Home / รักโบราณ / ชายาอสรพิษ / บุรุษปริศนา 3

Share

บุรุษปริศนา 3

last update Last Updated: 2024-12-25 19:21:16

หลี่หลิงเฟิ่งไม่คิดจะซ่อนตัวอีกต่อไป นางฟาดฝ่ามือลงบนกลางหลังเสี่ยวเฉินด้วยแรงทั้งหมดที่มีเพื่อส่งเสี่ยวเฉินให้ไปไกลมากที่สุด ส่วนนางรุดเข้าไปหาชายชุดดำข้างหน้า ขณะที่นางเอี้ยวตัวหันไปผลักเสี่ยวเฉินนั้นมืออีกข้างที่ว่างอยู่ล้วงเข้าไปหยิบผงสีขาวชนิดหนึ่งในมิติออกมา

“คุณหนู!” เสี่ยวเฉินที่โดนฝ่ามือปะทะจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นกำเนิดใหม่ระดับกลางลอยละลิ่วไปหลายจั้ง ดวงตาฉายแววตื่นตระหนก เมื่อร่วงลงบนพื้นได้ก็ทำท่าจะวิ่งกลับมาหาหลี่หลิงเฟิ่งอีกครั้ง

‘กลับไป! รีบไปตามอู๋เหยียนมาที่นี่ เร็ว! ยิ่งเจ้าอยู่จะยิ่งทำให้ข้าห่วงหน้าพะวงหลัง ไปซะ’ หลี่หลิงเฟิ่งเพ่งกระแสจิตอย่างหนักหน่วงจนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย นางไม่แน่ใจว่าเสี่ยวเฉินจะได้ยินที่นางพูดหรือไม่ นางเคยอ่านเจอในตำราฝึกพลังธาตุ ทว่าก็ยังไม่เคยลองใช้มาก่อน

อย่างไรก็ดี นางไม่สามารถสัมผัสกลิ่นอายเสี่ยวเฉินได้อีก หลี่หลิงเฟิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอก ยังดีที่กระแสจิตของนางใช้ได้ อย่างน้อยเสี่ยวเฉินก็ไม่ได้วิ่งกลับเข้ามาหานาง

หลี่หลิงเฟิ่งสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เรียกความมั่นใจของตนกลับมา มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบ ด้วยพละกำลังของนางในตอนนี้ คิดจะใช้พลังยุทธ์ปะทะคงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะชนะ

“เจ้า มานี่ให้ข้า!” หนึ่งในชายชุดดำเจ้าของเสียงอันทรงพลังตลาดออกมาด้วยความโมโห หลี่หลิงเฟิ่งไม่คิดจะหลบเลี่ยงอยู่แล้ว ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้อย่างเชื่องช้า สีหน้าสงบนิ่ง แต่ภายในใจกำลังครุ่นคิดวิธีร้อยแปดพันอย่างที่จะถ่วงเวลาให้ได้นานที่สุด

เมื่อนางเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็สังเกตเห็นรูปร่างกำยำผิวคล้ำกรำแดด ใบหน้าดุดันเต็มไปด้วยจิตสังหารจ้องเขม็งมาที่นาง ส่วนอีกคนที่อยู่ด้านหลังเป็นบุรุษร่างผอมบางอมโรคคนหนึ่ง แววตาลุ่มลึกยากจะหยั่งถึง

“พี่ชาย ท่านคิดจะฆ่าคนปิดปากอย่างนั้นหรือ” เสียงนุ่มนวลของหญิงสาวดังขึ้นแผ่วเบา ระบายรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก ชวนให้คนที่พบเห็นสบายตาไปด้วย

“สังหารเจ้าหรือ” บุรุษชุดดำรูปร่างกำยำตวาดลั่นพร้อมกับหัวเราะลั่น “ข้าต้องฆ่าเจ้าแน่ เช่นนั้นแล้ว หากเรื่องนี้แพร่ออกไป พวกข้าไม่กลายเป็นคนถูกไล่ล่าเองหรอกหรือ” เขามองหลี่หลิงเฟิ่งราวกับเห็นตัวประหลาดสมองหมู แต่เมื่อเพ่งพินิจมองหญิงสาวก็ได้แต่อ้าปากค้าง

