รถม้าจากตระกูลใหญ่ล้วนดึงดูดสายตาให้จับจ้องมา เผื่อบางครั้งจะได้ยลโฉมของผู้สูงศักดิ์ เมื่อล้อเริ่มนิ่งจอดสนิท บ่าวรับใช้ก็ลงมาผู้คนก็เริ่มชะโงกเอียงคอมาดู นิ้วมือเรียวเล็กขาวเนียนหมดจดโผล่พ้นออกมาจากม่าน ยิ่งทำให้เกิดจินตนาการถึงความงามของคนข้างใน ชิงชิงยื่นมือออกไปรับมืออันบ
ช่วงเวลาก่อนเข้าเรียน ย่อมเป็นเวลาเสวนาของเหล่าบัณฑิต องค์หญิงต้าเหยาเอ่ยพูดพร้อมกับแววตาวับวาบ “ซูอินหลังเลิกเรียนข้าได้จองห้องที่หอซูซูไว้ แล้วเจ้าจะตกตะลึงกับภาพแบบชุดอาภรณ์ที่ข้าออกแบบไว้” ซูอินมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเอ็นดู “แม้หม่อมฉันจะยังไม่เห็นกับตา ก็มั่นใจว่าแ
ภายใจหอซูซูแม้จะแขกเข้าออกเป็นจำนวนมาก แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้สูงศักดิ์ จึงไร้เสียงอึกทึกครึกโครม ทว่าก็มีเสียงสตรีผู้หนึ่ง แผดเสียงแหวกขึ้น รบกวนความสงบนั้น “บังอาจนัก เจ้ากล้าขวางทางข้างั้นรึ!” แขกที่อยู่บริเวณชั้นล่างของหอซูซูต่างปรายตามองมาเพียงเล็กน้อยคล้ายกับไม
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่สำนักศึกษาจะเปิดสอนปกติก่อนที่หยุดให้บัณฑิตเตรียมตัวและสอบซิ่วไฉ ทว่าคุณหนูสามเสิ่นจือกลับไม่ไปเรียนบอกว่าตนรู้สึกเวียนหัวรู้สึกไม่ค่อยสบาย เกาฮูหยินย่อมรู้จักบุตรของตนเองเป็นอย่างดีเมื่อเปิดม่านเดินเข้ามาให้นั่งลงขอบเตียงแล้วพูดขึ้น “ลุกขึ้นมาได้แล้ว” เด็กสาวโผล่ห
ซูอินเดินใจลอยออกมาจากสำนักศึกษาเห็นรถม้าคันใหญ่ของตระกูลหลี่จอดอยู่หน้าร้าน พี่ชายนางหลี่ซานในชาติที่แล้วกำลังรอประคองผู้ที่อยู่ในรถม้า นางจึงหยุดฝีเท้าแล้วเดินเข้าไปนั่งรอในร้าน เอียงหูฟังเสียงทุ้มต่ำของพี่ชาย “ท่านแม่ไม่ต้องกังวล เราบริจาคเงินค่าธูปและน้ำมันตะเกียงเป็นจำนวนม
“อยู่ รอประเดี๋ยวข้ากำลังจะไปเปิดประตูเดี๋ยวนี้” “องค์หญิงไยต้องลำบากมาหาหม่อมฉันถึงที่นี่เจ้าค่ะ ให้ใครมาตามก็ได้” องค์หญิงต้าเหยาเดินลงมาจากรถม้าเรียบร้อยก็ปรี่เดินมากุมมือซูอิน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ซูอินท่านพ่อทรงอนุญาตและยังชมเชยข้าด้วย”
ซูอินเมื่อเดินกลับเข้ามาในเรือน ก็แจ้งกับมารดาเรื่ององค์หญิงต้าเหยาต้องการจะหาทำเลเปิดร้านขายผ้าแพรพรรณ โดยมีนางร่วมช่วยดูแลกิจการ สวีซื่อดวงตาเบิกโตเอ่ยถามบุตรสาวทันที “แสดงว่าเจ้าจะไปเป็นเถ้าแก่ให้องค์หญิงหรือ” ซูอินตอบด้วยน้ำเสียงใจเย็นคล้ายเป็นเรื่องไม่สลักสำคัญ
ตอนที่ 15 เอาไปจำนำ ม่านรัตติกาลกำลังคลี่คลุมลงสายลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านเย็นสบายต่างใจจิตใจของเฉิงอ๋องที่กำลังหวาดหวั่นร้อนรน ชายหนุ่มยืนนิ่งตระหง่านไม่ไหวติงอยู่บนหลังคาเรือน สายตาเปล่งประกายอย่างมีความหวังของเขาจับจ้องไปที่หญิงสาวที่อยู่ริมหน้าต่างบานหนึ่ง ยามผ้าม่านขาวบาง
