Share

ข้อตกลง

last update Last Updated: 2025-05-16 22:35:08

“ท่านแม่ พอเถอะขอรับ” ไป่จวิ้นบอกมารดาด้วย

สีหน้าเศร้าสร้อยไม่ต่างกับคนเป็นแม่

“...แม่ขอโทษนะจวิ้นเอ๋อร์” ถ้าหากนางไม่รบเร้าให้ลูกรับราชการตั้งแต่ต้น เรื่องคงไม่กลายเป็นแบบนี้

“ไม่ใช่ความผิดท่านแม่เสียหน่อย อย่าโทษตัวเองเลยขอรับ แล้วข้าก็เป็นคนตัดสินใจในท้ายที่สุด ท่านแม่ไม่ได้บังคับข้าเสียหน่อย”

หงเสวียนซู่พูดไม่ออก บุตรชายผู้กตัญญูและซื่อสัตย์ของนางต้องมีสภาพเป็นแบบนี้ เพราะมีหัวหน้าไม่ได้ความ กองทหารที่ไป่จวิ้นสังกัดอยู่นั้นมีทหารบาดเจ็บล้มตายและพิการมากเป็นประวัติการณ์ ทั้งที่ไม่ใช่สงครามใหญ่ระดับแคว้น นายกองคนนั้นถูกลงโทษจากความสะเพร่าของตน แต่แล้วอย่างไร บุตรชายของนางได้อะไรกันล่ะ

ไป่จวิ้นรับราชการต่อไม่ได้ ถึงจะมีเงินชดเชยมอบให้ก้อนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มากมายเพราะเป็นเพียงพลทหาร

หนำซ้ำยังหาคนแต่งงานด้วยไม่ได้เพราะสภาพร่างกายเช่นนี้ ไม่ว่าไปทาบทามสู่ขอลูกสาวบ้านใดล้วนถูกปฏิเสธ

สามีของหงเสวียนซู่จากไปแล้ว หน้าที่นี้จึงเป็นนางรับผิดชอบ หากทำไม่สำเร็จคงไม่มีหน้าไปเจอบรรพบุรุษ นางอับจนหนทางต้องยอมอายใช้เงินแลกเปลี่ยน

จะไม่มีใครต้องการบุตรชายของนางเป็นสามีจริง ๆ หรือ

“เฮ่อ…จวิ้นเอ๋อร์ไปผ่าฟืนต่อเถอะลูก แม่จะไปทำมื้อเที่ยง นี่ก็เลยเวลามาเยอะแล้ว คุยเรื่องนี้กันก่อนกินข้าวรสชาติอาหารคงเฝื่อนแย่”

หงเสวียนซู่ไม่อยากให้ลูกชายเป็นกังวล ถึงเขาจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่คงวิตกและโทษตัวเองไม่ต่างจากนาง เรื่องนี้ให้คนเป็นแม่อับอายคนเดียวก็พอแล้ว

ไป่จวิ้นใช้ไม้เท้าเดินค้ำยันมานั่งผ่าฟืนที่หลังบ้านด้วยสีหน้าสลดหดหู่ เกียรติเพื่อวงศ์ตระกูลอะไรกัน ตอนนี้กระทั่งเกียรติของความเป็นคนก็ไม่มีเหลือด้วยซ้ำ แค่ชะตาพลิกผันเพียงนิดก็ทำให้ชีวิตดำดิ่งได้ขนาดนี้เลยเชียว

อย่าหวังลม ๆ แล้ง ๆ เลย ไม่มีใครต้องการเจ้าเป็นคู่ชีวิตหรอก คนไม่ได้ความเช่นนี้จะไปทำอะไรได้

ไป่จวิ้นเติบโตมาในครอบครัวอบอุ่นที่ดูประหลาดในสายตาคนนอกอยู่เล็กน้อย ที่แคว้นนี้ไม่ว่าครอบครัวไหนก็ถูกสอนว่า ภรรยาต้องเชื่อฟังสามี หรือไม่ก็ภรรยาเป็นสมบัติของสามี แม้จะต่างถิ่นฐานแต่ก็สอนสั่งมาคล้ายกัน