สาวงาม ช่างงดงามเหลือเกิน งามกว่าทุกคนที่เขาเคยเจอมา

เสียงเกรี้ยวกราดที่กำลังเปร่งออกมา พลันเปลี่ยนเป็นนุ่มนวล “แต่ถ้าเจ้าอยากมีชีวิตรอด มาเป็นเมียพวกข้าสักสองสามคืนก่อนเป็นไง ฮ่าๆ ถึงตอนนั้นข้าอาจจะใจดีเลี้ยงเจ้าไว้เป็นนางบำเรอก็ได้ เจ้าว่าอย่างไร” บุรุษต่ำทรามผู้นั้นแสยะรอยยิ้มอันน่ารังเกียจออกมา สายตาหื่นกระหายมองอย่างจาบจ้วงแทะโลมหลี่หลิงเฟิ่งไปทั่วเรือนร่าง

“อย่างนั้นหรือ?” หลี่หลิงเฟิ่งหัวเราะออกมาเบาๆ สายตาที่เคยสงบนิ่งพลันเย็นชาขึ้นมาหลายส่วน นางเหลือบมองที่ข้างขอบสระแวบหนึ่ง ริมฝีปากพลันคลี่ยิ้มกว้างสดใส

“เช่นนั้นเจ้าก็ลองดู” หลี่หลิงเฟิ่งพุ่งกายเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมายืนด้านข้างระหว่างชายชุดดำทั้งสองอย่างรวดเร็ว ประกายสังหารพลันปรากฏขึ้นบนดวงตาของหญิงสาว พร้อมกับสาดผงสีขาวที่มือออกไปข้างหน้า

“อ๊ากกก” เสียงร้องโหยหวนสองเสียงดังลั่น สองมือกุมดวงตาตัวเองอย่างเจ็บปวดทรมาน หลี่หลิงเฟิ่งหัวเราะเย้ยหยันอยู่ในใจ คนพวกนี้เห็นนางเป็นคนปัญญาอ่อนหรือไง มีหรือที่คนปกติจะนอนรอให้คนอื่นมาเชือดได้ง่ายๆ

จากนั้นสายตาหญิงสาวหันไปสนใจบุรุษชุดดำอีกคนที่นอนรอความตายอยู่บนพื้น ความโกรธของนางพุ่งสูงหมื่นจั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้บ้าน่าตายผู้นี้ นางคงไม่ต้องมารนหาที่ตายอย่างนี้แน่

อยากตายนักหรือ เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จัดให้!

อั่ก! เท้าเล็กเหยียบลงบนหน้าอกของชายหนุ่มอย่างแรง ร่างสูงใหญ่กระตุกสองสามทีก่อนจะแน่นิ่งไป

“สมควรตาย!” บุรุษชุดดำร่างผอมบางคำรามออกมาอย่างเคียดแค้น พลังอันมหาศาลสีส้มสายหนึ่งพุ่งตรงมาที่หลี่หลิงเฟิ่งอย่างรวดเร็ว โดยที่นางไม่อาจป้องกันได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ตูม!

เมื่อโดนพลังทรงพลังเช่นนั้น ร่างของนางปลิวกระเด็นตกลงไปในสระน้ำอย่างแรง น้ำในสระสาดกระเซ็นไปรอบทิศ ด้วยอานุภาพที่รุนแรงนี้ ภายในกายของนางบอบช้ำแสนสาหัส หลี่หลิงเฟิ่งกระอักเลือดออกมาไม่หยุด ผิวหนังภายนอกเสียดสีกับผิวน้ำ ส่งผลให้มีบาดแผลราวมีดกรีดหลายร้อยเล่มไปทั่วร่าง บัดนี้น้ำในสระถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน

ทว่าต่อให้นางบาดเจ็บแค่ไหน สติของนางก็ยังแจ่มชัด หลี่หลิงเฟิ่งประคองตัวเองว่ายไปฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว เกาะขอบสระไว้แน่น

“หึ เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าไม่มีปัญญา เป็นอย่างไรพิษหญ้าเผยกู่ ทรมานดีหรือไม่” แววตาคมกริบจ้องมองทั้งสองคนที่ยังคงกุมหน้าของตนอยู่ ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน

หญ้าเผยกู่เป็นหญ้าที่พบเห็นได้ทั่วไป โดยปกติแล้วรากของมันมีสรรพคุณทางยาช่วยให้เลือดลมไหลเวียนคล่อง แต่ถ้านำใบของมันไปตากแห้งแล้วบดเป็นผงจะทำให้เกิดพิษร้ายแรงชนิดหนึ่งขึ้นมาได้ นั่นก็คือ ผงขับสลาย มีฤทธิ์ทำให้ตาบอดชั่วขณะ ราวๆ หนึ่งเค่อ*

“นางสารเลว เอายาถอนพิษมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!” เสียงโวยวายดังขึ้นมาอีกครั้งจากชายร่างกำยำ ชี้มือมาทางหลี่หลิงเฟิ่ง สีหน้าฉายแววโกรธแค้น

“อย่าคิดว่าจะหนีไปไหนรอด รอให้ข้าสับเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้น ดูสิว่าเจ้ายังจะปากดีอยู่อีกหรือไม่! อ๊ากกก” หางคิ้วของหญิงสาวเลิกขึ้นอย่างท้าทาย

คิดจะฆ่านางหรือ ยังเร็วไปอีกสิบปี!

รอยยิ้มร้ายกาจราวปีศาจสาวผุดขึ้นมา “อ้อ รับไปสิ” หลี่หลิงเฟิ่งคว้าต้นหญ้าที่อยู่ข้างริมสระใกล้ๆ นางขึ้นมา โยนไปให้บุรุษจอมโวยวาย โดยไม่ทันได้คิด เมื่อสิ้นเสียงหญิงสาว มือก็ยื่นออกไปข้างหน้ารับหญ้าต้นนั้นมาอย่างไม่รู้ตัว

หลี่หลิงเฟิ่งยิ้มกริ่ม เจ้าโง่ ปัญญาทึบเอ๋ย “โง่เง่า ปัญญาอ่อน”

“นางแพศยา เจ้าเอาอะไรมาให้ข้า!” ชายหนุ่มนิ่งงันไปชั่วขณะ เมื่อได้สติพลันแผดเสียงคำรามลั่น

“อะไรน่ะหรือ” น้ำเสียงเนิบนาบดังขึ้นมาอีกหน สายตาเจ้าเล่ห์จับจ้องไปยังคนทั้งสองที่ตอนนี้ยังลืมตาไม่ขึ้น “เจ้าไปถามเอากับยมบาลสิ”

สิ่งที่นางโยนไปน่ะหรือ ก็แค่หญ้าต้นหนึ่งเท่านั้น เพียงแต่หญ้าต้นนี้เป็นสมุนไพรล้ำค่าหายากที่สิบปีจะมีสักต้น ไม่คิดว่าจะมาเจอที่ป่าแห่งนี้ได้

จากที่นางได้ศึกษาตำรามาระยะหนึ่งแล้ว สมุนไพรหายากทุกชนิดมักจะมีสัตว์อสูรคอยปกป้องอยู่เสมอ บังเอิญว่าสระน้ำแห่งนี้มีหญ้าหลอมวิญญาณอยู่ต้นหนึ่ง

หลี่หลิงเฟิ่งไม่มีทางเลือก เพื่อถ่วงเวลาให้นานที่สุด นางจำเป็นต้องใช้วิธีเสี่ยงตายเช่นนี้

เจ้าไม่ตาย ก็เป็นข้าที่ม้วย เพราะฉะนั้นอย่าโทษที่ข้าใจร้าย

“ปากดีนัก งั้นก็อย่าอยู่เลย!” ว่าแล้วทั้งสองก็ซัดพลังมายังทิศทางของหลี่หลิงเฟิ่ง ทว่า ยังไม่ทันที่พลังจะถึงตัวนาง สายน้ำที่เคยสงบนิ่งพลันเกิดเป็นเกลียวคลื่นมหึมา ลึกลงไปไม่มีที่สิ้นสุด ร่างแบบบางของหญิงสาวถูกเกลียวคลื่นพัดไปตามกระแสหมุนวนไม่รู้เหนือรู้ใต้

