ่าบาทเพคะ"
"เรียกทำไม!!!"
"หม่อมฉันร้อนเพคะ!!!"
"ร้อนแล้ว...บัดซบ!!! มาแก้ผ้าให้ข้าดูทำไมกัน!!!'
"หม่อมฉันร้อนเพคะ!!!"
"ใส่เดี๋ยว...หน้าอกใหญ่มาก!!! อุ๊บ!!!'
อวิ๋นซีเฉินรีบยกมือขึ้นปิดปากตนทันที ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น สวีเหลียนฮวาสตรีหน้าด้าน นางแก้ผ้าให้เขาดู!!!
เกิดมาเขายังไม่เคยเห็นเรือนร่างสตรี มีแต่อ่านตำราวังวสันต์ก็เท่านั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นความใหญ่อลังการถึงเพียงนี้!!!
สวีเหลียนฮวารู้สึกราวกับว่านางกำลังจะควบคุมร่างกายของตนเองไม่ได้เสียแล้ว จึงปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจนหมด ก่อนจะหันไปมองอวิ๋นซีเฉินด้วยท่าทียั่วยวน
"ฝ่าบาทเพคะ"
"หากเจ้ายังไม่หยุดเรียกข้าจะตัดลิ้นเจ้าทิ้งเสีย!!!"
"ฝ่าบาท!!!"
"เหลียนฮวา อื้อ!!!"
สวีเหลียนฮวาดึงร่างของอวิ๋นซีเฉินให้หันกลับมาสบตากับนาง ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปหาเขาทันที ริมฝีปากบางสวยได้รูปทาบทับลงไปบนริมฝีปากหนาใหญ่ของเขาอย่างถือวิสาสะ ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของอวิ๋นซีเฉินและเกี่ยวกระหวัดพัวพันกันอย่างถึงใจ
อวิ๋นซีเฉินพยายามผลักไสนางครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทว่าไม่รู้นางไปเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ใดมากมายถึงเพียงนี้ เขาเองก็เหนื่อยล้ามาทั้งวัน แม้จะมีเรี่ยวแรงมาก แต่มาเจอกับนางที่ปลุกปล้ำเขาเช่นนี้ เขาเองก็เริ่มจะไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ อีกทั้งยังมิเคยผ่านมือสตรีมาก่อน เขาเองยอมรับอย่างเต็มหัวใจว่า
ทำไม่เป็น!!!
นี่เขากำลังถูกนางปลุกปล้ำหรือ?
ไม่สิ!!! ราวกับว่าเขาสมยอมนาง
บัดซบ!!! สมองข้าบอกว่าไม่ แต่เหตุใดร่างกายข้าจึงอ่อนปวกเปียกเช่นนี้เล่า
สวีเหลียนฮวาดึงทึ้งเสื้อผ้าของอวิ๋นซีเฉินออกจนหมด ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปจูบไซ้ซอกคอของเขาอย่างหื่นกระหาย นางเคยดูหนังติดเรตมาไม่น้อย จึงจดจำได้ขึ้นใจ
"อื้อออ ปล่อยข้า!!!"
อวิ๋นซีเฉินถูกนางจับตรึงสองแขนแกร่งเอาไว้มิอาจขัดขืนได้ แต่ทว่าเขากลับรู้สึกดีไม่น้อย
สวีเหลียนฮวาแลบลิ้นลากเลียลงมาตามแผ่นอกกว้างและท้องน้อยของเขาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ทุกการกระทำของนางทำให้สติของอวิ๋นซีเฉินกระเจิดกระเจิงไปหมด
สวีเหลียนฮวาจ้องมองลำแท่งเอ็นร้อนขนาดใหญ่ของเขาด้วยแววตาเป็นประกาย ใบหน้าสวยแดงระเรื่อ นางค่อย ๆ ยื่นมือไปกอบกุมลำแท่งสวรรค์ของเขาเอาไว้ แล้วจึงชักรูดมันขึ้นลงอย่างช้า ๆ ก่อนจะเร่งจังหวะให้ถี่เร่ามากยิ่งขึ้น พร้อมกับแลบลิ้นเลียปลายหัวหยักสีชมพูของเขาอย่างหยอกเย้า
เหตุใดจึงรูดฝืดเช่นนี้เล่า นางเคยเห็นในหนังมันขึ้นลงคล่องมาก!
"อ๊าส์!!! เหลียนฮวา ซี้ดดด!!!"
เขามิเคยถูกสตรีใดทำเช่นนี้มาก่อนเลย รสสัมผัสของนางทำให้เขาร่างกายบิดเร่าด้วยความเสียวซ่านเป็นอย่างมาก
"หม่อมฉันขอกินทั้งแท่งเลยนะเพคะ!"
สวีเหลียนฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่กังวานหวานใส ก่อนจะครอบริมฝีปากกลืนกินลำแท่งเอ็นร้อนของเขาจนมิดลำ นางขยับศีรษะขึ้นลงอย่างรวดเร็วและถี่ระรัว อวิ๋นซีเฉินที่ถูกกระทำเช่นนั้นก็ส่งเสียงครวญครางดังลั่นตำหนักอย่างห้ามไม่อยู่ มือหนาใหญ่จับผ้าปูเตียงเอาไว้แน่น สวีเหลียนฮวาเองก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ท่อนเนื้อท่อนเอ็นของเขามันใหญ่คับปากนางเสียจริง อ๊อก อ๊อก "อ๊าส์!!! ข้าจะไม่ไหวแล้ว!!!"สวีเหลียนฮวายิ่งเร่งจังหวะให้ถี่เร่ามากยิ่งขึ้น นางขยับศีรษะขึ้นลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ร่างของอวิ๋นซีเฉินบิดเกร็งสั่นสะท้าน ก่อนจะปล่อยน้ำกามสีขาวขุ่นเข้าไปในโพรงปากสวยของนางจนมันเอ่อล้นทะลักออกมาตามริมฝีปากสวย "รสชาติดียิ่งนักเพคะ!"นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ชื่นชม ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาด้วยความหวานหยาดเยิ้มราวกับคนไร้สติ "ข้าจะกลับตำหนัก!!!'เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไร้เรี่ยวแรง ร่างกายรู้สึกอ่อนล้าไปหมด "ไม่ได้!!! หม่อมฉันยังไม่พอใจเพคะ!!!""อย่า!!! อ๊าส์! ซี้ดดด!!!"สวีเหลียนฮวาจับลำแท่งแก่นกายของเขามาจ่อที่ปากรูสวยของนาง แล้วจึงบดเบียดเข้าไปจนมิดลำ มีเสียงดังกึกคราหนึ่ง นางแทบจะน้ำตาไหลอาบแก้ม เจ็บ!!! นางใ
อวิ๋นซีเฉินรู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมาก ความรู้สึกของเขาในตอนนี้มันมีทั้งความสับสนและกังวลอยู่ในคราเดียวกัน เขามิได้ชื่นชอบสวีเหลียนฮวา แต่ทว่าเขาเองกลับไม่ได้โหยหาที่จะพบเจอกับสวีหลานฮวาเหมือนเช่นแต่ก่อน นี่มันเกิดสิ่งใดขึ้นกับเขากันแน่!!!อวิ๋นซีเฉินครุ่นคิดเท่าใดก็คิดไม่ออก เขาจึงจัดการเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่และไปประชุมเช้าที่ท้องพระโรงทันที เหล่าขุนนางต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยเขาด้วยความร้อนรน แต่ไหนแต่ไรมาฮ่องเต้พระองค์นี้ก็ทรงชอบทำตามใจตนเองอีกทั้งเจ้าอารมณ์มาแต่ไหนแต่ไร "ฝ่าบาทเสด็จ!!!""ถวายพระพรฝ่าบาท!!!"อวิ๋นซีเฉินพยักหน้าเพียงเล็กน้อย ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่บัลลังก์มังกรอย่างสง่างาม เขายื่นมือไปหยิบฎีกาบนโต๊ะมาอ่านอย่างไม่รีบไม่ร้อน ต้าเทียนในยามนี้ ไม่มีฎีการ้องเรียนเหล่าขุนนางจากราษฎรเท่าใดนัก ตั้งแต่เขาขึ้นครองบัลลังก์มังกร ก็ตัดรากถอนโคนเหล่าขุนนางที่คิดคดโกงกินบ้านเมืองออกไปหลายคน ต้าเทียนจึงอยู่อย่างสงบตั้งแต่เขาได้เป็นฮ่องเต้ "ทูลฝ่าบาท เหล่าขุนนางลงความเห็นกันว่า การล่าสัตว์ที่หางโจวในปีนี้ ควรจะเลื่อนออกไปก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?""เหตุใดจึงต้องเลื่อน?""ทูลฝ่าบา