เมื่อออกไปเจอสังคมข้างนอก ตนจึงรู้ว่าครอบครัวไป่แตกต่าง เพราะคนที่เชื่อฟังอีกฝ่ายคือบิดาของเขาต่างหาก

ไป่จวิ้นเห็นท่านพ่อท่านแม่รักใคร่กันดีแม้จะแตกต่าง เขาจึงตระหนักว่าเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกันเลย ตั้งแต่นั้นก็ตั้งใจว่า หากพบคนที่ตนรักและได้ครองคู่กันดังหวัง เขาจะฟังนาง ฟังสิ่งที่นางร้องขอ ฟังความคิดเห็นของนาง และความต้องการของนาง เขาจะรับฟังทั้งหมดแล้วก้าวเดินไปด้วยกัน

น่าเสียดายที่ความใฝ่ฝันนั้นคงไม่มีทางเป็นจริง

หงเสวียนซู่ก้มมองน้ำในหม้อเดือดพล่านอย่างเหม่อลอย ถึงจะตัดสินใจทำลงไปแล้ว แต่ก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่า ทำแบบนี้ดีแล้วแน่หรือ สิ่งที่นางทำส่งผลให้ครอบครัวถูก

ติฉินนินทาตกเป็นขี้ปากชาวบ้านทุกวัน

ถ้าถึงที่สุดแล้วไม่มีใครยอมมา คงต้องจ้างวานให้คนอื่นอุ้มท้องแล้วเอาแต่เด็กมา…

นั่นเป็นทางเลือกสุดท้ายของสุดท้ายที่นางคิดไว้ ภาวนาอย่าให้ตัวเองกับบุตรต้องไปถึงจุดนั้น หากเมื่อทำไปแล้วก็ต้องออกจากเมืองนี้ ที่ดินและบ้านก็ต้องขายทิ้ง เงินที่ลูกชายของนางเก็บหอมรอมริบจนได้มา สุดท้ายก็ต้องตัดใจทิ้งอย่างนั้นหรือ

“...มีใครอยู่ไหม มีใครอยู่หรือไม่เจ้าคะ!”

เสียงตะโกนดังลั่นจากหน้าบ้านทำให้คนกำลังเคี่ยวน้ำแกงสะดุ้งโหยง หงเสวียนซู่ตกใจจนทำกระบวยร่วงจากมือ นางผลักประตูออกอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด ตั้งใจจะตะคอกถามกลับเสียด้วยซ้ำหากไม่ได้เห็นใบหน้านั้นเข้าก่อน

ถ้าไม่ได้เห็นชุดโทรม ๆ เก่า ๆ ที่สวมอยู่คงเข้าใจผิดว่าเป็นคุณหนูบ้านไหนเข้าแล้ว

สำหรับสาวชาวบ้านธรรมดานับว่าดูแลตัวเองได้ดีเกินพอเชียวละ

“มีธุระอะไร”

จางอวี๋จิงคุกเข่าลง “ขออภัยที่มารบกวนกะทันหันเจ้าค่ะฮูหยิน ข้ามาเพราะเรื่องที่ฮูหยินได้ประกาศไว้”

ดวงตาหญิงหม้ายเบิกกว้างขึ้น นี่เป็นความหวังสุดท้ายของนางแล้ว

“เข้ามาก่อนสิ”

“รบกวนด้วยเจ้าค่ะ”

หงเสวียนซู่มองนางหัวจรดเท้าราวกับกำลังประเมินความเหมาะสม จางอวี๋จิงนั่งนิ่งอย่างใจเย็นทั้งที่หัวใจกำลังทำงานอย่างหนัก ทั้งที่ตอนเผชิญหน้ากับหมูป่ายังไม่รู้สึกกดดันเท่านี้ หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบบ้านไม่เห็นบุตรชายเจ้าของบ้านก็แปลกใจ

“ข้าได้ยินว่า ท่านหาคนมาเป็นสะใภ้อยู่เจ้าค่ะ”