บ้าเอ๊ย ข้าคำนวณมาทุกอย่าง แต่กลับไม่ได้คิดว่าสัตว์อสูรจะอยู่ใต้น้ำ อยากร่ำไห้ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว

แต่ถึงกระนั้น นางก็ไม่มีเวลาคร่ำครวญให้กับความโชคร้ายได้นานนัก คลื่นใต้น้ำม้วนตัวนางลงไปลึกลงเรื่อยๆ สายตาของนางมองไม่เห็น รอบด้านมืดมิดไปหมด ร่างกายของนางหมุนวนรอบทิศ หูทั้งสองข้างไม่ได้ยินสิ่งใดนอกจากเสียงน้ำอึงอวลอยู่ข้างหูตลอดเวลา

หลี่หลิงเฟิ่งลอบยินดีอยู่ในใจที่เมื่อเช้าตัดสินใจไม่กินหมั่นโถว ไม่อย่างนั้น นางคงสำรอกออกมาจนหมดสิ้นเป็นแน่

ฟู่ๆๆ

ขณะเดียวกัน สถานการณ์บนบกเลวร้ายกว่าที่หลี่หลิงเฟิ่งประสบพบเจอยิ่งนัก บุคคลทั้งสามอยู่รอบสระน้ำปลิวกันไปคนละทิศคนละทาง จากลมที่พ่นออกมาจากปากสัตว์อสูร สภาพดีหน่อยเห็นจะเป็นบุรุษชุดดำปลายชุดขลิบทองผู้เคยนอนอยู่ริมสระที่สลบไปนานแล้วเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวหรืออาจเป็นเพราะเสียเลือดมากก็เป็นได้ ถูกพัดปลิวไปหลายจั้ง แต่โชคดีที่ร่างกายไม่ได้กระแทกกับสิ่งกีดขวางใดๆ ต่างจากอีกสองคนที่ร่างกายกระแทกโดนลำต้นไม้ใหญ่จนกระอักเลือดออกมาหลายคำ

สัตว์อสูรที่หลับไหลใต้ผืนน้ำค่อยๆ เลื้อยขึ้นมาจากน้ำ ลำตัวยาวหลายสิบฉื่อ สีดำมะเมื่อมมันวาว อวบอ้วนจนเสียคนสองคนโอบรอบตัวมันก็ยังไม่มิด เกล็ดของมันส่องประกายระยิบระยับรับกับแสงแดด พุ่งตรงไปยังชายสองคนใต้ต้นไม้ที่กำลังยันตัวลุกขึ้นยืนอยู่ตอนนี้ ลิ้นสีแดงสดสามแฉกแลบออกมาพร้อมกับพ่นหมอกควันสีเขียวไปข้างหน้า

ฟู่

หย่อมหญ้าที่หมอกควันสีเขียวไหลผ่านนั้น เดิมจากที่เคยเขียวชอุ่ม ล้วนแห้งเหี่ยวลงทันที จากนั้นค่อยๆ แห้งเหือดสลายกลายเป็นเถ้าถ่านลอยคละคลุ้งอยู่กลางอากาศ

เห็นได้ชัดว่าหมอกควันที่มันพ่นออกมานี้มีพิษร้ายแรง

ชายร่างผอมสัมผัสถึงกลิ่นแปลกประหลาดที่ลอยเข้ามา สีหน้าพลันมืดครึ้มลง มือข้างหนึ่งรีบอุดจมูกตัวเองไว้ ขบกรามแน่นอย่างโกรธจัด ส่งเสียงลอดไรฟันออกมาแผ่วเบา” รีบอุดจมูกเร็วเข้า มีพิษ!”

น่าตายนัก! นางบ้านั่นไปปลุกสัตว์ประหลาดตัวไหนเข้า อย่าให้ข้าหนีรอดไปได้ ข้าจะให้มันต้องตายอย่างทรมานเป็นร้อยเท่าพันเท่า

พลังยุทธ์สีส้มสลับเขียวหลายสายพุ่งไปทั่วบริเวณ แต่ไม่สามารถทำอันตรายงูยักษ์ได้ เนื่องจากดวงตาที่ยังมองไม่เห็น พลังที่ปล่อยออกไปจึงสะเปะสะปะไร้ทิศทาง ทว่าพิษของเจ้างูยักษ์ก็ทำอะไรมนุษย์สองคนนี้ไม่ได้เหมือนกัน งูยักษ์แลบลิ้นออกมาด้วยความโกรธ ไม่นานสองมนุษย์หนึ่งงูก็ปะทะกันอีนุงตุงนังไปหมด