อวิ๋นซีเฉินรู้สึกคับแค้นใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะนางคนเดียวที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนเช่นนี้!!!"ต่ำช้า!!! ข้าเกลียดเจ้านัก ซี้ดดดด!!!"ปากก็ก่นด่านางอย่างไม่หยุดหย่อน มือหยาบกร้านก็สาวชักรูดลำแท่งเอ็นร้อนขึ้นลงอย่างถี่ระรัว เขาส่งเสียงครวญครางด้วยความสุขสม ไม่นานนักน้ำกามสีขาวขุ่นก็ไหลล้นทะลักออกมาจนเลอะเทอะเต็มมือของเขาไปหมด อวิ๋นซีเฉินขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ เหตุใดข้าจึงต้องทำเช่นนี้ด้วย!!! ในเมื่อนางคิดข่มเหงจิตใจข้า ข้าก็จะเอาคืนนางให้สาสม!!!เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะยื่นมือไปที่หน้าต่างและสลัดคราบน้ำรักของเขาทิ้งออกไปเสีย ราชเลขาที่เดินผ่านมาพอดี จึงถูกน้ำกามของอวิ๋นซีเฉินกระเด็นเข้ามาโดนใบหน้าเข้าอย่างจัง"บัดซบ!!! ใครถุยโจ๊กเนื้ออีกแล้ว!!! ข้าจะทูลฟ้องต่อฝ่าบาท!!!"ด้านสวีเหลียนฮวาที่อยู่แต่ในตำหนักก็รู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก นางจึงออกมาเดินเล่นที่ริมสระน้ำเพื่อผ่อนคลายเล็กน้อย วันนี้อากาศค่อนข้างดียิ่งนัก นางจึงเดินเล่นได้อย่างไม่รู้สึกร้อนเท่าใดนัก ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะทอดสายตามองลงไปที่สระน้ำ
สวีเหลียนฮวาหลับตาลงและไม่สนใจอวิ๋นซีเฉินอีก แต่ทว่านางกลับรู้สึกหลับไม่สนิทเอาเสียเลย ใจของนางมันสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก อวิ๋นซีเฉินเองก็ข่มตาหลับไม่ลงเช่นกัน หลายต่อหลายคราที่เขาเหลือบมองนาง แต่ทว่านางกลับนอนหันหลังให้เขาอย่างไม่ใส่ใจ มือหนาใหญ่ค่อย ๆ ยื่นออกไปหวังจะจับร่างบางระหงที่นอนอยู่ข้างกาย แต่ทว่าเขากลับชักมือกลับมาที่เดิมเสียหลายครั้ง ความรู้สึกแปลกประหลาดนี้มันคือสิ่งใดกัน? มันแตกต่างจากความรู้สึกที่เขามีต่อสวีหลานฮวาเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่านางไม่ใส่ใจเขา เขาเองก็คร้านที่จะหาเรื่องทะเลาะกับนางอีก จึงพยายามข่มตาหลับไปเสีย เวลาผ่านล่วงเลยไปหลายวัน จนถึงเวลาที่อวิ๋นซีเฉินต้องออกเดินทางไปล่าสัตว์ที่หางโจว เขาสั่งให้เหล่าทหารองครักษ์เตรียมตัวให้พร้อม อีกทั้งยังสั่งคนให้จัดเตรียมเสบียงอาหารไปให้ครบถ้วนอีกด้วยสวีเหลียนฮวาเปลี่ยนใจที่จะไม่ไปล่าสัตว์ในครั้งนี้ด้วย เพราะนางมิอยากพบเจออวิ๋นซีเฉินให้รำคาญใจ แต่ทว่านางอยากออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้าง จึงยอมติดตามเขาไปด้วย เขาเองก็หาทางบีบบังคับนางให้ตามเขาไปเช่นกัน"ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงรับสั่งว่าให้พระองค์ประทับในรถม้าที่ทาง
สวีเหลียนฮวาลุกขึ้นมานั่งจัดเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนเองให้เข้าที่เข้าทาง ใบหน้างามแดงระเรื่อด้วยความเขินอายอย่างที่สุด อวิ๋นซีเฉินที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าหล่อเหลาฉาบไปด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจที่แสนสุข บัดซบ!!! ข้ายิ้มหรือ ข้าหยุดยิ้มไม่ได้ มันเป็นเพราะเหตุใดกัน!!! "อีกเดี๋ยวคงจะถึงหางโจวแล้ว เจ้าเตรียมตัวไว้ด้วยเล่า""เพคะ"สวีเหลียนฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะนั่งพิงกายกับขอบหน้าต่างและผล็อยหลับไป อวิ๋นซีเฉินหรี่ตามองนางเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านางหลับสนิทดีแล้ว เขาจึงจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ช่วงล่างของตนเองออกเล็กน้อย เผยให้เห็นลำแท่งแก่นกายอวบยาวใหญ่ที่แสนเย้ายวนชวนมอง มือหนาใหญ่สาวชักลำแท่งเอ็นร้อนขึ้นลงอย่างรวดเร็วและถี่เร่า ต้องรีบทำให้เสร็จ ๆ ก่อนที่นางจะตื่นขึ้นมาเห็น!!!ด้านสวีเหลียนฮวานั้น แท้จริงแล้วนางมิได้หลับเลยด้วยซ้ำ ดวงตาคู่สวยแอบลืมตาขึ้นมาดูเขาครู่หนึ่ง อุ๊ย!!! ใหญ่เสียจริง เหตุใดเขาจึงไม่ยัดมันเข้ามาในกายนางกันเล่า หึ!!!เมืองหางโจว ขบวนล่าสัตว์เดินทางมาถึงหางโจวในช่วงบ่ายของวันนั้น อวิ๋นซีเฉินเดินลงจากรถม้าไปก่อน แล้วจึงหันกลับมายื่นมือหยาบกร้าน