จางอวี๋จิงร้อนใจรีบเข้าประเด็นสำคัญ

“อยากได้เงินรึ?” หงเสวียนซู่รู้ว่าตนพูดอะไรไว้

แต่นางก็ต้องการชั่งน้ำหนักความปรารถนาของสตรีที่อยู่ตรงหน้าเช่นกัน

“หากข้าบอกว่าไม่ก็คงดูออกอย่างง่ายดายว่าไม่จริง แต่ว่าความซื่อสัตย์และความภักดีของข้าจะมอบให้บุตรชายท่านเพียงผู้เดียว ไม่ว่าจากนี้เขาจะมีฮูหยินรองหรืออนุก็ตาม ข้าจะคอยปรนนิบัติดูแลจนกว่าจะสิ้นลมเจ้าค่ะ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   งานแต่งงาน

    สามหนังสือหกพิธีการของไป่จวิ้นและจางอวี๋จิง ถูกลดหลั่นขั้นตอนลงไปตามงบประมาณและความสะดวก ดังนั้นอะไรต่อมิอะไรจึงรวดเร็วฉุกละหุกไปหมด นางกับเขาสวมชุดแดนมงคลยืนคู่กัน คำนับสิ่งศักดิ์สิทธิ์และดวงวิญญาณบรรพบุรุษ บุพการีทั้งสองฝ่ายคำนับให้แก่กัน บ่าวสาวคำนับบิดามารดาและคู่สมรสของตน ตามด้วยลงนามในหนังสือฉบับสุดท้าย เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จพิธีอย่างเรียบง่ายถึงไม่ยิ่งใหญ่เหมือนงานของใคร ๆ แต่ไป่จวิ้นก็หวังว่านางจะดีใจกว่าการขนสัมภาระเข้ามาในบ้านเขาเฉย ๆเพราะมีผ้าคลุมหน้าผืนบางปกปิดจึงไม่อาจคาดเดาสีหน้าของนางได้ ชายหนุ่มจึงได้แต่คาดหวังในใจว่า นางจะยินดี หลังพิธีส่งตัวเข้าหอตามฤกษ์ครอบครัวของพวกเขาก็กินเลี้ยงกันอยู่ในสวนด้านหลังโดยทั่วไปบรรยากาศระหว่างบ่าวสาวในเวลาร่วมหอควรจะเปี่ยมล้นไปด้วยความหวานชื่นราวน้ำผึ้งพระจันทร์ แต่จางอวี๋จิงและไป่จวิ้นไม่ได้รักใคร่ชอบพอกันมาก่อน บรรยากาศจึงดูจริงจังเกินเหตุสตรีผู้หนึ่งปรารถนาให้ตนเองตั้งครรภ์ตามหน้าที่ในฐานะภรรยา แล้วมันก็เป็นเงื่อนไขที่ฮูหยินได้ต่อรองกับนางไว้ ทว่าฝ่ายสามีไม่อยากฝืนใจให้นางร่วมหลับนอน ไป่จวิ้นทำตัวไม่ถูก ได้แต่เดินเก้ ๆ กังๆ วน

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   หาฤกษ์งานแต่ง

    เป็นวันสำคัญในชีวิตหญิงสาวที่อาจเกิดขึ้นได้เพียงครั้งเดียว แต่ว่าที่ภรรยาของเขาเลือกที่จะไม่จัดมัน ทำไมกันล่ะ เพราะแต่งโดยที่ไม่ได้รัก หรือนางไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ จะแบบไหนไป่จวิ้นก็รู้สึกไม่ชอบใจทั้งนั้นหลังจากนอนคิดอยู่ทั้งคืนก็ตัดสินใจคุยกับผู้เป็นแม่สกุลจางสูญเสียครอบครัวไปหลายคนจากภัยแล้ง สกุลไป่ไม่มีเครือญาติใกล้เคียงที่สามารถเชิญมาได้ในระยะเวลาอันสั้น ถึงมีก็มีเพียงหยิบมือเท่านั้น เพราะญาติมิตรได้ตัดขาดไปตั้งแต่รุ่นพ่อแล้ว บิดาของไป่จวิ้นก็ออกจากราชการด้วยเหตุผลเดียวกัน พอเขามาพิการไปอีกคนก็ไม่มีคนนับญาติด้วยโดยสมบูรณ์ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกติดใจในเรื่องนี้มากนัก ถึงจะไม่พอใจกับความตื้นเขินของบุคคล แต่ก็ถือว่าได้ตัดผู้ไม่ประสงค์ดีออกจากชีวิตหงเสวียนซู่บอกกับลูกชายว่านี่เป็นความปรารถนาของนางเอง เขายิ่งไม่เข้าใจใหญ่ว่าเหตุใดต้องเป็นเช่นนั้น“เพราะนางรู้สึกว่าบ้านเราไม่มีเงินหรือขอรับ”“จากที่แม่ไปพูดคุยกับบ้านนั้นมา คิดว่าไม่ใช่หรอก”“แล้วทำไม…”“คงหวาดกลัวถึงขั้นฝังใจกระมัง สกุลจางประสบภัยแล้งตั้งแต่เด็กคนนั้นยังเล็กมาก ประคับประคองอยู่ได้ไม่กี่ปีก็ไม่เหลืออะไรพอที่จะฟื้