ภายใต้สระน้ำ ร่างหนึ่งค่อยๆ จมลงไปยังก้นสระ หญิงสาวไม่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ภายนอกเลยแม้แต่น้อย กระแสน้ำกลับมาสงบนิ่งเหมือนอย่างเคย หลี่หลิงเฟิ่งหลับตาพริ้มทิ้งตัวดิ่งลงไปตามแรงโน้มถ่วง ปล่อยกระแสจิตออกไปสำรวจรอบๆ บริเวณ

ยังดีที่ชาติก่อนนางเคยฝึกดำน้ำ ทดสอบกลั้นหายใจได้ราวๆ ครึ่งเค่อ หลี่หลิงเฟิ่งไม่รู้ว่าสัตว์อสูรตัวนั้นจะสามารถกำจัดศัตรูพวกนั้นได้หรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไร เวลาเท่านี้ก็เพียงพอให้คนของนางตามมาช่วยทันแล้ว ถึงนางจะไม่รู้ถึงระดับพลังยุทธ์ของอู๋เหยียน แต่หากจะเลวร้ายแค่ไหนก็ต้องสูงกว่านางแน่นอน

ขณะที่คิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ นานา หลี่หลิงเฟิ่งสัมผัสถึงความเย็นสบายที่ได้รับก่อนหน้านี้ ยิ่งร่างนางดิ่งลึกลงไปเท่าไหร่ ความเย็นยิ่งแผ่ซ่านออกมาเรื่อยๆ

มันอยู่ข้างใต้นี่

หญิงสาวลืมตาขึ้นมาฉับพลัน แววตาสั่นระริกเจือความตื่นเต้น เร่งดำน้ำลงไปยังก้นสระ น้ำในสระแห่งนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก ยิ่งอยู่ลึกยิ่งให้ความรู้สึกเบาสบาย คิ้วของนางขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว นอกจากนั้นยังช่วยให้บาดแผลภายนอกของนางสมานตัวเร็วขึ้น

หรือน้ำในสระนี้จะมีคุณสมบัติคล้ายๆ กับน้ำทิพย์ในมิติของนาง

เมื่อหลี่หลิงเฟิ่งมาถึงก้นสระ แสงสะท้อนแวววาวหลากสีคือสิ่งแรกที่กระทบเข้ากับนัยน์ตาของนาง หลี่หลิงเฟิ่งสายตาพร่ามัวไปชั่วขณะ นางหรี่ตาลงน้อยๆ เพ่งพินิจถึงที่มาของแสงเจ้าปัญหา ทันใดนั้นสีหน้างดงามพลันฉายแววฉงน

ก้อนหิน?

ไม่สิ มันเหมือนอัญมณีที่ถูกขัดเกลาจนโปร่งใสแล้วต่างหาก ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนนางคงรวยเละไปแล้วล่ะ

นางกวาดตามองไปรอบๆ พลันพบว่านอกจากอัญมณีเหล่านี้แล้วยังมีพวกเหรียญเงิน เหรียญทอง ข้าวของเครื่องใช้ล้ำค่ามากมายก่ายกองเต็มก้นสระ

โอ้! นี่นางเจอขุมทรัพย์อีกแล้วหรือนี่

หญิงสาวแทบหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือด อย่างน้อยในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีซ่อนอยู่

*หนึ่งเค่อ = 15 นาที

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชายาอสรพิษ   วิชามารสังเวยชีวิต