อวิ๋นซีเฉินพาสวีเหลียนฮวากลับมาที่กระโจมอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมฉายแววเย็นชาเล็กน้อย เขารับรู้ได้ถึงการหลบซ่อนตัวของใครบางคนที่น้ำตกแห่งนั้น แต่ยังไม่แน่ใจเท่าใดนักว่ามันคือใครกันแน่ "หานเยียน!!!""พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!!!""สั่งการลงไปให้องครักษ์คุ้มกันโดยรอบอย่างแน่นหนา อย่าให้มีจุดบกพร่องแม้แต่น้อย พวกเราเดินทางออกมานอกเขตวังหลวงเช่นนี้ ย่อมมีอันตรายที่มองไม่เห็น ระวังไว้ก่อนย่อมดีกว่า""น้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ"หานเยียนน้อมรับคำสั่งของเขาอย่างจงรักภักดี เขาคือรองแม่ทัพแห่งต้าเทียน อีกทั้งยังเป็นสหายสนิทกันอีกด้วย หานเยียนร่วมรบต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับอวิ๋นซีเฉินมาตั้งแต่เข้าร่วมกองทัพต่อสู้กับกบฏเมื่อหลายปีก่อน อีกทั้งยังใช้ชีวิตอยู่ในค่ายทหารร่วมกันตั้งแต่อายุสิบห้าปีสวีเหลียนฮวาในยามเมื่อสวมเสื้อผ้าอาภรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้วนางก็ขมวดคิ้วมุ่น ตอนที่นางอาบน้ำอยู่ที่น้ำตก นางรู้สึกเหมือนมีคนแอบมองอยู่ ด้วยสัญชาตญาณที่ระแวดระวังของนางจึงทำให้นางหยุดอาบน้ำเสีย ก่อนจะนอนพิงโขดหินเพื่อฟังเสียงต่าง ๆ รอบกาย แต่ทว่าอวิ๋นซีเฉินกลับเข้ามาหานางเสียก่อน อวิ๋นซีเฉินเดินกลับเข้ามาในกระโจมก็เห็นว่านาง
อวิ๋นเสวี่ยเฟยออกคำสั่งออกไปด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม พร้อมกับใช้สายตาระแวดระวังมองไปโดยรอบ เหล่าองครักษ์ต่างรีบรุดหน้าเข้าประจำที่เพื่อคอยคุ้มกันอวิ๋นซีเฉินและสวีเหลียนฮวา ธนูพุ่งตรงมาเพียงดอกเดียว ก่อนจะเงียบหายไปอย่างไร้ร่องรอยอวิ๋นซีเฉินหันไปมองสวีเหลียนฮวาคราหนึ่ง ก็พบว่านางกำลังใช้สายตาสอดส่องมองไปโดยรอบ คิ้วสวยได้รูปขมวดมุ่น นางเอียงศีรษะฟังเสียงรอบด้านอย่างไม่ลดละ ทำให้เขาอดที่จะมองนางใหม่ไม่ได้ เมื่อครู่นางช่วยเขาเช่นนั้นหรือ? สวีเหลียนฮวากระโดดลงจากหลังม้า ก่อนจะยอบกายลงและแนบใบหน้าสวยลงกับพื้นดิน อวิ๋นซีเฉินและอวิ๋นเสวี่ยเฟยที่ได้เห็นเช่นนั้นก็อดที่จะเอ่ยถามนางขึ้นมาไม่ได้ "เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่?""ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันได้ยินเสียงฝีเท้าคนเพคะ ไม่น่าจะอยู่ไกลเท่าใดนัก ฟังจากเสียงฝีเท้าที่ได้ยินในตอนนี้ น่าจะมากันหลายร้อยคนเพคะ""เจ้ารู้ได้เช่นไร เพียงแค่ฟังจากพื้นดินน่ะหรือ?"สวีเหลียนฮวาไม่รู้ว่าจะอธิบายเช่นไรให้เขาเข้าใจดี หากจะบอกเขาว่านางมีประสาทสัมผัสทางหูที่ดีเยี่ยมมาตั้งแต่เกิด เขาจะยอมเชื่อนางหรือไม่?ตั้งแต่อายุห้าขวบพอนางจำความได้ ก็พบว่าตนเองมีประสาทสัมผัสทางหูที
