วันต่อมาพวกเขาเดินเท้าไปดูสถานที่ต่าง ๆ ในเมือง พอเดินต่อเนื่องนาน ๆ ภรรยาของไป่จวิ้นก็เริ่มไม่ไหว ถึงจะแวะพักทุกสองเค่อก็ยังไม่ดีขึ้น สุดท้ายจึงให้รถลากพาไปสังเกตการณ์ตามจุดต่าง ๆ แทน
พวกเขาเฝ้าดูเมืองนั้นทั้งกลางวันกลางคืน พูดคุยกับชาวบ้าน ดูวิธีแก้ปัญหาของทางการเวลามีคนก่อความวุ่นวาย สุดท้ายก็เลือกว่าจะอยู่ที่เมืองนี้ นางตัดสินใจแล้วก็ต้องหาที่อยู่อาศัยสองแห่งสำหรับสองครอบครัว รวมถึงที่ดินทำกิน
จางอวี๋จิงอยากอยู่ให้ห่างใจกลางเมืองหน่อยเพื่อความสงบ พวกเขาจึงดูบ้านว่างใกล้ ๆ หลังเมืองแทน
จากตรงนี้ออกไปที่พื้นที่เกษตรด้านนอกใกล้กว่าด้วยที่ดินสินเดิมของจางอวี๋จิงสองที่สามารถซื้อที่ในเมืองนี้ได้แค่แห่งเดียวสำหรับทำการเกษตร แต่ด้วยทรัพยากรที่มีหลังจากนี้นางค่อยถอนทุนคืน และกอบโกยกำไรจากการค้าก็ไม่สาย บวกกับทรัพย์สินของทางฝั่งสามีพวกเขายังซื้อที่ได้อีกหลายแปลง
“มีแต่พวกเราที่มีที่ดินทำเกษตรในชื่อตัวเอง คนส่วนใหญ่ต้องเช่าที่ทำกิน ฐานะของเราที่นี่ก็ไม่แย่นะเจ้าคะ”
“ถือว่าปานกลางละมั้งนะ” เขาก็ไม่มั่นใจเรื่องนี
“พวกนางคุยกันถูกคอ แม่นางหงเหงาปากมาหลายปีไม่มีเพื่อนคุย พอสบายใจจากเรื่องก่อนหน้านี้พวกเขาก็เดินตลาดเที่ยวไม่หยุดเลย สนิทกันกว่าก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ”“ท่านพ่อก็เลยกลายเป็นวิญญาณตามติดท่านแม่และไม่มีใครสนใจสินะเจ้าคะ”จางชิงผิงโดนบุตรสาวโจมตีทางวาจาแทบกระอักเลือด“จิงเอ๋อร์ ปากคอเจ้าเราะรายขึ้นหรือเปล่า”“เปล่านี่เจ้าคะ ข้าปากร้ายมาตั้งนานแล้ว แค่ใช้กับคนอื่นไม่ใช่คนในครอบครัว”ถือว่าข้าโชคดีที่เป็นพ่อเจ้าใช่ไหม แต่เมื่อกี้เจ้าก็เพิ่งจี้ใจดำพ่อตัวเองนะหลังจากซื้อเครื่องเรือนและจัดวางเรียบร้อยก็ได้เวลาเข้าอยู่อย่างเป็นทางการ ท่านแม่พอใจบ้านที่พวกนางดูให้มากไม่มีจุดไหนน่าตำหนิเลย อาจเพราะพึ่งผ่านเรื่องยากลำบากกันมา ตอนนี้อะไรที่ดีกว่าก็ได้ทั้งนั้นทั้งที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขาเป็นพลเมืองชั่วคราวของแคว้นหนาน หลังจากสองสกุลตั้งตัวใหม่ได้ไม่นานก็มีข่าวว่าแคว้นเล่อกับแคว้นฉู่จะทำสงครามกัน ทหารหลายหมื่นนายประชิดกำแพงเมืองของแคว้นเล่อแล้วด้วยซ้ำ ถ้าการ
วันต่อมาพวกเขาเดินเท้าไปดูสถานที่ต่าง ๆ ในเมือง พอเดินต่อเนื่องนาน ๆ ภรรยาของไป่จวิ้นก็เริ่มไม่ไหว ถึงจะแวะพักทุกสองเค่อก็ยังไม่ดีขึ้น สุดท้ายจึงให้รถลากพาไปสังเกตการณ์ตามจุดต่าง ๆ แทนพวกเขาเฝ้าดูเมืองนั้นทั้งกลางวันกลางคืน พูดคุยกับชาวบ้าน ดูวิธีแก้ปัญหาของทางการเวลามีคนก่อความวุ่นวาย สุดท้ายก็เลือกว่าจะอยู่ที่เมืองนี้ นางตัดสินใจแล้วก็ต้องหาที่อยู่อาศัยสองแห่งสำหรับสองครอบครัว