Home / รักโบราณ / ชายาอสรพิษ / บุรุษปริศนา 2

Share

บุรุษปริศนา 2

last update Last Updated: 2024-12-25 19:20:46

เช้าตรู่วันถัดมา หลี่หลิงเฟิ่งมาถึงป่าอัศดงก่อนเวลาหนึ่งชั่วยาม ตั้งแต่นางค้นพบสมุนไพรล้ำค่าในป่าลึก กิจวัตรประจำวันของพวกนางจึงได้เพิ่มการหาสมุนไพรในป่าแห่งนี้ไปขาย โดยปกติแล้วนางมักจะพาเสี่ยวเซียงมาด้วย เพื่อฝึกให้สาวใช้ได้ปรับตัวและคุ้นชินกับการเอาชีวิตรอดต่ออันตรายเล็กๆ น้อยๆ

แรกเริ่มเสี่ยวเซียงก็หวาดกลัวจนตัวสั่น แต่ก็ไม่อยากให้เจ้านายเข้ามาตามลำพัง อย่างไรก็ตามความเป็นความตายของนางก็ไม่สำคัญเท่าชีวิตของหลี่หลิงเฟิ่ง จึงได้ทำใจกล้าไปกับหลี่หลิงเฟิ่งทุกครั้ง นานวันเข้าจากคนที่รู้สึกหวาดกลัวกลับกลายเป็นรอคอยที่จะผจญภัยกับบทเรียนใหม่ๆ ทุกวัน การเปลี่ยนแปลงของสาวใช้ตัวน้อยนางนี้ทำเอาหลี่หลิงเฟิ่งพึงพอใจอย่างมาก

เพราะมีเวลาจำกัด ไหนจะเรื่องที่ต้องแอบหลบสายตาสอดส่องจากอาคันตุกะที่ไม่ได้รับเชิญพวกนั้น วันเวลาที่นางสามารถกอบโกยสมุนไพรก็น้อยลงไปทุกที

วันนี้จึงแตกต่างออกไปเล็กน้อย นางละทิ้งการฝึกฝนเสี่ยวเซียง เลือกพาเสี่ยวเฉินติดตามมาแทน นอกจากจะทำให้นางกังวลเรื่องความปลอดภัยน้อยลง ก็ยังสามารถหาสมุนไพรได้มากกว่าทุกวัน ความรู้ตลอดหลายเดือนที่นางพร่ำสอนก็ไม่ได้เสียเปล่าแต่อย่างใด

ตั้งแต่นางตัดสินใจพาทั้งสองเข้ามาในป่าอัศดงอีกครั้ง เรื่องที่นางฝึกพลังยุทธ์จึงไม่จำเป็นต้องปิดความลับอีกต่อไป อีกอย่างนางก็ไม่คิดที่จะปิดบังสองคนนี้อยู่แล้ว

“พวกเราเดินลึกเข้าไปอีกหน่อย” หลี่หลิงเฟิ่งมองไปรอบๆ พลันถอนหายใจ ละแวกนี้พวกนางเข้ามาเก็บหมดแล้ว จะเหลือก็แต่สมุนไพรที่พบเห็นได้ทั่วไป ไม่มีค่าอะไรมากมาย

เส้นทางในช่วงแรกๆ ยังมีเส้นทางให้เดินสายเล็กๆ ที่พวกนางเคยทำไว้ แต่หลังจากนี้นางเจอแต่ต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้า บางครั้งก็มีพุ่มหญ้ารุงรังมีหนามแหลมพันแข้งพันขา ได้แต่อาศัยมีดสั้นช่วยกันถางออก

สิ่งเดียวที่ทำให้นางหงุดหงิดก็คือ ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็ยังไม่มีสมุนไพรล้ำค่าสักต้นโผล่มา อย่างนี้ไม่เท่ากับเหนื่อยเปล่าหรอกหรือ

“พักที่นี่ก่อนครึ่งเค่อก็แล้วกัน” หลี่หลิงเฟิ่งพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ หลังจากออกคำสั่งนางก็ไม่สนใจอีกต่อไป เมื่อมีเสี่ยวเฉินอยู่ด้วยนางก็คลายความระแวดระวังไปมาก ด้วยความที่นางตื่นเช้าเกินไปจึงทำให้รู้สึกอ่อนเพลียอยู่บ้างเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงเอนกายลงพิงต้นไม้ใหญ่และปิดตาลงเพื่อพักผ่อน