อวิ๋นซีเฉินอุ้มร่างบางระหงของสวีเหลียนฮวาขึ้นมากอดเอาไว้แนบอก ก่อนจะพานางขึ้นมานั่งบนรถม้า และสั่งให้หานเยียนออกเดินทางกลับต้าเทียนอย่างเร่งด่วน อวิ๋นซีเฉินใช้มือสกัดจุดบนกายของนางเพื่อป้องกันมิให้พิษแทรกซึมไปทั่วร่างกายของสวีเหลียนฮวามากไปกว่านี้ ระยะทางจากหางโจวและต้าเทียนหลายร้อยลี้ แต่ทว่าหานเยียนกลับเร่งเดินทางอย่างไม่ยอมหยุดพักเลยแม้แต่น้อย ใช้เวลาร่วมหนึ่งวันเต็ม ๆ อวิ๋นซีเฉินก็พาสวีเหลียนฮวากลับมาถึงต้าเทียน เขารีบสั่งการให้หมอหลวงเข้าเฝ้าอย่างเร่งด่วน"ตามหมอหลวงมาให้หมด!!! ต้องช่วยชีวิตนางให้ได้ หากนางตาย ข้าจะฝังพวกเจ้าให้ตามไปรักษานางในปรโลก!!!"เหล่าหมอหลวงที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกหวาดกลัวเสียจนร่างกายสั่นเทิ้ม ไหนใครว่าฝ่าบาทมิทรงโปรดปรานฮองเฮาพระองค์นี้เท่าใดนักอย่างไรเล่า แต่เท่าที่พวกเขาเห็นในตอนนี้ช่างตรงกันข้ามยิ่งนัก อวิ๋นซีเฉินนั่งเฝ้ามองดูนางอย่างไม่คลาดสายตา ใบหน้าสวยมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาเต็มใบหน้าและร่างกายไปหมด มีบางคราที่นางรู้สึกตัวและกระอักเลือดออกมา ใจของเขาราวกับจะขาดออกเป็นเสี่ยง ๆเขาเพิ่งรู้วันนี้เอง ว่าการที่เห็นนางเจ็บทำให้ใจของเขาเจ็บมากกว
สวีเหลียนฮวากลับมาถึงต้าเทียนได้หลายวันแล้ว ยามนี้ท่านแม่ทัพใหญ่สวีที่รู้สึกผิดต่อบุตรสาวก็พยายามมาขอพบนางที่ตำหนักเฟิ่งหวง แต่สวีเหลียนฮวากลับไม่ยอมให้เขาเข้าพบเลยสักครั้งนางมิใช่สวีเหลียนฮวาคนเก่า และนางรู้ดีว่านี่คือความตั้งใจของสวีเหลียนฮวาที่ตายไปแล้ว บิดาผู้นี้ไม่เคยเห็นนางเป็นบุตรสาว เพราะนางอ่อนแอ และสู้สวีหลานฮวาไม่ได้ อีกทั้งตอนที่นางหนีไปจากต้าเทียน หลิงเจียวได้เล่าให้นางฟังว่า แม่ทัพใหญ่สวีโกรธนางมาก ถึงกับมาทูลต่อไท่ซังหวงว่านางคือความอับอายของตระกูลสวี ไท่ซังหวงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงต่อว่าแม่ทัพใหญ่สวีไปเสียยกใหญ่ อีกทั้งยังบอกอีกด้วยว่า หากไม่เห็นนางเป็นบุตรสาว ก็ไม่เป็นไร พระองค์พึงใจสะใภ้ผู้นี้ ใครก็อย่าได้คิดมาต่อว่านางเป็นอันขาดเช่นนั้นนางเองก็จะไม่ขอพบเจอกับบิดาเช่นนี้อีก แม้จะไม่ได้เกลียด แต่การไม่พบกันย่อมจะเป็นเรื่องที่ดีเสียมากกว่าด้านจิ้งกุ้ยเฟยก็ได้ออกจากวังหลวงไปแต่งกับบัณฑิตตระกูลโจว ชีวิตของนางดูจะมีความสุขเป็นอย่างมาก มีหลายคราที่นางแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนสวีเหลียนฮวาถึงในวังหลวงอยู่หลายครั้ง อีกทั้งยังบอกอีกด้วยว่าสามียอดรักของนางนั้น 'ยาว' ถูกใจนางเพียงใ
ท้ายที่สุดสวีเหลียนฮวาก็ต้องปิดร้านบะหมี่ไปก่อน นางนั่งมองอวิ๋นซีเฉินที่เดินไปเก็บร้าน ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหานาง พร้อมกับจ้องมองนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก สวีเหลียนฮวาที่เห็นเช่นนั้น จึงถลึงตามองเขาทันที "มองข้าทำไม?""เหลียนฮวา เจ้ายอมคืนดีกับข้าเถิดนะ""ไม่!!! เจ้ามันคนนิสัยไม่ดี ชอบข่มเหงจิตใจข้า!""ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว ข้ายอมเจ้าแล้ว เอาเถิด ข้าจะรอจนกว่าเจ้าจะยอมใจอ่อนนะ""ไม่..."ยังไม่ทันที่สวีเหลียนฮวาจะเอ่ยสิ่งใดต่อ ดวงตาคู่สวยของนางก็เหลือบลงไปที่หว่างขาของอวิ๋นซีเฉิน คงเพราะเขาไม่ทันระวังตอนที่กระทืบชายผู้นั้น ทำให้เป้ากางเกงของเขาขาดออกเป็นวงกว้าง เผยให้เห็นลำแท่งเอ็นร้อนขนาดใหญ่ที่โผล่ออกมาท้าทายสายตาของนาง สวีเหลียนฮวาลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ คล้าย ๆ กับว่ามันจะใหญ่ขึ้นใช่หรือไม่? นางไม่ได้กินมันมานานแล้วด้วย?