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   จะจัดงานแต่งที่เรียบง่าย

    “ขาเจ้าเป็นอย่างนั้นจะยกได้อย่างไร แม่ยกเอง!”ไป่จวิ้นนั่งอึ้งอยู่กับพื้น นี่ไม่ใช่ว่าพวกเขาแม่ลูกกำลังตื่นเต้นเกินไปหรอกหรือ…“นางบอกว่ากลับจากหาของป่าจะมา แต่นี่จะเที่ยงวันแล้วยังไม่เห็นแววเลยท่านแม่”หงเสวียนซู่เหลือบมองบุตรชายที่มานั่งอาบแดดรอจนตัวไหม้ ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรกับภาพที่เห็นนี้ดี“ไม่เข้าไปรอในบ้านล่ะ”ไป่จวิ้นเหล่มองมารดาทีตัวเองยังเอาเปลนอนมากางนั่งรอ มีสิทธิ์อะไรมาเหน็บข้าล่ะนั่น ตื่นเต้นละสิ ตื่นเต้นใช่ไหม จะได้ลูกสะใภ้แล้วนี่ไม่รู้ความน้อยเนื้อต่ำใจก่อนหน้านี้ที่ฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวหายไปไหนหมด พอได้ยินว่านางจะมาเขาก็ไม่ได้คิดเรื่องอื่นอีกเลยเป็นเอามากชายหนุ่มอดยิ้มแห้งให้กับสภาพตัวเองไม่ได้หากนางบอกว่าไปหาของป่าก็คงอาศัยอยู่แถวหมู่บ้านนายพรานกระมัง ที่นั่นอยู่ใกล้ป่าที่สุด ขึ้นลงเขาสะดวก แต่ก็เสี่ยงถูกสัตว์ป่าโจมตีง่ายเช่นกัน อีกไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็จะเที่ยงวันแล้วแต่นางยังไม่มา เช่นนี้ไม่ใช่ว่าเกิดอะไรขึ้นหรอกหรือบุรุษอาภัพรักอย่างเขายังไม่ทันแต่งงานก็จะเป็นหม้ายเสียแล้ว แบบนี้ไม่ได้สิ ถ้าสุดท้ายจะลงเอยแบบนี้สู้เขาตายไปในสนามรบเลยคงดีกว่าระหว่างกำลังตัดพ้อต่