“เสี่ยวเซียงกลัวว่าคุณหนูจะหิวระหว่างทาง จึงได้เตรียมหมั่นโถวมาให้ คุณหนูกินรองท้องไปก่อนนะขอรับ” เสี่ยวเฉินเห็นว่าหลี่หลิงเฟิ่งไม่คิดจะเดินต่อ จึงนั่งลงข้างๆ หยิบหมั่นโถวที่อยู่ในตะกร้าลูกหนึ่งส่งไปให้หลี่หลิงเฟิ่ง อีกลูกส่งเข้าปากตัวเอง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหิวหรืออะไรกัน เขารู้สึกว่าอาหารที่เสี่ยวเซียงทำวันนี้ดูเหมือนจะอร่อยเป็นพิเศษ

“เจ้ากินเถอะ ข้ายังไม่หิว ข้าจะพักสายตาสักครู่หนึ่ง” หลี่หลิงเฟิ่งพูดขณะที่ยังหลับตาอยู่ แม้ว่านางจะบอกให้เขากิน แต่เสี่ยวเฉินก็เลือกที่จะเก็บหมั่นโถวไว้ตามเดิม สายตามองไปรอบด้านคอยสอดส่องระวังภัย

แม้ว่าภายนอกหลี่หลิงเฟิ่งจะเหมือนคนที่พักผ่อนจริงๆ ทว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบด้านก็ไม่อาจเล็ดลอดจากการรับรู้ของนางไปได้ ที่นางกล้าเข้าป่าแห่งนี้บ่อยครั้ง สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากพลังจิตของนางที่สามารถรับรู้สิ่งต่างๆ ที่อยู่ใกล้ๆ นางได้ ถึงแม้ว่าจะน้อยนิด แต่หากมีอันตรายใกล้เข้ามา ก็เพียงพอให้พวกนางหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย

มุมปากของหญิงสาวยกยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว นางคิดไม่ผิดจริงๆ ที่วันนั้นตัดสินใจรับเสี่ยวเฉินมา คนผู้นี้มีความกตัญญูรู้คุณ เมื่อคิดว่านางเป็นผู้มีพระคุณ เขาก็จะตอบแทนด้วยความจงรักภักดี เมื่อวางใจลงได้แล้ว นางก็ทุ่มเทสมาธิทั้งหมดทั้งมวลเข้าสู่การสำรวจพื้นที่ห่างไกลออกไป

ในตอนที่นางกำลังหว่านพลังจิตออกไปรอบๆ นั้น จู่ๆ นางก็สัมผัสถึงความเย็นสบายและความหอมละมุนสายหนึ่งลอยเข้าไป กลิ่นหอมจางๆ ไม่ไกลจากที่นางพักอยู่เท่าไหร่

หลี่หลิงเฟิ่งถ่ายทอดพลังจิตออกไปมากกว่าเดิม สุดท้ายก็ส่ายหัว นางยิ้มอย่างละเหี่ยใจ ไกลเกินไป ด้วยพลังของข้าตอนนี้ยังไม่เพียงพอ คงต้องไปดูเองแล้วล่ะ!

หลี่หลิงเฟิ่งเปิดเปลือกตาขึ้นมาช้าๆ มือล้วงหยิบสมุนไพรสองต้นออกมา ต้นหนึ่งยื่นให้เสี่ยวเฉิน อีกต้นส่งเข้าปากแล้วเคี้ยวกลืนลงท้อง

“กินมันซะ เราจะเดินไปข้างหน้าอีกหน่อย ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ไกลจากตรงนี้ อาจจะเป็นสมุนไพรหายากก็ได้ แต่ข้ายังไม่เคยเดินเข้าไปลึกขนาดนี้มาก่อน หญ้าต้นนี้จะช่วยต้านพิษให้เจ้าได้ระดับหนึ่ง”

“ขอรับ” แม้ภายในใจจะยังรู้สึกกลัวเส้นทางต่อจากนี้ แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าคุณหนูจะเอาตัวรอดไปได้ คุณหนูไม่เคยทำในสิ่งที่เกินตัว คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองก่อนเสมอ

“ไปกันเถอะ”

ตูม!