ให้ตายเถอะ!!! นางคิดสิ่งใดอยู่กันแน่!!! "ข้าจะไปอาบน้ำแล้ว"สวีเหลียนฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินหนีเขาไปอาบน้ำทันที ยามค่ำคืนมาเยือน เพราะที่นี่คือแคว้นที่อยู่ในป่า จึงค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงเสียงจากสัตว์ป่าดังแว่วมาในบางคราเท่านั้น เหล่าชาวบ้านต่างเข้านอนกันหมดแ
ผู้นำแคว้นม่อเป่ยรีบวิ่งหนีไปทันทีอย่างไม่รีรอ อวิ๋นซีเฉินจึงหันไปมองเสิ่นเหยาและหานเยียนเล็กน้อย "เรียบร้อยดีหรือไม่?""อาเฉิน ทางนั้นเรียบร้อยดี เจ้าจะกลับต้าเทียนเมื่อใด?""ยังไม่มีกำหนด เจ้ากลับไปกราบทูลเสด็จพ่อเสียก่อน ว่าข้าจะพาเหลียนฮวากลับไปด้วย""นางยังมิยอมกลับหรือ?""ยัง แต่อีกไม่นานหรอก""ตกลง ข้าจะกลับไปรายงานไท่ซังหวงที่ต้าเทียนเสียก่อน แล้วจะกลับมาหาเจ้าอีกครา ส่วนศพของอวิ๋นเสวี่ยเฟยข้าโยนทิ้งเป็นอาหารสัตว์ป่าไปแล้ว""อืม ดีมาก! นำศีรษะมันไปเสียบประจานที่หน้าประตูเมืองต้าเทียนด้วย ส่วนเจ้าเสิ่นเหยา ข้าขอบใจเจ้ามาก""กระหม่อมมิกล้ารับพ่ะย่ะค่ะ เป็นเพราะความเมตตาของฝ่าบาท กระหม่อมจึงสามารถล้างแค้นให้ตระกูลเสิ่นได้"เมื่อเอ่ยวาจากันจนเข้าใจแล้ว เสิ่นเหยาและหานเยียนจึงขอตัวลากลับทันที อวิ๋นซีเฉินมุ่งหน้ากลับมาที่บ้านของสวีเหลียนฮวา ก่อนจะเอ่ยเรียกนาง "เหลียนฮวา""มีอะไร?""ข้านำอาหารมาเผื่อเจ้าด้วย เจ้าออกมากินเสียหน่อยเถิด""ไม่ ข้าจะนอนแล้ว"สวีเหลียนฮวาเอ่ยปฏิเสธเพียงเท่านั้น ก่อนจะดับแสงเทียนในห้องลงทันที อวิ๋นซีเฉินก้มหน้างุดด้วยความเหนื่อยล้า เขาเอนกายพิงที่เสาไม้ตร
สวีเหลียนฮวาที่เห็นว่าหมดหน้าที่ของตนเองแล้ว จึงหันหลังเพื่อจะกลับไปที่แคว้นม่อเป่ยทันที "อาเฉิน""พวกเจ้าจัดการเก็บกวาดแคว้นฉินให้เรียบร้อย สังหารให้หมดสิ้น ส่วนชาวบ้านบริสุทธิ์ก็อย่าเข่นฆ่าให้พวกเขาหวาดกลัว""เจ้าจะไปที่ใด?""อาเยียน ข้าจะไปตามหัวใจของข้ากลับคืน"อวิ๋นซีเฉินเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะมุ่งหน้าติดตามสวีเหลียนฮวาไปทันที สวีเหลียนฮวาที่เห็นว่าเขาติดตามนางมาด้วยก็รีบเร่งฝีเท้าให้เร็วมากกว่าเดิม นางไม่อยากเจอหน้าเขาอีก แต่ทว่าอีกใจหนึ่งนางก็แอบดีใจที่เห็นว่าเขาปลอดภัยดี "เหลียนฮวา""ตามมาทำไมเพคะ?""เหลียนฮวา อยู่ที่นี่ข้ามิใช่ฝ่าบาท แต่ข้าเป็นอาเฉินของเจ้า""ของหม่อมฉันหรือ?""อย่าเอ่ยวาจาห่างเหินกับข้าเช่นนี้เลย""ไม่พอใจก็ไสหัวไปเสีย!!! ข้าขอให้เจ้ามาตามข้าหรืออย่างไรกัน!!!"สวีเหลียนฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะสะบัดหน้าหนีเขาและเดินจากไปทันที อวิ๋นซีเฉินเองก็ไม่ยอมลดละ เขายังคงตามนางจนเข้าสู่แคว้นม่อเป่ย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มองดูแคว้นม่อเป่ยอย่างชัดเจน ที่นี่มีทั้งอากาศที่บริสุทธิ์ และอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติที่จรรโลงใจ เดินตามนางมาได้ครู่หนึ่ง ก่อนจะพบกับบ้