รวมถึงที่ดินทำกินจางอวี๋จิงอยากอยู่ให้ห่างใจกลางเมืองหน่อยเพื่อความสงบ พวกเขาจึงดูบ้านว่างใกล้ ๆ หลังเมืองแทน จากตรงนี้ออกไปที่พื้นที่เกษตรด้านนอกใกล้กว่าด้วยที่ดินสินเดิมของจางอวี๋จิงสองที่สามารถซื้อที่ในเมืองนี้ได้แค่แห่งเดียวสำหรับทำการเกษตร แต่ด้วยทรัพยากรที่มีหลังจากนี้นางค่อยถอนทุนคืน และกอบโกยกำไรจากการค้าก็ไม่สาย บวกกับทรัพย์สินของทางฝั่งสามีพวกเขายังซื้อที่ได้อีกหลายแปลง“มีแต่พวกเราที่มีที่ดินทำเกษตรในชื่อตัวเอง คนส่วนใหญ่ต้องเช่าที่ทำกิน ฐานะของเราที่นี่ก็ไม่แย่นะเจ้าคะ”“ถือว่าปานกลางละมั้งนะ” เขาก็ไม่มั่นใจเรื่องนี
จางอวี๋จิงออกมานั่งรับลมจนถึงเช้าทุกครั้งที่ได้นอนค้างแรม ตอนนี้ถึงจะมีคนรู้ว่า พวกเขาย้ายถิ่นก็ไม่เป็นไรแล้ว แคว้นเล่อไม่ส่งคนมาตามหาประชาชนตัวเล็ก ๆ ที่หนีไปคนเดียวหรอกถึงจะเดินทางอย่างเปิดเผยแล้ว แต่จางอวี๋จิงก็ยังรักษาระยะห่างกับคนอื่นอยู่เหมือนเดิม“อีกสองวันน่าจะพ้นเขตป่านี้แล้วเจอถนนสายหลัก ตอนนั้นรถม้าคงไม่โคลงเคลงให้เจ้าเวียนหัวแล้วละนะ” ไป่จวิ้นถือชามอาหารมาให้ภรรยาที่มานั่งปลีกวิเวกอยู่คนเดียว“เรื่องงานไม่ได้อยู่ในหัวข้าแล้วเจ้าค่ะ สภาพข้าตอนนี้ไม่มีเวลาจะไปคิดเรื่องอื่นเลย แค่ทำให้ตัวเองกินข้าวได้บ้างก็เต็มกลืนแล้ว”ไป่จวิ้นขยับเก้าอี้มาชิดใกล้แล้วนั่งอิงแอบกับนาง หวังว่าไออุ่นและความรักจะช่วยปลอบประโลมช่วงเวลายากลำบากนี้ของนางได้ อารมณ์ของหญิงสาวเริ่มแปรปรวน เพราะมีความกดดันร่วมระหว่างเดินทาง กว่านางจะสงบแล้วกลับไปเป็นเหมือนเดิมก็คงหลังจากที่หาที่ลงหลักปักฐานได้อย่างมั่นคงแล้ว“หลังจากไปถึงเมืองแล้วอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”“...เป็ดน้ำแดง”“ได้ ๆ ข
ตราที่มีอายุมากกว่าสิบปีนี้ยิ่งทำให้คนของทางการเชื่อสนิทใจว่าพวกเขาค้าขายมานานแล้วจริง ๆรถม้าสามคันเคลื่อนตัวออกจากเมืองในเวลาเช้าตรู่ กว่าคนจะรู้ว่าสกุลไป่ไม่อยู่ที่นั่นแล้วก็เป็นหลายวันถัดมา ตอนนั้นพวกเขาก็เดินทางมาถึงเมืองชายแดนแล้ว“ออกมาหน่อยไหม” ไป่จวิ้นเลิกผ้าม่านออกให้เห็นคนข้างในรถม้าคันหน้ามีเขากับภรรยาและบิดาของนางโดยสาร ในตัวรถยังวางของใช้และหีบห่อสัมภาระเอาไว้ปะปนกัน ส่วนคนอื่น ๆ นั่งอยู่คันหลังโดยมีม้วนผ้าอำพรางไว้จางอวี๋จิงถือยาดมสมุนไพรไว้ไม่เคยห่างตัว ตั้งแต่ออกเดินทางนางก็วิงเวียนและอาเจียนบ่อยมาก ทรมานกายแต่ก็ต้องฝืนทนเพื่อให้ผ่านพ้นไปนางไม่มีแม้แต่แรงจะตอบรับสามีจึงพยักหน้าเฉย ๆ“ตอนนี้ยังหน้าซีดอยู่เลย ออกมาก่อนเถอะ สูดอากาศบ้างก็น่าจะดีนะ”“คนคุ้มกันล่ะเจ้าคะ?”“พวกเขาไปรายงานที่สำนักคุ้มภัยแล้ว เสร็จงานแล้ว ไม่อยู่แถวนี้หรอก”สำนักคุ้มภัยทำงานตามชื่อ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าและกองคาราวานที่ต้องการคนคุ้มครอง กองคาราวานที่ใหญ่มาก