ทันทีที่นางเดินไปได้ไม่กี่ก้าว พลันมีเสียงกึกก้องสนั่นฟ้ามาแต่ไกล พื้นดินสะเทือนเลื่อนลั่น หลี่หลิงเฟิ่งเพ่งมองไปยังลำแสงที่พุ่งวาบอยู่เบื้องหน้าไม่ไกลจากจุดที่พวกนางยืนอยู่

“ยอดฝีมือ ผู้ฝึกยุทธ์ เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นพิภพ!” เสี่ยวเฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังอุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ขาทั้งสองข้างสั่นด้วยความหวาดกลัว

นี่...ยอดฝีมือระดับนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร พวกเขาช่างโชคร้ายเกินไปแล้ว เสี่ยวเฉินอยากร่ำไห้แต่ไร้น้ำตา

“นี่...คุณหนูหนีเร็ว!” ด้วยกลัวว่าหากถูกพบเข้าจะโดนลูกหลงไปด้วย เสี่ยวเฉินร้องออกมาอย่างตื่นตระหนกพลางดึงแขนเสื้อของหลี่หลิงเฟิ่งให้ถอยออกมา

หากแต่หญิงสาวไม่ได้ใส่ใจแม้แต่นิด สายตาของนางยังคงเพ่งมองไปยังการต่อสู้อันดุเดือดเบื้องหน้า ภาพที่นางเห็นเป็นเพียงแสงดาวตกที่กระทบกันเหนือน้ำ แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร น้ำในสระสาดกระจายไปทั่ว อันที่จริงพวกนางไม่ได้อยู่ใกล้มากนัก แต่ด้วยพลังที่ทรงอานุภาพเกินไปทำให้พวกนางเห็นมันจากที่ไกลๆ อย่างชัดเจน

หลี่หลิงเฟิ่งลอบอุทานในใจ เร็วเกินไป นางมองไม่ทันเลยสักนิด

คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน เม้มริมฝีปากแน่นก่อนเอ่ยออกมา “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าคนพวกนั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นพิภพ”

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่ได้ยินมาว่าเวลาผู้ฝึกยุทธ์ขั้นพิภพเวลาต่อสู้กันพื้นดินจะสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น คุณหนูอย่าสนใจเลย พวกเรารีบไปกันเถอะ ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ยิ่งเป็นอันตรายนะขอรับ” น้ำเสียงเสี่ยวเฉินยิ่งพูดยิ่งร้อนรน ร่างกายกระสับกระส่ายไปมาไม่หยุด

“ใครบอกว่าพวกเราต้องสู้กันเล่า พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อมาเก็บสมุนไพร ไม่ได้รนหาที่ตายสักหน่อย” หลี่หลิงเฟิ่งหันหลังเดินไปแอบข้างหลังต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ ต้นหนึ่ง สายตาจับจ้องไปยังการต่อสู้ที่ไม่รู้จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ นางไม่ได้โง่สักหน่อย สู้ได้ก็สู้ สู้ไม่ได้ก็ไม่คิดจะยื่นมือเข้าไปแส่หาเรื่องอยู่แล้ว

“ตั้งแต่เกิดมา ข้ายังไม่เคยเห็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นพิภพปะทะกันเลยนะ เสี่ยวเฉินตั้งใจดูให้ดี ไม่แน่วันหน้าอาจเป็นประโยชน์กับตัวเจ้าเองก็ได้” สายตาเจ้าเล่ห์ของนางกลิ้งกลอกไปมาอย่างซุกซน ในขณะที่บ่าวรับใช้ที่แอบอยู่ด้านข้างได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ

“ขอรับคุณหนู” แต่กระนั้นก็ยังเชื่อฟังหลี่หลิงเฟิ่งอย่างไร้ข้อแม้ สายตาจับจ้องเหตุการณ์ข้างหน้าไม่กะพริบ

“เจ้าว่าฝ่ายไหนจะชนะ” ตอนนี้นางพอแยกออกได้บ้างแล้ว มียอดฝีมือสามคนกำลังปะทะกันอยู่ จากที่นางเพ่งมองเหมือนว่าจะสองรุมหนึ่ง แล้วดูท่าการต่อสู้ครั้งนี้คงจะจบลงเร็วๆ นี้แล้ว

“เดรัจฉาน ข้าจะดูซิว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้อีก” น้ำเสียงอันทรงพลังดังขึ้น เท้าเหยียบลงบนอกของบุรุษชุดดำขลิบทองที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นข้างสระน้ำ