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง    การตัดสินใจ 2

    แม้ว่าจะถึงคราวสิ้นอายุขัย ก็ต้องไม่ใช่มาจากการที่พวกเขาไม่มีแม้แต่ความสามารถจะยื้อท่านผู้ชราให้อยู่ได้นานอีกหน่อย ต้องลาจากกันแค่เพียงเพราะไร้ความสามารถช่างน่าอดสูเหลือเกินต่อให้มารดาคัดค้านเรื่องนี้ จางอวี๋จิงก็ไม่คิดเปลี่ยนใจ กระท่อมหลังน้อยที่อาศัยกันอยู่อย่างแออัดเงียบเชียบอย่างที่ไม่เคยเป็น บรรยากาศอึมครึมแผ่ปกคลุมทั่วบริเวณบ้านจนน่าหดหู่เหออิงเห็นบุตรสาวกลับมาแล้วก็รีบเข้าไปถามไถ่ จางอวี๋จิงอธิบายให้ครอบครัวฟังอย่างใจเย็น“ท่านพี่ไม่เห็นต้องทำแบบนั้นเลย” น้องชายของนางไม่พอใจมาก แต่ก็ค้านอะไรไม่ได้ ซึ่งตอกย้ำความไร้สามารถของตนบิดามารดารู้สึกผิดต่อบุตรสาวจนไม่กล้ามองหน้าลูก พวกเขาต้องอับจนหนทางขนาดไหนกันถึงบีบให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต้องสละตนเองถึงขนาดนี้“โธ่ ลูกแม่ เจ้าไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย” เหออิงลูบแก้มบุตรสาวทั้งน้ำตานางเข้าใจว่ามารดาเป็นห่วง อีกทั้งตัดสินใจกะทันหันแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าชื่นชมอะไร แต่ความมุ่งมั่นของนางไม่สั่นคลอนง่าย ๆ หรอก นางจะไม่เปลี่ยนใจหรือขอร้องฮูหยินท่านให้ยกเลิกข้อตกลงด้วย“ท่านพ่อ ท่านแม่ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดใครทั้งนั้นได้โปรดอย่าคิดโทษต

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง    การตัดสินใจ 1

    ความแน่วแน่ของนางส่งผ่านออกมาทางแววตา แต่แค่ลมปากไม่อาจเชื่อได้ ถึงจะมุ่งมั่นตั้งใจอย่างไรก็ไม่มีสิ่งใดยืนยันว่า อนาคตนางจะไม่คิดหักหลังขึ้นมาเห็นหงเสวียนซู่เงียบไปนางก็เริ่มใจเสีย จางอวี๋จิงคิดวิธีอื่นไม่ออกแล้วจึงได้มาที่นี่ ทั้งที่ฮูหยินก็กำลังตกที่นั่งลำบาก แต่ทำไมถึงได้ลังเลนานนัก หรือเงื่อนไขของสะใภ้บ้านนี้ต้องเป็นสตรีที่คู่ควรด้วยเช่นนั้นจางอวี๋จิงก็เข้าใจแล้วใบหน้าหญิงสาวหมองลงทันตา นางลุกจากเก้าอี้ออกมายืนโค้งลา“ข้าคงรบกวนฮูหยินสินะเจ้าคะ ขออภัยด้วย ข้าไม่ทันได้สังเกตเลย”จางอวี๋จิงเดินก้มหน้าก้มตาออกไปอย่างรีบร้อน หงเสวียนซู่ที่กำลังพิจารณาหลาย ๆ อย่างตกใจจนเอ่ยรั้งนางไว้แทบไม่ทัน ไม่คิดว่าอยู่ ๆ จะพรวดพราดออกไปเลยแบบนี้“เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยว! เจ้าจะรีบไปไหนกัน ข้ายังไม่ได้ไล่เจ้าเสียหน่อย”จางอวี๋จิงเอียงศีรษะเล็กน้อยคล้ายไม่เข้าใจ“ไม่ใช่ว่าข้าไม่มีคุณสมบัติหรือเจ้าคะ?”“คุณสมบัติอะไรกัน”“ก็…อย่างเช่นฐานะควรเสมอหรือไม่ห่างชั้นกันมากน่ะเจ้าค่ะ บ้านไหน ๆ ก็เป็นแบบนี้” ประโยคหลังนางเอ่ยเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่หงเสวียนซู่ก็ได้ยินอยู่ดี“...”ต่อให้คนที่นี่นิยมทำแบบนั้นแ