“งดงามยิ่งนัก” จางซูอินพูดขึ้น “ในทุกปี…ฤดูหนาวเราจะมาที่นี่ดีหรือไม่” “ฮืม…” จางซูอินซบลงอกของชายหนุ่มด้วยท่าทางอ่อนคลาย แสดงความรักความสุขล้นออกมา เฉิงอ๋องโอบกอดหญิงสาวด้วยความอ่อนโยนก่อนใบหน้าก้มลงไป จางซูอินปิดเปลือกตาลง เคลิบเคลิ้มไปกับจูบอันอ่อนโยนของชา
เมื่อม่านราตรีโรยตัวลงมา เฉิงอ๋องก็ยังอดใจไม่ไหวไปเยือนห้องพักของจางซูอิน เมื่อบ่าวไพร่ปิดประตูออกจากห้อง เขาจึงปรากฏกาย แม้เฉิงอ๋องจะมาอย่างไร้สุ่มเสียงแต่คล้ายจางซูอินจะรู้ตัวอยู่ก่อนแล้ว นางชำเลืองมองชายหนุ่ม ใบหน้าระบายยิ้มบาง ๆ “ข้าเพียงอยากเจอหน้าเจ้าก่อนนอน” เ
หญิงสาวปรายตามองดูในตะกร้าจึงพูดขึ้น “ข้าซื้อทั้งหมดนี่ ท่านคิดราคามาได้เลย” พ่อค้าเห็นจางซูอินรับทั้งหมดก็ยิ้มหน้าบานดีใจ แต่สักพักใบหน้าชายหนุ่มกลับจืดขึ้นแล้วพูดว่า “คุณหนู ปลาพวกนี้รสชาติทานลำบากอยู่บ้าง ท่านจะลองซื้อไปทำทานดูสักตัวสองตัวก่อนดีหรือไม่” จาง
ผู้ที่ตื่นเต้นในการเดินทางครั้งนี้มากกว่าผู้ใดก็คือ เฉิงอ๋องเทพแห่งสงครามของแคว้นต้าเว่ย หลังจากนี้ทุกวันคืนเขาจะได้อยู่ร่วมกับซูซู เขาสั่งให้จงถังจัดเตรียมทุกอย่างด้วยตนเอง จนเมื่อถึงออกเดินทาง รถม้าหรูหราคันใหญ่มาจอดรอรับจางซูอินหน้าสกุลจางตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่
ตอนที่ 50 โกรธเป็นโง่ โมโหเป็นบ้า หลังราชโองการออกมา ผู้ที่ได้รับคำสั่งก็ต่างเตรียมตัวออกเดินทาง บรรยาศครื้นเครงต่างจากตำหนักบูรพาที่แม้กระทั่งเงาของก้อนเฆมก็ดูอึ้มครึมมากกว่าปกติ พระชายาเสิ่นจือ บีบผ้าในมือปิดจนเป็นเกลียวนางกัดริมฝีปากจนแทบจะเป็นแผล องค์รัชทายาทไม่ได้รับราชโ
หลังจากมื้อเที่ยงต้าเหยาก็เข้าวังทันที เมื่อไปถึงนางก็ไปคารวะพระสนมลู่ผินก่อน “พระมารดา ข้าคิดถึงท่านจังเลย” พระสนมลู่ลูบศรีษะต้าเหยาเบา ๆ พลางเอ่ยถามไถ่ เห็นสีหน้าแววตาของต้าเหยาเปล่งประกายเต็มไปด้วยความสุข ก็วางใจอย่างอบอุ่น หลังจากพูดคุยกัน ต้าเหยาก็บอกเล่าว่านางจะมา
ยามเช้าในต้นฤดูหนาวแสงแดดยังคงเจิดจ้า ฤดูการเปลี่ยนแปลงผู้คนก็ต้องการปรับเปลี่ยนการดำรงชีวิต เสียงพูดคุยหัวเราะดังแว่วมาจากในครัว จางซูอินเอียงหูฟังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกล้างหน้าล้างตา เมื่อคืนเฉิงอ๋องอ้อยอิ่งอยู่ห้องนางไม่ยามจากไปทำให้นางนอนไม่เต็มอิ่มเท่าไรนัก หญิงสาวเลือกช
จางซูอินล้างหน้าเปลี่ยนอาภรณ์เมื่อเดินออกมาจากฉากกั้นก็เห็นร่างสูงโปรงอันคุ้นเคยนั่งอยู่บนโต๊ะน้ำชาด้วยท่าทางสบาย “ท่าน..เหตุใดมาอยู่ที่นี่” เฉิงอ๋องยิ้มให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน เขาลุกขึ้นพลางเอาเสื้อคลุมขนสัตว์ห่อหุ้มกายของหญิงสาวพร้อมอธิบายอย่างใจเย็น “เจ้าเคยขอให้ข้าพาไป
สวี่ซื่อจัดการให้สาวใช้ไปตั้งแผงขายขนมส่วนตนเองก็ยังคงไปทำงานที่ร้านลู่เหยาเช่นเดิม จางซูอินก็ไม่ได้ห้ามปรามหรือให้แม้กระทั่งแสดงความคิดเห็น นางเพียงเฝ้ามองและคอยสนับสนุนเพียงเท่านั้น อากาศเริ่มเย็น หิมะเริ่มโปรยปราย จางเจินก็ถึงคราวยามออกเรือน แม้สกุลจางจะเป็นเพียงชาว