“จะฆ่าก็ฆ่า พูดมากอยู่ได้” บุรุษที่นอนอาการร่อแร่พูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ หลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้วมองดูชายปริศนาอย่างสนใจ เอ้อ เพราะปากอย่างนี้ มิน่าจึงถูกศัตรูไล่ล่าสังหาร

“หึ จะตายแล้วยังปากดี เอาอย่างนี้ดีมั้ย ถ้าเจ้าขอร้อง ข้าจะให้เจ้าตายโดยไม่ต้องทรมาน” ชายที่ชุดดำที่ยืนอยู่ด้านข้างแสยะยิ้มมุมปาก ก้มตัวลงไปบีบคางอีกฝ่ายแน่น ก่อนจะสลัดมือออกอย่างรุนแรง จนทำให้ใบหน้าที่บอบช้ำของบุรุษผู้นั้นหันมาทางพวกนาง สายตาสองคู่เผลอสบประสานกัน

หลี่หลิงเฟิ่งพลันตื่นตกใจ สันหลังเย็นวาบ นี่นางถูกพบเข้าแล้วหรือ ไม่น่าจะใช่ ด้วยระยะที่ไกลกันพอสมควร ไม่มีทางที่ชายผู้นั้นจะเห็นนาง

“ก่อนตาย ข้าเพียงอยากรู้ ใครส่งพวกเจ้ามา” ชายหนุ่มกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง หันหน้ากลับไปมองศัตรูที่อยู่เบื้องหน้า ดวงตาสาดประกายสังหารแวบหนึ่งออกมา ก่อนจะกลบมันลงด้วยความไร้อารมณ์เช่นเดิม

“อยากรู้หรือ ไปถามเอาจากยมโลกก็แล้วกัน” น้ำเสียงเย็นเยียบของชายชุดดำที่เท้ากดหน้าอกอยู่ดังขึ้นอีกครั้ง โซ่ตรวนเส้นหนึ่งที่อยู่ในมือพันรอบคอของเหยื่อ

“เอาเถอะ ถึงพวกเจ้าไม่บอก ข้าก็พอจะรู้ว่าใคร” อยู่ๆ มุมปากของชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายที่กำลังจะตายผู้นั้นก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชุดดำทั้งสองที่เมื่อครู่ยังกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจพลันหน้าเปลี่ยนสี

“แต่ว่า...พวกเจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าฆ่าข้าแล้ว พวกเจ้าจะรอดไปได้” ตาทั้งสองข้างหลับพริ้มเตรียมรับชะตากรรม ช่างแตกต่างจากปากที่เอ่ยออกมาเมื่อครู่ยิ่งนัก

มุมปากของหลี่หลิงเฟิ่งกระตุก ใจสังหรณ์ถึงลางร้ายที่คืบคลานเข้ามาใกล้ มือหนึ่งฉุดกระชากข้อมือเสี่ยวเฉิน หันหลังค่อยๆ ย่องออกไปจากตรงนี้

“เฮอะ เจ้าจะรู้หรือไม่แล้วอย่างไร ไหนๆ ก็จะตายอยู่แล้ว เจ้ายังจะมาเล่นลิ้นอะไรอีก คิดว่าพูดอย่างนี้แล้วพวกข้าจะปล่อยให้เจ้ารอดไปได้งั้นรึ” ชายเจ้าของเสียงอันทรงพลังน่าสยดสยองนั่นดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด โซ่ในมือที่รัดคนบนพื้นอยู่ยิ่งรัดแน่นขึ้น เห็นได้ชัดว่าหมดความอดทนที่จะเสวนาต่อไปแล้ว

แต่ชายที่นอนอยู่เบื้องหน้าหาได้สะทกสะท้านไม่ ซ้ำยังเอ่ยต่อ “พวกเจ้าโง่หรือเป็นยอดฝีมือจอมปลอมกันแน่ ถึงไม่รู้ว่ามีคนอื่นอยู่ในนี้อีก” กล่าวจบชายหนุ่มก็หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างเย้ยหยัน มองขึ้นไปตรงหน้าอย่างดูแคลน

เวรเอ๊ย ไอ้คนน่าตายผู้นี้ จะตายอยู่แล้วยังจะลากพวกนางลงนรกไปด้วยอีก อยากตายก็ไปตายคนเดียวสิ บัดซบ!