    หลี่หลิงเฟิ่งวาดแผนที่ จนกระทั่งร่างชายผอมเดินโซเซออกจากห้องเวรด้วยกลิ่นเหล้าติดตัว หลี่หลิงเฟิ่งย่อกายต่ำ ติดตามชายผอมไป ทิศทางของเขาไม่ใช่ที่พัก ชายผอมเดินลึกเข้าไปในค่าย ทางเดินที่ควรเป็นเขตร้างยามกลับสว่างจ้าจากแสงไฟ เมื่อเดินผ่านอาคารสามหลัง ทั่วบริเวณเริ่มไร้เสียงผู้คน มีเพียงลมเย็นพัดผนังดังฟืด ฟืด จนรู้สึกคล้ายเสียงครางแผ่วที่มองไม่เห็น ในที่สุด ชายผอมก็หยุดหน้าประตูไม้หลังหนึ่ง อาคารนี้ภายนอกเหมือนศาลาฝึกยุทธ์ธรรมดา แต่ผนังสั่นตลอดเวลาเขาผลักประตูก้าวเข้าไป หลี่หลิงเฟิ่งอาศัยจังหวะนั้นลอบเล็ดลอดเข้าตามอย่างแนบเนียนสิ่งที่เห็นทำให้นางชะงักไปครู่หนึ่ง ภายในอาคารกว้างนี้มีผู้ฝึกกว่าห้าสิบคน นั่งเรียงเป็นแถวตั้งแต่ใกล้ประตูเรื่อยไปถึงแท่นหินใหญ่กลางห้องครืด ครืด ทุกคนนั่งหลับตา เร่งพลังจนเสียงดังออกมาจากกระดูก และสิ่งที่น่าตกใจคือ... ดวงตาสองข้างล้วนแดงฉาน!หลี่หลิงเฟิ่งเคยเห็นผู้ฝึกยุทธ์กำลังบ่มเพาะมามาก แต่ไม่เคยเห็นเช่นนี้มาก่อนเลยพลังที่พวกเขาดูดซับเข้าร่างไม่ใช่จากไอปรานตามธรรมชาติ แต

  • ชายาอสรพิษ   ท่าใหญ่ที่แปลกไป

    เสียงกรนเบาของพวกโจรในห้องเวรยังดังลอยมาเรื่อย ๆ หลี่หลิงเฟิ่งยังเคลื่อนตัวบนคานไม้หลีกเลี่ยงอย่างแนบเนียนที่สุด ก่อนจะหยุดห้องหนึ่งเริ่มวาดแผนที่ สักพักมีสองคนเข้ามานั่งดื่มเหล้าสนทนา นางวาดไปพลางแอบฟังไปพลาง“เจ้าว่าหัวหน้าสามคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่” เสียงชายผอมเอ่ยขึ้นหลังดื่มไปอีกอึก ความอยากรู้เริ่มสุมจนทนไม่ไหวหน้าบากหัวเราะหึในลำคอ “เจ้าเพิ่งมาใหม่ อยากรู้นักก็ฟังไว้ แต่เก็บลิ้นเจ้าให้ดี ไม่งั้นมีหวังโดนโบยจนหลังเปิด”ชายผอมรีบพยักหน้า “รับรองได้ ข้าไม่พูดให้ใครฟังหรอก”หน้าบากว่าต่อเสียงต่ำ “ในค่ายเราน่ะ มีหัวหน้าใหญ่สามคน”หลี่หลิงเฟิ่งขยับตัว ข้อมูลตรงกับสิ่งที่นางเดาไว้ไม่มีผิด“หัวหน้าใหญ่คนแรก คนเจอเขาน้อยจนนับนิ้วได้ กระทั่งข้าที่อยู่มานานยังไม่เคยเห็น ตอนนี้ลือว่ากำลังทำภารกิจอยู่ข้างนอก แต่อันที่จริงอยู่หรือไม่อยู่ในค่ายก็ไม่รู้ อีกอย่างคำสั่งหลักๆ ล้วนมาจากเขาทั้งนั้น”ชายผอมกลืนน้ำลาย “แล้วหัวหน้าคนที่สองกับคนที่สามล่ะ”หน้าบากส่ายหน้าเบา ๆ “พี่รองนิสัยร้อน อารมณ์ขึ้นง่าย ชอบแก้ปัญหาโผงผาง ช่วงก่อนยังเห็นอยู่ แต่พักหลังไม่รู้หายหัวไปไหน แต่น่าจะยังอยู่ในค่าย”หน้าบาก