อวิ๋นซีเฉินส่งคนออกไปตามหาสวีเหลียนฮวาอย่างไม่ยอมลดละ แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววของนาง เขานึกโกรธเกลียดตนเองในใจเป็นอย่างยิ่ง ที่คืนนั้นเขาคลาดสายตาจากนางและยังพูดจากระทบกระเทือนจิตใจของนางอีก ยามนี้เขาเข้าใจแล้ว ว่าหากไม่มีนางคอยอยู่ข้างกาย เขาเองก็ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป เรื่องของหัวใจก็ช่างหนักหนาสาหัส เรื่องของฉินอ๋องก็ประเดประดังเข้ามาอย่างรวดเร็ว อวิ๋นเสวี่ยเฟยส่งคนมาสอดแนมที่ต้าเทียน และให้ลอบสังหารเสิ่นเหยาเสีย เสิ่นเหยาคือผู้ที่จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้ เนื่องจากมันล่วงรู้ความเป็นไปของแคว้นฉินเป็นอย่างดี อวิ๋นเสวี่ยเฟยรู้ว่าสวีเหลียนฮวาได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขายกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก เช่นนี้ก็ดีแล้ว เขาจะได้สังหารอวิ๋นซีเฉินให้ตกตายไปเสีย และตามล่าหาตัวนางมาเป็นนางบำเรอของเขา เขาชื่นชอบนางเป็นอย่างมาก นางทั้งงดงามและเก่งกาจกว่าสตรีใดในใต้หล้า หากเขาได้นางมาครอบครอง ย่อมต้องเป็นเรื่องดีแต่ทว่าหน่วยสอดแนมของอวิ๋นเสวี่ยเฟยก็ถูกอวิ๋นซีเฉินจับได้ในเวลาต่อมา และถูกเขาสังหารทิ้งทันที พร้อมกับส่งหัวของหน่วยสอดแนมผู้นั้นกลับไปให้อวิ๋นเสวี่ยเฟยที่แคว้นฉิน อวิ๋นเสวี่ยเฟยโกรธแค้นเป็นอย
ด้านเสิ่นเหยานั้น เขาต่อสู้กับฉินอ๋องอย่างเอาเป็นเอาตาย ด้วยเพราะเขาเก่งทั้งด้านบุ๋นและด้านบู๊ จึงสามารถรอดตายมาได้อย่างเหลือเชื่อ เขาพาร่างที่โชกเลือดโซซัดโซเซมาถึงต้าเทียนอย่างยากลำบาก เดิมทีเหล่าทหารที่เฝ้าเวรยามหน้าประตูไม่ยอมให้เขาเข้าไปในต้าเทียนได้ แต่ทว่าอวิ๋นซีเฉินและหานเยียนกลับมาถึงต้าเทียนพอดี จึงได้พบกับเสิ่นเหยา ก่อนจะพาเขาเข้ามารักษาตัวในวังหลวง สวีหลานฮวาที่ได้รู้ข่าวว่าเสิ่นเหยายังไม่ตาย นางจึงรีบวิ่งเข้ามาหาเขาที่ตำหนักมังกรสวรรค์ทันที ภาพที่นางเห็นคือเสิ่นเหยาบาดเจ็บสาหัส ร่างกายของเขาโชกไปด้วยเชือด สวีหลานฮวาทนไม่ไหวจนต้องปล่อยโฮออกมา "เสิ่นเหยา ท่านห้ามตายนะ ฮึก อย่าตายนะ""หลานฮวา""ข้าตั้งครรภ์ลูกของท่าน ข้าตั้งครรภ์แล้วเสิ่นเหยา"เสิ่นเหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขาพยายามเอื้อมมือไปจับใบหน้าของนางด้วยความยากลำบาก "หลาน ฮวา""ฮือออ ท่านต้องอยู่กับข้านะ!!!"อวิ๋นซีเฉินสั่งให้ตามหมอหลวงมารักษาเขาอย่างเร่งด่วน เสิ่นเหยาเจ็บหนักปางตาย แต่ยังดิ้นรนมาถึงต้าเทียนเพื่อพบกับคนรักของเขา อวิ๋นซีเฉินที่ได้เห็นเช่นนั้นก็อดชื่นชมไม่ได้ "เจ้าก็อยู่เฝ้าสามีเจ้
สวีเหลียนฮวาและสวีหลานฮวาเอ่ยเล่าเรื่องราวของกันและกันจนถึงรุ่งเช้า ทั้งสองพี่น้องต่างยิ้มแย้มแจ่มใส และดีใจที่ได้กลับมาพบกันอีกครา "ข้าขอให้สามีของเจ้าปลอดภัยนะหลานฮวา""เจ้าค่ะ ข้าก็ขอให้เป็นเช่นนั้น หากเขาตายจากข้าไป ชีวิตนี้ของข้าจะไม่ขอมีสามีอีก ข้าจะบวชชีอยู่ที่วัดบนเขาไปชั่วชีวิตเจ้าค่ะ"สองวันต่อมา อวิ๋นซีเฉินกับหานเยียน ออกเดินทางไปที่แคว้นเยี่ยนและแคว้นเย่ว์ในทันที ทางวังหลวงแห่งนี้นั้น เขาสั่งให้สวีเหลียนฮวาคอยรักษาการแทนเขาไปก่อนอวิ๋นซีเฉินควบม้าห้อตะบึงไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดพัก จนกระทั่งไปถึงที่แคว้นเยี่ยนและแคว้นเย่ว์ ซึ่งมีทางเชื่อมต่อกันได้ เย่ว์อ๋องและเยี่ยนอ๋องที่ทราบว่าฝ่าบาททรงเสด็จมา จึงรีบออกมาทำการต้อนรับอย่างเร่งด่วน "ถวายพระพรฝ่าบาท""ไม่ต้องมากพิธี ข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษาพวกท่านเสียหน่อย""ทูลเชิญฝ่าบาทที่ตำหนักเยี่ยนอ๋องของกระหม่อมก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ""อืม"อวิ๋นซีเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปที่ตำหนักของเยี่ยนอ๋องทันที แคว้นเยี่ยนเป็นแคว้นที่อยู่ติดทะเลทราย จึงค่อนข้างแห้งแล้งไปบ้าง ต่างจากแคว้นเย่ว์ ที่อยู่ติดกับภูเขาจึงทำให้อากาศเย็นชื้นตลอด
อวิ๋นซีเฉินเดินเข้ามาในตำหนักเฟิ่งหวง ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น เมื่อพบว่าภายในตำหนักช่างเงียบเชียบ ไร้เสียงหัวเราะกังวานสดใสของสวีเหลียนฮวาเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับนางที่กำลังนั่งอยู่ริมหน้าต่าง โดยมีเปาจื่อกอดเอาไว้แนบอก "เหลียนฮวา"สวีเหลียนฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันไปมองอวิ๋นซีเฉินทันที นางเก็บแววตาที่เศร้าโศกซ่อนเอาไว้ไม่ให้เขามองเห็น ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขาอย่างไม่รีบไม่ร้อน "หลานฮวาเล่าเพคะ?'"ถามทำไมกัน นางก็อยู่ในตำหนักที่ข้าจัดเอาไว้ให้สิ"อวิ๋นซีเฉินเอ่ยตอบด้วยความสงสัย จะทำหน้าเหมือนใกล้ตายเช่นนี้ไปทำไมกัน เขาไม่ได้ฆ่าน้องสาวของนางเสียหน่อย เพียงให้สวีหลานฮวาหลบซ่อนตัวอยู่ในวังหลวงรอจนสถานการณ์คลี่คลายก็เท่านั้น สวีเหลียนฮวาพยักหน้าเล็กน้อย ในใจนึกก่นด่าตนเองที่ไม่สมควรไปถามเขาเลยด้วยซ้ำ สวีหลานฮวาเป็นคนรักของเขา อวิ๋นซีเฉินย่อมไม่มีทางยอมปล่อยนางให้หนีไปอีกเป็นแน่ "ฝ่าบาทเพคะ?""หืม?""หม่อมฉันจะกลับไปอยู่ที่จวนตระกูลสวีเพคะ ฝ่าบาทจะได้ไม่ต้องทรงลำบากพระทัยอีก"อวิ๋นซีเฉินจ้องมองสวีเหลียนฮวาด้วยแววตาที่เย็นชา "นี่เจ้าเป็นอะไรไปอีก? เราเคยพูดคุยกันเรื่องนี้ไปแ
ภายในตำหนักมังกรสวรรค์ อวิ๋นซีเฉินจ้องมองสวีหลานฮวาอย่างไม่ละสายตา ตั้งแต่ได้พบนางอีกครา เขาก็เดินเข้าไปจับแขนของนางและพานางเข้ามาในตำหนักมังกรสวรรค์ โดยสั่งห้ามไม่ให้ผู้อื่นเข้ามา ไม่เว้นแม้แต่สวีเหลียนฮวา สวีหลานฮวาจ้องมองอวิ๋นซีเฉินด้วยแววตาที่ว่างเปล่า นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นใบหน้าของเขาชัดเจนเช่นนี้ แต่อย่างไรเสียคนที่นางรักมีเพียงเสิ่นเหยาผู้เดียวเท่านั้น!"หลานฮวา""เพคะฝ่าบาท""เจ้าหนีข้าไปทำไมกัน?"อวิ๋นซีเฉินจ้องมองนางราวกับจะคาดคั้นเอาคำตอบ สวีหลานฮวาเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาอย่างไม่ลดละเช่นกัน เขารู้สึกว่าการได้เผชิญหน้ากับนางตรง ๆ เช่นนี้ ไม่ได้ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหวและโหยหานางมากเหมือนเช่นที่เขาคิดเอาไว้ เขาเพียงต้องการฟังคำตอบที่ยังคาใจจากนางก็เพียงเท่านั้น "ตอบข้า""หม่อมฉันมิได้รักฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันมีคนรักอยู่แล้ว ขอฝ่าบาททรงอภัยด้วย"อวิ๋นซีเฉินพยักหน้าเล็กน้อย นับว่านางยังกล้าเอ่ยความจริงไม่คิดปิดบังเขา เขาไม่ได้มีความรู้สึกโกรธแค้นนางเช่นในวันวาน กลับเป็นความรู้สึกอื่นที่เข้ามาแทนที่ แม้นางจะมีใบหน้าเดียวกันกับสวีเหลียนฮวา แต่นางมิ