“เสี่ยวเฉิน วิ่ง!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชายาอสรพิษ   อันตรายมาเยือน

    หุบเขาหยกขาวมิใช่ชื่อที่คนในแผ่นดินไร้ขอบกล่าวถึงด้วยความยินดี ถึงแม้จะมีคำว่า “หยก” และ “ขาว” อันดูสูงส่งบริสุทธิ์อยู่ในชื่อ แต่มันกลับเป็นสถานที่ที่ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นนภายังไม่กล้าย่างเท้าเข้าไปลึกเกินสามลี้ที่แห่งนั้นคือเส้นแบ่งระหว่าง ความรุ่งโรจน์กับความตาย และในยามฤดูหนาวเช่นนี้ หิมะที่ปกคลุมมันก็ไม่ต่างจากผืนผ้าสะอาดที่กลบศพเน่าเปื่อยไว้ใต้รากไม้หลี่หลิงเฟิ่งเคลื่อนกายอย่างเงียบงัน ลมหายใจเป็นไอขาวราวควันจาง กลีบหิมะโปรยปรายแตะใบหน้าของนางแล้วละลายหายอย่างไม่ทันรู้สึกเย็น แต่ความเย็นกลับฝังลึกอยู่ในอกอย่างไม่ทราบสาเหตุไฉนที่นี่จึงมีหิมะตก น่าแปลกหลี่หลิงเฟิ่งเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางแคบ ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างหน้าผาสูงชันและป่ารกเรื้อ นางอยู่คนเดียว ไร้ผู้ติดตาม ไร้เสียงสนทนา มีเพียงเสียงฝีเท้าของตนที่ก้าวลงบนก้อนกรวด กับเสียงใบไม้เสียดสีกันจากกระแสลมที่ไม่หยุดนิ่ง“เงียบเกินไป…” นางพึมพำกับตัวเองนางชะลอฝีเท้า สายตามองไปรอบกาย แผ่กระจิตออกไปสำรวจ ทว่าไม่สิ่งมีชีวิตสักตัวในระแวกนี้เลยบนข้อมือข้างซ้ายของนาง มีกำไลสีแดงเข้มรูปวงแหวนมันวาวประดับอยู่ นุ่มนิ่มสิ่งมีชีวิตรูปร่

  • ชายาอสรพิษ   ภัยเงียบ

    ท้องฟ้าสีดำสนิทปราศจากแสงจันทร์และดวงดารา สายลมหนาวพัดผ่านไปทั่วอาณาเขต เงามืดเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบบนหลังคาโม่จื่อหลิงยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นสูงสุดของหอสิบทิศ ดวงตาคมกริบทอดมองไปยังเมืองที่แผ่กว้างออกไปสุดสายตา ลางสังหรณ์บางอย่างบีบคั้นหัวใจของเขา คล้ายกับว่ามีพายุที่มองไม่เห็นกำลังพัดโหมเข้ามาและแล้ว...ตูม!เสียงระเบิดดังสนั่นทำลายความเงียบงันของค่ำคืน แสงเพลิงสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ เสียงร้องของผู้คนปะปนกับเสียงอาวุธกระทบกันดังไปทั่วบริเวณ"ในที่สุด พวกมันก็มาจนได้ คนที่ควรมาก็มาแล้ว" โม่จื่อหลิงกระซิบกับตัวเอง ดวงตาของเขาเย็นเยียบไร้ซึ่งความหวาดหวั่นชายในชุดดำจำนวนมากพุ่งทะยานเข้ามาภายในหอสิบทิศ ราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราก พวกมันเคลื่อนไหวอย่างเป็นระเบียบ รวดเร็ว และโหดเหี้ยม"นายท่าน! หอสิบทิศถูกจู่โจม!" หนึ่งในลูกน้องของเขารีบวิ่งเข้ามารายงาน "พวกมันมีกำลังพลมหาศาล และมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงอยู่ด้วย!"โม่จื่อหลิงกวาดตามองไปรอบ ๆ แม้จะยังไม่รู้แน่ชัดว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้เป้าหมายของพวกมัน คือ สังหารเขาเสียงกระบี่ปะทะกันดังกึกก้อง ลูกธนูเพลิงถูกยิงเ