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   ข้อตกลง

    “ท่านแม่ พอเถอะขอรับ” ไป่จวิ้นบอกมารดาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยไม่ต่างกับคนเป็นแม่“...แม่ขอโทษนะจวิ้นเอ๋อร์” ถ้าหากนางไม่รบเร้าให้ลูกรับราชการตั้งแต่ต้น เรื่องคงไม่กลายเป็นแบบนี้“ไม่ใช่ความผิดท่านแม่เสียหน่อย อย่าโทษตัวเองเลยขอรับ แล้วข้าก็เป็นคนตัดสินใจในท้ายที่สุด ท่านแม่ไม่ได้บังคับข้าเสียหน่อย”หงเสวียนซู่พูดไม่ออก บุตรชายผู้กตัญญูและซื่อสัตย์ของนางต้องมีสภาพเป็นแบบนี้ เพราะมีหัวหน้าไม่ได้ความ กองทหารที่ไป่จวิ้นสังกัดอยู่นั้นมีทหารบาดเจ็บล้มตายและพิการมากเป็นประวัติการณ์ ทั้งที่ไม่ใช่สงครามใหญ่ระดับแคว้น นายกองคนนั้นถูกลงโทษจากความสะเพร่าของตน แต่แล้วอย่างไร บุตรชายของนางได้อะไรกันล่ะไป่จวิ้นรับราชการต่อไม่ได้ ถึงจะมีเงินชดเชยมอบให้ก้อนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มากมายเพราะเป็นเพียงพลทหาร หนำซ้ำยังหาคนแต่งงานด้วยไม่ได้เพราะสภาพร่างกายเช่นนี้ ไม่ว่าไปทาบทามสู่ขอลูกสาวบ้านใดล้วนถูกปฏิเสธสามีของหงเสวียนซู่จากไปแล้ว หน้าที่นี้จึงเป็นนางรับผิดชอบ หากทำไม่สำเร็จคงไม่มีหน้าไปเจอบรรพบุรุษ นางอับจนหนทางต้องยอมอายใช้เงินแลกเปลี่ยนจะไม่มีใครต้องการบุตรชายของนางเป็นสามีจริง ๆ หรือ“เฮ่อ…จวิ้นเอ๋อร์ไป

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   ชายพิการคนนั้น

    การสละชีพเพื่อปกป้องดินแดนคือเกียรติยศสำหรับทหารกล้า เพราะเชื่อแบบนั้น ต่อให้ตายจึงคิดว่าไม่เป็นไร การตายของตนจะนำมาซึ่งเกียรติยศและชื่อเสียงให้แก่วงศ์ตระกูลเป็นแน่ แต่หากกลายเป็นคนไม่สมประกอบขึ้นมา เรื่องมันจะต่างออกไป…“นี่ ได้ยินเรื่องลูกชายบ้านนั้นหรือเปล่า” เสียงซุบซิบจากคนที่ผ่านไปมาหน้ารั้วบ้านดังให้ยิน“น่าสมเพชจริง ๆ ว่าไหม สภาพแบบนั้น”“ได้ยินว่ามารดาเขายอมจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้คนที่จะยอมมาเป็นสะใภ้เลยนี่”“ตายจริง นั่นก็น่าสนใจนะ ข้ามีบุตรสาววัยออกเรือนอยู่ตั้งสองคน”“น่าสนใจอะไรกันล่ะ ลูกต้องได้สามีเป็นคนพิการ ไม่อับอายแย่รึ?”“จริงสิ สภาพแบบนั้นจะรับราชการอีกก็ไม่ได้แล้ว พาลูกข้าไปลำบากเปล่า ๆ “น้ำจากถังไม้ถูกสาดมาโครมใหญ่ หญิงสาววัยกลางคนทั้งสองร้องลั่นด้วยความตกใจ หันไปโวยวายใส่คนที่สาดน้ำใส่ตน“นี่เจ้า!”“ส่งเสียงแว้ด ๆ น่ารำคาญอยู่ได้”“เจ้าเด็กไร้มารยาทนี่”“มาส่งเสียงรบกวนหน้าบ้านคนอื่นมีมารยาทมากอย่างนั้นสิ รีบไสหัวไปเลย ไม่อย่างนั้นถังต่อไปจะเป็นมูลวัวในบ้านข้า!”คำขู่นี้ทำให้พวกนางหวีดเสียงโวยวายอันเสียดหู แต่ก็วิ่งหนีไปอย่างที่จางอวี๋จิงต้องการครอบครัวสกุลจางเค

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status