  • ชายาอสรพิษ   สำรวจค่าย

    หลี่หลิงเฟิ่งหยุดยืนบนคานไม้สูง ด้านล่างเป็นลานกว้างมีเวรยามเดินตรวจเป็นช่วง ๆ“เราจะหนีตอนที่พวกมันยังไม่ทันรู้ตัวดีหรือไม่นะ” หลี่หลิงเฟิ่งคิดแวบหนึ่ง ก่อนส่ายหน้านางอุตส่าห์ลอบเข้ามาได้โดยไม่ถูกจับได้ นับว่าเป็นความโชคดีระดับสวรรค์เปิดทาง หากพลาดโอกาส ครั้งหน้าอยากจะกลับมาตรวจสอบอีก ก็เป็นไปไม่ได้แล้วหลี่หลิงเฟิ่งแตะปลายผ้าคลุมล่องหน ของวิเศษถ้าใช้อย่างถูกจังหวะ ประโยชน์ย่อมมหาศาล แต่ถ้าใช้ผิดเวลา คงกลายเป็นหลุมฝังศพตัวเองภายในชั่วเสี้ยวเดียวยามด้านล่างเหล่านั้น พลังมิได้แข็งแกร่งมาก ตราบใดที่นางซ่อนตัวแนบเนียน พวกนั้นไม่มีผู้ใดจับสัมผัสนางได้แน่มากสุด ก็เพียงผู้ฝึกขั้นสูงบางคนเท่านั้น แต่เท่าที่เห็นจากการสังเกตมาตลอดคืน ตอนนี้ยังไม่มีตัวตนอันตรายระดับนั้นผ่านเข้ามาในเขตหน้าเลยปลอดภัยพอสมควร แต่ไม่อาจประมาทหลี่หลิงเฟิ่งมองลานกว้างที่เรียงรายไปด้วยกระท่อมและอาคารหลายสิบหลัง เหยื่อหลายร้อยคนถูกขังไว้ภายในเหมือนฝูงปศุสัตว์รอวันเชือดผู้ฝึกยุทธ์ที่หายตัวไปในดินแดนช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ต้นตออยู่ที่น

  • ชายาอสรพิษ   ตีเนียนเข้าซ่องโจร

    เกร้ง เกร้งเขย่าไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม รถม้าก็หยุด เสียงลากโซ่ดัง แล้วประตูเหล็กก็ถูกเปิดออกหลี่หลิงเฟิ่งยังคงทำทีสลบ ปล่อยให้มือสากของสองคนลากนางลงจากรถม้าเหมือนหีบศพหลี่หลิงเฟิ่งยันกายลุกขึ้นเมื่อเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไปเรื่อย ๆนางหายใจแผ่วเบา ก่อนจะเหลือบไปรอบด้าน แล้วหรี่ลงในห้องนี้ ไม่ได้มีแค่นางใต้แสงตะเกียงน้ำมันที่สว่างบ้างดับบ้าง คนยี่สิบกว่าร่างนั่งพิงกำแพงกระจัดกระจาย หลายคนมีโซ่ตรวนรัดข้อมือ ส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะสลบไสล ที่สำคัญ ทั้งหมดไม่มีพลังยุทธ์เหลืออยู่แม้แต่น้อย“ยาสะกดพลัง” หลี่หลิงเฟิ่งพึมพำ ลอบถอนหายใจเย็นเหยื่อพวกนี้ไม่ได้มีเฉพาะในห้อง แต่จากที่ผ่านมา น่าจะมีห้องติดกับนางมากกว่ายี่สิบห้อง รวมกันแล้วเหยื่อเป็นร้อยแน่หลี่หลิงเฟิ่งกำหมัดแน่น ซ่องโจรนี่ ชั่วช้านักในจังหวะที่นางกำลังจะสำรวจต่อ สายตาสะดุดเข้ากับเงาร่างหนึ่งตรงมุมอับของห้อง ร่างผอมบาง ผมยุ่งเหยิง ร่างกายสั่นเป็นระยะ จมูกมีคราบยาขาวแห้งเกาะอยู่ ดวงตาเลื่อนลอยเหมือนจำใครไม่ได้ทั้งสิ้นหลี่เจี้ยน ขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรยาที่ถูกป้อนให้เขา ต้องไม่ธรรมดา ไม่เพียงสะกดพลังยุทธ์ แต่ยังทำให้สติพร่าเบลอ จิต