  • ชายาอสรพิษ   เบื้องหลังที่ทับซ้อน

    ในโรงน้ำชาที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เสียงผู้คนกระซิบกระซาบมิขาดสาย ข่าวการแตกหักของตระกูลหนานและตระกูลหลินแพร่กระจายราวเพลิงลามป่า“ได้ยินมาว่า เจ้าสาวหายตัวไปหลังจากถูกพวกโจรลักพาตัว แต่จู่ ๆ นางกลับมาเองอย่างไร้รอยแผล”“แล้วนางก็ปฏิเสธการแต่งงานทันที! ข้ารู้สึกเหมือนเรื่องนี้มีอะไรมากกว่านั้น”“หรือว่านางมิได้ถูกลักพาตัว แต่ไปด้วยความยินยอมเอง”เสียงพูดคุยนั้นกระทบถึงหูโม่จื่อหลิง เขานั่งเงียบอยู่มุมหนึ่ง สวมอาภรณ์ธรรมดาไม่สะดุดตา เขามองภาพของเจ้าสาวตระกูลหลินจากที่ไกลๆ เหมือนกับภาพจากมือสอดแนมของหอสิบทิศไม่ผิดเพี้ยนในภาพนั้น หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่ในสวนของตระกูลหลิน ใบหน้าเรียบสงบ ผมที่เคยสลวยถูกรวบไว้ลวก ๆ ราวผู้ที่เพิ่งผ่านบางสิ่งบางอย่างมา อย่างเช่นเหตุการณ์เฉียดตายภายในเรือนรับรองของตระกูลเป่ย หลี่หลิงเฟิ่งเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ไม้แกะสลัก นางจิบชาหอมกรุ่นอย่างใจเย็น ขณะที่สายตาเหลือบไปทางกลุ่มสาวใช้ที่กำลังสนทนากันอย่างออกรส“ข้าล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเรื่องนี้มันเป็นมาอย่างไรกันแน่” สาวใช้คนหนึ่งกล่าวพลางส่ายหน้า “อยู่ดี ๆ เจ้าสาวของตระกูลหลินก็กลับไปโดยไม่กล่าวอะไรเลย เมื่อตระกูลหนาน

  • ชายาอสรพิษ   ผ้าแพร

    สองวันหลังจากโม่จื่อหลิงจากไป แสงอรุณในจวนตระกูลเป่ยคล้ายหม่นลงกว่าทุกวัน ลมเหนือพัดเอื่อยเฉื่อยประหนึ่งพาเอากลิ่นของบางสิ่งจากอดีตย้อนกลับมาและหลี่หลิงเฟิ่งรับรู้มันตั้งแต่ย่างก้าวแรกที่ตื่นขึ้นณ ห้องคุณชายสาม นางยืนนิ่งอยู่ข้างเตียงไม้แกะสลัก มือหนึ่งแตะที่ชีพจรของเป่ยเฉินหลงที่ยังคงหลับใหล ลมหายใจของเขาราบเรียบขึ้นเล็กน้อย แต่กลิ่นพลังปราณยังขุ่นมัวไม่เสื่อมคลายทว่าสิ่งที่ทำให้นางกังวล ไม่ใช่สภาพของเขา แต่เป็นเงาที่ค่อย ๆ เริ่มเผยตัวนางใช้เวลาทุกวินาทีอย่างแยบคาย เฝ้าสังเกตความผิดปกติของคนในจวน เฝ้าฟังเสียงก้าวเท้าที่ไม่ได้ยินจากทหารยาม และเฝ้ารอสิ่งที่แน่ใจว่ายังไม่สิ้นสุด อย่างการลอบสังหาร“ครั้งก่อนเจ้ามาเพื่อวางยา” นางกระซิบ ขณะบดสมุนไพร “ครั้งนี้ เจ้าจะเอาอะไรมาทิ้งร่องรอยอีกล่ะ”ระหว่างที่ปลายนิ้วนางบรรจงหยดยาแยกพิษใส่ถ้วยสมุนไพร กลิ่นหนึ่งก็ลอยเข้าจมูก กลิ่นหอมจาง ๆ ไม่ใช่จากยา ไม่ใช่จากดอกไม้ในสวน ทว่าเป็นกลิ่นที่คุ้นอย่างน่ากลัวจนรู้สึกขนลุกกลิ่นเช่นนี้ นางเคยได้กลิ่นมันในความฝันในชาติก่อนตอนอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ฝันที่ไม่มีใบหน้ามีเพียงเสียงร้องไห้ของเด็กหญิง กลิ่น