พวกเขานั่งอิงกันเงียบ ๆ อยู่บนเตียง ต่างคนต่างจมลงไปในห้วงภวังค์ของตนการตัดสินใจนี้กะทันหันมาก และมีเรื่องต้องจัดการเต็มไปหมด เรื่องนี้ทำให้พวกเขาไม่สามารถข่มตาหลับได้จริง ๆ จางอวี๋จิงเอาแผนที่มาวางว่ามีแคว้นไหนที่ค่อนข้างสงบสุขบ้าง ข้อด้อยของที่ไหนกระทบกับนางน้อยที่สุด หญิงสาววิเคราะห์อย่างจริงจังจนผู้เป็นสามียังประหลาดใจ“ข้าจะรักษาสัญญา” ไป่จวิ้นเอ่ยพึมพำออกเสียงโดยไม่รู้ตัว จางอวี๋จิงหันมามองเพราะคิดว่าเขาพูดกับนางหญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่งหลังได้สบตากับสามี ดวงตาคู่นั้นที่จ้องมองมาสะกดให้นางลืมหายใจ ดวงตาเป็นประกายแบบนั้นนางเคยเห็นอยู่ทุกวัน เพราะบิดาของนางใช้มันมองท่านแม่เสมอ“สัญญาอะไรหรือเจ้าคะ”“ข้าจะดูแลเจ้าให้ดี ไม่ให้ต้องลำบากอีก”“อา…สัญญาเมื่อตอนนั้นนี่เอง”ไป่จวิ้นผู้ประคองกายนางเข้าหา มอบอ้อมกอดแนบแน่นกู่ตะโกนบอกแทนคำมั่นสัญญา เขาจะไม่มีทางให้นางพบกับฝันร้ายเป็นครั้งที่สามวันต่อมาจางอวี๋จิงก็เดินทางไปพบพ่อแม่ของนาง ไปเยี่ยมเยียนท่านยายที่ป่วยไข้ตามประสาคนชรานางขอพูดคุยกันอย่างเป็นส่วนตัวในบ้านพวกเขาจึงค่อนข้างเงียบเสียง เรื่องที่บุตรสาวพึ่งบอกมาทำเอาบุพการีทั้งสองใจห
“ทำไมคนเดินทางมาทางนี้เยอะจังล่ะ ช่วงพ่อค้าข้ามแดนหรือขอรับ”“ไม่รู้สินะ อาจใช่ก็ได้”ถึงจะตอบเด็กหนุ่มไปแบบนั้น แต่เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่ ไป่จวิ้นรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น และเขาควรจะทำอะไรต่อ ทว่าเรื่องนี้ด่วนตัดสินใจไม่ได้ เขาต้องปรึกษาครอบครัวก่อน เมื่อได้คำตอบจึงจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด รอช้าไม่ได้ไม่อย่างนั้นอาจไม่ทันการ“ไว้พี่เขยแน่ใจแล้วจะบอกเจ้าแล้วกัน”“เรื่องใหญ่หรือขอรับ”ดูจากสีหน้าเคร่งเครียดของไป่จวิ้น จางฟงคิดไปทางดีไม่ออก เขาที่เป็นคนร่าเริงยิ้มง่ายเวลาอยู่กับพี่สาวตอนนี้ยิ้มไม่ออกแม้แต่นิดเดียวท่าทางจะเป็นเรื่องใหญ่มากจริง ๆเด็กหนุ่มคาดเดาไว้ในใจว่า มันคงไม่ใช่เรื่องที่จัดการได้ง่าย แต่ในภายหลังที่เขาได้รับรู้เรื่องนี้ก็รู้สึกว่าตนคิดน้อยไป เพราะมันใหญ่เกินไปมากจนเขาในวันนั้นไม่มีทางคิดออกแน่ไป่จวิ้นมองไปยังถนนเบื้องล่างที่ผู้คนสัญจรเข้าออก ดูแล้วก็เหมือนเป็นกลุ่มพ่อค้าที่ผ่านทางมาเพื่อจะไปยังเมืองค้าขายอื่น มันเป็นภาพที่ดูปกติ และไม่มีอะไรน่าสนใจหากเขาไม่ได้รับรู้เรื่องอื่นมาก่อนหน้านี้ไม่รู้จะยื้อได้อีกนานเท่าไร ข้าต้องรีบแล้ววันหนึ่งสามีกลับมาบ้านช้ากว่าปกติ ทำใ