  • ชายาอสรพิษ   ลักพาตัว

    รอยแยกมิติปิดลงอย่างสมบูรณ์ แต่ความคลุ้มคลั่งของเขตระดับห้ายังสะท้อนก้องในหูหลี่หลิงเฟิ่งอยู่ นางมองไปรอบข้าง พบว่ากลับมายังที่เดิมใกล้รังมังกรดิน แต่อากาศเบื้องหน้าโปร่งใส สดชื่นกว่ามากนางยืนปรับลมหายใจครู่หนึ่ง ก่อนกลิ่นอันคุ้นเคยพุ่งเข้าหานางราวลูกศร“ “พี่สะใภ้!”เสียงมาก่อนตัว ร้อนรนจนคนทั้งคณะสะดุ้งถอยมองแทบพร้อมกัน โม่เจี้ยนหมิงพุ่งเข้ามา เสื้อตัวคลุมพลิ้วไหวตามแรงลม ดวงตาที่ปกติเรียบเฉยกลับสั่นไหวไปด้วยความหวาดกลัวในวินาทีแรก และโล่งอกในวินาทีถัดมาเขาหยุดตรงหน้านาง พรูลมหายใจหนัก สายตาคมกวาดสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างไม่ละวาง“ไม่มีเลือด ไม่มีบาดแผล ไร้รอยขีดข่วน ดียิ่งนัก” พี่สะใภ้ยังอยู่ครบสามสิบสอง เขาก็ไม่ต้องกลัวถูกพี่รองถลกหนังภายภาคหน้าแล้ว“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” เหวินเจิ้งที่อยู่ด้านหลังกล่าวเสียงโล่งอกไม่ต่างกันหลี่หลิงเฟิ่งย่นคิ้วเล็กน้อย ก่อนสายตาจะเลื่อนไปพบใบหน้าเล็กของเด็กสาวคนหนึ่ง เป่ยฮวาซิน นางแทบกลั้นหายใจเมื่อเห็นโฉมหน้านางดวงตาเด็กสาวสว่า

  • ชายาอสรพิษ   กลับคืนถิ่น

    อสูรฝูงแรกถูกกำจัดในไม่ช้า เหลือเพียงลมหอบสะท้านของคนทั้งสองคณะ แต่แรงสั่นของพื้นยังดำเนินต่อ แถมหนักกว่าเดิมหลายเท่า ชัดเจนเหลือเกินว่าอีกฝูงกำลังพุ่งทะลุเข้ามาเป็นคลื่นที่สองใครบางคนกลืนน้ำลาย แล้วเอ่ยเสียงสั่น“มาอีกฝูงรึ”หลี่หลิงเฟิ่งหลุบตาลง เกรงว่าไม่ใช่แค่ฝูงเดียวนางเหลือบตามองเด็กหนุ่มคนนั้นอีกครั้ง คราวนี้เขาหลบตาแทบไม่ทัน ความคิดหนึ่งแล่นในหัวหลี่หลิงเฟิ่งเจ้าหนู ดึงสัตว์อสูรมาซ้ำอีก คิดจะสังหารทุกคนที่นี่ทั้งหมดริมฝีปากนางยกยิ้มเหี้ยม จนคนมองหนาวถึงไขสันหลัง“ศิษย์พี่ ท่านว่าสัตว์อสูรพวกนี้แปลก ๆ หรือไม่” นางกระซิบ มีเพียงเยี่ยเหล่าโถวที่ยืนใกล้ที่สุดได้ยินเยี่ยเหล่าโถวเหลือบตามามอง กึ่งสงสัยกึ่งไม่แปลกใจเพราะเขารู้ดี ศิษย์น้องเล็กผู้นี้ ไม่เคยกลัวปัญหา ทว่า ชอบหาเรื่องใส่ตัว ทุกที่ที่ไป“ไม่นี่ เจ้าพบสิ่งใดหรือ”ไม่ทันได้ตอบกลับ พื้นดินสั่นหนักขึ้นเรื่อย ๆ เงาอสูรตัวใหม่แลบออกจากหมอกมืดด้านหน้า เหมือนกำลังจะกลืนทั้งคณะลงในคราวเดียวส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status