  • ชายาอสรพิษ   เงามืด

    *ขอเปลี่ยนจากตำหนักเทพธิดา เป็นตำหนักธิดาสวรรค์*คำพูดของหลี่หลิงเฟิ่งดุจสายฟ้าฟาดลงบนผิวน้ำอันสงบนิ่ง เงาสะท้อนแห่งศรัทธาที่เหล่าผู้อาวุโสเคยยึดมั่นภักดี เริ่มแตกร้าว เทพธิดาแห่งตำหนักธิดาสวรรค์มิได้ตอบกลับทันที นางยืนนิ่งราวรูปสลักกลางห้อง ศูนย์รวมแห่งความเคารพที่เคยเปล่งประกายความสง่างามไร้ราคี บัดนี้กลับถูกความเงียบห่มคลุมราวหมอกหนาอาภรณ์ขาวสะอาดที่เคยดั่งแสงจันทร์เหนือเมฆ บัดนี้ดูซีดหม่นลงในสายตาของหลายคน ม่านผ้าบางเบาที่บดบังใบหน้างดงามพลิ้วไหวไปตามแรงลมเบา ดวงตาเรียวยาวใต้ผืนผ้าทอแสงแข็งกร้าว เงาที่เคยสงบ บัดนี้กลับเจือความตึงเครียดแนบแน่นฝ่ามือเรียวงามของนางละจากจุดชีพจรของเป่ยเฉินหลง ราวกับตัดขาดพันธะบางอย่างที่มองไม่เห็น“หากพวกท่านเห็นว่า ตำหนักธิดาสวรรค์ไม่ควรข้องเกี่ยว ข้าย่อมถอย” เสียงของนางยังคงอ่อนหวานดั่งระฆังเงิน ทว่าในห้วงลึกของถ้อยคำกลับมีความเยียบเย็นที่ทำให้ผู้ฟังขนลุก “ข้ามิเคยยัดเยียดตนเข้าสู่ที่ที่ผู้คนไม่ต้อนรับ ข้าเพียงทำตามวิถีที่ควรจะเป็น หากพวกท่านมิอาจวางใจ ข้าย่อมไม่อยู่ให้เป็นภาระใจผู้ใด” แม้ถ้อยคำจะฟังดูอ่อนโยนสงบเสงี่ยม ทว่าแรงสะท้อนกลับตึงเครียดเ

  • ชายาอสรพิษ   พบศัตรูบนทางแคบ

    ปัง!เสียงเปิดประตูดังขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมกับเสียงฝีเท้าเร่งรีบที่ก้าวเข้ามาในห้อง"เกิดอะไรขึ้น!?" เสียงอันทรงอำนาจของบุรุษวัยกลางคนดังขึ้นหลี่หลิงเฟิ่งเงยหน้าขึ้นก็พบว่าชายวัยกลางคนที่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหรากำลังมองนางด้วยสายตาคมกริบ ด้านหลังของเขามีชายชราผู้อาวุโสหลายคนยืนเรียงราย สีหน้าทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความสงสัยและวิตกกังวล"ท่านพ่อ!" ผู้อาวุโสเป่ยรีบคารวะชายผู้นั้น "นางผู้นี้เป็นหมอที่สามารถตรวจพบพิษของเฉินหลง และตอนนี้กำลังรักษาเขาอยู่ขอรับ""พิษรึ" ประมุขเป่ยขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ "เจ้ากำลังจะบอกว่าเฉินหลงถูกพิษ ไม่ใช่ต้องคำสาปอย่างที่เราคิดมาโดยตลอดรึ"หลี่หลิงเฟิ่งไม่แปลกใจต่อปฏิกิริยานั้น นางจ้องประมุขเป่ยด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง "ถูกต้อง"บรรยากาศในห้องหนักอึ้งขึ้นมาทันที ผู้อาวุโสหลายคนหันมองหน้ากันอย่างลังเล ทว่าเมื่อเห็นโม่จื่อหลิงในห้องก็ไม่กล้าปริปากเสียมารยาทต่อหลี่หลิงเฟิ่ง"หากเป็นเช่นนั้น หมายความว่าที่ผ่านมามีคนจงใจปกปิดเรื่องนี้" ผู้อาวุโสเป่ยคนหนึ่งกล่าวขึ้นหลี่หลิงเฟิ่งตอบ "ข้าไม่อาจกล่าวเช่นนั้นได้ แต่สิ่งที่ข้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status